Skip to main content

บทความที่แล้ว ผมเสนอว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม “พันธมิตรประชาชนเพื่ออะไรก็ตามแต่” ไม่สามารถเรียกว่าด้วยคำหรูๆ เกินจริงอย่าง “อารยะขัดขืน” ได้ หากแต่ควรเรียกว่า “อารยะข่มขืน” น่าจะเหมาะกว่า


และผมได้แปลคำว่า “อารยะข่มขืน” ว่าหมายถึงการ “ข่มขืนที่เนียนๆ” อันหมายถึงการละเมิดขืนใจทั้งในระดับบุคคลและระดับสังคมที่ดูเหมือนจะถูกกฎหมายและดูเหมือนจะมีอารยะ แต่ที่แท้แล้ว เลวร้ายไม่น้อยกว่าการใช้กำลังบังคับตรงๆ เพราะเป็นการใช้กลอุบายเล่ห์เหลี่ยมหรือกลวิธีที่แนบเนียนแยบคายในการเข้าไปมีสิทธิเหนือร่างกายและจิตใจของผู้อื่น


ส่วนในระดับของสังคมการเมืองนั้น ก็หมายถึงการทำลายล้างระบอบประชาธิปไตยด้วยรูปแบบวิธีการที่ดูเหมือนว่าจะมีอำนาจบางประการที่ไม่ผิดกฎหมายรองรับ ไม่ใช่การนำรถถังออกมายึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญอย่างตรงไปตรงมาแบบเก่า


ตัวอย่างเช่น การนำเสนอโมเดลการเมืองใหม่! 30 : 70 ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนฯ โดยให้สัดส่วนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีจากการเลือกตั้ง 30 เปอร์เซ็นต์ มาจากการสรรหาหรือลากตั้งพวกเดียวกันเองถึง 70 เปอร์เซ็นต์ หลังจากที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในส่วนของสมาชิกวุฒิสภาหรือสว. ที่พันธมิตรฯ สามารถนำพรรคพวกของตัวเองเข้าไปนั่งในสภาได้โดยไม่กระดาก


ข้อเสนอ 30 : 70 แสดงให้เห็นถึงความคิดรวบยอดและธาตุแท้ของคนกลุ่มนี้ว่ามีแนวคิด ความต้องการ และอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างไร


น่าเสียดายที่พันธมิตรประชาชนฯ ไม่สามารถใช้วิกฤติการเมืองที่เกิดขึ้นนำเสนอทางเลือกที่น่าสนใจที่ “ใหม่” และ “ก้าวหน้า” เพื่อเป็นทางเลือกแท้จริงให้แก่ประชาชนได้ดีกว่านี้ ทั้งที่ลงทุนปิดถนนประท้วงเป็นแรมเดือน ทุ่มเททุนหมดหน้าตัก แต่กลับเสนออะไรที่ไม่เข้าท่าน่าผิดหวัง ซึ่งเป็นการประจานตนเองมากกว่าอะไรอื่น หลายคนได้วิพากษ์วิจารณ์ไปแล้วว่าโมเดลการเมืองของพันธมิตรฯ “ล้าหลัง” และ “เก่า” และแย่เพียงใด


ผมเพียงแต่อยากจะย้ำให้เห็นว่านี่เป็นข้อเสนอของพวกฝ่ายขวาจัด ที่ชอบขายสินค้ายี่ห้อ ”คุณธรรม จริยธรรม” และเชื่อว่าการเมืองควรจะเป็นเรื่องของผู้ดีหรือของอภิสิทธิชนเท่านั้น และนี่เป็นการข่มขืนประชาธิปไตยแบบมีอารยะของกลุ่มพันธมิตร


พันธมิตรฯ สามารถยกข้อกฎหมายมารับรองการกระทำของตนเองได้ทั้งสิ้น แม้ว่าการชุมนุมของคนกลุ่มนี้จะสร้างความเดือดร้อนให้สังคมอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์โดยรวมของประเทศหรือความเดือดร้อนที่เกิดแก่ชีวิตปกติของคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย อย่างเช่น เด็กนักเรียนหรือคนทำงานที่ต้องอาศัยถนนในการเดินทาง


