Skip to main content

เธอหอบกระเป๋าใบใหญ่มาวางตรงหน้า นอนที่ไหนดี ฉันรำพึง เอาอย่างนี้ ไปนอนวัดกับน้องชายเพื่อนพี่ดีกว่า หลังส่งเธอเข้าวัดแล้วนัดแนะกันว่ารุ่งเช้า เราจะไปหาเพื่อนของฉันที่เกาะเล็กๆแห่งหนึ่ง

เราลงไปนั่งในเรือลำเล็ก เป็นเรือเครื่องมีคนนั่งในเรือเพียงสองสามคน ตอนนั้นการนั่งเรือเป็นทางเดียวที่จะเข้าไปที่เกาะได้ เรือทะยานพุ่งในทะเลสาบสีครามเข้ม เธอและฉันตื่นเต้นมาก เป็นการลงเรือครั้งแรกของเรา แผ่นน้ำวิ่งผ่านหน้าเราไป ละอองน้ำเย็นเยือกกระเซ็นมาถูกเนื้อตัว หัวใจเราเต้นแรงแข่งกับเสียงเครื่องเรือ

ถึงท่าน้ำ เราถามคนบนเกาะ เขาชี้มือไปยังบ้านหลังนั้นที่ริมทะเล


เมื่อเราเดินไปถึง เพื่อนฉันกำลังหุงข้าวอยู่ในครัว เธอดีใจที่เห็นเราสองคนมาถึง เดี๋ยวกินข้าวแล้วออกไปเที่ยวรอบเกาะกันสิ มีทางเดินเล็กๆ ที่มีอยู่รอบเกาะนั้น ใช้ปั่นจักรยานได้

เส้นทางที่เราปั่นจักรยานเลียบชายฝั่งเต็มไปด้วยสวนละมุด เราผ่านบ้านที่ทอผ้า และปลูกผลไม้รอบบ้าน สุดทางจักรยานที่ชายฝั่ง มีกระท่อมหลังเล็กอยู่หลังหนึ่ง เราจอดจักรยานแล้วเดินลงไป ผู้ชายผมยาวคนหนึ่งกำลังปั้นดินอยู่บนจานปั้น เธอนั่งลงคุยกับผู้ชายคนนั้นอย่างถูกคอ เขารู้จักเพื่อนของฉันด้วย เกาะเล็กนิดเดียว ใครๆ บนเกาะก็รู้จักกันหมด เขาบอก อยู่ที่นี่นานแล้วครับ เขามาจากจังหวัดนครปฐม จบเพาะช่าง


แล้วเธอก็บอกฉันว่า ยังไม่กลับไปด้วยนะ ขออยู่ที่เกาะนี้ก่อน จะเรียนปั้นดิน เราปั่นจักรยานกลับทางเก่า หลังร่ำลาเพื่อนฉันแล้ว เธอเดินมาส่งฉันที่ท่าน้ำ ฉันนั่งเรือกลับ


หลังเพื่อนฉันรู้ว่าเธอจะเรียนปั้นดินและอยู่ที่กระท่อมหลังนั้นด้วย เพื่อนฉันหัวเราะแล้วบอก มาเป็นชาวเกาะเต็มตัวแล้ว


เธออยู่ที่เกาะ ไปขายของปั้นตามงานต่างๆ ในจังหวัด หลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป ฉันนั่งเรือไปหาเธอ เธอดูคล้ำ ผอมลงกว่าเก่า นึกว่าลืมเธอไปแล้ว เธอพูดยิ้มๆ เธอบอกเธอปั้นอะไรได้ตั้งหลายอย่าง ทำอะไรเป็นอีกมากเลย ฉันนั่งมองเธอเก็บของ ได้เวลากลับบ้านแล้วครับ เธอบอกแล้วหัวเราะ เธอร่ำลาผู้ชายคนเดิม เขาส่งเธอขึ้นเรือเหมือนญาติสนิท แล้วมาใหม่นะ คราวหน้ามาอยู่ด้วยกันเลย เขาบอกเธอ


ฉันไปส่งเธอที่ท่ารถ มาคราวหน้า เธอจะขนของมาอยู่เกาะด้วยเลย

เธอบอก ฉันถามเธอว่า ยังมั่นใจที่จะเลือกอย่างนี้อยู่ เธอหัวเราะ ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน

เธอแวะไปเก็บของที่วัด แล้วไปส่งเธอที่ท่ารถ หลังรถบัสเคลื่อนออกจากสถานี เราโบกมือให้กัน ฉันมองเธอ หนุ่มน้อยร่างผอมบาง เธอแน่วแน่และมั่นคงในความฝันของตัวเองเสมอ


