Skip to main content

ท่ามกลางเสียงตะเบ็งเซ็งแซ่จากนักวิชาการสายพันธมิตร, สื่อสายพันธมิตร, 40 สว. ลากตั้งสายพันธมิตร, พรรคการเมืองสายพันธมิตร, นักสิทธิมนุษยชนสายพันธมิตร, คนกลางสายพันธมิตร, คนดีสายพันธมิตร, ตุลาการสายพันธมิตร และอะไรต่อมิอะไรสายพันธมิตรนั้น เราพอจะได้ยินได้อ่านอะไรที่แตกต่างสร้างสรรค์ เป็นถ้อยคำรื่นหูที่ได้ยินแล้วสบายใจอยู่บ้างแม้จะเป็นส่วนน้อยก็ตาม


เสียงส่วนน้อยเหล่านี้ควรค่าแก่การจดจำตอกย้ำหรือเก็บไว้เป็นหลักฐานอ้างอิง เป็นเสียงแห่งความกล้าหาญที่ช่วยดึงรั้งไม่ให้สังคมเตลิดไปกับความหลงผิด เป็นเสียงแห่งเหตุผลและความถูกต้อง เชื่อว่าหลายคนคงผ่านหู ผ่านตามาแล้ว แต่ขอนำเสนอซ้ำอีกครั้งหนึ่ง


1.
ที่น่ายินดีก็คือการพระราชทานสัมภาษณ์แก่นักข่าวต่างประเทศ ของสมเด็จพระเทพ ฯ เมื่อถูกถามว่า “พระองค์เห็นด้วยหรือไม่ที่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงกล่าวว่า พวกเขากระทำการในนามของสถาบันกษัตริย์”


"
ข้าพเจ้าไม่คิดเช่นนั้น" พระองค์ตรัสตอบคำถาม "พวกเขาดำเนินการสิ่งต่างๆ เพื่อตัวพวกเขาเอง" (ข่าวสด,12 ตุลาคม พ.. 2551, ปีที่ 18 ฉบับที่ 6527)

http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNakV5TVRBMU1RPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBd09DMHhNQzB4TWc9PQ==


2.
อาจารย์สุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักคิดชื่อดัง แม้จะอัดอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ตามระเบียบปฏิบัติของผู้ไม่นิยมทุน แต่ไม่วายที่จะวิพากษ์พันธมิตรฯ ตรงๆ สะใจพวกฮาร์ดคอร์ว่า


การแสดงออกของพันธมิตรก็เป็นเหมือนกับละครน้ำเน่าอย่างหนึ่ง ต้องตีให้แตก เขาไม่มีทางอื่นที่จะเล่นนอกจากจะต้องเล่นบทนี้ เขาไม่มีทางจะอยู่ได้หรอกครับ นอกจากต้องเล่นบทนี้ไม่งั้นแม่ยกต่างๆ ไม่มีทางเข้าไปหรอก บางคนเอาเงินไปให้เขาเป็นหมื่นเป็นแสน คนเหล่านี้รัก...กันทั้งนั้น แต่พันธมิตรจะรักจริงหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ แต่เขาต้องเล่นบทนี้ ถ้าคุณไม่เล่นบทนี้คุณไม่สามารถจะเอาคนชั้นกลางในกรุงเทพฯ ออกมาได้ เพราะคนชั้นกลางตอนนี้มันเบื่อสื่อกระแสหลัก ชนชั้นกลางมันเบื่อ อยู่บ้านมันเหงา ผัวอยู่ห้อง เมียอยู่ห้อง ลูกอยู่ห้อง เล่นแต่คอมพิวเตอร์ ทีวีต่างๆ นี่เล่น เลอะเทอะ มันต้องไปดูของจริง มันก็น้ำเน่าอีกอย่างแต่มันของจริงมากกว่า แล้วที่พันธมิตรทำมา 100 กว่าวัน หรือก่อนหน้านั้น ก่อนที่ที่ทักษิณจะไปคราวที่แล้ว มันก็ไปหาวัฒนธรรมไทยที่ชนชั้นกลางขาด มันเป็นงานวัดครับ ไอ้นี่มันสารพัด มันสนุกครับ มีทั้งอ้อยควั่น โรตี มีทุกอย่างเลยครับ มันสนุก แล้วถ้าเผื่อว่ามี World Cup ฉายหนังฟุตบอลให้เราดูอีก”

