Skip to main content

ช่วงที่ผู้เขียนอยู่อินโดนีเซีย ต้องพึ่งข่าวสารและสมัครเป็นสมาชิกหนังสือพิมพ์และนิตยสารภาษาอังกฤษสองฉบับคือ the Jakarta Post และ Tempo เพื่อเข้าใจ (ผ่านสื่อ) ต่อสังคมอินโดนีเซียน ซึ่งช่วยได้ในภาพรวม ไม่ได้ทำให้ผู้เขียนตกกระแสสังคมอินโดนีเซียเกินไป  ผู้เขียนได้เคยเอ่ยถึงและนำคำสัมภาษณ์ผู้จัดการในเครือจาการ์ตา โพสต์ลงในคอลัมไปบ้างแล้ว ครั้งนี้จะขอเอ่ยถึงองค์กรสื่อหนึ่งที่ทรงอิทธิพลมากแห่งหนึ่งของอินโดนีเซีย และได้ชื่อว่าเป็นสื่อกระแสหลักแต่เป็นทางเลือกหนึ่งของภาคประชาชนแดนตากาล็อค

Tempo (หรือหมายถึง Time) มีสองภาคภาษาคือ ภาคภาษาอินโดนีเซียและภาคภาษาอังกฤษ จำนวนพิมพ์ของภาคภาษาอังกฤษกว่าสองหมื่นเล่มในแต่ละสัปดาห์ ไม่นับภาคภาษาอินโดนีเซีย ซึ่งแน่นอนว่า เจ้าของภาษาย่อมมีข่าวเข้มข้นกว่า การเลือกภาคภาษาอังกฤษคือ เลือกสรรข่าวสารสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าเป็นชาวต่างชาติและชนชั้นกลาง (ชนชั้นปัญญาชน) บางกลุ่ม

เอ่ยชื่อ Tempo นั่นหมายถึงการเอ่ยถึงรากของการต่อสู้เพื่อเสรีภาพสื่ออันยิ่งใหญ่ของอินโดนีเซีย เพราะ Tempo เป็นนิตยสารข่าวรายสัปดาห์ฉบับหนึ่งที่ยืนหยัดถึงเสรีภาพการนำเสนอข่าวสารและกล้าวิพากษ์วิจารณ์เจาะลึกถึงความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาลเผด็จการซูฮาร์โตสมัยนั้น การเสนอข่าวคอรัปชั่นเรือรบสงครามของลูกชายนายพลซูฮาร์โตอย่างต่อเนื่องทำให้ นิตยสาร Tempo และสื่อฉบับอื่นที่เล่นข่าวเดียวกันอย่าง DeTik และ Editor ถูกปิดลงด้วยอำนาจของเผด็จการ เมื่อปี พ.ศ. 2537 การสั่งปิด Tempo และสื่ออีกสองฉบับทำให้สะเทือนต่อเสรีภาพของสื่อในแดนตากาล็อค ซึ่งได้ก่อกระแสคลื่นของการเรียกร้องเสรีภาพสื่อและเกิดสื่อทางเลือกขึ้นมากมายในเวลาต่อมา Tempo จึงเป็นประวัติศาสตร์ที่วงการสื่อของอินโดนีเซียต้องจารึก

Tempo เป็นสื่อหนึ่งในเครือขององค์กรสื่อทางเลือกที่เรียกตนเองว่า Utan Kayu Community เป็นสถานที่คล้ายกับว่า เป็นแหล่งอุดมปัญญาและเป็นสังคมวิพากษ์วิจารณ์ที่สำคัญแห่งหนึ่ง เป็นที่แสดงศิลปะ ดนตรี หนังสือ และมีโรงพิมพ์หนังสือของตนเอง นอกจากนี้ยังมีวิทยุชุมชนที่เป็นที่ยอมรับของภาคประชาชนคือ radio 68H ฉะนั้น Utan Kayu จึงครบวงจรของสื่อทางเลือกของภาคประชาชน ในแนววิพากษ์วิจารณ์เชิงลึกและ Tempo เป็นนิตยสารข่าวที่นำความคิดทางสังคมหนึ่งที่ชนชั้น elite รวมทั้งนักการเมืองไม่พลาดในการติดตาม การเปิดโปงการทุจริตโครงการต่างๆ ของนักการเมือง,  การติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มอำนาจซูฮาร์โตทั้งครอบครัวและพรรคพวกในโครงการต่างๆ เป็นต้น

