Skip to main content
   

ยังคิดถึงแฟนคอลัมน์อยู่เสมอนะคะ และที่หายด้วยภารกิจบางอย่างและกำลังเตรียมหาข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับแดนอิเหนาและตากาล็อคมาฝากผู้อ่านอยู่นะคะ อย่าเพิ่งลืมกันไปก่อน ช่วยให้กำลังใจด้วยนะคะ

แต่สัปดาห์นี้ก็ยังไม่มีเรื่องของอิเหนาและตากาล็อคมาให้อ่านนะคะ เพราะเห็นว่าสถานการณ์ข้าวยากหมากแพงกำลังวิกฤตในโลกเรา มีหลายประเทศที่ประสบปัญหาข้าวขึ้นราคาและขาดแคลนข้าว อย่างเร็วๆ นี้ฟิลิปปินส์แดนตากาล็อคก็มีข้าวว่า รัฐบาลต้องหาข้าวราคาถูกให้กับคนยากจนในประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่นักหากสื่อไม่เอามาพูดก็จะไม่มีใครทราบว่า ความจริงแล้วที่ฟิลิปปินส์ในพื้นที่ที่ห่างไกล ซึ่งอยู่แถบเกาะทางใต้เคยเกิดสงครามแย่งชิงอาหารมาก่อนหน้านี้แล้ว และชาวฟิลิปปินส์ก็เผชิญปัญหาค่าครองชีพแพงมานานแล้ว ไม่เช่นนั้นแรงงานฟิลิปปินส์ไม่ไหลบ่าไปขายแรงงานต่างประเทศแน่นอน
 

แต่วันนี้ขอเสนอเรื่องราวของพม่า ที่ผู้เขียนได้ยินได้ฟังมา เพราะสถานการณ์จะคล้ายๆ กัน ประชาชนชั้นล่างของพม่ากินไม่อิ่มท้องมานานแล้ว ก็อาศัยสถานการณ์ที่พวกเรากำลังตื่นยุคข้าวยาก น้ำมันแพง ของขึ้นราคามาเล่าเรื่องพม่าให้ฟังค่ะ
  ขอบคุณที่ยังเปิดอ่านอยู่นะคะ


ฉันพบชายชราที่บ้านของลูกสาวเขา ซึ่งอาจจะเรียกว่าบ้านเสียทีเดียวไม่ได้ เพราะหน้าที่ใช้สอยหลักคือ เป็นโรงเรียนสำหรับเด็กน้อยชาวพม่า ที่พ่อแม่อพยพมาขายแรงงานในจังหวัดระนอง ลูกสาวของเขาอาศัยพื้นที่บางส่วนที่อยู่ด้านหลังของโรงเรียน เป็นห้องพักซึ่งมีสองห้อง ที่สมาชิกในครอบครัวอาศัยอยู่มานาน
3 ปี หลังจากที่สามีของเธอเปลี่ยนสถานะจากคนสวนของรีสอร์ทแห่งหนึ่งในระนองมาเป็นครูและผู้ดูแลโรงเรียนแห่งนี้ เขาเรียนมาทางด้านเศรษฐกิจในระดับมหาวิทยาลัย แต่ไม่จบเพราะสถานการณ์ทางการเมืองเมื่อปี 1988 ทำให้รัฐบาลพม่าปิดมหาวิทยาลัยหลายแห่งอย่างไม่มีกำหนด และการปราบปรามที่โหดร้ายของทหารพม่า ทำให้เขาต้องหนีภัยมาขายแรงงานในประเทศไทย

ชายชราก้าวย่างช้าๆ ลงจากรถกะบะ เดินผ่านพวกเราที่กำลังนั่งประชุมอย่างเผ็ดร้อนอยู่ในห้องโถงของโรงเรียน เขาเดินไปนั่งหน้าห้องพักของลูกสาว หญิงร่างท้วมวัยกลางคนและชายร่างผอมที่มากับเขา เดินตามไปนั่งบนพื้นข้างๆ เก้าอี้ของเขา เด็กสาวสองคน และเด็กหนุ่มซึ่งกำลังอยู่ในวัยรุ่นตรงรี่เข้าไปสวมกอดและนั่งลงบนพื้นห้องเริ่มต้นสนทนากับชายชรา พวกเราที่นั่งประชุมหลายคนพักการถกเถียงตรงไปยังชายชรา และเข้าร่วมวงสนทนา ทุกคนมุ่งความสนใจไปยังชายชราผู้เพิ่งมาเยือนอย่างใจจดจ่อ ฉันไม่เข้าใจภาษาพม่า แต่ก็พอจะเดาอารมณ์แห่งการพบปะนั้นรื่นรมย์อยู่ไม่น้อย

