พ่อเพ้อทั้งคืนจนฉันตกใจ ทั้งเป็นประโยคยาวๆ บางคราวเหมือนพึมพำอยู่ในลำคอ หลายครั้งฉันเผลอตอบเพราะนึกว่าพ่อพูดกับฉัน แต่เปล่า พ่อกลับหลับต่อหลังจากที่ฉันส่งเสียงตอบ หลายคำที่พ่อเพ้อ ฟังเหมือนเรียกชื่อใครหลายคน เวลาที่พยาบาลมาวัดความดัน ฉีดยา พ่อลืมตามาดูเหมือนพ่อตื่น แต่พอฉันถาม พ่อกลับหลับตาต่อเหมือนยังไม่ตื่น
เช้าแล้ว แม่มาถึงข้างเตียงพร้อมข้าวต้มเช่นเคย หลังเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าและผ้าปูเตียงนอนใหม่ พ่อหลับสนิท แม่ถามฉันว่าเป็นอย่างไรบ้าง ฉันสบตาแม่แล้วบอกว่าความดันเลือดยังต่ำอยู่ต้องให้ยาเพิ่มความดันต่อ อย่างอื่นก็ดูดีนะ พ่อหายใจปกติและไม่มีไข้ มีอย่างเดียวที่น่าตกใจก็คือพ่อเพ้อทั้งคืน หลายคำที่พูดจาเหมือนเสียงคนโบราณ อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยา หรือว่าหลังพ่อช็อคคงเป็นธรรมดาที่จะเพ้อ ใช่หรือเปล่านะแม่ ฉันถามแม่เบาๆ
แม่สบตาฉันแล้วดึงฉันออกมาจากข้างเตียงพ่อ จูงมือฉันมานั่งที่ระเบียงตึก หลังปูเสื่อลงแล้วแม่บอกฉันว่า กินข้าวก่อนนะ แม่มีอะไรจะบอกให้ฟัง
แม่เล่าว่า วันแรกที่พ่อช็อค แม่นั่งเฝ้าพ่ออยู่ข้างเตียงหลังจากที่คลายความวุ่นวายลงแล้ว แม่ว่าแม่ยังรู้ตัวอยู่แต่เหมือนอยู่ในภวังค์เคลิ้มๆใกล้หลับ แม่ได้ยินเสียงดังในหูว่า
มันไม่เชื่อกู ไม่เคารพกู มันเลยต้องเจออย่างนี้เลย แล้วก็เป็นเสียงหัวเราะ แม่ขนลุกไปหมด สะดุ้งสุดตัว แม่ว่าพ่อคงทำผิดอะไรสักอย่าง ที่สำคัญพ่อคงไม่สนใจเรื่องอะไรอย่างนี้ แม่เลยไม่ได้เล่าให้พ่อฟัง
แม่บอกฉันเบาๆว่า ลูกคงจำได้ บ้านเรามีห้องสวดมนต์ของแม่ มีหน้ากากนายพรานและกระดูกของบรรพบุรุษ สงสัยเขาจะโกรธพ่อ แม่ต้องกลับไปขอโทษเขาก่อนและขอให้เขายกโทษให้พ่อ พ่อจะได้ดีขึ้น
ถ้าทำให้แม่สบายใจก็ทำเถิด ฉันยิ้มให้แม่
สมัยที่มีมโนราห์โรงครูที่บ้านปู่ ซึ่งมีการเข้าทรงหลังการรำมโนราห์ ฉันชอบนั่งข้างหน้าสุดเพื่อดูทุกอย่างให้เต็มตา ฉันชอบการรำมโนราห์ เสียงกลองทับที่ตีฉับฉับสะเทือนเข้าไปในหัวใจ ปี่มโนราห์โหยหวนส่งเสียงแทนคำร้อง หลายครั้งที่คนฟ้อนมาฟ้อนอยู่ตรงหน้า ฉันจ้องตาเขาพบว่าแววตาเลื่อนลอย หรือการรำคือการเข้าทรง ฉันนึกสงสัย
