Skip to main content

โป้ง น้องรัก

พี่คิดถึงเธอเหลือเกิน หนุ่มน้อยของพี่ ครบหนึ่งปีของการจากไปอยู่ที่แห่งใหม่ของเธอแล้ว โลกใหม่ของเธอเป็นอย่างไรบ้าง หลังการดับลงของลมหายใจ พี่รู้ว่าเธอออกเดินทางต่อ เธอผู้ไม่เคยเบื่อที่จะออกเดินทาง เป็นหนึ่งปีที่ผ่านมาอย่างน่าแปลกใจ เพราะเราคุยกันผ่านความเงียบ จากที่เราเคยได้ยินเสียงของกัน กลับกลายเป็นพี่คุยกับเธอผ่านสมุดบันทึก บางเรื่องที่พี่คิด สิ่งที่พี่อยากให้เธอรู้ ถ้าเธอยังอยู่ บางคำถามของพี่ เธอจะตอบพี่ว่าอย่างไรหนอ

\\/--break--\>

 


ยังจำความรู้สึกที่เราสองคน นัดกันขึ้นรถบัสมาเชียงใหม่ได้หรือเปล่า วันนั้นเป็นวันเกิดของพี่ เราต่างฉลองวันเกิดด้วยการนั่งคุยกันมาตลอดทาง เรื่องที่เราคุยกัน ไม่พ้นเรื่องเพลงที่เธอรัก


นักดนตรีที่เธอชอบ บางเรื่องช่างน่าแปลกใจที่เธอรู้และจำได้ขึ้นใจ เธอเล่าให้พี่ฟังอย่างมีชีวิตชีวา

พี่จำได้ว่านั่งหัวเราะแล้วมองหน้าเธอ มองท่าทีที่เธอเล่าแล้วจำมันได้ติดตาติดใจ


นั่นมันนานมากแล้ว ผ่านไปนานเหลือเกิน ตั้งแต่เธอเป็นหนุ่มน้อย ความสดใสของเธอทำให้พี่รู้สึกว่าโลกนี้ช่างงดงาม เธอทุ่มเทให้ความฝันทั้งชีวิตที่ฝ่าฟันเพื่อเพลงที่เธอรัก เธอช่างอดทนและซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง


หากแต่ชีวิตไม่เคยให้สิ่งที่เราอยากได้ เธอคงรู้จักความเจ็บปวดของการออกตามความฝันแล้วตั้งแต่ที่เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่ เธอคงหกล้มหกลุกแล้วก้มหน้าฝ่าฟันต่อ ความเจ็บปวดจากการมีชีวิตเพื่อฝันนั้นอยู่ในสีหน้าและแววตาของเธอ หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน


ในงานภาพเขียนของพอวา ที่กรุงเทพ หลังจากที่เธอเล่นดนตรีแล้วเดินลงจากเวทีมาหาพี่ พี่เห็นเธอเปลี่ยนไปแล้ว จากหนุ่มน้อยกลายเป็นผู้ชายที่ผ่านโลกมาอย่างเคี่ยวกรำ หากแต่เธอยังยิ้มให้พี่ เธอยังอดทนเดินทางต่อทั้งที่ความทุกข์ท่วมท้นเธอบอกพี่ว่า เธอไม่เคยกลัว เธอยินดีที่จะเดินไปกับมัน


ตลอดเวลายี่สิบกว่าปีที่เรารู้จักกันมา พี่เพิ่งเห็นเธอเปลี่ยนไปในวันนั้น เธอเดินทางมาไกลแล้ว น้องรัก เธอกลายเป็นคนใช้ชีวิต เป็นบทเพลงที่เธอสร้างทำนองใหม่ขึ้นมา เพลงที่เป็นลมหายใจและชีวิตวิญญาณของเธอเอง มันช่างเป็นบทเพลงที่เพราะและกินใจพี่เสมอมา


น้องรัก เราต่างไม่รู้เลยว่า วันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่จะได้พบกัน เธอคงจำได้ว่า เรานั่งคุยกันจนดึกดื่น ก่อนจากกันเธอหันกลับมาบอกพี่ว่า เธอยังแน่วแน่และตั้งใจเหมือนเดิมเสมอ เธอไม่เคยเปลี่ยนใจในเพลงที่เธอรัก แล้วเธอก็เดินหิ้วกีต้าร์ที่เธอรักผ่านหน้าพี่ไป