Tempo มีบรรณาธิการซึ่งเป็นคนคุณภาพของวงการสื่อคนหนึ่ง ที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยและเป็นส่วนหนึ่งที่ต่อต้านเผด็จการรัฐบาลทหารซูฮาร์โต เขาคือ Guenawan Mahamad [1] เขาเป็นทั้งกวี นักเขียน สื่อที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพสื่อ และเป็นนักประชาธิปไตย เขาเป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อแนวคิดหลักของ Tempo และ Utan Kayu ก็คงไม่ผิดนัก เพราะผู้สื่อข่าวทั้งหลายในองค์กรก็คือ กลุ่มคนที่ติดตามประวัติศาสตร์การต่อสู้เสรีภาพสื่อของ Guenawan และติดตามผลงานและผลิตผลทางด้านการงานในรูปนิตยสาร หนังสือของเครือนี้ และพวกเขาถือว่า Guenawan เป็นครูในในแวดวงอาชีพสื่อสารมวลชน ที่มีความคิดก้าวหน้า และมีจริยธรรมของสื่อ กฎบรรญัติอันเคร่งครัดของผู้สื่อข่าวใน Tempo คือ การห้ามรับซองขาว จากแหล่งข่าวเป็นอันขาด ผู้สื่อข่าวต้องซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ และยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก Tempo จึงมีนักข่าวที่กินอุดมการณ์ ทำงานหนัก แต่พออยู่พอกิน ต่อเนื่องกันมาหลายรุ่น

นอกจากนี้ มิตรสหายที่ร่วมรบมาในสนามสื่อตั้งแต่เริ่มก่อตั้งของ Guenawan ก็คือ กลุ่มคนที่เป็นนักกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัย University of Indonesia เป็นกลุ่มคนที่สนใจการเมืองภาคประชาชน ซึ่งในการเมืองอินโดนีเซียมีรากอันแตกต่างไปจากสังคมบ้านเราตรงที่เป็นอาณานิคม การต่อสู้ของภาคประชาชน (independent) จึงเข้มข้น และหลากหลายแนวความคิดนำ (ทางการเมือง) แนวความคิดความเป็นเอกราช เปลี่ยนผ่านทั้ง โปร- คอมมิวนิสต์  แอนตี้- คอมมูนิสต์ และโปร-ประชาธิปไตย (แบบตะวันตก) ซึ่ง Guenawan โตมากับบริบทสังคมในช่วงนี้ เขาเป็นนักประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ เขาไม่นิยมรัฐอิสลาม แต่เสนอแนวคิดอิสลามเสรี [2] ฉะนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นสื่อมวลชนหัวก้าวหน้า เป็นที่ยอมรับของภาคประชาชน แต่ในอีกมุมหนึ่ง เขาก็ถูกระแวดระวังจากอิสลามหัวรุนแรงในข้อกล่าวหา ว่ามีอเมริกาสนับสนุน [3]

ด้วยความที่มิตรสหายร่วมรบมีหลากหลายแนวคิดก้าวหน้า แต่ผสานกันในจุดร่วมเดียวกันคือ ข่าวสารเพื่อภาคประชาชน Tempo และสื่อในเครือ Utan Kayu จึงเป็นสื่อที่อยู่ข้างประชาชนที่เสียเปรียบ การเปิดโปงคอรัปชั่น ก่อกระแสความเป็นธรรมกับชนกลุ่มน้อย และคนชายขอบ เช่น รณรงค์ให้ความสนใจกับคนไร้บ้านในเรื่องสุขภาพ เป็นต้น แต่ Tempo มีบุคลิกต่างตรงที่เขย่าในเชิงโครงสร้างหลักที่นำมาซึ่งความไม่เป็นธรรมทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และกฎหมาย  Tempo จึงเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลสามารถเขย่ารัฐบาลได้ทุกสมัย