ฉันมาทราบภายหลังว่า ชายชราเพิ่งเดินทางมาจากร่างกุ้งพร้อมกับลูกสาวและลูกชาย ด้วยเงินจากน้ำพักน้ำแรงของลูกสาวที่มาเป็นแรงงานในประเทศไทยส่งเงินค่าเครื่องบินไปให้ ซึ่งเป็นการเดินทางที่ง่ายขึ้นเพราะเขามีพาสปอร์ตเนื่องจากเคยเป็นข้าราชการในสายงานทหารช่างของกองทัพพม่า เพื่อมาเยี่ยมเยียนลูกสาวและครอบครัว เป็นการเดินทางมาประเทศไทยครั้งแรกในชีวิตของเขา อาจจะเป็นการเดินทางมาชั่วคราวหรือพักยาวตลอดไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเมืองของพม่าว่า จะทำให้คุณภาพชีวิตของชาวพม่าดีขึ้นได้หรือไม่

วันรุ่งขึ้น ฉันได้รับเชิญจากครอบครัว เข้าร่วมวงอาหารเย็นด้วยกันเพื่อต้อนรับสมาชิกอาวุโส ทั้งที่เข้าสู่วัย 85 ปี แต่ชายชรายังคงแข็งแรง ประสิทธิภาพการได้ยินยังดีอยู่มาก สายตายังคงแจ่มชัด เดินเหินอย่างแข็งแรงไม่ต้องมีใครต้องคอยประคอง ฉันรู้สึกอบอุ่นด้วยสัมผัสถึงประสบการณ์ที่มีมนต์ขลังของคนสูงวัย ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันในคนทุกชาติ ความอ่อนโยน เมตตา อารมณ์ที่มั่นคงสงบเย็น และประสบการณ์ชีวิตที่เชี่ยวกาจ เขาเริ่มต้นด้วยคำต้อนรับอย่างอบอุ่น (ผ่านล่าม-หลานสาววัยรุ่นที่โตและเรียนหนังสือไทย) เพื่อไม่ให้ฉันได้เคอะเขินและแปลกหน้าสำหรับสมาชิกในครอบครัว

เขาว่า ในทางพุทธศาสนาที่พม่ายึดถือกัน การที่คนเรามาพบกันอย่างคาดไม่ถึง ขณะที่เขาอยู่ไกลถึงร่างกุ้งและฉันอยู่ที่นี่ ถือว่าเราทำบุญมาร่วมกันและเป็นญาติกัน ฉันอาจเป็นลูกหลานเขาเมื่อชาติก่อนๆ เป็นการทักทายที่อบอุ่นทำให้เราใกล้กันได้อย่างรวดเร็วขึ้น การสนทนาบนโต๊ะอาหารออกรสชาติด้วยหัวข้อความลำบากและขาดแคลนของประชาชนชาวพม่าระดับล่าง แต่บรรยากาศไม่เศร้าสร้อยกลับขบขัน ประชดประชัน และคับแค้นปะปนกันไป

เขาเกิดทันในช่วงยุคอาณานิคมอังกฤษและเปลี่ยนผ่านเป็นญี่ปุ่นเมื่อเข้าช่วงวัยรุ่นอายุเพียงสิบกว่าปี แต่จำได้ว่า อาหารการกินและเศรษฐกิจอุดมสมบูรณ์กว่าชีวิตหลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและพม่าเป็นเอกราชจากอาณานิคมมากนัก แต่ไม่ใช่หมายความว่า ชาวพม่าจะลืมความเจ็บปวดจากการกระทำและกดขี่ของอาณานิคมอังกฤษและญี่ปุ่น แต่มันเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งที่ลืมไปแล้วสำหรับชายชรา เหลือแต่เพียงช่วงเวลาที่ทุกข์ทนกับยุคเผด็จการทหาร ตั้งแต่เขาเป็นทหารช่างเล็กๆ เมื่อสี่สิบปีที่แล้วได้เงินเดือนเพียง 120 จั๊ด (1บาท ประมาณ 35 จั๊ด) เลี้ยงลูกๆ เจ็ดคน และไม่ได้รับสวัสดิการหรือการแจกจ่ายสิ่งของจากรัฐบาลเลยสักครั้งเดียว ต้องหารายได้พิเศษด้วยการเป็นช่างทำไฟให้กับเพื่อนบ้าน  และเมื่อลูกๆ โตขึ้นก็ต้องช่วยเหลือกันทำงานเลี้ยงปากเลี้ยงท้องให้กับครอบครัว ลูกๆ เข้าเรียนหนังสือเพียงชั้นประถมเท่านั้น