ถ้าหากพี่รู้ว่านั่น เป็นครั้งสุดท้ายที่พี่จะได้เห็นเธอ หนุ่มน้อยในเงาร่างของกายสังขารที่พี่คุ้นเคย พี่คงไม่ปล่อยให้เธอเดินจากไป และจะทำทุกอย่างเพื่อจะยื้อยุดเธอไว้ แต่ใครเล่าจะรู้วันข้างหน้า วันเวลาที่ผ่านไปนั้นเหมือนเฉือนหัวใจเราทิ้ง หลังมองตามหลังเธอ เงาของเธอทอดออกไปไกลตาจนลับหาย


แล้วเธอก็จากไปจริงๆ ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง เพลง คนที่เธอรัก ลูกสาวของเธอโตขึ้นมาก เธอรู้ไหมว่าเธอได้เพาะความแข็งแกร่งไว้ในใจลูกแล้ว ภาพที่เธอไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตายังสว่างอยู่ในใจลูก มันมีค่ากว่าสิ่งใดทั้งนั้น เธอคงไม่มีอะไรที่ต้องห่วงกังวลอีกแล้ว

 


พี่ยังนั่งอยู่ที่นี่ ที่ที่อยากให้เธอมาเห็นก่อนที่จะจากไป ที่ที่พี่หวังไว้ว่าเราจะนั่งคุยกันจนดึกดื่นเหมือนที่เราเคยทำ หากแต่เธอไม่มีโอกาสได้มาแล้ว เหลือเพียงพี่ที่ยังทนทุกช์ทรมานกับกายสังขารนี้จนกว่าจะแตกดับ แล้วตามเธอไป เวลาที่ยังเหลือพี่รู้ว่ามันมีค่าที่สุด พี่ตั้งใจที่จะทำดี เป็นคนดีที่สุด เพื่อยกให้เป็นกุศลแด่ดวงวิญญาณของเธอ ให้เธอมีแต่ความสุขสงบในภพภูมิที่เธออยู่


พี่อยากจะขอบคุณความแน่วแน่ในหัวใจเธอ น้องรัก มันทำให้พี่ลุกขึ้นมาจากความป่วยไข้แล้วตั้งใจทำชีวิตที่เหลือให้ดีที่สุด อย่างสุดความสามารถเหมือนที่เธอเป็น ขอให้พี่ได้ทำส่วนต่อของเธอที่เธอคิดฝันไว้ ขอให้พี่แน่วแน่และมุ่งมั่นนะน้องรัก ให้เหมือนกับหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ของเธอ


เรายังไม่ได้บอกลากันเลย หนุ่มน้อย วันที่เธอโทรมาจากโรงพยาบาลวันสุดท้ายของเธอนั้น เหมือนคำบอกลาของเธอ หากแต่พี่ไม่รู้เลย พี่ยังนึกว่า ฟ้าเบื้องบนให้โอกาสเธอและพี่อีกยาวไกล เพลงที่เราต่างชอบยังก้องอยู่ในใจพี่ เสียงหอบหายใจของเธอยังดังอยู่ไม่รู้เลือน


วันนี้ถึงเวลาบอกลาแล้ว หนุ่มน้อย พี่โบกมือให้เธอเหมือนทุกครั้งที่เราจากกัน โบกด้วยหัวใจอาลัยหาท่วมท้น ลาก่อนน้องรัก ลาก่อน จนกว่าเราจะพบกัน

 

พี่รักเธอ

จากพี่สาวของเธอ

 

 

 