http://www.prachatai.com/05web/th/home/14201



3.
ส่วน ม..ณัฐกรณ์ เทวกุล หรือ “คุณปลื้ม” กล่าวในงานเสวนา “วิกฤต และโอกาสประชาธิปไตยไทย” ความตอนหนึ่งว่า


การใช้พระราชอำนาจในราชอาณาจักรไทยนั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการที่แกนนำพันธมิตรจะตัดสินใจออกมาเพื่อจะผลักดันให้มีรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อที่จะเพิ่มหรือลดพระราชอำนาจ


ในส่วนของหัวข้อเดิมที่ตั้งไว้ในเรื่อง “การเมืองใหม่” ของพันธมิตร มีปัญหาคือ คำว่า “การเมืองใหม่” เป็นเพียงวาทะกรรมของกลุ่มคนที่ต้องการจะช่วงชิงจังหวะในปัจจุบันเพื่อร่างรัฐธรรมนูญที่จริงๆ แล้วไม่ได้มีอะไรที่ใหม่เลย"

http://www.prachatai.com/05web/th/home/14162


4.
ส่วนพลตำรวจเอกสล้าง บุนนาค นายตำรวจเก่าซึ่งสร้างผลงานไว้มากมายตอน 6 ตุลา 19 ที่หลายคนคงไม่มีวันลืม มาครั้งนี้ ดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนแปลงไป ผลพวงของการแบ่งฝ่ายทำให้เขาต้องเลือกและเขาก็เลือกถูกเสียด้วย มาดูกันอีกครั้งว่าเขาให้สัมภาษณ์ดีขนาดไหน


ถาม : ในกรณีที่ไปแจ้งความระบุชื่อ พล อ.เปรม กับ พล อ.สุรยุทธ์ ด้วยใช่หรือไม่?  
พล...สล้าง : จะไม่ระบุได้ไงล่ะครับ คือผมมันเป็นโรคอยู่อย่าง ใครทำคุณงามความดีเนี่ผมจะสรรเสริญ แล้วถ้าใครทำร้ายประเทศผมไม่เคยให้เครดิต ผมถูกหนังสือพิมพืบิดเบือน เมื่อ 2 วันนี้ ผมบอกเมื่อก่อนตำรวจไม่เคยกล้าทำอะไรเลยเพราะเกรงใจ พล อ.เปรม แต่ตอนนี้เมื่อตำรวจหมดความเกรงใจอะไรก็ง่าย แต่ถ้าสื่อมวลชนไปบิดเบือนว่าผมเกรงใจ พล อ.เปรมนั้นไม่ใช่ทำร้ายประเทศ ขนาดนี้ผมจะเกรงใจได้ไง คุณเป็นใครจะมาทำร้าย แล้วถ้าเปรียบประวัติกันระหว่างท่านกับตำรวจแย่ๆ ท่านแย่กว่า


ถาม : ที่บอกว่ามีกำลังทหารที่มาจากอากาศโยธิน พลร่ม มีแค่ 2 หน่วยนี้หรือว่ามีอีก?

พล...สล้าง : ต้องการจะบอกว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเสียสละพระวรกายให้บ้านเมือง แต่คนที่อยู่รอบล้อมพระองค์เป็นคนที่ไม่จงรักภักดี การไปแจ้งความครั้งนี้ได้ระบุชื่อบุคคลทั้งสองไว้แล้ว โดยส่วนตัวเห็นว่า ใครก็ตามที่ทำความดีต้องสรรเสริญ แต่ถ้าใครทำร้ายบ้านเมือง จะไม่ให้เครดิตกับคนนั้น เมื่อก่อนตำรวจขยับหรือทำอะไรไม่ได้ เพราะตำรวจเกรงใจ พล..เปรม แต่ขณะนี้ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นไม่มีความเกรงใจแล้ว

http://www.prachatouch.com/content.php?id=11439


5.ทางด้าน เสธแดง ขาบู๊ก็ไม่น้อยหน้า แม้ว่าเขาจะดูแผลง ๆ พิลึกพิลั่น แต่ก็พอมีอะไรเข้าเค้าอยู่บ้างในเรื่องทัศนะเกี่ยวพันธมิตรและการรัฐประหาร เขาบอกว่า


