Skip to main content

ก้องกังวานสะท้านฟ้ามหาสมุทร ด้วยคลั่งแค้นแสนสุดประกาศกล้า เป็นแสนเสียงล้านเสียงมหาประชา สยบขวัญสั่นอุราเผด็จการ...

Kasian Tejapira

(5/10/2012)

กลอนเก่าเขียนหลังเหตุการณ์ ๖ ตุลาฯ ก่อนเข้าป่าเมื่อ ๓๖ ปีก่อน

%%%%%%%%%%%%%%

“ความคับแค้นครั้งนี้ จงแปรเปลี่ยนเป็นพลัง ให้กล้าแกร่งดุจดังพายุโหม เราจะลุกขึ้นสู้ เราจะยอมสู้ตาย แม้ชีวาจะวายเราก็จะพลี”

 

ก้องกังวานสะท้านฟ้ามหาสมุทร  ด้วยคลั่งแค้นแสนสุดประกาศกล้า

เป็นแสนเสียงล้านเสียงมหาประชา  สยบขวัญสั่นอุราเผด็จการ

 

กลียุคมารร้ายเรืองอำนาจ  ขายชาติปล้นประชามหาศาล

สมคบให้ฝรั่งรุกราน  ตั้งฐานทัพชั่วทั่วแผ่นดิน

 

ปิดปากปิดตาปิดหู  สิทธิ์เสรีมีอยู่สูญสิ้น

สุมหัวกอบโกยโกงกิน  มารทมิฬถือปืนครองเมือง

 

เมื่อประชาร้องขออย่างสงบ  มันหลีกหลบแกล้งฟังไม่รู้เรื่อง

ร้อยวจีที่พร่ำกล่าวก็เปล่าเปลือง  มันวางเขื่องหยามหน้าประชาชน

 

กระบอกเสียงมารร้ายรุมป้ายสี  บิดเบือนข่าวคดีปี้ป่น

สมุนมารกุมกำอาวุธกล  ทุบตีทำร้ายจนถึงฆ่าฟัน

 

พวกหมาหมู่รุมซ้อมร่างเหลวแหลก  อุ้มแบกขึ้นแขวนคอจนอาสัญ

ฉุดกระชากลากไปราดน้ำมัน  เผากันทั้งเป็นเช่นผักปลา

 

มหกรรมอำมหิตมหาโหด  ระยำโฉดชั่วชัดเช่นสัตว์ป่า

กระหายเลือดเชือดเนื้อเถือประชา  พวกผีห่าอำพรางในร่างคน

 

เลือดชโลมปฐพีเป็นสีเลือด  แดงเดือดเลือดแดงทุกแห่งหน

ผู้มอบชีพประชาพลีวีรชน  เกลื่อนกล่นทอดร่างอยู่กลางดิน.....

 

เช็ดน้ำตาเช็ดเลือดให้เหือดแห้ง  บทเรียนราคาแพงเพิ่งจบสิ้น

แลกมาด้วยเลือดน้ำตาและชีวิน  สลักจินต์ประจักษ์ใจไม่ลืมเลือน

 

สู้สันติตามกฎหมายต้องตายเปล่า  ไม่อาจเอาเหตุผลกับคนเถื่อน

เมื่อมันฆ่าประชาได้ไม่แชเชือน  ก็ป่วยการเอ่ยเอื้อนเจรจา

 

หยุดมือที่เคยเพียรขีดเขียนลาก  หุบปากสงบคำเคยพร่ำว่า

สองมือเดิมสำหรับจับปากกา  แต่นี้ไปไว้คว้ากระชับปืน

 

ตาต่อตาฟันต่อฟันไม่หวั่นจิต  แลกกันคนละชีวิตอย่างหน้าชื่น

ตามแนวทางปฏิวัติจะหยัดยืน  ล้างชั่วโฉดโหดหืนให้เหี้ยนเตียน

 