บล็อกของ มาลำ

มาลำ
โป้ง น้องรัก พี่คิดถึงเธอเหลือเกิน หนุ่มน้อยของพี่ ครบหนึ่งปีของการจากไปอยู่ที่แห่งใหม่ของเธอแล้ว โลกใหม่ของเธอเป็นอย่างไรบ้าง หลังการดับลงของลมหายใจ พี่รู้ว่าเธอออกเดินทางต่อ เธอผู้ไม่เคยเบื่อที่จะออกเดินทาง เป็นหนึ่งปีที่ผ่านมาอย่างน่าแปลกใจ เพราะเราคุยกันผ่านความเงียบ จากที่เราเคยได้ยินเสียงของกัน กลับกลายเป็นพี่คุยกับเธอผ่านสมุดบันทึก บางเรื่องที่พี่คิด สิ่งที่พี่อยากให้เธอรู้ ถ้าเธอยังอยู่ บางคำถามของพี่ เธอจะตอบพี่ว่าอย่างไรหนอ
มาลำ
แม่ชงยาสมุนไพรทองพันชั่งมาให้ฉัน กินในตอนเช้าและตอนเย็น แม่บอกว่ามันช่วยฆ่าฤทธิ์ยาที่ฉันแพ้ แม่ยังเอาใบย่านางผงที่ฉันซื้อติดบ้านไว้ตลอดมา ชงให้ฉันกินด้วย ส่วนเธอก็ต้มใบรางจืดที่งอกงามอยู่ในรั้วบ้านของเราตรงกอไม้ไผ่ให้ฉันกินแทนน้ำ เธอบอกมันคงช่วยเรื่องดับพิษ ทำให้อาการเจ็บที่หัวใจตลอดเวลาของฉันลดลง
มาลำ
เช้าแล้ว วันนี้ ฉันนอนอยู่บนเตียงที่บ้าน สิบกว่าวันแล้วที่ฉันนอนไม่หลับ ทั้งที่พยายามข่มตานอน ไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะนอนไม่หลับได้เป็นเวลานาน ฉันนึกถึงคนไข้โรคจิตที่ฉันเคยพบ บางคนต้องกินยานอนหลับตลอดเวลาเพราะอาการที่ไม่นอน ฉันรู้สึกเหมือนออกเดินไปกลางทะเลทรายที่แห้งผากและร้อนระอุ เนื้อตัวหน้าตาฉันเต็มไปด้วยรอยแผลสีคล้ำ อาการเจ็บที่หัวใจแปลบปลาบตลอดเวลา ฉันได้แต่สมเพชสังขารอันน่าเวทนาของฉัน
มาลำ
ฉันนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลครบสิบวันแล้ว แม่ยังเป็นคนทำอาหารเจให้ฉันกินทุกวัน กลางวันแม่จะเป็นคนที่อยู่เป็นเพื่อนฉันที่โรงพยาบาล เธอจะกลับบ้านไปทำงานหลังส่งเทวดาน้อยไปโรงเรียนแล้ว ตกเย็นหลังไปรับเทวดาน้อยจากโรงเรียนแล้ว เธอจะไปส่งแม่ที่บ้านเพื่อให้แม่นอนเป็นเพื่อนหลานสาวของฉัน กิจกรรมของเธอวนเวียนอย่างนี้ตลอดทั้งสิบวันที่ผ่านมา
มาลำ
ฉันนอนอยู่บนเตียงคนไข้ มองหน้าเธอที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างเตียง แม่กลับไปบ้านเพื่อทำกับข้าวมาให้ฉันที่โรงพยาบาล แผลพุพองที่หัวและ หน้าของฉันเริ่มแห้งลง อาการเจ็บหน้าอกยังแปลบปลาบอยู่ตลอดเวลา ฉันบอกหมอว่า ฉันไม่อยากได้น้ำเกลือ ฉันจะพยายามกินน้ำ กินข้าวเอง ปากที่พองเจ่อของฉันยังเต็มไปด้วยเลือด ฉันจึงกลืนอะไรได้ลำบาก
มาลำ
เป็นครั้งแรกของเธอที่ได้มีโอกาสมานอนที่บ้านของฉัน ตอนค่ำมีพิธีส่งตัวเข้าหอ แม่และพ่อนั่งอยู่ข้างๆฉัน ลุงผู้ใหญ่ที่แม่เคารพมาเป็นคนส่งตัวเราทั้งสอง ลุงเริ่มต้นการส่งตัวด้วยคำกลอนที่บอกถึงการอยู่ร่วมกันของคนสองคน ลุงคุยกับเราทุกเรื่อง ถ้อยคำที่ลุงใช้เป็นคำที่กินใจ สนุก บางคำทำให้น้ำตารื้น
มาลำ