อ้างอิง
1     Steele Janet, Wars Within, Institute of Southeast Asian Studies, Singapore, 2005 
2     ในหนังสือเล่มเดียวกัน 
3     สัมภาษณ์ ซานอล ซูร์โยโกซูโม, เมษายน 2548 

บล็อกของ กอแก้ว วงศ์พันธุ์

กอแก้ว วงศ์พันธุ์
 ได้หนังสือเล่มนี้มาเกือบสี่ปีจากร้านขายหนังสือ a different bookstore ในแหล่งช้อปปิ้งชื่ออิสต์วูด เมืองลิบิส ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าหากอยากได้หนังสือแปลของนักเขียนเอเชียก็มาที่นี่ได้ เพราะเป็นแหล่งรวมงานเขียนชาวเอเชีย ประเภทประวัติศาสตร์ การเมือง วัฒนธรรมหาได้ง่ายที่สุดแห่งหนึ่งในมนิลา (หวังว่าร้านหนังสือยังไม่เจ๊งไปเสียก่อน)
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
ผู้เขียนเคยเข้าพบสัมภาษณ์ผู้บริหารของหนังสือพิมพ์เดอะจาการ์ตาโพสต์ เกี่ยวกับการบริหารงานหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษหนึ่งเดียวในประเทศอินโดนีเซีย ความยากลำบากต่อการอยู่รอด การบริหารงานข่าว ฯลฯ เมื่อห้าปีที่แล้ว จึงขอนำตอนหนึ่งที่น่าสนใจในการพูดคุยกันมาเล่า ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์จาการ์ตา โพสต์ต้องการให้โครงสร้างของบริษัทหรือธุรกิจหนังสือพิมพ์ไม่เป็นที่ผูกขาด หากเป็นของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง แน่นอนว่า หนังสือพิมพ์อาจเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งได้ ด้วยวิธีการหลากหลายตั้งแต่การล้อบบี้ การซื้อตัว (เจ้าของสื่อ) การขู่เข็ญ คุกคาม จากบรรดาอำนาจมืดทั้งหลายทั้งปวง
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
หลบเรื่องร้อนทางการเมือง ที่ทำให้หัวใจรุ่มร้อน สับสนอลหม่าน วันนี้เลยเปลือยหัวใจ แบบไร้สี เขียนเรื่องความรักของเพื่อนนักข่าวดีกว่า เป็นความรักข้ามพรมแดนและข้ามศาสนาในดินแดนสวรรค์ "บาหลี" อินโดนีเซีย 
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
เด็กสาวแนะนำตนเองว่าเป็นนักศึกษาฝึกงานกำลังเรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์วิชาเอกหนังสือพิมพ์ จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เธอมักจะหาโอกาสฝึกงานทุกครั้งที่มหาวิทยาลัยปิดภาคเรียน เพื่อทดลองสนามจริงแทนที่จะเรียนแต่ในห้องเรียนเท่านั้น ผู้เขียนเห็นวิญญาณของความเป็นสื่อของเธอแล้ว เธอน่าจะเป็นสื่อมวลชนคุณภาพดาวเด่นดวงหนึ่งในแวดวงสื่อสารมวลชน หากเธอไม่ติดกรอบและถูกครอบงำจากความกลัวบางอย่างที่เธอเองก็มองไม่เห็นในโครงสร้างของสังคมไทย
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