กลุ่มพันธมิตรฯ มองเห็นความเดือดร้อนของผู้อื่นเป็นเรื่องเล็กในขณะที่ความต้องการของตนเองเป็นเรื่องใหญ่ และถูกต้องอยู่เสมอ อีกทั้งทำให้คนที่ “คิดต่าง” กลายเป็นคนผิดหรือปีศาจไป อย่างไรก็ตาม ต้องขอชมเชยนักเรียนและครูอาจารย์จากโรงเรียนราชวินิตที่ไม่ยอมให้พันธมิตรฯ ใช้วาทกรรมในนาม “อารยะ” ทำการ “ข่มขืน”


นักเรียนราชวินิตคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการปิดถนนหน้าทำเนียบของกลุ่มพันธมิตร ฯ ได้ระบายความรู้สึกนึกคิดได้อย่างกินใจดุเดือดได้อารมณ์ไว้ในเว็บไซต์แห่งหนึ่งว่า


ในฐานะรุ่นพี่คนหนึ่งและเป็นคณะกรรมการนักเรียน หนูขอพูดจากใจนักเรียนเลยนะคะ และเพื่อนๆ ในห้องเกือบ 50 คนว่าทำไมถึงไม่อยากให้มีการชุมนุม คุณจะชุมนุมหรือไม่ชุมนุมก็เป็นสิทธิ์ของคุณ หนูไม่มีสิทธิ์ห้าม แต่การที่ทำให้คนอื่นเดือนร้อน ส่งเสียง กลิ่นเหม็น และคำหยาบคายที่กรอกหูทุกๆ วัน ทั้งเวลาเรียนและเวลาพัก หรือเวลาหนูหรือเพื่อนหนูเดินมาผ่านตรงนั้น พวกคุณแซวพวกหนูเสียๆ หายๆ แล้วคุณไปอ้างกับศาลว่ากลัวความไม่ปลอดภัยของผู้ชุมนุม พวกผู้ใหญ่บ้าหรือเปล่าคะ แล้วความปลอดภัยของหนูและเพื่อนๆ หนูล่ะ ใครจะรับผิดชอบ


อันนี้ถนนหลวงมีไว้ใช้จราจร ไม่มีป้ายไหนเลยบอกว่าใช้เพื่อการชุมนุม แหกตาอ่านดูหรือเปล่าคะ ใครคนไหนบอกว่าโรงเรียนไม่เห็นด้วย กล้าออกมาดีเบตกับคุณสรยุทธ์ไหม ดิฉันจะนำเพื่อนนักเรียน ม.6 และ ม.5 และรุ่นน้องไป รับรองไม่ต่ำกว่า 500 คน ไม่เกี่ยวกับครูอาจารย์นะ ลองดูว่าเสียงของเด็ก 500 คนนี้จะพอให้พวกคุณเลิกชุมนุมไหม


วันนี้คุณไปยื่นอุทธรณ์ ถามจริงๆ เถอะ อายหมาไหม? ศาลก็ไม่รับแล้ว คุณยังหน้าด้านบอกว่าจะชุมนุมต่อไป มาดูถูกครูนักเรียนโรงเรียนอีกว่ารับเงิน แหกปากอะไรคะ คนแก่ทั้งหลาย วัน ๆ ไม่มีสาระอะไรเลย ด่าแต่คนอื่น ถ้าเราไม่สามัคคีกันน่ะ เทวดาที่ไหนก็แก้ไม่ได้หรอก อีกอย่างนะ วันที่ไปฟ้องตำรวจน่ะ ไม่ได้มีแต่พวกหนู มีคนไปแจ้งความว่าเดือดร้อนเกือบ 2 พันคน คุณยังจะหน้าด้านมาชุมนุมอีกเหรอคะ ทำไมไม่ไปชุมนุมที่ทุ่งนาที่ไม่มีรถ ห่างจากชุมชนโน้นไม่มีใครว่าคุณหรอก แค่นี้แหล่ะ ที่อยากจะระบาย อีกอย่างคนที่บอกว่าเป็นรุ่นพี่ที่ออกมาดูถูกรุ่นน้องของคุณน่ะ อยากจะบอกนะคะว่า เราราชวินิตไม่เคยมีรุ่นพี่นิสัยเหมือนพันธมิตรฯ แบบนี้”

ขอบคุณค่ะ

5/1
ราชวินิต


ดีนะครับ ที่นักเรียนรู้จักปกป้องสิทธิของตนเอง ไม่ยอมให้พันธมิตรฯ ล่วงล้ำลามปามไปมากกว่าที่เป็นอยู่ กระนั้นก็ตาม พันธมิตรฯ ได้ย้ายที่ปิดถนนจากหน้าทำเนียบ มาปิดถนนที่สะพานมัฆวานเหมือนเก่าและยังคงตั้งหน้าตั้งตาดำเนินการ “อารยะข่มขืน” ต่อไป.


บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ก่อนอื่นคงต้องขอยอมรับในความสามารถของชัย ราชวัตร ที่สามารถตรึงใจผู้อ่านคอลัมน์ “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมายาวนานหลายปีจนกระทั่งถึงปัจจุบันและดูเหมือนว่าสามารถสร้างแฟนการ์ตูนรุ่นใหม่ ๆ ได้ไม่น้อย ความน่าสนใจประการหนึ่งของการ์ตูนคอลัมน์ “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” อยู่ที่การสร้างบทสนทนาระหว่างตัวการ์ตูนเพียงไม่กี่ประโยค แต่สื่อความหมายได้มากมายเสียยิ่งกว่าบทความที่ยาวเต็มหน้ากระดาษชัย ราชวัตร ใช้วาจาสั้น ๆ ในการเสียดสีหรือวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานการณ์ปัจจุบันหรือบางครั้งเป็นการกล่าวหาใส่ความเกินจริง โดยที่เขาตัวเขาเองไม่ต้องรับผลอันใดจากการกระทำของตนเอง ตัวอย่างเช่นไทยรัฐ, 26…
เมธัส บัวชุม
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ ชัย ราชวัตร แสดงความหยาบของตัวเองผ่านการ์ตูนชุด “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” ที่เขียนให้กับหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ไทยรัฐ ชัดเจนอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงวิกฤติการเมืองสมัยทักษิณ ชินวัตร จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ชัย ราชวัตร เอาการเอางานอย่างมากในการใช้ตัวการ์ตูนโจมตีฝ่ายที่ตนเองไม่ชอบ บางครั้งเขาออกอาการก้าวร้าวผิดปกติเมื่อความขัดแย้งทางการเมืองแหลมคม เป็นผลให้การ์ตูนของเขาแตกต่างจากการ์ตูนของคนอื่น ๆ คือเป็นการ์ตูนที่เด็ก ๆ อ่านไม่รู้เรื่องเพราะอ้างอิงกับข้อมูลและความเป็นไปในสถานการณ์ปัจจุบัน อันที่จริงความน่าสนใจของหนังสือการ์ตูนโดยทั่วไปนั้นอยู่ที่การใช้ “ภาพ” เป็นตัวเล่าเรื่อง…
เมธัส บัวชุม
อาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ เพื่อนโทรมาชวนผมไปฟังการสัมมนาที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่จัดขึ้นเนื่องในงานธรรมศาสตร์วิชาการ เรื่อง “ก้าวต่อไปของการเมืองภาคประชาชนไทยหลังการเลือกตั้งทั่วไป 2550” เพื่อนบอกว่ามีคุณจาตุรนต์ ฉายแสง คุณจอน อึ๊งภากรณ์ คุณศิโรฒม์ คล้ามไพบูลย์ นพ.เหวง โตจิราการ คุณรสนา โตสิตระกูลผมได้ยินรายชื่อแล้วรู้สึกสนใจโดยเฉพาะคุณจาตุรนต์ ฉายแสง นักการเมืองคุณภาพที่หาได้ยากยิ่งในแวดวงการเมืองไทยปัจจุบัน แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็ผิดหวัง คุณจาตุรนต์ ฉายแสง ไม่มาร่วมวงสัมมนาแต่อย่างใด คุณศิโรฒม์ คล้ามไพบูลย์ นำเสนอการวิเคราะห์อย่างเป็นวิชาการ อย่างไรก็ตาม…
เมธัส บัวชุม
คงเป็นเพราะความเชี่ยวชาญส่วนตัวหรือเคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายเรื่องยาเสพติดมาก่อน คุณเฉลิม อยู่บำรุง จึงนำเสนอนโยบายปราบปรามยาเสพติดเพื่อหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหนึ่งว่าจะจัดการเฉียบขาดต่อพ่อค้า (และแม่ค้า) ยาเสพติดโดยลงโทษรุนแรงคือประหารชีวิต อย่างไรก็ตามคุณเฉลิม อยู่บำรุงไม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นผู้แทนในครั้งนั้น ดังนั้น นโยบายอันดุดันเรื่องนี้ของคุณเฉลิม  อยู่บำรุงจึงถูกพับเก็บไปการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นโยบายทางสังคมอย่างเรื่องยาเสพติดและเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้ถูกชูขึ้นหาเสียงมากนัก ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหลายโดยมากแล้วจะเน้นเรื่องนโยบายทางเศรษฐกิจ การสร้างความอยู่ดีกินดี…
