Skip to main content

ไม่กี่วันที่ผ่านมาเราคงได้เห็นกันแล้วว่าลัทธิพันธมิตรสามารถทำอะไรได้บ้าง ลัทธิพันธมิตรทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นถ้าอยากทำ ตั้งแต่การปิดสี่แยกเพื่อให้การจราจรเป็นอัมพาต ยึดรถเมล์ ล้อมรัฐสภา ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ ไปจนถึงการปิดสนามบินเพื่อทำให้ผู้อื่น-ชาวต่างชาติ เดือดร้อนอย่างจงใจ

บัดนี้ ใครที่ยังเชื่อว่าลัทธิพันธมิตรชุมนุมแบบอหิงสาอันหมายความว่าไม่เบียดเบียนผู้อื่นนั้นคงจะปัญญาอ่อนเต็มที ใครที่ยังเห็นว่าลัทธิพันธมิตรเป็นการเมืองภาคประชาชนในระบอบประชาธิปไตยคงจะเป็นคนโง่ดักดาน และดังนั้นเพื่อชีวิตจะได้กลับสู่ความปกติ จึงควรหยุดให้ท้ายลัทธิพันธมิตรในทุกทาง


เมื่อความขัดแย้งงวดขึ้นและการชุมนุมที่ยาวนานไร้ผล ลัทธิพันธมิตรได้เปิดเผยโฉมหน้าด้านมืดของระบอบอมาตยาธิปไตย ด้านที่เป็นความรุนแรงโหดร้าย ด้านที่ไม่ยอมฟังเสียงใคร ด้านที่ไร้เหตุผล ทุ่มทุนล้มกระดานอีกครั้งหนึ่ง


บางคนเรียกลัทธิพันธมิตรว่าเป็นกลุ่มฟาสซิสต์ แต่ฟาสซิสต์แบบพันธมิตรนั้นได้รับการหนุนหลังจากอำนาจนอกรัฐธรรมนูญที่แตะต้องไม่ได้ (เพราะถ้าแตะต้องได้ ลัทธิพันธมิตรก็จะถูกแตะต้องไปตั้งนานแล้ว) เป็นฟาสซิสต์รูปแบบใหม่ที่จับมือกับอำนาจศักดินากลายเป็นกลุ่มกองโจรก่อการร้าย


การที่ลัทธิพันธมิตรจับประเทศเป็นตัวประกันนับเป็นเกมที่เสี่ยงอย่างยิ่ง ห่างจากคำว่าอนาธิปไตยแต่เข้าใกล้การก่อการร้ายเข้าไปทุกที การปิดสนามบินสุวรรณภูมิเป็นการเล่นนอกเกมที่เหนือความคาดคิด ส่งผลกระทบกว้างไกลเป็นลูกโซ่ จึงไม่แปลกที่ไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศท็อปเท็นของความไม่ปลอดภัย


ลัทธิพันธมิตรคาดหวังง่ายๆ ว่ายิ่งทำให้ประเทศชาติฉิบหายมากเท่าไหร่รัฐบาลก็ยิ่งหมดความชอบธรรมลงไปเท่านั้น และเมื่อหมดความชอบธรรมรัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ ลัทธิพันธมิตรเป็นผู้สร้างแต่หวังให้รัฐบาลเป็นผู้รับ


อันที่จริงหากลัทธิพันธมิตรไม่ใจร้อนเกินไป และมีความสุขุมรอบคอบกว่านี้อีกสักนิด พวกเขาก็จะได้ในสิ่งที่เรียกร้องนั่นคือการจากไปของรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์


รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องจบสิ้นลงในระยะเวลาอันใกล้จากคดียุบพรรค หรือแม้แต่ประเด็นปัญหาทางเศรษฐกิจ ซึ่งดูจากศักยภาพแล้วรัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถรับมือได้อย่างแน่นอน เพียงสองประเด็นนี้ก็พอแล้วสำหรับรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไม่จำเป็นที่พันธมิตรจะต้องชุมนุมเคลื่อนไหวทำลายและทำร้ายคนอื่น


แต่การณ์กลับกลายเป็นว่าการชุมนุมเคลื่อนไหว อย่างไม่มีขอบเขตของลัทธิพันธมิตรกลายเป็นเหตุผลข้ออ้างและสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลอยู่ในอำนาจต่อไป ความไม่พอใจของประชาชนต่อลัทธิพันธมิตรหนุนส่งให้รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เถลิงตำแหน่งต่อไป เพราะการก่อการร้ายของลัทธิพันธมิตรไม่มีเหตุผลสำหรับการลาออกหรือยุบสภา