ในบ้านเราเรียกหนังสือพิมพ์ออกเป็น 2 ชนิด หนึ่ง คือหนังสือพิมพ์กระแสหลัก สอง หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หนังสือพิมพ์กระแสหลักก็หมายถึงหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่เช่น เดลินิวส์ ไทยรัฐ มติชน ฯลฯ ซึ่งจัดพิมพ์อยู่ในกรุงเทพฯ และส่งออกไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย นำเสนอข่าวในประเทศและข่าวรอบโลก พิมพ์จำหน่ายเป็นรายวัน ส่วนหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นคือ หนังสือพิมพ์ทิ่ผลิตขึ้นในต่างจังหวัด ขายในจังหวัดนั้นๆ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือพิมพ์แทปลอยด์ ข่าวส่วนใหญ่นำเสนอข่าวในท้องถิ่น พิมพ์ไม่กี่ฉบับและไม่เป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างมากก็รายสัปดาห์ หรือรายเดือน ฉะนั้นสื่อประเภทสิ่งพิมพ์ในไทย…
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
   สิ่งที่ดีที่สุดของปีนี้สำหรับผู้เขียนคือ "การได้รักใครบางคน" ช่วงเวลามหัศจรรย์ที่เกิดเมื่อไม่นานนัก แต่สัมผัสได้ว่า การได้รัก (อีกครั้ง) มันเกิดพลังสร้างสรรค์ อยากทำในสิ่งที่เป็นบวกแก่คนรอบข้าง และเมื่อความอ่อนโยนอบอุ่นส่งตอบกลับมา ยิ่งก่อความอิ่มเอิบในใจและอิ่มเอมในอารมณ์ยิ่งนัก จากซึมๆ เศร้าๆ ก็กระฉับกระเฉงอย่างบอกไม่ถูก ความต้องการสรรหาแต่สิ่งดีให้แก่ความรัก ตื่นตัวตลอดเวลา...ถือว่าการได้รักใครบางคน เป็นของสิ่งที่ดีที่สุดและเป็นของขวัญวันปีใหม่ให้กับตัวเอง
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
ข่าวการเสียชีวิตของสมาชิกผู้สนับสนุนของกลุ่มการเมืองสองกลุ่มที่ขัดแย้งกันอยู่ขณะนี้ พวกเขาพลีชีพเพราะความเชื่อ ความศรัทธาของพวกเขา ซึ่งเป็นความเชื่อที่บริสุทธิ์ที่เขาแสดงออกต่อสิ่งที่ศรัทธานั้น แต่ไม่มั่นใจว่า พวกเขาเผชิญความรุนแรงถึงขั้นเลวร้ายเช่นนี้ โดยปราศจากแรงขับของความรุนแรงที่สองฝ่ายก่อให้เกิดขึ้น ท่านผู้นำทั้งหลาย ท่านกำลังใช้ความเชื่อ ความศรัทธาของคนเหล่านี้ เพื่อบรรลุเป้าหมาย เกียรติภูมิของท่านผู้นำ ที่ปูด้วยคราบเลือด น้ำตา ของมวลชน ควรภาคภูมิใจล่ะหรือ??? ความเชื่อ ศรัทธาควรเป็นหนทางเพื่อสันติภาพ หากเมื่อใดถูกนำไปสู่ความรุนแรงแล้วไซร้…
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
ขอเปิดพื้นที่แทนเรื่อง "สื่อ" ชั่วคราว เพื่ออุทิศให้กับแรงงานที่ประสบเหตุเสียชีวิตจากการลักลอบขนย้ายแรงงานที่สังเวยต่อการเมืองในประเทศพม่าและกระบวนการค้ามนุษย์ในไทย อู วิน (นามสมมติ) เคยทำงานเป็นอาสาสมัครขององค์กรคณะกรรมการเพื่อประชาธิปไตยในพม่า (กรพ.) เพื่อช่วยเหลือแรงงานพม่าในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิที่จังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่และระนอง โทรมาหาผู้เขียนด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยในเช้าวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา เขาพูดถึงการเสียชีวิตหมู่ของแรงงานพม่าที่ลักลอบเข้ามาทำงานในเมืองไทย จำนวน 54 ศพ เป็นข่าวเกรียวกราวเมื่อหลายเดือนก่อน…
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