จะเห็นได้ว่า การปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ..ที่ผ่านมา มีกลุ่มเสื้อแดงนปก.บุกกองทัพบก ซึ่งเป็นกำลังมหึมาที่ใหญ่กว่ากลุ่มพันธมิตร นี่คือกลุ่มหนึ่งที่เขาไม่ชอบทหารและหากทหารออกมาปฏิวัติก็มีข่าวว่า เขาเตรียมจะเผารถถัง โดยเอาน้ำมันเบนซินผสมโซล่าใส่ขวดแล้วปาเข้าไป ซึ่งต่างประเทศเขาทำกัน แต่ประเทศไทยยังไม่เคยทำกัน" เสธ.แดงกล่าว เมื่อถามว่าแสดงว่าหากมีปฏิวัติจะถูกต่อต้านโดยกลุ่มนปช. เสธแดงก็กล่าวว่า


ประชาชนไม่พอใจที่ผบ.เหล่าทัพรวม 4 คนแต่งเครื่องแบบเต็มยศมาข่มขู่รัฐบาล จึงมีกระแสข่าวว่าหากทหารออกมาครั้งนี้ จะเผารถถังให้ดู ซึ่งทหารคิดว่าการปฏิวัติโดยใช้กำลังจะไม่ชอบธรรม จึงลองแต่งเครื่องแบบข่มขู่นายกฯ หวังว่านายกฯ จะลาออก แต่ปรากฏว่านายกฯ ไม่ลาออก ขณะนี้ประชาชนมองว่าทหารคิดจะปฏิวัติ ไม่ว่าจะรับใบสั่งใครมาก็ตาม เพื่อไล่รัฐบาล ครั้งที่แล้วที่ทหารปฏิวัติมีคนมอบดอกไม้ให้ แต่ครั้งนี้ถ้าทหารปฏิวัติอีกครั้ง ประชาชนอาจวิ่งมาพร้อมขวดเบียร์ใส่ไฟและปารถถังเข้าไป ซึ่งเหตุการณ์อย่างนี้อันตรายถึงประเทศ ครั้งนี้เป็นครั้งเดียวที่ประชาชนท้าทายว่า หากปฏิวัติจะใช้ระเบิดขวดปาใส่”

http://www.prachatai.com/05web/th/home/14168


6.
ที่น่าสนใจและสร้างกระแสได้มากคือการที่ข้าราชการบำนาญท่านหนึ่งคือ ...สาโรจน์ นนทเศรษฐ อายุ 80 ปี สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศถอนตัวจากการอุทิศร่างกายให้สภากาชาดไทยโทษฐานไร้จรรยาบรรณ


กระผมได้รับทราบข่าวจากสื่อทั้งหลายว่า คณะแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จะไม่รับตรวจรักษาผู้ที่เป็นตำรวจ ทำให้กระผมรู้สึกตกใจมาก และเกรงว่าการอุทิศร่างกายเพื่อให้นักศึกษาแพทย์หรือแพทย์ได้ทำการศึกษา ตามที่สภากาชาดไทยกล่าวว่าเปรียบเสมือนเป็น "อาจารย์ใหญ่" นั้น อาจถูกปฏิเสธหรือรังเกียจจากคณะนักศึกษาและแพทย์ไม่ยอมรับร่างกายของกระผม ซึ่งเป็นตำรวจไว้ทำการศึกษาก็เป็นได้ ดังนั้น กระผมจึงขอถอนตัวออกจากการอุทิศร่างกายและดวงตาให้กับสภากาชาดไทย เพื่อมิให้เป็นที่รังเกียจของคณะนักศึกษาและแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ต่อไป พร้อมนี้ได้ส่งบัตรอุทิศร่างกายและดวงตา คืนมาด้วยแล้ว"