เปรี้ยงประกาศสัจจะด้วยกระสุน  ปวงประชาจะเนื่องหนุนรบศึกเสี้ยน

เป็นแสนล้านทุกหมู่เหล่าเข้าพากเพียร  พลิกเปลี่ยนโลกหล้าขึ้นท้าทาย

 

มิ่งมหาประชายุทธรุดเร่งรบ  ต้องประสบประชาชัยสมใจหมาย

เมืองไทยต้องเป็นของไทยในบั้นปลาย  ประชาไทยทั้งหลายมีเสรี

 

ขอวิญญาณวีรชนเพื่อนคนกล้า  จงเป็นสุขเริงร่าอย่างเต็มที่

รอวันประกาศผงาดชัยไม่ช้าที  รอวันเชือดมารกาลีเซ่นสังเวย. 

บล็อกของ เกษียร เตชะพีระ

เกษียร เตชะพีระ
จาก "บทอาเศียรวาทของมติชน" ถึง "กาแฟลวกมือของ "ทราย เจริญปุระ" สู้ "การิทัตผจญภัย" นิยายปรัชญาการเมืองที่ตอนหนึ่งกล่าวถึงลักษณะของชุมชนนครหนึ่ง ที่ "เจตนาของผู้พูดผู้แต่งไม่สำคัญ ยึดเอาการตีความของผู้อ่านผู้ฟังเป็นสรณะ แล้วตัดสินวินิจฉัยตามนั้นเลย"
เกษียร เตชะพีระ
คำอธิบายของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคกรณีดำเนินการกับพนักงานที่โพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย: ประเด็นไม่ใช่สีไหน แต่คือกระทำอะไร (Professionalism, not ideology, is the issue.) และตรรกะเบื้องหลังวิธีคิดและการกระทำสุดโต่งทางการเมือง
เกษียร เตชะพีระ
ข้ออ้างคำโตแค่ว่าตลาดข้าวหรือตลาดสินค้า/บริการด้านใดด้านหนึ่งเป็นระเบียบศักดิ์สิทธิ์ ห้ามรัฐยุ่งเกี่ยวแตะต้องสภาพดังที่เป็นอยู่ อันเป็นข้อถกเถียงแบบฉบับของเศรษฐศาสตร์เสรีนิยมกระแสหลักที่ระแวงการเมือง เกลียดรัฐแทรกแซง แบบตายตัวบ้องตื้นนั้น ฟังไม่ขึ้น มิพักต้องยกมากรอกหูอีกต่อไป
เกษียร เตชะพีระ
ไม่มีประชาธิปไตยแน่ ๆ คือสภาตรายางและการเลือกตั้งที่มีเก๊ทั้งนั้น หลังฉากจัดตั้งของพรรคคุมเข้มตลอด, ประชาชนลำบากเดือดร้อนก็หาทางประท้วงต่อต้านนโยบายรัฐลำบาก การรอนสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของประชาชนหนักข้อมาก และไม่มีหลักนิติรัฐครับ ยืนยันได้ว่าไม่มี เพราะพรรคอยู่เหนือศาลและอยู่เหนือความพร้อมรับผิดทางการเมืองและกฎหมาย
เกษียร เตชะพีระ
ความสัมพันธ์อันมั่นคงยืนนานตั้งอยู่บนความรักโดยสมัครใจ ซึ่งกว่าจะได้มาก็ใช้เวลายาวนานในการปลูกสร้างสั่งสมจนเชื่อมั่นไว้วางใจกัน เพราะได้ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเกื้อกูลอุปถัมภ์กันในยามยากและยามคับขัน ให้อภัยกันในยามหลุดปากพลั้งมือผิดพลาดต่อกัน ต่างฝ่ายต่างเข้าใจว่าเราตั้งใจจะคงความสัมพันธ์นี้ต่อไปและเราจะอยู่ด้วยกันอย่างยาวนานได้ก็ด้วยการปฏิบัติต่อกันเยี่ยงนี้
เกษียร เตชะพีระ