เมธัส บัวชุม
การหวนกลับมาระบาดอย่างหนักของยาเสพติดในปัจจุบัน ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด และได้ผลของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่ถึงแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนักสิทธิมนุษยชน แต่ข้อดีอันเป็นรูปธรรมที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือยาเสพติดได้ลดหายไปจากสังคมไทยอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน-นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผม “คิดถึง” อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร การเอาจริงเอาจังกับปัญหายาเสพติดของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายเดือดร้อนถูกจับกันถ้วนหน้าทั้งที่ก่อนหน้านี้ซื้อและขายอย่างสะดวกสบายโดยที่รัฐบาลไม่มีปัญญาจะจัดการได้ ผู้ขายยาเสพติดรายใหญ่คนหนึ่งบอกว่า เขาสามารถซื้อตำรวจได้ทั้งจังหวัด…
เมธัส บัวชุม
อาจารย์สมศักดิ์  เจียมธีรสกุล ภาควิชาประวัติศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิพากษ์วิจารณ์ชนชั้นกลางบางกลุ่มที่เป็นพวก “สองไม่เอา” คือไม่เอาทั้ง “ทักษิณ” และ “ไม่เอารัฐประหาร” จนเป็นประเด็นถกเถียงน่าสนใจทางโลกไซเบอร์นักวิชาการบางคนพยายามที่จะไปให้พ้นจาก “สองไม่เอา” โดยพูดถึง “ทางเลือกที่สาม” แต่ที่สุดก็ไม่สามารถบอกได้ว่า “ทางเลือกที่สาม” นั้นคืออะไร การพยายามค้นหาหรือสร้าง “ทางเลือกที่สาม” มีข้อดีในแง่ที่ว่าอาจช่วยเปิดจินตนาการทางการเมืองให้กว้างขึ้นแต่ก็นั่นแหละใครจะบอกได้ว่า “ทางเลือกที่สาม”  เป็นอย่างไร  “ทางเลือกที่สาม” มีจริงหรือ ?เมื่อ “ทางเลือกที่สาม” ไม่มีอยู่จริง…
เมธัส บัวชุม
คุณสมัคร  สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน พูดถึง “มือสกปรก” และ “มือที่มองไม่เห็น” ที่พยายามสอดเข้ามาจุ้นจ้านแทรกแซงการเมืองเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล คุณสมัคร สุนทรเวชบอกว่าเป็นมือที่อยู่ “นอกวงการเมือง” เป็นมือที่จะเข้ามาทำลายระบอบประชาธิปไตยเสียงข้างมาก โดยมีความต้องการที่จะขัดขวางพรรคพลังประชาชนไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล“ไอ้มือสกปรกที่อยู่ข้างนอก ที่จะยื่นมาทำให้การเลือกตั้งล้มเหลวนั้น ผมขอแถลงว่า เราต้องทำอย่างนี้ เพื่อรักษาเกียรติยศ เกียรติคุณของ กกต.ไม่ให้ท่านโดยอำนาจมืดมาบีบบังคับ มาทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นการเฉไฉ ทั้ง 4 พรรค เราได้ตกลงกันแล้วว่า เราจะดำเนินการตั้งรัฐบาล ซึ่งตั้งได้แน่นอน…
เมธัส บัวชุม
-1-ครั้งที่แล้ว ผมเขียนแสดงความคิดเห็นต่อบทความของศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ ซึ่งเขียนยกย่องว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความสง่างามออกมาสามเรื่องจนทำให้เหมาะกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่ถึงเวลานี้ไม่ทราบว่าศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ จะยังเห็นว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังมีความสง่างามอยู่อีกหรือไม่เพราะหลังจากที่พ่ายแพ้ต่อพรรคพลังประชาชนแล้ว เขาก็ออกอาการที่เรียกได้ว่า "ขี้แพ้ชวนตั้งพรรค"ด้วยแรงหนุนจากบุคคลบางกลุ่ม และองค์กรบางองค์กร ตลอดจนการได้รับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในกรุงเทพมหานครที่มีชัยเหนือพรรคพลังประชาชนพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับคะแนนเป็นอันดับสอง…