อย่างไรก็ตาม ลัทธิพันธมิตร เป็นกลุ่มที่เอาแต่ใจมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยเคารพกติกาหรือระเบียบปฏิบัติ ผู้นำลัทธิเพียงอยากเอาชนะโค่นล้มศัตรูทางการเมืองให้ได้ ดึงดันที่จะนำการเมืองไปให้สุดขั้วโดยที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร


"ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง" เป็นคาถาที่สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำลัทธิพันธมิตร ท่องอยู่เสมอ เรื่องเจ๊งนั้น แน่นอน เขาเจ๊งไปแล้ว เครือผู้จัดการของเขาล้มละลายลงอย่างน่าอายเพราะเจ้าหนี้แทบไม่ได้อะไรคืนจากเขา ส่วนเรื่องตายนั้น คงมาถึงสักวันเพียงแต่ว่าเขาจะตายแบบไหนเท่านั้นเอง เขาจะยอมตายเดี่ยว หรือพาประชาชนไปตายด้วย แต่จากคำพูดของเขาเองนั้น ชัดเจนว่าเขาไม่ได้ปกป้องผู้ร่วมชุมนุมแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขาเรียกร้องการเสียสละชีวิตของผู้ชุมนุม


"เราเตรียมพร้อม พี่น้องไม่ต้องห่วง เห็นใจพี่น้องทุกจุดที่ต้องเผชิญสงคราม เราก็เผชิญสงคราม แต่เราจะรักษาฐานที่มั่นนี้เอาไว้ให้ถึงที่สุด ถ้าต้องตายก็จะยอมตาย พี่น้องไม่ต้องห่วง เพราะนี่คือการสู้เพื่อศักดิ์ศรีของคนไทยที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์


ไม่เป็นไรพี่น้อง ช่างมัน ถ้าตายแล้วชาติบ้านเมืองจะดีขึ้นก็ขอให้ตายในวันนี้ก็แล้วกัน ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วก็อย่าอยู่มีชีวิตต่อไปอีกจะดีกว่า เพราะมันไม่มีความหมายในเมื่อมันอยู่กับความเป็นสัตว์นรก วันนี้ ทักษิณ ชินวัตร มาบัญชาการงานอยู่ที่ฮ่องกง ให้สัมภาษณ์ อยู่เบื้องหลังทุกสิ่งทุกอย่าง"

http://www.prachatai.com/05web/th/home/14681

 

สนธิ ลิ้มทองกุล ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการทำให้ประเด็นปัญหาส่วนตัวกลายเป็นประเด็นปัญหาสาธารณะ และขยายเป็นปัญหาของประเทศชาติไปได้โดยอาศัยเงื่อนไขที่มีอยู่ก่อนแล้ว เขาสุดยอดมากที่ทำให้การล้มละลายของเครือผู้จัดการกลายเป็นการล้มละลายของประเทศชาติไปได้


ไม่ว่ารัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์จะอยู่หรือไป การเคลื่อนไหวของลัทธิพันธมิตรมีแต่เสียกับเสียและเป็นรอยด่างพร้อยไปอีกนาน แม้แต่นักวิชาการซึ่งโจมตีรัฐบาลไทยรักไทยและพลังประชาชนมาตลอดก็ยังโจมตีลัทธิพันธมิตรว่า


"การดำเนินงานแบบอนาธิปไตย และปิ่ม ๆ จะเป็นการก่อการร้าย (กระทำให้เกิดความสะพรึงกลัวด้านชื่อเสียงเกียรติยศ รวมทั้งการสร้างความเดือดร้อนแก่คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย) ของกลุ่มการเมืองนี้กลับกลบเกลื่อนความไร้สมรรถภาพและความไม่โปร่งใสของรัฐบาลชุดนี้


การเคลื่อนไหวทางการเมืองเช่นนี้จึงไม่ใช่ democratization อย่างแน่นอน เป็นการกระทำตรงกันข้ามด้วยซ้ำ (disdemocratization?) เพราะทำให้พลังของสังคมอ่อนลง" (นิธิ เอียวศรีวงศ์,มติชนรายวัน, 1 ธ. ค.51)

http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01act01011251&sectionid=0130&day=2008-12-01


ไม่ว่ารัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะเลวร้ายไร้ประสิทธิภาพอย่างไร สิ่งที่สังคมต้องตระหนักก็คืออย่าอ่อนข้อให้กองกำลังติดอาวุธหรือกลุ่มก่อการร้ายอย่างลัทธิพันธมิตรโดยเด็ดขาด เพราะหากโจรชนะแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้
.