http://www.parliament.go.th/news/news_detail.php?prid=167181


7. กลุ่มประชาชนผู้ห่วงใยประเทศไทยซึ่งเป็นการรวมตัวกันหลวม ๆ ของนักกิจกรรม นักเคลื่อนไหวและนักวิชาการออกแถลงการณ์ไปยังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรียกร้องให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิของกลุ่มพันธมิตร ฯ สำหรับผมแล้ว นี่น่าจะเป็นแถลงการณ์ที่ดีมากที่สุดฉบับหนึ่งท่ามกลางแถลงการณ์มากมายก่ายกอง ตอนหนึ่งของแถลงการณ์ระบุว่า


คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรงจากการสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ที่หน้ารัฐสภา โดยมีนายสุรสีห์ โกศลนาวิน เป็นประธานต้องตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกลุ่มพันธมิตรที่กระทำต่อตำรวจ รวมไปถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 2 กันยายน 51 ที่ทำให้นายณรงค์ศักดิ์ กอบไธสง เสียชีวิต และการที่กลุ่มพันธมิตร ฯ บิดเบือนข้อมูล คุกคามทำลายชื่อเสียงคนที่คิดต่าง

http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ID=14136&Key=HilightNews


8.
เครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรีหรือ “อันเฟรล” (ANFREL) ซึ่งทำงานเกี่ยวกับประชาธิปไตยและการเลือกตั้งในภูมิภาคเอเชียออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ประเทศไทย และคนไทยเดินหน้าแก้ปัญหาทางการเมืองโดยใช้วิถีทางประชาธิปไตย แถลงการณ์ระบุถึงหมอประเวศ วะสี และพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ที่เชื้อเชิญให้ทหารทำการยึดอำนาจว่าควรจะล้มเลิกความคิดแบบนี้เสีย

http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ID=14094&Key=HilightNews


9.
การ์ตูนประชาไท เราคงต้องให้เครดิตเจ้าของคอลัมน์การ์ตูนประชาไทด้วยเช่นกัน ที่นอกจากจะต้านกระแสได้ดีแล้ว ยังมีฝีมืออีกด้วย


http://www.prachatai.com/05web/th/home/#


นอกจากที่เอ่ยมาแล้ว ยังมีอีกหลายเสียง หลายความคิดอ่านที่สร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นทัศนะของนักข่าวต่างประเทศที่อยู่ในเหตุการณ์ 7 ตุลา 51 ตลอดจนชาวเว็บบอร์ดประชาไทที่เอาจริงเอาจังในการต่อต้านพันธมิตรฯ หวังว่าเสียงที่ผมอยากได้ยินเหล่านี้จะดังขึ้นๆ กระทั่งเอาชนะเสียงของพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นเสียงของเผด็จการศักดินาที่ไม่ยอมตาย.


บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ท่ามกลางเสียงตะเบ็งเซ็งแซ่จากนักวิชาการสายพันธมิตร, สื่อสายพันธมิตร, 40 สว. ลากตั้งสายพันธมิตร, พรรคการเมืองสายพันธมิตร, นักสิทธิมนุษยชนสายพันธมิตร, คนกลางสายพันธมิตร, คนดีสายพันธมิตร, ตุลาการสายพันธมิตร และอะไรต่อมิอะไรสายพันธมิตรนั้น เราพอจะได้ยินได้อ่านอะไรที่แตกต่างสร้างสรรค์ เป็นถ้อยคำรื่นหูที่ได้ยินแล้วสบายใจอยู่บ้างแม้จะเป็นส่วนน้อยก็ตาม เสียงส่วนน้อยเหล่านี้ควรค่าแก่การจดจำตอกย้ำหรือเก็บไว้เป็นหลักฐานอ้างอิง เป็นเสียงแห่งความกล้าหาญที่ช่วยดึงรั้งไม่ให้สังคมเตลิดไปกับความหลงผิด เป็นเสียงแห่งเหตุผลและความถูกต้อง เชื่อว่าหลายคนคงผ่านหู ผ่านตามาแล้ว แต่ขอนำเสนอซ้ำอีกครั้งหนึ่ง 1.…
เมธัส บัวชุม
พวกกบโง่....เห็นนกกระยาง....เป็นนางฟ้า...สมน้ำหน้า....หลงบูชา....ดุจนางแถน...นางประแดะ.....แสร้งเมตตา...อย่างแกนๆฝูงกบแสน....ดีใจ....ได้นายดี......๚ะ๛                                                ๏..ตรังนิสิงเห...๚ะ๛( http://www.prachatai.com/webboard/wbtopic.php?id=733477 )========================================= ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มพันธมิตรฯ…
เมธัส บัวชุม
ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ละเลงเลือดแผ่นดินเดือด ถ่อยเถื่อน สะเทือนไหมเหล่าแกนนำ อำมหิต คงสะใจประเทศไทย ใกล้พังยับ นับวันรอพันธมิตร ป่วนเมือง ระส่ำสุดเตรียมอาวุธ รบกับใคร กระไรหนอกองทัพธรรม กำมีดพร้า ฆ่าให้พอทำเพื่อ "พ่อ" สนธิลิ้ม และจำลอง ละอองดาว ( http://www.prachatai.com/05web/th/home/comment.php?mod=mod_ptcms&ContentID=13977&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai ) พอฝุ่นควันจากเหตุการณ์สลายหายไป ภาพปรากฏก็เริ่มชัดเจนขึ้น ข้อเท็จจริงค่อย ๆ แสดงตัวออกมาทีละส่วน ๆ ก่อนจะกลายเป็นภาพรวมใหญ่ ทำให้การใส่ความและการโฆษณาชวนเชื่อของแกนนำพันธมิตรฯ…
เมธัส บัวชุม
นายแพทย์ประเวศ วะสี ผู้ซึ่งรู้จักกันโดยทั่วไปภายใต้โลโก้ “ราษฎรอาวุโส” เป็น “ผู้ใหญ่” ที่ใครต่อใครรู้จักกันดี เพราะคำพูดคำอ่านหรือแนวคิดของท่าน ตกเป็นข่าวพาดหัวอยู่เสมอทางหน้าหนังสือพิมพ์และได้รับการขานรับจากกลุ่มคนน้อยใหญ่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ นักเคลื่อนไหว นักกิจกรรม แม้กระทั่งข้าราชการ บทบาทของนายแพทย์ประเวศ วะสี ในหลาย ๆ วาระและโอกาส มีความสำคัญและมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสังคมการเมืองไทยอย่างสูง จนคว้ารางวัลต่างๆ มามากมาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น บุคคลดีเด่นของชาติ รางวัลแมกไซไซ รางวัลจากยูเนสโก เหรียญเชิดชูเกียรติจาก WHO เป็นที่ยอมรับโดยไม่มีข้อกังขาว่า…
เมธัส บัวชุม