  เช้าตรู่วันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้เขียนตื่นขึ้นด้วยเสียงโทรศัพท์ของพี่สาวที่โทรหาด้วยน้ำเสียงห่วงใย กลัวว่าจะอยู่ในที่เกิดเหตุ เนื่องจากเธอยังไม่ได้ออกเวรจากการดูแลคนไข้กะกลางคืน จึงได้เห็นข่าวเช้าของการปราบปรามประชาชนที่หน้ารัฐสภาก่อนที่จะรีบโทรมา คาดว่าด้วยวิสัยของผู้เขียนมักจะร่วมในเหตุการณ์ประท้วงอยู่บ่อยครั้ง ครั้งนี้เธอคาดผิด แต่กลับเป็นความดีใจของเธอที่น้องสาวไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่เป็นความกังวลสำหรับผู้เขียนแทนเพราะพี่สาวคนที่สองของบ้านกลับเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ประท้วงและติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรตั้งแต่การชุมนุมครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น…
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
นักผจญภัยคนหนึ่งซึ่งเลือกนั่งเรือล่องทะเลผ่านประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นักข่าวเทมโปสัมภาษณ์เขาเมื่อเดินทางมาถึงอินโดนีเซียเพื่อนำเรื่องราวของเขาลงในนิตยสารเทมโป หนึ่งในคำถามนั้นให้เขาแสดงความคิดเห็นกับประเทศที่เขาล่องเรือผ่าน ซึ่งมีไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เขาตอบสิ่งที่ดีที่สุดในแต่ละประเทศ ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด แต่ประเทศที่เขาบอกว่าอยู่แล้วสบายใจที่สุดคือ ประเทศอินโดนีเซีย เพราะเป็นประเทศเสรี ผู้คนเป็นมิตร และให้พื้นที่กับคนต่างถิ่นมากกว่าประเทศอื่นๆ ที่เขาผ่านมา ออกจะเห็นด้วยกับนักผจญภัย ....…
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
ไทยและอินโดนีเซียในระดับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยอำนาจที่มีความหมายต่อประเทศ ที่มีมายาวนาน และเรารับทราบไม่กว้างขวางมาก เลยลงภาพให้ชมกัน ในแง่ความหลากหลายของศาสนาและชาติพันธุ์นั้น ประเทศอินโดนีเซียยึดเป็นหลักธรรมนูญของประเทศ อินโดนีเซียได้ชื่อว่ามีวัดไทย จำนวนมากตั้งอยู่ทั่วประเทศ ไม่ต่างจากอเมริกา ความเป็นชาตินิยมแบบอินโดนีเซียจึงแตกต่างอย่างมากจากความเป็นชาตินิยมของไทยค่อนข้างมาก  สัญลักษณ์รูปช้างสร้างเป็นที่ระลึกหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอินโดนีเซีย
กอแก้ว วงศ์พันธุ์
แค่ตั้งชื่อก็สะดุ้งเอง แต่แน่ใจว่าต้องใช้ชื่อนี้ เพราะเหตุเกิดที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อปี ค.ศ. 1946 ค่ะ เป็นกลุ่มทหารปฏิวัติหรือกลุ่มกบฎ นำโดย Gusti Ngurah Rai นายทหารผู้ก่อตั้ง กองทัพปลดปล่อยอิสรภาพจากการรุกรานของประเทศอาณานิคมดัทช์ และญี่ปุ่น เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นถอนทัพออกจากบาหลี ก็เป็นโอกาสให้ดัทช์ เจ้าอาณานิคมเก่าเข้ามาครอบครองบาหลีอีกครั้ง โดยครั้งนี้ต้องการรวมบาหลีเข้ากับอินโดนีเซีย ทหารและประชาชนชาวบาหลี ซึ่งมาจากทั่วทั้งเกาะบาหลี จึงพร้อมใจกันเข้าต่อสู้กับกองทัพดัทช์ ผู้ซึ่งมีกองกำลังพร้อมอาวุธทันสมัย แต่ทหารบาหลีมีเพียงอาวุธของชาวญี่ปุ่น…