ช่วงชีวิตนี้ที่มองว่าลำบากมากแล้ว แต่หลังปี 1988 ที่มีสงครามกลางเมือง นักศึกษาเดินขบวนปฏิวัติไล่รัฐบาลเผด็จการทหารพม่า ชีวิตของประชากรพม่าลำบากมากขึ้นไปอีก ในระหว่างการปราบปรามนักศึกษาในช่วงเวลานั้น รัฐบาลพม่าได้มีนโยบายขยายเมือง เพื่อนบ้านและครอบครัวของเขาถูกรัฐบาลโยกย้ายให้ไปอยู่ที่นิคมใหม่ที่รัฐบาลสร้างไว้รองรับประชากร ซึ่งห่างจากที่อยู่เดิมมาก ต้องนั่งรถโดยสารเข้ามาทำงานในเมืองร่างกุ้งนานถึง 1 ชั่วโมง

เขานึกถึงเหตุการณ์ชีวิตครอบครัวของเขาและเพื่อนบ้านในช่วง 20 ปีที่ผ่านมานั้นลำบากมากเพียงใด  เขาพูดให้ฟังอย่างขบขันกับช่วงนั้นที่รัฐบาลประกาศให้ประชาชนกินผักเยอะๆ จะได้สุขภาพดี แต่สภาพที่อยู่อาศัย ชาวบ้านไม่มีพื้นที่เพาะปลูก ไม่มีอะไรได้มาฟรี น้ำประปาไหลวันเว้นวัน ไฟฟ้าดับวันเว้นวันตั้งแต่นั้นมาจนกระทั่งทุกวันนี้ แม้จะผ่านมาเป็นเวลา 20 ปีแล้วก็ตาม ระบบสาธารณูปโภคก็ไม่ได้พัฒนาขึ้น แม้ว่าที่นิคมที่อยู่อาศัยจะเปลี่ยนแปลง มีโรงภาพยนตร์เข้ามา มีความเจริญทางวัตถุมากขึ้น แต่ชีวิตแร้นแค้นของเขาและเพื่อนบ้านกลับไม่ได้ลดลง ยิ่งหนักขึ้นไปอีก เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคราคาแพงขึ้น ขณะที่อัตราค่าจ้างและเงินเดือนต่ำ เขาเกษียณอายุแล้ว แต่ลูกๆ ของเขารับจ้างทั่วไปเลี้ยงปากท้องอีกหลายท้อง

เขาเผยว่าเป็นเวลา 8 ปีแล้วที่ครอบครัวของเขาหุงข้าวเพียงมื้อเดียวคือ มื้อเย็น หากข้าวเย็นเหลือไปถึงมื้อเช้าก็จะซื้อขนมจีนซึ่งราคาถูกกว่าข้าวสารมาคลุกปนกับข้าวและแบ่งกันกินเพื่อให้อยู่ได้ไปวันๆ ไม่เฉพาะคนรับจ้างเท่านั้น ชาวนาที่ปลูกข้าวต้องปันข้าวขายให้กับรัฐบาลในราคาถูกเพียงกิโลละ 900 จั๊ด ถ้าหากการเพาะปลูกไม่ได้ผล ชาวนาต้องไปซื้อข้าวสารจากตลาดนอก ซึ่งมีราคาแพงคือ 1,200 จั๊ดต่อกิโลมาขายให้กับรัฐบาลในราคา 900 จั๊ด ซึ่งก็จะทำให้ลำบากขึ้นมาสองเท่าตัว ทั้งต้องหาเงินไปซื้อข้าวมาทดแทนและได้ราคาต่ำ

