ใครจะนึกว่าเธอต้องเดินเข้าไปในโรงพยาบาลในฐานะคนไข้ โรงพยาบาลนี้ เธอเคยเดินมาตั้งแต่ยังเล็ก เป็นเด็กในโรงพยาบาลที่คุ้นเคยกับทุกคน เป็นโรงพยาบาลที่ฉันเคยไปฝึกงาน ได้รู้จักกับเธอในครั้งแรก
เธอเดินเข้าไปตรวจ เป็นอะไรไม่รู้ครับ มันแน่นๆท้อง กินอะไรไม่ค่อยลง
หมอที่ตรวจก็เป็นหมอรู้จักกัน กดท้องของเธอแล้วบอกเบาๆว่าตับโตมาก เธอกินเหล้ามากเกินไปหรือเปล่า สูบบุหรี่ด้วยใช่ไหม ลดลงบ้างนะ หมอบอกเธอ
กี่ปีแล้วนะที่ใช้ชีวิตอย่างนี้ เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เธอรำพึงหลังปั่นจักรยานกลับบ้าน คำพูดหมอดังแว่วมา สงสัยเป็นตับแข็งนะ ต้องทำอัลตราซาวด์ดูแล้ว วันคืนของเธอกำลังสั้นลงแล้ว เธอนึกแล้วรู้สึกกลัว วันข้างหน้าจะได้พบกับอะไรบ้างหนอ ภาวนาให้มันผ่านไปด้วยดีเถอะนะ เธอบอกตัวเอง
แล้วสิ่งที่หมอพูดก็เป็นจริง เธอต้องเดินเข้าเดินออกในโรงพยาบาลเพื่อตรวจรักษา เธอกลายเป็นคนไข้ เส้นทางของชีวิตเธอเดินวนไปสู่เวลาของความเจ็บปวด เธอถูกเจาะเลือด เจาะท้อง ผอมลง น้ำหนักตัวเหลือเพียงสามสิบแปดกิโล เมื่อท้องของเธอบวมขึ้น หมอเจาะน้ำออกเพื่อลดอาการอึดอัด ร่างกายเธอยับเยินไปหมดแล้ว
แม้จะผอมลง เหนื่อยง่าย บางคืนไม่ได้นอนเลยต้องลุกมานั่งหอบ ร่างผอมๆของเธอนั่งอยู่อย่างนั้นท่ามกลางความมืด เธอมองเห็นกีต้าร์ เพื่อนรักของเธอที่มองมาอย่างเห็นอกเห็นใจ มันนิ่งเงียบ ไร้ถ้อยคำปลุกปลอบ เธอลุกขึ้นฝืนความเหนื่อยล้า หยิบมันขึ้นมาแล้วเพลงไร้ถ้อยคำก็หลั่งไหลออกมา ท่วงทำนองเหมือนสายน้ำไหล ชุบหัวใจที่ฟุบแฟบของเธอ
จนแสงสีทองจับขอบหน้าต่าง ความเหนื่อยหอบที่มีของเธอมันบรรเทาเบาบางลงอย่างน่าประหลาดใจ เธอรู้แล้ว มีบางอย่างที่มหัศจรรย์ผ่านมาจากเสียงเพลงเหล่านั้น มันทำให้เธอลุกได้ หายเหนื่อยและกล้าเดินต่อ หัวใจของเธอเข้มแข็งขึ้น มันเต้นแรงอยู่ในร่างผอมบางที่เหมือนจะแตกดับนั้น
เธอยังคงเดินหิ้วกีต้าร์ ไปเล่นที่ร้านวันละหนึ่งชั่วโมง ร้านเดิมที่มีคนฟังมานั่งคอยเธอ ชายหนุ่มผอมบางเหมือนจะปลิวลมคนนี้ หลายคนทอดตามาอย่างเป็นห่วงเป็นใย เธอรู้ ในเสียงเพลงมีความรักที่โอบกอดเธอไว้ ปลุกปลอบหัวใจให้เข้มแข็ง ฝืนความเหนื่อยล้า ให้ทำนองอ่อนหวานเหมือนต่อลมหายใจที่กำลังจะขาดห้วงลง