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ก่อนอื่นคงต้องขอยอมรับในความสามารถของชัย ราชวัตร ที่สามารถตรึงใจผู้อ่านคอลัมน์ “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมายาวนานหลายปีจนกระทั่งถึงปัจจุบันและดูเหมือนว่าสามารถสร้างแฟนการ์ตูนรุ่นใหม่ ๆ ได้ไม่น้อย ความน่าสนใจประการหนึ่งของการ์ตูนคอลัมน์ “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” อยู่ที่การสร้างบทสนทนาระหว่างตัวการ์ตูนเพียงไม่กี่ประโยค แต่สื่อความหมายได้มากมายเสียยิ่งกว่าบทความที่ยาวเต็มหน้ากระดาษชัย ราชวัตร ใช้วาจาสั้น ๆ ในการเสียดสีหรือวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานการณ์ปัจจุบันหรือบางครั้งเป็นการกล่าวหาใส่ความเกินจริง โดยที่เขาตัวเขาเองไม่ต้องรับผลอันใดจากการกระทำของตนเอง ตัวอย่างเช่นไทยรัฐ, 26…
เมธัส บัวชุม
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ ชัย ราชวัตร แสดงความหยาบของตัวเองผ่านการ์ตูนชุด “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” ที่เขียนให้กับหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ไทยรัฐ ชัดเจนอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงวิกฤติการเมืองสมัยทักษิณ ชินวัตร จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ชัย ราชวัตร เอาการเอางานอย่างมากในการใช้ตัวการ์ตูนโจมตีฝ่ายที่ตนเองไม่ชอบ บางครั้งเขาออกอาการก้าวร้าวผิดปกติเมื่อความขัดแย้งทางการเมืองแหลมคม เป็นผลให้การ์ตูนของเขาแตกต่างจากการ์ตูนของคนอื่น ๆ คือเป็นการ์ตูนที่เด็ก ๆ อ่านไม่รู้เรื่องเพราะอ้างอิงกับข้อมูลและความเป็นไปในสถานการณ์ปัจจุบัน อันที่จริงความน่าสนใจของหนังสือการ์ตูนโดยทั่วไปนั้นอยู่ที่การใช้ “ภาพ” เป็นตัวเล่าเรื่อง…
เมธัส บัวชุม
อาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ เพื่อนโทรมาชวนผมไปฟังการสัมมนาที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่จัดขึ้นเนื่องในงานธรรมศาสตร์วิชาการ เรื่อง “ก้าวต่อไปของการเมืองภาคประชาชนไทยหลังการเลือกตั้งทั่วไป 2550” เพื่อนบอกว่ามีคุณจาตุรนต์ ฉายแสง คุณจอน อึ๊งภากรณ์ คุณศิโรฒม์ คล้ามไพบูลย์ นพ.เหวง โตจิราการ คุณรสนา โตสิตระกูลผมได้ยินรายชื่อแล้วรู้สึกสนใจโดยเฉพาะคุณจาตุรนต์ ฉายแสง นักการเมืองคุณภาพที่หาได้ยากยิ่งในแวดวงการเมืองไทยปัจจุบัน แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็ผิดหวัง คุณจาตุรนต์ ฉายแสง ไม่มาร่วมวงสัมมนาแต่อย่างใด คุณศิโรฒม์ คล้ามไพบูลย์ นำเสนอการวิเคราะห์อย่างเป็นวิชาการ อย่างไรก็ตาม…
เมธัส บัวชุม
คงเป็นเพราะความเชี่ยวชาญส่วนตัวหรือเคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายเรื่องยาเสพติดมาก่อน คุณเฉลิม อยู่บำรุง จึงนำเสนอนโยบายปราบปรามยาเสพติดเพื่อหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหนึ่งว่าจะจัดการเฉียบขาดต่อพ่อค้า (และแม่ค้า) ยาเสพติดโดยลงโทษรุนแรงคือประหารชีวิต อย่างไรก็ตามคุณเฉลิม อยู่บำรุงไม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นผู้แทนในครั้งนั้น ดังนั้น นโยบายอันดุดันเรื่องนี้ของคุณเฉลิม  อยู่บำรุงจึงถูกพับเก็บไปการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นโยบายทางสังคมอย่างเรื่องยาเสพติดและเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้ถูกชูขึ้นหาเสียงมากนัก ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหลายโดยมากแล้วจะเน้นเรื่องนโยบายทางเศรษฐกิจ การสร้างความอยู่ดีกินดี…