ฉันถามเขาว่า บอกสื่อในพม่าได้ไหมถึงเรื่องราวที่เราลำบาก เขาหัวเราะกับคำถามที่ไร้เดียงสาก่อนตอบกลับมาว่า แค่ฟังวิทยุบีบีซี ก็ถูกทหารจับแล้วหากทหารทราบว่าใครฟังข้อมูลข่าวสารจากสื่อนอก และชาวพม่าทราบดีว่า หากใครพูดถึงสิ่งไม่ดีต่อรัฐบาลหรือพูดถึงการคอรัปชั่นของรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า ทุกคนต้องเดือดร้อน เช่น ลูกที่เรียนอยู่ในโรงเรียนรัฐบาลอาจจะไม่ได้เรียนต่อไปอีก หรืออาจจะถูกจับเข้าคุก แม้แต่การนั่งจับกลุ่มกันหลายๆ คนเพื่อคุยกันทางการเมืองก็ไม่สามารถทำได้ หากคนของรัฐบาลทราบก็จะถูกจับ ..นี่คือ ภาพชีวิตหนึ่งของสังคมพม่าจากคำบอกเล่าของชายชรา

ในขณะที่โลกวิกฤตกับปัญหาข้าวราคาแพง ชายชราจากร่างกุ้งอยากจะบอกว่า ชาวพม่ากินข้าวไม่อิ่มท้องมานานนับสิบปีแล้ว ...โลกจ๋า