นอกจากจะรู้จักใช้ “สี” ให้เป็นประโยชน์แล้ว ลัทธิพันธมิตรยังมีความสามารถพิเศษในการ ”เปลี่ยนสี” ให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป หรือ “เลือกสี” ให้เหมาะกับกาละเทศะ เพราะจะใช้ “สีเดียว” ทุกเวลาและสถานที่คงไม่ได้ การรู้จัก “เปลี่ยนสี” นี้เป็นการปรับตัวเช่นเดียวกับที่เราได้เห็นในสัตว์หลายชนิดที่สามารถสร้างสีให้เกิดความกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมหรือสื่อสารกับสัตว์ตัวอื่นๆ ไม่ว่าสัตว์นั้นจะเป็นผู้ล่าหรือผู้ถูกล่า หรือจะเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีหรือไม่มีกระดูกสันหลังต่างก็มีความสามารถในการเปลี่ยนสีด้วยกันทั้งนั้น
เมธัส บัวชุม
ตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน ปี 49 กระทั่งปัจจุบัน  อันธพาล-ลัทธิพันธมิตร ได้ผลิต ตอกย้ำนำเสนอ วาทกรรมทางการเมืองต่าง ๆ จำนวนมาก ผ่านเครือข่ายการสื่อสารที่กว้างขวางและร่วมด้วยช่วยกันกับองค์กรอันหลากหลายไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษา บุคคลที่มีชื่อเสียง สว. ลากตั้ง ดารา ฯลฯ  ทั้งที่เป็นวาทกรรมเพื่อมุ่งทำลายฝ่ายตรงข้ามและใช้ในการยกยอปอปั้นลัทธิตนเอง วาทกรรมบางอย่าง ลัทธิพันธมิตรประดิษฐ์ขึ้นโดยตรงสำหรับการกรรโชกข่มขู่รัฐบาลและสังคม แต่บางวาทกรรมไม่ได้คิดขึ้นเองหากแต่นำมาจากประธานองคมนตรี นักวิชาการ ราษฎรอาวุโส สื่อมวลชน และจากบรรดาบุคคลที่เทิดทูนระบอบอมาตยาธิปไตยไว้เหนือหัว…
เมธัส บัวชุม
กลุ่มอันธพาลการเมือง หรือแก๊งมาเฟียเป็นปัญหาเสมอมาสำหรับการสถาปนากติกาการปกครองและระเบียบการเมือง ทั้งนี้เพราะเป็นกลุ่มที่กฎหมายและการจัดระเบียบทางสังคมไม่สามารถควบคุมจัดการได้ คุกคามต่อสวัสดิภาพความเป็นอยู่ปกติของคนโดยทั่วไปเพราะกลุ่มอันธพาลการเมือง หรือแก๊งมาเฟียดำรงชีพอยู่ได้ก็ด้วยการขู่เข็ญกรรโชกกระทั่งใช้กำลัง หรือใช้กฎหมู่เพื่อให้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการ นอกจากจะไม่ผลิตอะไรออกมาแล้ว กลุ่มอันธพาลการเมืองยังคอยรีดไถเงินจากน้ำพักน้ำแรงของคนอื่น ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับการข่มขู่รีดไถหรือล็อบบี้อย่างชาญฉลาดของกลุ่มอันธพาลการเมืองที่เรียกตนเองว่าพันธมิตรอย่างสมบูรณ์แบบที่กลุ่มพันธมิตร…
เมธัส บัวชุม
ไม่ต้องเป็นผู้ฉลาดหลังเหตุการณ์เราก็จินตนาการได้ไม่ยากว่าการชุมนุมก่อน 19 กันยายน 2549 ของกลุ่มพันธมิตร ฯ นั้นเป็นการออกบัตรเชิญให้ทหารทำรัฐประหารแม้ว่าบางคนอาจคิดว่าเป็นไปไม่ได้ การชุมนุมของพันธมิตร ฯ หลังพรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาลก็เช่นเดียวกัน ไป ๆ มา ๆ ก็เหมือนเดิมคือการออกบัตรเชิญให้ทหารล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอีกคำรบหนึ่ง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพลังประชาชนได้บทเรียนมาแล้วก่อนหน้านี้ และได้รู้ว่าความผิดพลาดในรายละเอียดเพียงนิดเดียวอาจเป็นเงื่อนไขนำไปสู่การยึดอำนาจรอบสองได้ รัฐบาลจึงระมัดระวังอย่างยิ่งในการจัดการกับม็อบพันธมิตร ฯ แต่โอกาสที่จะเกิดการรัฐประหารขึ้นก็ใช่ว่าจะไม่มี…
เมธัส บัวชุม