เมธัส บัวชุม
ผมรู้สึกประหลาดใจ คาดไม่ถึง เหลือเชื่อ รับไม่ได้ ต่อบทความของศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันจันทร์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2550  ผมอ่านอย่างตั้งใจทีคำ ทีละประโยค  เมื่ออ่านจบแล้ว ได้แต่ส่ายหัว บ่นงึมงัมอยู่คนเดียวว่านิธิ เอียวศรีวงศ์ได้เขียนอย่างที่เขียนไปแล้วได้อย่างไร เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า นิธิ  เอียวศรีวงศ์ ในวัยชรา ได้ทำลายตัวเองด้วยการเขียนบทความอันน่าสะอิดสะเอียนเพื่อชื่นชม คุณอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่างหน้ามืดตามัว เขาเขียนว่า“คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแสดงความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป (…
เมธัส บัวชุม
-1-เป็นที่รู้กันดีว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.ชุดปัจจุบันซึ่งมีคนอย่าง นางสดศรี สัตยธรรม ผู้ซึ่งดูเหมือนจะชมชอบ “สถาบันทหาร” เป็นพิเศษเป็นคณะกรรมการรวมอยู่ด้วยนั้น เป็นองค์กรที่กล่าวได้ว่าคลอดออกมาจาก “มดลูก” ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ที่ทำการรัฐประหารปล้นชิงอำนาจมาจากประชาชน โดยมีพลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน ผู้ซึ่งนอกจากชอบอ้างเรื่อง “ความมั่นคง” แล้วยังชอบอ้างเรื่อง “คุณธรรม จริยธรรม” แต่ว่ากันว่าจดทะเบียนสมรสซ้อนอย่างน้อยสองครั้งเป็นอดีตประธาน  เป็นที่รู้กันดีว่าจุดประสงค์หลักของคมช.และ “บรรดาลูกๆ”  ทั้งหลายก็คือต้องการทำลายล้าง ถอนรากถอนโคน…
เมธัส บัวชุม
-1-การยึดอำนาจโดยกลุ่มทหาร ที่เรียกตัวเองด้วยชื่อที่ฟังดูคุ้นหูสำหรับคนที่พบเห็นหรือศึกษาเกี่ยวกับการรัฐประหารมาบ้างว่า “คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” (คปค.) ในวันที่ 19 กันยายน 2549 นั้นถือเป็นฝันร้ายยาวนานสำหรับสังคมการเมืองไทย และเชื่อว่าจะตามหลอกตามหลอนประวัติศาสตร์ของประชาธิปไตยไปตลอดคณะทหารที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ในเวลาต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเรียกตัวเองเสียใหม่แต่ก็ยังฟังดูคุ้น ๆ อยู่ดีว่า “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ” (คมช.) บัดนี้คำว่า “ความมั่นคง” ปรากฏขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วในรูปของชื่อเรียกและนับจากนี้เป็นต้นไป วาทกรรม “ความมั่นคง”…
เมธัส บัวชุม
หนังสือที่มีชื่อโดนใจใครหลาย ๆ คนเรื่องนี้ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางทั้งจากคนที่เห็นด้วยและคนที่รับไม่ได้แน่นอนว่าพรรคพลังประชาชนจะต้องถูกอกถูกใจที่มีคนมาช่วย "ด่า" รัฐธรรมนูญปี 2550เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่หัวหน้าพรรคฝีปากกล้าของพลังประชาชนเคยลั่นมาแล้วก่อนหน้านี้ว่า "รัฐธรรมนูญเฮงซวย"นักวิชาการน้อยใหญ่หลายคนเห็นตรงกันโดยไม่จำเป็นต้องทำโพลล์ว่ารัฐธรรมนูญปี 50 นั้นเฮงซวยจริง ๆ ทั้งนี้เพราะมันไม่ตอบโจทย์ที่กำลังเป็นปัญหาของสังคม ไม่ตอบคำถามของคนชั้นกลางที่อยากมีชีวิตมั่นคงภายใต้กระแสของโลกาภิวัฒน์ ทั้งยังไม่ช่วยให้คนระดับล่างมองเห็นอนาคตที่ดีขึ้นในวันข้างหน้าแต่รัฐธรรมนูญเฮงซวยฉบับปี 2550…