"..ทุกสังคมมีพลังฝ่ายขวา ผมอยากให้เขาอยู่และรวมกลุ่มต่อสู้รณรงค์ในระบอบรัฐสภาครับ ถึงตอนนั้นเป็นไปได้ว่าเขาจะมีข้อเสนอเชิงนโยบายที่เข้มแข็งกว่านี้ แต่ตอนนี้เขากลายเป็น outlet สำหรับสารพัดความอึดอัดไม่พอใจรัฐบาล แต่ไม่รู้จะสู้ในระบบอย่างไร.."
เกษียร เตชะพีระ
วิธีคิดที่เหมารวมการวิพากษ์วิจารณ์ทุกอย่างว่าเป็น hate speech นั้นไม่ต่างจากวิธีคิดของคนจำนวนมากในสังคมไทยต่อกฎหมายม. ๑๑๒ คือไม่สามารถแยกแยะระหว่าง วิพากษ์วิจารณ์ กับ ดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย เลย ถ้าเราเริ่มคิดแบบนั้น เราก็กำลังเดินตรรกะเดียวกับผู้จงรักภักดีที่ไม่อาจแยกแยะแบบนั้นได้ น่าแปลกใจไหมครับ?
เกษียร เตชะพีระ
ตกลงประชาชนมีดุลพินิจถ่องแท้เที่ยงธรรม หรือ อ่อนเปราะพลิ้วไหวถูกคนอื่นชักจูงให้รังแกข่มเหงคนอื่นด้วยอคติกันแน่?
เกษียร เตชะพีระ
บางทีที่น่ากลัวที่สุดไม่เพียงแต่เป็น hate speech แต่รวมทั้ง love speech ด้วย อะไรที่สุดโต่งและไม่ฟังไม่ยับยั้งชั่งใจ คิดว่า สิ่งนี้ สำคัญ กว่าชีวิตคน น่ากลัวทั้งนั้น ไม่ว่ามันจะมาในนามอะไร? ความจงรักภักดี, สิทธิเสรีภาพ, ประชาธิปไตย, สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คำเหล่านี้ใช้เป่าคาถาฆ่าคนมาแล้วทั้งนั้น ไม่มีคำไหนไม่เปื้อนเลือด คำถามจึงไม่ใช่แค่กำจัดคำ แต่จะทำอย่างไรให้เงื่อนไขการใช้คำฆ่าคน น้อยลง
เกษียร เตชะพีระ
..ในสังคมสาธารณ์ที่ความเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถูกบ่อนทำลายลงจากความรู้สมัยใหม่ทางวิทยาศาสตร์ทุกวี่วัน พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์กลับเพิ่มพูนขยายตัวออกไปเรื่อย ๆ และในทางกลับกัน พื้นที่เหล่านั้นก็กลับสาธารณ์หรือเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ลงทุกทีเหมือนกัน..
เกษียร เตชะพีระ
คนเพิ่งอพยพจากชนบทเข้าเมืองไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนสำมะโนครัวประชากรทางการ ทำให้เข้าถึงบริการพื้นฐานของรัฐ เช่น น้ำประปา, สาธารณสุข, โรงเรียน ยาก คนที่รายได้ไม่เข้าเกณฑ์ทางการ (ต่ำไม่พอ) ทำให้ไม่มีสิทธิ์ลงชื่อในทะเบียนคนจน ก็เลยพลอยไม่ได้สวัสดิการสำหรับคนจนของรัฐไปด้วย
เกษียร เตชะพีระ
...สันติวิธีหรือปฏิบัติการไม่รุนแรงเป็นวิธีการต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพไม่น้อยกว่าความรุนแรง และมีคุณค่าทางจริยธรรมในตัว สมควรได้รับการพิจารณาสำหรับผู้ต้องการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ว่าเพื่อเป้าหมายใดก็ตาม