ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่ประชาชนของเขาผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนานตั้งแต่ ในยุคอาณานิคมก็ถูกกดขี่จากอาณานิคม สเปน สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น เสร็จจากยุคอาณานิคมก็มาเจอยุคเผด็จการเบ็ดเสร็จภายใต้รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินัน มาร์กอสผู้ล่วงลับ จากยุคเผด็จการดันมาเจอยุคประชาธิปไตยลวงและการคอรัปชั่นอย่างหนักหน่วงในรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโจเซฟ เอสตราดา และเพิ่งจะมีเหตุการณ์ประท้วงไปหมาดๆ เพื่อขับไล่ประธานาธิบดีอาร์โรโย ที่แปดเปื้อนด้วยการคอรัปชั่น ประชาชนชาวฟิลิปปินส์จึงมีประวัติศาสตร์การต่อสู้กับอำนาจที่ไม่เป็นธรรมมาโดยตลอด เรียกได้ว่าขบวนการประชาชนของฟิลิปปินส์เข้มแข็งอย่างมากเป็นแบบอย่างการต่อสู้ให้กับประเทศเพื่อนบ้านได้เรียนรู้มากทีเดียว และเคียงคู่กันมากับขบวนการประชาชนเพื่อต่อสู้เรียกร้องเอกราช และความเป็นธรรมในประวัติศาสตร์นั้นฟิลิปปินส์ไม่เคยขาดสื่อข้างประชาชนในแต่ละยุคสมัย
สื่อฟิลิปปินส์เป็นสถาบันที่ถูกเอ่ยอ้างในเรื่องความมีเสรีภาพสื่อมากที่สุดประเทศหนึ่งในหมู่เอเชียอาคเนย์ ทว่าในที่นี่จะไม่เน้นเรื่องนี้ แต่จะพูดถึงบทบาทสื่อตั้งแต่ในอดีตที่มีส่วนเรียกร้องเอกราชและความเป็นธรรม ในยุคอาณานิคมนั้น สเปนได้ชื่อว่าเป็นอาณานิคมที่กระทำกับชนพื้นเมืองเหมือนทาส อาศัยศาสนาจักร ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกควบคุมประชาชน เจ้าอาณานิคมสเปนไม่เคยให้สิทธิเท่าเทียมกันกับคนพื้นเมือง คนเชื้อสายสเปนอยู่ดีกินดีดั่งราชา แถมยังเป็นเจ้าครองที่ดิน เป็นพลเมืองชั้นหนึ่งของสังคมในขณะนั้น ในขณะที่ชนพื้นเมืองกลายเป็นผู้ใช้แรงงานและเป็นพลเมืองชั้นต่ำสุดทั้งในแง่สิทธิทางการเมือง ศาสนาและการศึกษา เช่น ชนพื้นเมืองเป็นพระนักบวชไม่ได้เป็นต้น โรงเรียนชั้นนำเป็นที่เรียนของลูกหลานเจ้าอาณานิคม นอกจากนี้วัฒนธรรมและภาษาของคนพื้นเมืองก็ถูกกลืนกลาย โดยบังคับให้เรียนภาษาสเปนและใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการ
การกดขี่และความไม่เท่าเทียมกันในยุคนั้นทำให้เกิดขบวนการกู้ชาติโดยใช้ความเป็นชาตินิยมชื่อ ขบวนการคาติปูนัน (ปัจจุบันเป็นชื่อถนนสายสำคัญหนึ่งในเมืองมนิลาด้วย) มีวีรบุรุษสำคัญในประวัติศาสตร์ของฟิลิปปินส์คือ นายแพทย์โฮเซ ริซัล และมาร์เชลโล เดล พิลาร์ วีรบุรุษกู้ชาติทั้งสองท่าน คนหนึ่งเป็นนักเขียนด้วย คือ โฮเซ ริซัล อีกท่านเป็นนักหนังสือพิมพ์ มาร์เชลโล เดล พิลาร์ และหนังสือพิมพ์ที่มีบทบาทเคียงข้างประชาชน คือ หนังสือพิมพ์ La Solidaridad ที่นำเสนอแนวคิดการกู้ชาติและเปิดโปงความเลวร้ายของเจ้าอาณานิคมสเปน ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ช่วง ปี 1889-1895 ที่ทรงอิทธิพลด้านความคิดประชาธิปไตยแต่ชนชั้นปัญญาชนของฟิลิปปินส์ในยุคนั้น เรียกว่า เป็นพื้นที่สะท้อนปัญหาการกดขี่ของอาณานิคมและประกาศแนวคิดในการกู้ชาติในยุคนั้น
ภาพจาก wikipedia หนังสือพิมพ์ La Solidaridad ที่เคียงข้างประชาชนเพื่อกู้เอกราชของประเทศ
เป็นพื้นที่ที่สองวีรบุรุษโฮเซ ริซัลกับมาร์เชลโล เดล พิลาร์ใช้เผยแพร่แนวคิดของเขาด้วย
