ความยินดีในการเซนเซอร์ตัวเองของสื่อไทย

ผู้เขียนเคยเข้าพบสัมภาษณ์ผู้บริหารของหนังสือพิมพ์เดอะจาการ์ตาโพสต์ เกี่ยวกับการบริหารงานหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษหนึ่งเดียวในประเทศอินโดนีเซีย ความยากลำบากต่อการอยู่รอด การบริหารงานข่าว ฯลฯ เมื่อห้าปีที่แล้ว จึงขอนำตอนหนึ่งที่น่าสนใจในการพูดคุยกันมาเล่า ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์จาการ์ตา โพสต์ต้องการให้โครงสร้างของบริษัทหรือธุรกิจหนังสือพิมพ์ไม่เป็นที่ผูกขาด หากเป็นของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง แน่นอนว่า หนังสือพิมพ์อาจเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งได้ ด้วยวิธีการหลากหลายตั้งแต่การล้อบบี้ การซื้อตัว (เจ้าของสื่อ) การขู่เข็ญ คุกคาม จากบรรดาอำนาจมืดทั้งหลายทั้งปวง

หลังยุคเสรีภาพทางสื่อที่อินโดนีเซียได้รับตั้งแต่ปี 1998 จาการ์ตาโพสต์จึงเน้นการกระจายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นหลายราย ไม่มีใครถือหุ้นใหญ่กระทั่งควบคุมการบริหารเบ็ดเสร็จ ผู้ถือหุ้นมีตั้งแต่กลุ่มธุรกิจทุนนิยมจ๋า กลุ่มธุรกิจสื่อทางเลือก (อูตันกายู กรุ๊ป) กลุ่มธุรกิจสื่อยักษ์ใหญ่ (คอมปัส กรุ๊ป) ฯลฯ เป็นต้น ความหลากหลายของผู้ถือหุ้นอาจมีส่วนถ่วงดุลอำนาจกันเองได้ จะโชคร้ายจริงๆ ก็ต่อเมื่อมีการร่วมหัวกันปฏิบัติการ แต่เชื่อไว้ก่อนหว่าหลักการในเชิงธุรกิจแบบนี้น่าจะเวิร์ก

 

ถามว่า แล้วเป้าหมายการนำเสนอข่าวอย่างสื่อมืออาชีพบรรลุไหม ภายใต้โครงสร้างบริษัทแบบนี้แล้วพออุ่นใจได้บ้าง ส่วนที่เหลือเขาบอกถึงความมั่นใจในการเป็นสื่อมืออาชีพของเขา โครงสร้างของบุคลากรข่าวทั้งชาวอินโดนีเซียและชาวต่างประเทศพร้อมทั้งปริมาณและคุณภาพ ปัญหาอย่างเดียวที่จะมีก็คือ การเซนเซอร์ตัวเองของนักข่าว นิสัยที่อาจติดมาจากยุคสมัยของเผด็จการซูฮาร์โตที่มีการบิดเบือนปิดกั้นและคุกคามสื่ออย่างรุนแรง ตรงนี้เขาสามารถแก้ไขได้ ด้วยการสร้างเสรีภาพที่เป็นจริงให้เกิดขึ้นบนหน้ากระดาษของจาการ์ตาโพสต์ บอกนักข่าวว่าให้มั่นใจที่จะพูดออกมาในความจริงที่เขาค้นพบ จงมั่นใจว่าปลอดภัยในเสรีภาพการพูดของพวกเขา

 

เล่าให้ฟังว่า สื่อในอินโดนีเซียทั้งท้องถิ่นและกระแสหลักเคยถูกปิดกั้นเสรีภาพถึง 30 กว่าปี กว่าจะสูดอาการบริสุทธิ์ของเสรีภาพ นักข่าวบางคนก็ปาเข้าไป 70 กว่าปีแล้ว ประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อเสรีภาพสื่อแตกต่างจากไทยอย่างสิ้นเชิง ประเทศไทยที่อ้างตัวว่าเป็นประเทศประชาธิปไตย สื่อมีเสรีภาพเต็มที่ แต่ทว่า เหตุการณ์ทางการเมือง เหลือง-แดงที่ผ่านมา สื่อทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์กลับเอนเอียงอย่างเห็นได้ชัด จะเป็นการจงใจเซนเซอร์ตัวเองหรือยินดีกับสิ่งที่ตัวเองนำเสนอก็สามารถคาดเดากันได้ด้วยสติปัญญาของผู้อ่านและผู้ชม

 

จึงน่าเศร้าใจอย่างยิ่งว่า ความยินดีต่อการเซนเซอร์ตัวเอง หรือยินดีต่อการนำเสนอสิ่งที่ตนนำเสนออยู่โดยปราศจาการตรวจสอบและการให้ข้อมูลรอบด้านแก่ผู้ชมของสื่อไทยนั้น.. ยังสามารถเรียกตนเองว่าเป็นสื่อเสรีในประเทศที่ปกครองแบบประชาธิปไตยได้จริงหรือ

 

ถึงเวลาหันมาวิพากษ์ตนเองบ้างหรือยัง ...