บล็อกของ กอแก้ว วงศ์พันธุ์

กอแก้ว วงศ์พันธุ์
ป๊ะซานอล ผู้สื่อข่าวอาวุโสในแวดวงสื่ออินโดนีเซีย ผู้เอื้ออารีต่อลูกหลานร่วมอาชีพ แม้ไม่ใช่คนในภาษาและสัญชาติเดียวกัน แต่ก็ให้ความช่วยเหลือแนะนำแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้เขียน แถมยังเอ็นดูเลี้ยงดูปูเสื่อผู้เขียนและเอื้ออาทรไปถึงเพื่อนร่วมทุนของผู้เขียนด้วย แต่วันนี้แวดวงสื่ออินโดไม่มีท่านเสียแล้ว แต่ทุกคนก็ยังจำคุณูปการที่ท่านทำไว้ให้กับวงการสื่อ ในวันนั้น จากตัวเมืองมารัง ท่านนำเราไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งเพื่อดูงานวิทยุชุมชนของหมู่บ้าน เพราะหลัง 1998 ภาคประชาชนเติบโตและเคลื่อนไหวสูงในอินโดนีเซีย มีการจัดตั้งกลุ่มสื่อภาคประชาชนขึ้นทั่วภูมิภาค วิทยุชุมชนก็เป็นหนึ่งในนั้น…
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
ครั้งก่อนพูดถึง Tempo ซึ่งเป็นตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า สังคมอินโดนีเซียเป็นสังคม แห่งการเรียนรู้ และลึกซึ้งทางด้านภูมิปัญญา ไม่ง่ายนักที่ในเมืองหลวงแห่งหนึ่งจะมีองค์กรสื่อที่สามารถสร้างสื่อกระแสหลัก และสื่อทางเลือก แสดงจุดยืนของตนเองมานานนับยี่สิบปี และคาดว่าจะเจริญก้าวหน้าต่อไปเรื่อยๆ ทั้งตัวองค์กรและตัวความคิด ไม่ใช่สื่อประเภท ม้าตีนต้น ที่เปิดตัวแบบผู้มีอุดมการณ์ทางความคิด ก้าวล้ำนำสังคม แต่เมื่อหนังสือพิมพ์เริ่มดัง หรือรายการดังติดลมบน ความคิดก็เบี่ยงเบนไปทางรักษาพื้นที่ทางเศรษฐกิจมากกว่า การรักษาจุดยืนทางความคิด ผิดกับสังคมอินโดนีเซียที่สื่อของพวกเขาแสดงจุดยืนอย่างมั่นคง…
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
ครั้งก่อนกล่าวถึง Tempo ซึ่งเป็นนิตยสารประเทืองปัญญาของสังคมอิเหนา ที่ชาวอิเหนา (ภาคประชาชนและปัญญาชน) ภาคภูมิใจยิ่งที่ในแวดวงสื่อสิ่งพิมพ์มี Tempo หากจะเปรียบว่าสังคมมะกันมี Time อิเหนาก็มี Tempo และ Tempo ไม่ใช่นิตยสารรายสัปดาห์ที่เอาข่าวของรายวันมายำ แล้วใส่ความคิดเห็นลงไปอีกหน่อยเพิ่มเหมือนสื่อสิ่งพิมพ์รายสัปดาห์โดยทั่วไปทำกันเท่านั้น แต่นักข่าวของ Tempo มีเวลาในการทำข่าว เจาะข่าวมากพอสมคาร และมีประเด็นข่าวเป็นตัวของตัวเอง เพราะฉะนั้นข่าวเจาะลึกของ Tempo จึงมีลักษณะเฉพาะตัว นอกจากประเด็นเชิงเผ็ดร้อนในเชิงการเมืองแล้ว Tempo ยังมีสารคดีเชิงวัฒนธรรม และบันเทิงในแง่มุมวรรณกรรม ดนตรี ภาพยนตร์…
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
ช่วงที่ผู้เขียนอยู่อินโดนีเซีย ต้องพึ่งข่าวสารและสมัครเป็นสมาชิกหนังสือพิมพ์และนิตยสารภาษาอังกฤษสองฉบับคือ the Jakarta Post และ Tempo เพื่อเข้าใจ (ผ่านสื่อ) ต่อสังคมอินโดนีเซียน ซึ่งช่วยได้ในภาพรวม ไม่ได้ทำให้ผู้เขียนตกกระแสสังคมอินโดนีเซียเกินไป  ผู้เขียนได้เคยเอ่ยถึงและนำคำสัมภาษณ์ผู้จัดการในเครือจาการ์ตา โพสต์ลงในคอลัมไปบ้างแล้ว ครั้งนี้จะขอเอ่ยถึงองค์กรสื่อหนึ่งที่ทรงอิทธิพลมากแห่งหนึ่งของอินโดนีเซีย และได้ชื่อว่าเป็นสื่อกระแสหลักแต่เป็นทางเลือกหนึ่งของภาคประชาชนแดนตากาล็อค Tempo (หรือหมายถึง Time) มีสองภาคภาษาคือ ภาคภาษาอินโดนีเซียและภาคภาษาอังกฤษ…
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่ประชาชนของเขาผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนานตั้งแต่ ในยุคอาณานิคมก็ถูกกดขี่จากอาณานิคม สเปน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เสร็จจากยุคอาณานิคมก็มาเจอยุคเผด็จการเบ็ดเสร็จภายใต้รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินัน มาร์กอสผู้ล่วงลับ จากยุคเผด็จการดันมาเจอยุคประชาธิปไตยลวงและการคอรัปชั่นอย่างหนักหน่วงในรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโจเซฟ เอสตราดา และเพิ่งจะมีเหตุการณ์ประท้วงไปหมาดๆ เพื่อขับไล่ประธานาธิบดีอาร์โรโย ที่แปดเปื้อนด้วยการคอรัปชั่น ประชาชนชาวฟิลิปปินส์จึงมีประวัติศาสตร์การต่อสู้กับอำนาจที่ไม่เป็นธรรมมาโดยตลอด…
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