เธอกลับมาจริงๆ หลังจากนั้นเพียงหนึ่งเดือน เธอขนของใส่รถสิบล้อมาถึงในเช้าวันหนึ่ง เธอบอกฉันว่า โทรหาพี่ผู้ชายที่เกาะแล้ว ตอนนี้เขาทำโรงงานที่ใหม่ เดี๋ยวจะเขียนแบบโรงงานให้เขา ทำงานกับเขาไปด้วย ต่อมาเธอก็ได้งานเล่นดนตรีตอนกลางคืน เธอจึงทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน ใช้ชีวิตหนักหน่วงอย่างนี้อยู่นานหลายปี


จนเธอพบรัก พบผู้หญิงของเธอแล้ว เธอสร้างครอบครัวของเธอเองตามความฝัน ชีวิตเธอหมุนวนอยู่อย่างนั้น จนเธอมีลูก

เหมือนชีวิตขีดเส้นทางเดินไว้แล้ว ด้วยมือที่มองไม่เห็น ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือชีวิตจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง เมื่อวันเวลาผ่านไป เธอเริ่มคิดถึงแม่ที่แก่เฒ่าลง


เธอรู้สึกถึงความเป็นพ่อ เธอจึงย้ายครอบครัวมาอยู่ใกล้แม่เพื่อดูแลซึ่งกันและกัน ลูกของเธอจึงมีย่าเลี้ยงดูฟูมฟัก


เธอเดินอยู่บนเส้นทางเดิม เหมือนที่เคยเดินในสมัยเป็นเด็ก ต่างที่ตัวเธอเปลี่ยนไปแล้ว เธอกลายเป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้ชายที่อายุสี่สิบปี ข้างในของเธอเปลี่ยนแปลงไป โลกก็เปลี่ยนไป บางอย่างที่ติดตัวเธอมาเสมอ ยังคงเป็นอย่างนั้น  และมีบางอย่างที่หายไปไม่มีวันกลับ


เธอยังคงเล่นดนตรี กีต้าร์ยังคงเป็นเสียงที่เธอรัก มันยังคงแนบกายเธออยู่อย่างนั้นตลอดเวลา นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง มันทำให้เธอมีเพื่อน มันจึงเป็นเพื่อนแท้ของเธอเสมอมา ทุกครั้งที่เธอหยิบมันขึ้นมาเปล่งเสียง มันจะบอกเล่าเรื่องราว ภาพชีวิตของเธอหมุนวนอยู่ในน้ำเสียงนั้น 


เธอยังเดินหิ้วกีตาร์ในเส้นทางเก่าอยู่ทุกวัน  ร่างผอมสูงของเธอผ่านประตูบ้านในยามเย็น กลับมาเมื่อพลบค่ำ ความสุขและความทุกข์ของเธออยู่ในนั้น ในน้ำเสียงของมัน เสียงเพลงของเธอ กล่อมบ้านที่เธอรักในทุกเวลา เธออยากให้มันเป็นอย่างนั้นตลอดไป


เธอยังนึกถึงเขา พี่ที่ให้ที่พักพิงในคืนวันที่เธอเดินทาง คนที่มองเธอเป็นน้องชายคนหนึ่ง เธอได้แต่ขอบคุณเขาในใจที่เมตตาต่อคนแปลกหน้า เขาได้ต่อชีวิตให้เธอ เหมือนได้ต่อความฝันของตัวเขาเอง และเขาอยู่ในใจของเธอเสมอมา


แล้ววันหนึ่งของเธอก็เปลี่ยนแปลงไป เส้นทางที่เธอเดินกลับเปลี่ยนเส้นทาง เธอมีทางเดินใหม่เพิ่มเข้ามาในชีวิตอีกเส้นหนึ่ง เป็นเส้นทางที่ทำให้เธอรับรู้ว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ไม่จีรังยั่งยืน เธอรับรู้แล้ว แม้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย



บล็อกของ มาลำ

มาลำ
โป้ง น้องรัก พี่คิดถึงเธอเหลือเกิน หนุ่มน้อยของพี่ ครบหนึ่งปีของการจากไปอยู่ที่แห่งใหม่ของเธอแล้ว โลกใหม่ของเธอเป็นอย่างไรบ้าง หลังการดับลงของลมหายใจ พี่รู้ว่าเธอออกเดินทางต่อ เธอผู้ไม่เคยเบื่อที่จะออกเดินทาง เป็นหนึ่งปีที่ผ่านมาอย่างน่าแปลกใจ เพราะเราคุยกันผ่านความเงียบ จากที่เราเคยได้ยินเสียงของกัน กลับกลายเป็นพี่คุยกับเธอผ่านสมุดบันทึก บางเรื่องที่พี่คิด สิ่งที่พี่อยากให้เธอรู้ ถ้าเธอยังอยู่ บางคำถามของพี่ เธอจะตอบพี่ว่าอย่างไรหนอ
มาลำ
แม่ชงยาสมุนไพรทองพันชั่งมาให้ฉัน กินในตอนเช้าและตอนเย็น แม่บอกว่ามันช่วยฆ่าฤทธิ์ยาที่ฉันแพ้ แม่ยังเอาใบย่านางผงที่ฉันซื้อติดบ้านไว้ตลอดมา ชงให้ฉันกินด้วย ส่วนเธอก็ต้มใบรางจืดที่งอกงามอยู่ในรั้วบ้านของเราตรงกอไม้ไผ่ให้ฉันกินแทนน้ำ เธอบอกมันคงช่วยเรื่องดับพิษ ทำให้อาการเจ็บที่หัวใจตลอดเวลาของฉันลดลง
มาลำ
เช้าแล้ว วันนี้ ฉันนอนอยู่บนเตียงที่บ้าน สิบกว่าวันแล้วที่ฉันนอนไม่หลับ ทั้งที่พยายามข่มตานอน ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะนอนไม่หลับได้เป็นเวลานาน ฉันนึกถึงคนไข้โรคจิตที่ฉันเคยพบ บางคนต้องกินยานอนหลับตลอดเวลาเพราะอาการที่ไม่นอน ฉันรู้สึกเหมือนออกเดินไปกลางทะเลทรายที่แห้งผากและร้อนระอุ เนื้อตัวหน้าตาฉันเต็มไปด้วยรอยแผลสีคล้ำ อาการเจ็บที่หัวใจแปลบปลาบตลอดเวลา ฉันได้แต่สมเพชสังขารอันน่าเวทนาของฉัน
มาลำ
ฉันนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลครบสิบวันแล้ว แม่ยังเป็นคนทำอาหารเจให้ฉันกินทุกวัน กลางวันแม่จะเป็นคนที่อยู่เป็นเพื่อนฉันที่โรงพยาบาล เธอจะกลับบ้านไปทำงานหลังส่งเทวดาน้อยไปโรงเรียนแล้ว ตกเย็นหลังไปรับเทวดาน้อยจากโรงเรียนแล้ว เธอจะไปส่งแม่ที่บ้านเพื่อให้แม่นอนเป็นเพื่อนหลานสาวของฉัน กิจกรรมของเธอวนเวียนอย่างนี้ตลอดทั้งสิบวันที่ผ่านมา
มาลำ
ฉันนอนอยู่บนเตียงคนไข้ มองหน้าเธอที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างเตียง แม่กลับไปบ้านเพื่อทำกับข้าวมาให้ฉันที่โรงพยาบาล แผลพุพองที่หัวและ หน้าของฉันเริ่มแห้งลง อาการเจ็บหน้าอกยังแปลบปลาบอยู่ตลอดเวลา ฉันบอกหมอว่า ฉันไม่อยากได้น้ำเกลือ ฉันจะพยายามกินน้ำ กินข้าวเอง ปากที่พองเจ่อของฉันยังเต็มไปด้วยเลือด ฉันจึงกลืนอะไรได้ลำบาก
มาลำ
เป็นครั้งแรกของเธอที่ได้มีโอกาสมานอนที่บ้านของฉัน ตอนค่ำมีพิธีส่งตัวเข้าหอ แม่และพ่อนั่งอยู่ข้างๆฉัน ลุงผู้ใหญ่ที่แม่เคารพมาเป็นคนส่งตัวเราทั้งสอง ลุงเริ่มต้นการส่งตัวด้วยคำกลอนที่บอกถึงการอยู่ร่วมกันของคนสองคน ลุงคุยกับเราทุกเรื่อง ถ้อยคำที่ลุงใช้เป็นคำที่กินใจ สนุก บางคำทำให้น้ำตารื้น
มาลำ