ยิ่งในเวลากลางคืน มโนราห์โรงครูยิ่งขลัง น้ำเสียงกลองทับและปี่ยิ่งดังก้องกังวาน เร่งเร้า สั่นหัวใจของเราเหมือนจะให้ออกมาเต้นอยู่นอกอก คนรำมโนราห์นั้นเล่า ฉันไม่กล้าสบตาเขาเลย เพราะตาที่แข็งกร้าวนั่นเหมือนจะสะกดจิตคนนั่งหน้าโรงได้ ถึงกระนั้นฉันก็ยังนั่งดูตาไม่กระพริบจนกระทั่งมโนราห์เลิกในตอนที่ดึกมากแล้ว แล้วฉันก็หลับอยู่หน้าโรง ไม่ยอมลุกไปที่ไหนจนโรงมโนราห์ถูกถอนออก
ทุกครั้งที่มีมโนราห์โรงครู ฉันต้องขอแม่ไปดูเสมอ บางคราวมีการซัดข้าวสารก่อนรำถวาย เป็นการโหมโรง เสียงครูโนราห์ตวาดเด็กๆที่อยู่หน้าโรงให้ถอยไป เดี๋ยวจะถูกของ ฉันยังวิ่งออกมาเสียไกล เพราะกลัวที่ต้องถูกเข้าทรง นึกถึงอาของฉันที่ต้องเป็นคนทรงในคราวหนึ่ง เธอถูกเข้าทรงอยู่สองวันสองคืนเต็มๆ อาเหนื่อยจนเป็นลม คำถามที่ฉันถามหลังอาฟื้นมาคือ อาหายไปไหนมาถึงสองวัน หลังจากที่อากลายเป็นคนอื่นในสายตาฉัน อายิ้มและหลับต่อ ทิ้งให้ฉันสงสัยและเก็บไปกลัวจนกระทั่งโต
พ่อเป็นคนเดียวที่ไม่เคยลงนั่งเข้าทรง พ่อเดินตัวตรงผ่านหน้าโรงมโนราห์ เป็นพี่ชายคนโตที่น่าเกรงขามของน้องๆ พ่อไม่เคยถูกร้องขอให้มาเข้าทรงเลย ปู่รู้จักพ่อดี
แม่กลับบ้านไปทำอย่างที่พูด พ่อตื่นมากินข้าวต้มของแม่ ฉันถามพ่อว่าพ่อเพ้อทั้งคืน พ่อจำได้หรือเปล่าว่าเป็นอะไร พ่อบอกว่า ไม่รู้หรอกลูกแต่พ่อเหนื่อยจัง เหมือนเดินไปไหนมาที่ไกลมากๆและหยุดพักไม่ได้ พ่ออยากนอนพักมากๆ พ่อพูดแล้วหลับตาต่อ หายใจยาวๆสักครู่เดียว พ่อก็หลับสนิท พลอยให้ฉันนึกถึงอาหลังจากฟื้นตื่นจากการเข้าทรง อาหลับไปอย่างง่ายดายและเหนื่อยอ่อนเหมือนกับพ่อ
ฉันเช็ดตัวให้พ่อใหม่ กลิ่นยาจากตัวพ่อฉุนแตะจมูก พ่อหลับลงอีกครั้งและครั้งนี้ยาวนานจนฉันตกใจ
เย็นย่ำแล้ว พยาบาลมาวัดความดันเลือดตลอดทุกสองชั่วโมง พ่อก็ยังหลับอยู่อย่างนั้น หน้าตาที่บวมเพราะแพ้ยาเริ่มยุบลงบ้าง ปากที่เจ่อก็ยุบลง ความดันเลือดเริ่มดีขึ้น แต่พ่อยังหลับแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นจนพลบค่ำ