บทความที่แล้วพยายามจะให้ความหมายของ “กวีเกรียน” ว่ามีลักษณะอย่างไร แล้วเมื่อลองมาวิเคราะห์ พิจารณา สามารถสรุปรวบยอดได้ว่า กวีเกรียน นั้นเดินทางล้าหลัง อยู่ถึง 3 ก้าวด้วยกัน ก้าวที่ 1 คือ ขาดการทบทวนอดีต ไม่สามารถนำอดีตมาเป็นบทเรียนได้ ไม่สามารถสกัดเก็บซับเอาข้อดี ข้อเสียในอดีตมาเป็นฐานคิดในการวิเคราะห์สังคมการเมือง จะว่าไปบทเรียนในอดีตของสังคมไทยก็มีให้ศึกษาเรียนรู้อยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลง 2475, การต่อสู้ของเสรีไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง การต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการในอดีตหรือกระทั่งการต่อสู้อยู่ในป่าของพคท.ฯลฯ…
เมธัส บัวชุม
ตอนแรกตั้งใจจะตั้งชื่อบทความว่า “กวีพันธมิตร ฯ” แต่เห็นชื่อที่โดนใจวัยรุ่นกว่าในเวบบอร์ด “ฟ้าเดียวกัน” ว่า “กวีเกรียน” โดยคุณ Homo erectus (ซึ่งเคยเข้ามาวิพากษ์เชิงด่าผมอยู่เป็นประจำจนเลิกไปเอง) จึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเพื่อให้เข้ากับสมัยนิยม “กวีเกรียน” ในความหมายของผมคือกวีที่ล้าหลัง คิดอ่านไร้เดียงสาเหมือนเด็กที่อ่อนต่อโลก วิเคราะห์สังคมไม่ออกเพราะไม่มีหลักคิดที่มั่นคง อ่านการเมืองไม่เป็นเพราะมัวแต่คิดว่านักการเมืองชั่วร้ายเลวทรามในขณะที่ประชาชนและข้าราชการ และพวกอภิสิทธิชนนั้นมีคุณธรรม จริยธรรม หรืออย่างน้อยก็มีมากกว่านักการเมือง…
เมธัส บัวชุม
-1- พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ตัวละครการเมืองที่ไม่ยอมลงจากเวที กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง "ภาษาไทย พ.ศ.พอเพียง" เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ วันที่ 26 กรกฎาคม ที่จัดขึ้นโดย ราชบัณฑิตยสถาน มูลนิธิรัฐบุรุษฯ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานว่า "ภาษาไทยทำให้คนรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ สื่อสารที่ดีต่อกัน ทำให้คนเข้าใจกัน ทำให้คนรักกัน โกรธ หรือเกลียดกัน ทำลายกันก็ได้ พวกเราคนไทยจึงต้องตระหนักในความสำคัญของภาษาไทย ต้องไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ไม่ฟุ้งเฟื้อจนเกินไป ต้องรักษาและพัฒนาให้ลูกหลานอย่างพอเหมาะ" (มติชน, 27 ก.ค. 51, หน้า 13) จากคำกล่าวข้างต้นแสดงให้เห็นว่าพลเอกเปรม ติณสูลานนท์…
เมธัส บัวชุม
ดา ตอร์ปิโด เขย่ารากฐานความศรัทธาของคนไทยอีกคำรบหนึ่งด้วยการพูดปราศรัยต่อหน้าสาธารณะที่ท้องสนามหลวงเมื่อคืนวันที่ 18 กรกฎาคม อย่างตรงไปตรงมา และไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม จากข่าวที่ปรากฏออกมาตามสื่อแขนงต่าง ๆ บอกให้รู้ว่าการปราศรัยของเธอนั้นเกี่ยวพันกับสถาบันเบื้องสูง ต้องยอมรับว่า ดา ตอปิโดร์ เป็นคนกล้าและแกร่งอย่างที่หลายคนทำไม่ได้ในแง่ที่ว่ากล้าพูด กล้าทำในสิ่งที่ตนเองคิดโดยไม่ต้องพะวงว่าจะเกิดผลร้ายตามมา ทราบจากที่เป็นข่าว สนธิ ลิ้มทองกุล นำคำพูดของ ดา ตอร์ปิโด มาเล่าซ้ำออกอากาศผ่าน ASTV ไปทั่วประเทศ คำปราศรัยของดา ตอร์ปิโด…