หลังฉันกลับจากเกาะ แม่มาหาฉันที่แฟลต แม่บอกว่ามีเรื่องมาปรึกษาฉัน ฉันนอนมองหน้าแม่อยู่บนเตียงหลังลงเวรดึกมา ฉันนอนฟัง แม่เล่าเรื่องโน้น เรื่องนี้ให้ฟังแล้วบอกฉันว่า มีผู้ชายส่งแม่ของเขามาสู่ขอฉัน เป็นคนที่ฉันเคยรู้จัก ถ้าฉันตอบตกลง เขาจะจัดงานแต่งงานเลย ฉันลุกขึ้นมานั่งอย่างอัตโนมัติด้วยความตกใจ มีคนอย่างนี้ในโลกหรือแม่ คนที่ไม่ได้รักกัน ไม่ได้เรียนรู้กันต้องมาอยู่ด้วยกัน แม่หัวเราะ ก็แม่ไงลูก ตอนที่ย่ามาขอแม่ให้พ่อนั้น แม่และพ่อเคยเห็นกันเพียงครั้งเดียว แม่รู้แต่ว่าพ่อหน้าตาเหมือนเด็กดื้อๆ แล้วแม่ก็แต่งงานกับพ่อ
มาลำ
เธอหายไปนาน จนวันหนึ่งเสียงเธอดังผ่านสายโทรศัพท์มา ไปเที่ยวเกาะกันไหม เธอถามฉัน ฉันหัวเราะ ถามเธอกลับไป จะหลอกฉันไปปล่อยเกาะหรือเปล่า เธอหัวเราะแล้วบอกว่า ไม่หลอกนะ เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่าไม่เคยคิดที่จะหลอกฉัน เธอจะไปเขียนหนังสือที่เกาะ ไปส่งเธอหน่อยนะ รุ่นพี่จากปัตตานีเป็นหัวหน้าอุทยานอยู่ที่นั่น มีบ้านพักว่างอยู่หนึ่งหลัง เป็นเกาะในจังหวัดระยอง ชื่อเกาะมันใน อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ไปดูกันไหม
มาลำ
เธอกลายเป็นนักเขียนเต็มตัว เธอลาออกจากงานหนังสือเสียงภูเขาเพื่อเป็นนักเขียนเพียงอย่างเดียว ยอมรับความลำบากทุกอย่างที่ประเดประดังเข้ามาเป็นความทุกข์ของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความยากไร้ ความอดอยาก ความปวดร้าวจากแรงบีบคั้นจากครอบครัวด้วยเธอเป็นลูกชายคนโตที่เลือกทางทุกข์ หนทางก้าวเดินมืดมน ว้าเหว่โดดเดี่ยว เดียวดาย
มาลำ
เธอออกเดินทางเร่ร่อนในกรุงเทพ ไปนอนที่บ้านของน้องชายคนที่เธอรักและสนิทด้วยมากๆ เป็นน้องชายที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เคยได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ร่วมทำหนังสือเลโคลนจุลสาร ทำให้รักและผูกพันกันมาก  ไปนอนตามผับของเพื่อนนักดนตรี  ห้องแคบและร้อนอบอ้าว ใช้เวลาแต่ละวันอย่างอดทน  เหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง เหมือนชีวิตต้องขับเคี่ยวให้ผ่านไปในแต่ละวัน  เธอปวดร้าวกับสิ่งแสวงหาและความฝัน แต่เธอไม่ท้อถอย เธอสู้ต่อ แล้วเธอก็แต่งเพลงชื่อเพลง หมาจร   เธอร้องให้ฉันฟังทางโทรศัพท์
มาลำ
ฉันเรียนจบจากที่นี่อย่างมีความสุข เพื่อนฉันกลายเป็นนักพูดดีเด่นไปจริงๆ เพื่อนบอกว่า ค้นเจอแล้วว่าสิ่งที่ดีที่สุดของชีวิตคืออะไร เพื่อนไปพูดตามที่ต่างๆอย่างเชื่อมั่นและมีความสุข
มาลำ
หอพักมีทั้งหมดสิบชั้น ห้องสมุดอยู่ชั้นล่างสุด เปิดจนถึงสี่ทุ่ม ที่นั่นเป็นที่หมกตัวของฉันเช่นเคย ฉันอ่านหนังสือจนหมดทุกเล่มที่มีในห้องสมุด วนเวียนอ่านซ้ำไปซ้ำมาในบางเล่ม อาจารย์ที่ดูแลหอพักใจดีจะเปิดหอให้พาใครมาก็ได้มาร่วมปาร์ตี้ในคืนไฟรไนท์ หรือคืนวันศุกร์ของก่อนปิดเทอม จำได้ว่า มีวงดนตรีมาเล่นชื่อวงดิอินโนเซนท์ เล่นเพลงสนุกและเพราะพริ้งให้พวกเราเต้นกันทั้งคืนจนเกือบสว่าง