เมธัส บัวชุม
การหวนกลับมาระบาดอย่างหนักของยาเสพติดในปัจจุบัน ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด และได้ผลของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่ถึงแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนักสิทธิมนุษยชน แต่ข้อดีอันเป็นรูปธรรมที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือยาเสพติดได้ลดหายไปจากสังคมไทยอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน-นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผม “คิดถึง” อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร การเอาจริงเอาจังกับปัญหายาเสพติดของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายเดือดร้อนถูกจับกันถ้วนหน้าทั้งที่ก่อนหน้านี้ซื้อและขายอย่างสะดวกสบายโดยที่รัฐบาลไม่มีปัญญาจะจัดการได้ ผู้ขายยาเสพติดรายใหญ่คนหนึ่งบอกว่า เขาสามารถซื้อตำรวจได้ทั้งจังหวัด…
เมธัส บัวชุม
อาจารย์สมศักดิ์  เจียมธีรสกุล ภาควิชาประวัติศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิพากษ์วิจารณ์ชนชั้นกลางบางกลุ่มที่เป็นพวก “สองไม่เอา” คือไม่เอาทั้ง “ทักษิณ” และ “ไม่เอารัฐประหาร” จนเป็นประเด็นถกเถียงน่าสนใจทางโลกไซเบอร์นักวิชาการบางคนพยายามที่จะไปให้พ้นจาก “สองไม่เอา” โดยพูดถึง “ทางเลือกที่สาม” แต่ที่สุดก็ไม่สามารถบอกได้ว่า “ทางเลือกที่สาม” นั้นคืออะไร การพยายามค้นหาหรือสร้าง “ทางเลือกที่สาม” มีข้อดีในแง่ที่ว่าอาจช่วยเปิดจินตนาการทางการเมืองให้กว้างขึ้นแต่ก็นั่นแหละใครจะบอกได้ว่า “ทางเลือกที่สาม”  เป็นอย่างไร  “ทางเลือกที่สาม” มีจริงหรือ ?เมื่อ “ทางเลือกที่สาม” ไม่มีอยู่จริง…
เมธัส บัวชุม
คุณสมัคร  สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน พูดถึง “มือสกปรก” และ “มือที่มองไม่เห็น” ที่พยายามสอดเข้ามาจุ้นจ้านแทรกแซงการเมืองเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล คุณสมัคร สุนทรเวชบอกว่าเป็นมือที่อยู่ “นอกวงการเมือง” เป็นมือที่จะเข้ามาทำลายระบอบประชาธิปไตยเสียงข้างมาก โดยมีความต้องการที่จะขัดขวางพรรคพลังประชาชนไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล“ไอ้มือสกปรกที่อยู่ข้างนอก ที่จะยื่นมาทำให้การเลือกตั้งล้มเหลวนั้น ผมขอแถลงว่า เราต้องทำอย่างนี้ เพื่อรักษาเกียรติยศ เกียรติคุณของ กกต.ไม่ให้ท่านโดยอำนาจมืดมาบีบบังคับ มาทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นการเฉไฉ ทั้ง 4 พรรค เราได้ตกลงกันแล้วว่า เราจะดำเนินการตั้งรัฐบาล ซึ่งตั้งได้แน่นอน…
เมธัส บัวชุม
-1-ครั้งที่แล้ว ผมเขียนแสดงความคิดเห็นต่อบทความของศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ ซึ่งเขียนยกย่องว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความสง่างามออกมาสามเรื่องจนทำให้เหมาะกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่ถึงเวลานี้ไม่ทราบว่าศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ จะยังเห็นว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังมีความสง่างามอยู่อีกหรือไม่เพราะหลังจากที่พ่ายแพ้ต่อพรรคพลังประชาชนแล้ว เขาก็ออกอาการที่เรียกได้ว่า "ขี้แพ้ชวนตั้งพรรค"ด้วยแรงหนุนจากบุคคลบางกลุ่ม และองค์กรบางองค์กร ตลอดจนการได้รับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในกรุงเทพมหานครที่มีชัยเหนือพรรคพลังประชาชนพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับคะแนนเป็นอันดับสอง…