หลังฉันกลับจากเกาะ แม่มาหาฉันที่แฟลต แม่บอกว่ามีเรื่องมาปรึกษาฉัน ฉันนอนมองหน้าแม่อยู่บนเตียงหลังลงเวรดึกมา ฉันนอนฟัง แม่เล่าเรื่องโน้น เรื่องนี้ให้ฟังแล้วบอกฉันว่า มีผู้ชายส่งแม่ของเขามาสู่ขอฉัน เป็นคนที่ฉันเคยรู้จัก ถ้าฉันตอบตกลง เขาจะจัดงานแต่งงานเลย ฉันลุกขึ้นมานั่งอย่างอัตโนมัติด้วยความตกใจ มีคนอย่างนี้ในโลกหรือแม่ คนที่ไม่ได้รักกัน ไม่ได้เรียนรู้กันต้องมาอยู่ด้วยกัน แม่หัวเราะ ก็แม่ไงลูก ตอนที่ย่ามาขอแม่ให้พ่อนั้น แม่และพ่อเคยเห็นกันเพียงครั้งเดียว แม่รู้แต่ว่าพ่อหน้าตาเหมือนเด็กดื้อๆ แล้วแม่ก็แต่งงานกับพ่อ
มาลำ
เธอหายไปนาน จนวันหนึ่งเสียงเธอดังผ่านสายโทรศัพท์มา ไปเที่ยวเกาะกันไหม เธอถามฉัน ฉันหัวเราะ ถามเธอกลับไป จะหลอกฉันไปปล่อยเกาะหรือเปล่า เธอหัวเราะแล้วบอกว่า ไม่หลอกนะ เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่าไม่เคยคิดที่จะหลอกฉัน เธอจะไปเขียนหนังสือที่เกาะ ไปส่งเธอหน่อยนะ รุ่นพี่จากปัตตานีเป็นหัวหน้าอุทยานอยู่ที่นั่น มีบ้านพักว่างอยู่หนึ่งหลัง เป็นเกาะในจังหวัดระยอง ชื่อเกาะมันใน อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ไปดูกันไหม
มาลำ
เธอกลายเป็นนักเขียนเต็มตัว เธอลาออกจากงานหนังสือเสียงภูเขาเพื่อเป็นนักเขียนเพียงอย่างเดียว ยอมรับความลำบากทุกอย่างที่ประเดประดังเข้ามาเป็นความทุกข์ของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความยากไร้ ความอดอยาก ความปวดร้าวจากแรงบีบคั้นจากครอบครัวด้วยเธอเป็นลูกชายคนโตที่เลือกทางทุกข์ หนทางก้าวเดินมืดมน ว้าเหว่โดดเดี่ยว เดียวดาย
มาลำ
เธอออกเดินทางเร่ร่อนในกรุงเทพ ไปนอนที่บ้านของน้องชายคนที่เธอรักและสนิทด้วยมากๆ เป็นน้องชายที่เคยเรียนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เคยได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ร่วมทำหนังสือเลโคลนจุลสาร ทำให้รักและผูกพันกันมาก  ไปนอนตามผับของเพื่อนนักดนตรี  ห้องแคบและร้อนอบอ้าว ใช้เวลาแต่ละวันอย่างอดทน  เหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง เหมือนชีวิตต้องขับเคี่ยวให้ผ่านไปในแต่ละวัน  เธอปวดร้าวกับสิ่งแสวงหาและความฝัน แต่เธอไม่ท้อถอย เธอสู้ต่อ แล้วเธอก็แต่งเพลงชื่อเพลง หมาจร   เธอร้องให้ฉันฟังทางโทรศัพท์
มาลำ
ฉันเรียนจบจากที่นี่อย่างมีความสุข เพื่อนฉันกลายเป็นนักพูดดีเด่นไปจริงๆ เพื่อนบอกว่า ค้นเจอแล้วว่าสิ่งที่ดีที่สุดของชีวิตคืออะไร เพื่อนไปพูดตามที่ต่างๆอย่างเชื่อมั่นและมีความสุข
มาลำ
หอพักมีทั้งหมดสิบชั้น ห้องสมุดอยู่ชั้นล่างสุด เปิดจนถึงสี่ทุ่ม ที่นั่นเป็นที่หมกตัวของฉันเช่นเคย ฉันอ่านหนังสือจนหมดทุกเล่มที่มีในห้องสมุด วนเวียนอ่านซ้ำไปซ้ำมาในบางเล่ม อาจารย์ที่ดูแลหอพักใจดีจะเปิดหอให้พาใครมาก็ได้มาร่วมปาร์ตี้ในคืนไฟรไนท์ หรือคืนวันศุกร์ของก่อนปิดเทอม จำได้ว่า มีวงดนตรีมาเล่นชื่อวงดิอินโนเซนท์ เล่นเพลงสนุกและเพราะพริ้งให้พวกเราเต้นกันทั้งคืนจนเกือบสว่าง