    ยังคิดถึงแฟนคอลัมน์อยู่เสมอนะคะ และที่หายด้วยภารกิจบางอย่างและกำลังเตรียมหาข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับแดนอิเหนาและตากาล็อคมาฝากผู้อ่านอยู่นะคะ อย่าเพิ่งลืมกันไปก่อน ช่วยให้กำลังใจด้วยนะคะ แต่สัปดาห์นี้ก็ยังไม่มีเรื่องของอิเหนาและตากาล็อคมาให้อ่านนะคะ เพราะเห็นว่าสถานการณ์ข้าวยากหมากแพงกำลังวิกฤตในโลกเรา มีหลายประเทศที่ประสบปัญหาข้าวขึ้นราคาและขาดแคลนข้าว อย่างเร็วๆ นี้ฟิลิปปินส์แดนตากาล็อคก็มีข้าวว่า รัฐบาลต้องหาข้าวราคาถูกให้กับคนยากจนในประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่นักหากสื่อไม่เอามาพูดก็จะไม่มีใครทราบว่า ความจริงแล้วที่ฟิลิปปินส์ในพื้นที่ที่ห่างไกล…
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
ภาพจากประชาไทภาพจากวิกิพีเดีย คนสองคนจากต่างดินแดน แต่ “หัวใจ” คล้ายคลึงกัน ยึดมั่นในอุดมการณ์ สร้างความยุติธรรมแก่สังคม ต่อสู้เพื่อคนจนและผู้ด้อยโอกาส ต่อสู้เพื่อสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ นึกถึงคนจนและความยุติธรรมอันดับแรก ห่วงใยและคำนึงถึงตนเองเป็นสิ่งสุดท้ายที่กระทำ มด/ วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์เกิด     2498บ้านเกิด  กรุงเทพฯการศึกษา รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ครอบครัวเกิดในครอบครัวคนจีนชนชั้นกลางที่ค่อนข้างมีฐานะ แต่เป็นลูกที่แตกต่าง มีวิญญาณขบถตั้งแต่ศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย เข้าร่วมต่อสู้เพื่อประชาชนในยุค 14 ตุลา ตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนมัธยม…
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
มีโอกาสต้อนรับเพื่อนชาวอินโดนีเซียที่มาเยือนเมืองไทยเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา  หลังจากที่เธอเสร็จสิ้นภารกิจการงานในกรุงเทพมหานคร ที่ได้รับมอบหมายจากที่ทำงานแล้ว เธอก็บินตรงไปยังภูเก็ต และแวะเยี่ยมเยือนผู้เขียนที่พังงา ขอเรียกเธอสั้นๆ ว่า ทีน่า เธอเป็นลูกครึ่งจีน-อินโดนีเซีย ทำงานเป็นเลขานุการ  ที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำอินโดนีเซีย แม้ร่างกายจะไม่สมบูรณ์แต่เธอก็ได้รับโอกาส ให้ทำงานในตำแหน่งหน้าที่สำคัญของสถานทูต เธอแสดงให้เห็นว่า ร่างกายไม่ใช่อุปสรรคของการทำงานและขาดความคล่องตัวแต่อย่างใด ตลอดเวลาสิบกว่าปีในการทำงาน เธอได้รับมอบหมายให้ไปดูงานต่างแดนหลายประเทศ เช่น อียิปต์…
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
เพื่อนสาวชาวมาเลย์ชื่นชมและคลั่งไคล้ในตัวกวีผู้ยิ่งใหญ่ของประเทศอินโดนีเซีย เป็นฮีโร่ของเธอเลยทีเดียว ถึงกับนำชื่อของเขาไปตั้งเป็นชื่อลูกชายคนโต ผู้เขียนคาดเดาว่า กวีผู้นี้คงมีอิทธิพลทางด้านวิถีชีวิตที่อิสระเสรี ผู้เชื่อในสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ ที่ใฝ่หาเสรีภาพ และคงมีอิทธิพลครอบงำเพื่อนสาวไม่น้อย เพราะเธอแม้จะเป็นมุสลิม แต่แหกกฎหลายอย่างที่หญิงชาวมุสลิมถูกกำหนดให้กระทำ แม้กระทั่งเรื่องหัวใจ ที่เธอปล่อยให้มันอิสระเสรีอย่างที่มนุษย์คนหนึ่งอยากจะเป็นกวีผู้ยิ่งใหญ่คนนี้คือ Chairil Anwar เขาถูกจำกัดความว่าเป็นกวีที่ใช้คำได้สวยงาม แต่ทว่ามีอิทธิพลอย่างรุนแรงกับผู้อ่าน…
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
หายไปหลายอาทิตย์เพราะอาการเจ็บไข้และติดพันภารกิจการงาน กลับมาไม่นาน ได้ทราบข่าวจากเพื่อนสื่อชาวอินโดนีเซียว่า ผู้อาวุโสนักต่อสู้เพื่อสื่อเสรีและวิทยุชุมชนคนสำคัญคนหนึ่งของอินโดนีเซีย เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งผู้เขียนไม่อยากจะเชื่อว่าท่านจะไปเร็วด้วยโรคร้าย แม้ว่าอายุอานามของท่านจะ 70 กว่าๆ แล้ว แต่สมองของท่านเฉียบยังคมดีอยู่ ร่างกายแข็งแรง ปราดเปรียวเคลื่อนไหวคล่องตัวไม่เหมือนคนอายุ 70 ทั่วไป ทั้งยังท่วงท่าสง่างาม หลังไม่ค้อม เดินเหินคล่องแคล่ว สำคัญคือ ท่านลดอายุด้วยเสื้อผ้าที่สวมใส่ ขนาดวัยรุ่นยังอาย เพราะอินเทรนด์ ตลอดเวลา ผมและหนวดขาว ไม่ทำให้รู้สึกว่าท่านอายุเกิน 70 แล้ว…