เธออยู่ตรงนั้นตรงรอยต่ออันอ่อนไหวของเสียงเพลงและชีวิต มีสายใยจากคนฟังที่เป็นลูกศิษย์เธอ คนที่เรียนการเล่นกีตาร์จากเธอ ดั้นด้นพาเธอไปหาหมอที่กรุงเทพ เธอดีขึ้นบ้างแต่ไม่อยากรบกวนเขาอีก แม้เขาอยากเห็นเธอหายจากอาการที่เป็นอยู่ เธอได้แต่ขอบคุณเขาในใจ เธอรู้บนเส้นทางที่เผชิญทุกข์ เธอไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดาย เสียงเพลงได้โอบรัดหัวใจของเธอและใครๆเอาไว้ด้วยกัน เหมือนช่วยต่อเรี่ยวแรง เยียวยาชีวิตที่เหลืออยู่
เธอยังคงเดินเข้าออกในโรงพยาบาล เป็นคนไข้ที่คุ้นเคยกับการรักษา เหมือนสำเนียงที่เธอได้ยินมาตั้งแต่เล็กจนโต รู้ความหมายและเข้าใจขั้นตอนของมันอย่างลึกซึ้ง
เธอรู้แล้ว ชีวิตมีเรื่องราวที่คาดไม่ถึงรออยู่ มันไม่ได้หอมหวานเหมือนที่เราเคยหวัง ไม่เหมือนตอนที่เธอยังดั้นด้นตามหาความฝันของตัวเอง เธอยังมีเรี่ยวแรง เปี่ยมไปด้วยพลังและความเชื่อมั่น มันพลุ่งพล่านอยู่ในหัวใจที่ร้อนผ่าว เหมือนน้ำหลากในฤดูฝน กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากไหลเซาะทุกอย่างที่ขวางหน้า เพื่อไปให้ถึงจุดหมายในใจเธอ
ต่างกับวันนี้ของชีวิต เหมือนท่วงทำนองสายน้ำที่ไหลเอื่อยลง แม้มันยังคงไหล แต่พลังของสายน้ำอ่อนแรง เหมือนใจและกายที่อ่อนล้าของเธอ มีแต่ความทุกข์ ความเจ็บปวด ห้วงน้ำของชีวิตกลับกลายเป็นสีเทา สีของความอ่อนล้า ปวดร้าว
ในห้วงทุกข์สีเทาของเธอนั้น มีบางอย่างที่ส่องประกายแวววาม สีที่เปล่งแสงอ่อนหวานพุ่งออกมาจากสีครึ้มนั้นมีทำนองแผ่วหวาน เป็นบทเพลงจากมือที่พยุงตัวเธอให้ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ ทำให้เธอก้าวผ่านความเจ็บปวด ออกมารับแสงที่อ่อนไหวสวยงามเหมือนสีรุ้ง
เพลงยังคงเปล่งทำนอง แม้แต่ละก้าวของเธอเหมือนมีใครถ่วงเท้าไว้ มันหนักอึ้ง รวดร้าว แต่เธอรับรู้แล้ว มันยังคงดังแว่วอยู่ในใจเธอ ทำให้เธอมีพลัง มีเรี่ยวแรงที่จะเดินต่อ
แม้เธอจะรับรู้ว่า ท่อนสุดท้ายที่ทุกคนต้องพบเจอ รออยู่ข้างหน้า ในวันที่ยังมาไม่ถึง ในสังขารที่ไม่จีรังยั่งยืนของชีวิต แต่เธอไม่หวาดหวั่นมันอีกต่อไป มือที่เปี่ยมพลังของเธอกรีดลงบนสายกีต้าร์ เสียงที่กังวานรับ ลึกลับเหมือนสิ่งที่ไม่ได้คาดคิด เหมือนความลับของการมีชีวิตอยู่เพื่อค้นหาและพบเจอทำนองอันอ่อนหวานของมิตรภาพ ทำให้หัวใจของเธอเชื่อมั่น อบอุ่นยิ่งนัก