ต่อมาในยุคเผด็จการเบ็ดเสร็จ อดีตประธานาธิบดีมาร์กอส นับว่าเป็นยุคมืดสุดของสื่อฟิลิปปินส์ เพราะมาร์กอสใช้อำนาจครอบงำทุกอย่าง โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ทั้งยังสร้างสื่อของตัวเองและจัดการกับสื่อที่อยู่ตรงข้ามกับตัวเองอย่างโหดร้ายและเด็ดขาด สื่อมวลชนสูญเสียชีวิตและติดคุกมากที่สุดในยุคนี้ เมื่อแสดงออกบนดินไม่ได้ สื่อที่อยู่เคียงข้างประชาชนก็ต้องเปลี่ยนพื้นที่การต่อสู้ คือ ลงไปสู้ใต้ดิน ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ด้วยแท่นโรเนียว ครั้งสองถึงสามพันฉบับ และแอบแจกจ่ายให้กับประชาชน หนึ่งในผู้ผลิตสื่อใต้ดิน ปัจจุบันเป็นนักพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) สายคนจนเมืองสำคัญคนหนึ่งของฟิลิปปินส์ ส่วนสื่อบนดินหรือสื่อกระแสหลักเพียงแต่เล่นไปตามกระแส เซนเซอร์ตัวเองเป็นหลัก ต่อเมื่อขบวนการประชาชนและกระแสของนางคอรี อะคีโนเริ่มเข้มแข็ง สื่อกระแสหลักจึงเอนเอียงมาเสนอข่าวฟากประชาชนมากขึ้น เรียกว่า สื่อกระแสหลักในฟิลิปปินส์ตั้งแต่เข้าสู่ยุคประกาศเอกราชกระทั่งปัจจุบันมีแนวคิดหลักคือ เล่นไปตามกระแสของสังคม แต่พวกเขาเรียกว่า เป็นการนำเสนอข่าวตามที่ข่าวมันเป็น โดยไม่เคยเอ่ยถึงการเซนเซอร์ตัวเองในสถานการณ์ที่เห็นว่า อ่อนไหวทางการเมืองและอาจมีผลต่อความอยู่รอดของหนังสือพิมพ์ เช่น การไม่เสนอข่าวรอบด้านเมื่อมีการลอบสังหารคู่ต่อสู้ทางการเมืองนายอะคีโน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม รากเหง้ายุคเผด็จการเป็นแรงผลักดันให้เกิดสื่อทางเลือก และสื่อภาคประชาชนขึ้นหลายองค์กรในฟิลิปปินส์ และมีความเข้มแข็งมากในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีบทบาทมากที่สุดในการล้มรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโจเซฟ เอสตราดา นั่นคือ องค์กรสื่อสืบสวนสอบสวน หรือ the Philippine Center for Investigative Journalism (PCIJ) นำโดยนักข่าวสาวสวยที่ยึดมั่นในอุดมการณ์เสรีภาพสื่อและเคียงข้างประชาชนอย่าง Sheila S. Coronel แนวทางการทำงานของ PCIJ คือ การเจาะลึกหาความจริงของเหตุการณ์และเป็นพื้นที่นำเสนอภาคประชาชน รวมถึงคนชายขอบที่ลึกและเข้มข้น ซึ่งสื่อกระแสหลักไม่มีทางเปิดพื้นที่แบบนี้ได้ ผลงานที่ทำให้ PCIJ อยู่ในใจของประชาชนชาวฟิลิปปินส์ได้อย่างยาวนานคือ การขุดคุ้ยความมั่งคั่งของอดีตประธานาธิบดีโจเซฟ เอสตราดา กระทั่งนำไปสู่การตรวจสอบและถอดถอนประธานาธิบดี
หนังสือขุดคุ้ยความร่ำรวยผิดปกติของเอสตราดา โดยคณะผู้สื่อข่าวของ PCIJ
Sheila S. Coronel (กลางเสื้อดำ) ผู้ช่วยเหลือและให้ความรู้เรื่องสื่อฟิลิปปินส์กับผู้เขียนระหว่างอยู่ที่ฟิลิปปินส์
ถ่ายกับเพื่อนร่วมงานและพนักงานทั้งหมดของ PCij
ปัจจุบัน มีสื่อที่ยืนข้างประชาชนอยู่จำนวนมาก และสื่อยืนข้างประชาชนของฟิลิปปินส์มีหลากหลายประเภทมาก มีทั้งสื่อภาคประชาชน คือ ภาคประชาชนมีบทบาทในการนำเสนอข่าวสารเอง สื่อทางเลือกที่อยู่นอกระบบธุรกิจ และทำหน้าที่ตรวจสอบ เจาะลึก ตั้งคำถามกับสังคม สร้างพื้นที่ให้กับคนกลุ่มน้อยที่ไม่มีอำนาจทางการเมือง ถ่วงดุลข้อมูลและอำนาจของกลุ่มนักปกครองของบ้านเมือง
จากบทเรียนของฟิลิปปินส์ สื่อที่ยืนข้างประชาชนเกิดจาก สังคมที่กดขี่ข่มเหงประชาชน สังคมที่ไม่เท่าเทียมทางสิทธิและเสรีภาพ แต่คงไม่แค่นั้น ต้องอาศัยความกล้าหาญและสำนึกต่อสังคมของบุคคลากรในวงการสื่อสารมวลชนด้วย ในฟิลิปปินส์จึงมีคนคุณภาพอย่าง (ขอโทษผู้อ่านที่ขาดข้อมูลคนข่าวในยุคอาณานิคม) Sheila S. Coronel และคนอื่นๆ อย่าง Melinda Quintos de Jesus, Carolyn O. Arguillas, Yasmin Arquiza ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้เอ่ยชื่อในที่นี่ ส่วนใหญ่ผ่านการทำงานกับสื่อกระแสหลักระดับชาติและนานาชาติหลายคน แต่คนเหล่านี้กินอุดมการณ์ทิ้งความมั่นคงทางการเงินหันมาทำงานที่ตนเองเชื่อมั่นและเคารพในความเป็นสื่อมวลชนอาชีพ ที่ไม่ใช่สื่อมวลชนแบบไหลตามกระแส