เมธัส บัวชุม
ผมรู้สึกประหลาดใจ คาดไม่ถึง เหลือเชื่อ รับไม่ได้ ต่อบทความของศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันจันทร์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2550  ผมอ่านอย่างตั้งใจทีคำ ทีละประโยค  เมื่ออ่านจบแล้ว ได้แต่ส่ายหัว บ่นงึมงัมอยู่คนเดียวว่านิธิ เอียวศรีวงศ์ได้เขียนอย่างที่เขียนไปแล้วได้อย่างไร เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า นิธิ  เอียวศรีวงศ์ ในวัยชรา ได้ทำลายตัวเองด้วยการเขียนบทความอันน่าสะอิดสะเอียนเพื่อชื่นชม คุณอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่างหน้ามืดตามัว เขาเขียนว่า“คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแสดงความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป (…
เมธัส บัวชุม
-1-เป็นที่รู้กันดีว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.ชุดปัจจุบันซึ่งมีคนอย่าง นางสดศรี สัตยธรรม ผู้ซึ่งดูเหมือนจะชมชอบ “สถาบันทหาร” เป็นพิเศษเป็นคณะกรรมการรวมอยู่ด้วยนั้น เป็นองค์กรที่กล่าวได้ว่าคลอดออกมาจาก “มดลูก” ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ที่ทำการรัฐประหารปล้นชิงอำนาจมาจากประชาชน โดยมีพลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน ผู้ซึ่งนอกจากชอบอ้างเรื่อง “ความมั่นคง” แล้วยังชอบอ้างเรื่อง “คุณธรรม จริยธรรม” แต่ว่ากันว่าจดทะเบียนสมรสซ้อนอย่างน้อยสองครั้งเป็นอดีตประธาน  เป็นที่รู้กันดีว่าจุดประสงค์หลักของคมช.และ “บรรดาลูกๆ”  ทั้งหลายก็คือต้องการทำลายล้าง ถอนรากถอนโคน…
เมธัส บัวชุม
-1-การยึดอำนาจโดยกลุ่มทหาร ที่เรียกตัวเองด้วยชื่อที่ฟังดูคุ้นหูสำหรับคนที่พบเห็นหรือศึกษาเกี่ยวกับการรัฐประหารมาบ้างว่า “คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” (คปค.) ในวันที่ 19 กันยายน 2549 นั้นถือเป็นฝันร้ายยาวนานสำหรับสังคมการเมืองไทย และเชื่อว่าจะตามหลอกตามหลอนประวัติศาสตร์ของประชาธิปไตยไปตลอดคณะทหารที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ในเวลาต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเรียกตัวเองเสียใหม่แต่ก็ยังฟังดูคุ้น ๆ อยู่ดีว่า “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ” (คมช.) บัดนี้คำว่า “ความมั่นคง” ปรากฏขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วในรูปของชื่อเรียกและนับจากนี้เป็นต้นไป วาทกรรม “ความมั่นคง”…
เมธัส บัวชุม
หนังสือที่มีชื่อโดนใจใครหลาย ๆ คนเรื่องนี้ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางทั้งจากคนที่เห็นด้วยและคนที่รับไม่ได้แน่นอนว่าพรรคพลังประชาชนจะต้องถูกอกถูกใจที่มีคนมาช่วย "ด่า" รัฐธรรมนูญปี 2550เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่หัวหน้าพรรคฝีปากกล้าของพลังประชาชนเคยลั่นมาแล้วก่อนหน้านี้ว่า "รัฐธรรมนูญเฮงซวย"นักวิชาการน้อยใหญ่หลายคนเห็นตรงกันโดยไม่จำเป็นต้องทำโพลล์ว่ารัฐธรรมนูญปี 50 นั้นเฮงซวยจริง ๆ ทั้งนี้เพราะมันไม่ตอบโจทย์ที่กำลังเป็นปัญหาของสังคม ไม่ตอบคำถามของคนชั้นกลางที่อยากมีชีวิตมั่นคงภายใต้กระแสของโลกาภิวัฒน์ ทั้งยังไม่ช่วยให้คนระดับล่างมองเห็นอนาคตที่ดีขึ้นในวันข้างหน้าแต่รัฐธรรมนูญเฮงซวยฉบับปี 2550…