 

 

The girl from the coast นวนิยายต่อต้านอาณานิคม และกระแสชาตินิยมในอินโดนีเซีย

 

ได้หนังสือเล่มนี้มาเกือบสี่ปีจากร้านขายหนังสือ a different bookstore ในแหล่งช้อปปิ้งชื่ออิสต์วูด เมืองลิบิส ฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นที่รู้จักว่าหากอยากได้หนังสือแปลของนักเขียนเอเชียก็มาที่นี่ได้ เพราะเป็นแหล่งรวมงานเขียนชาวเอเชีย ประเภทประวัติศาสตร์ การเมือง วัฒนธรรมหาได้ง่ายที่สุดแห่งหนึ่งในมนิลา (หวังว่าร้านหนังสือยังไม่เจ๊งไปเสียก่อน)

ความยินดีในการเซนเซอร์ตัวเองของสื่อไทย

ผู้เขียนเคยเข้าพบสัมภาษณ์ผู้บริหารของหนังสือพิมพ์เดอะจาการ์ตาโพสต์ เกี่ยวกับการบริหารงานหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษหนึ่งเดียวในประเทศอินโดนีเซีย ความยากลำบากต่อการอยู่รอด การบริหารงานข่าว ฯลฯ เมื่อห้าปีที่แล้ว จึงขอนำตอนหนึ่งที่น่าสนใจในการพูดคุยกันมาเล่า ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์จาการ์ตา โพสต์ต้องการให้โครงสร้างของบริษัทหรือธุรกิจหนังสือพิมพ์ไม่เป็นที่ผูกขาด หากเป็นของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง แน่นอนว่า หนังสือพิมพ์อาจเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งได้ ด้วยวิธีการหลากหลายตั้งแต่การล้อบบี้ การซื้อตัว (เจ้าของสื่อ) การขู่เข็ญ คุกคาม จากบรรดาอำนาจมืดทั้งหลายทั้งปวง

ความรักของนักข่าว


หลบเรื่องร้อนทางการเมือง ที่ทำให้หัวใจรุ่มร้อน สับสนอลหม่าน วันนี้เลยเปลือยหัวใจ แบบไร้สี เขียนเรื่องความรักของเพื่อนนักข่าวดีกว่า เป็นความรักข้ามพรมแดนและข้ามศาสนาในดินแดนสวรรค์ "บาหลี" อินโดนีเซีย 

การเซนเซอร์ตัวเองและวัฒนธรรมความกลัว

เด็กสาวแนะนำตนเองว่าเป็นนักศึกษาฝึกงานกำลังเรียนอยู่คณะนิเทศศาสตร์วิชาเอกหนังสือพิมพ์ จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เธอมักจะหาโอกาสฝึกงานทุกครั้งที่มหาวิทยาลัยปิดภาคเรียน เพื่อทดลองสนามจริงแทนที่จะเรียนแต่ในห้องเรียนเท่านั้น ผู้เขียนเห็นวิญญาณของความเป็นสื่อของเธอแล้ว เธอน่าจะเป็นสื่อมวลชนคุณภาพดาวเด่นดวงหนึ่งในแวดวงสื่อสารมวลชน หากเธอไม่ติดกรอบและถูกครอบงำจากความกลัวบางอย่างที่เธอเองก็มองไม่เห็นในโครงสร้างของสังคมไทย

การลงทุนในงานข่าวของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในอินโดนีเซีย

ในบ้านเราเรียกหนังสือพิมพ์ออกเป็น 2 ชนิด หนึ่ง คือหนังสือพิมพ์กระแสหลัก สอง หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หนังสือพิมพ์กระแสหลักก็หมายถึงหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่เช่น เดลินิวส์ ไทยรัฐ มติชน ฯลฯ ซึ่งจัดพิมพ์อยู่ในกรุงเทพฯ และส่งออกไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย นำเสนอข่าวในประเทศและข่าวรอบโลก พิมพ์จำหน่ายเป็นรายวัน ส่วนหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นคือ หนังสือพิมพ์ทิ่ผลิตขึ้นในต่างจังหวัด ขายในจังหวัดนั้นๆ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือพิมพ์แทปลอยด์ ข่าวส่วนใหญ่นำเสนอข่าวในท้องถิ่น พิมพ์ไม่กี่ฉบับและไม่เป็นหนังสือพิมพ์รายวัน อย่างมากก็รายสัปดาห์ หรือรายเดือน ฉะนั้นสื่อประเภทสิ่งพิมพ์ในไทย ผู้บริโภคจึงจำกัดการรับรู้อยู่ที่หนังสือพิมพ์กระแสหลักไม่กี่ฉบับ