เมื่อกลุ่มก่อการร้ายพันธมิตร ฯ แยกย้ายสลายตัว เดินลงจากเวทีหลังจากสร้างความยับเยินสาธารณะจนสาแก่ใจ แล้วส่งพรรคประชาธิปัตย์วิ่งราวเข้าไปเป็นฝ่ายรัฐบาลโดยผนวกรวมกลุ่มงูเห่าของพวกเนวิน ชิดชอบ เข้าไปด้วยแล้ว การเมืองก็หมดสีสันลงอย่างมากเหมือนกับละครน้ำเน่าที่ตัวอิจฉาหายไปจากจอ
ยอมรับนะครับ ว่ากลุ่มก่อการร้ายพันธมิตรที่เป็นม็อบมีเส้นนั้นดึงดูดกระแสความสนใจการเมืองขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด แม้แต่คนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยใส่ใจเรื่องการเมืองเลยนั้นก็หันไปใส่เสื้อเหลือง เสื้อแดงกับเขาด้วย บางคนใส่ได้ทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลืองแล้วแต่ว่ากระแสความนิยมของฝ่ายใดจะมาแรงกว่า
เหตุที่กลุ่มเสื้อเหลืองของพันธมิตรสามารถดึงความสนใจจากคนทุกกลุ่มได้ ก็เพราะรูปแบบการเคลื่อนไหวที่สุดขั้ว สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดว่าพันธมิตรจะทำ พันธมิตรก็ทำได้ ไม่มีอะไรเกินคาดจริงๆ สำหรับม็อบพันธมิตร
การบุกยึดสถานีโทรทัศน์ NBT อันอุกอาจซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นในโลกปัจจุบันก็เกิดขึ้น การบุกยึดสนามบินสองแห่งอย่างสนุกสนานก็เกิดขึ้นท่ามกลางความตกตะลึงของนานาประเทศ การเปลี่ยนทำเนียบรัฐบาลเป็นแหล่งซ่องสุมของคนทำผิดกฎหมาย และมั่วสุมเสพยาเสพติดแห่งใหม่ การด่าคนทุกคนแบบไม่เลือกหน้าหากไม่ยืนข้างเดียวกับตน ฯลฯ
พฤติกรรมเหนือความคิดฝันของคนโดยทั่วไปเหล่านี้ทำให้พันธมิตรได้รับการพูดถึงไปทุกหย่อมหญ้า คนตั้งแต่ระดับล่างสุดไปจนถึงบนสุดต่างเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมกับการเมือง
รูปแบบการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายพันธมิตรนั้นเน้นความบันเทิงสนุกสนาน บวกกับการปลดปล่อยความรุนแรงซึ่งทั้งสองอย่างมีความคล้ายคลึงกัน กลุ่มผู้หญิงรำฟ้อนอยู่หน้าเวทีในขณะที่กลุ่มผู้ชายถ้าไม่เมามายอยู่ด้านหลังก็ตระเตรียมจะใช้ความรุนแรงกับใครก็ตามที่พลัดหลงเข้าไป
ความบันเทิงและความรุนแรงขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดเมื่อมีการปะทะกันในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 เมื่อตำรวจถูกกลุ่มพันธมิตรบีบคั้นไม่มีทางเลือก การปะทะกันกลายเป็นมหรสพให้พูดถึงไม่รู้เบื่อและผู้เสียชีวิตฝั่งพันธมิตรถูกยกให้เป็นฮีโร่
ความบันเทิงและความรุนแรงพุ่งขึ้นจุดสูงสุดอีกครั้งเมื่อมีการเคลื่อนขบวนไปยังสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ทำให้การจราจรทางอากาศหยุดชะงัก ห้ามเครื่องบินเข้าออกจากสนามบิน
ความบันเทิงอันบ้าคลั่งและความรุนแรงที่ไร้ขอบเขต เหนือความคาดหมายกระชากเรทติ้งได้จากทั่วโลก การเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับชีวิตอย่างเห็นได้ชัดที่สุด
แล้วเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้จัดตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี กลุ่มเสื้อเหลืองยุติบทบาท ก็ถึงคราวของกลุ่มเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยเป็นฝ่ายแสดงบทบาทบนเวทีให้คนได้ดูบ้าง
แต่ชาวเสื้อแดงนั้นเรียบร้อยอยู่เกินไป อยู่ในกรอบวินัยราวกับเด็กนักเรียน ไม่ออกนอกลู่นอกแถว มีขอบเขตและรู้จักระมัดระวังในการเคลื่อนไหว หรือ “เคลื่อนไหวแบบพอเพียง” นั้นกระแสความสนใจการเมืองก็พลอยถดถอยลงไปด้วย
การทำตัวเป็นพระเอกมีคุณธรรมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ไม่รู้จักใช้วิธีสกปรกหรือไม่ปั้นเรื่องเท็จขึ้นโจมตีฝ่ายตรงข้าม ไม่พูดถ้อยคำหยาบคาย ไม่กักขฬะก้าวร้าว ทำให้สีสันวูบวาบในทางการเมืองลดลง
ความบันเทิงแบบสุดขั้วหาไม่ได้ ความรุนแรงที่อัดอั้นตันใจก็ไม่ได้รับการปลดปล่อย การจัดองค์กรไม่ดีเท่าเสื้อเหลือง ความเป็นมืออาชีพในเรื่องการโฆษณาชวนเชื่อก็มีน้อยกว่า สื่อส่วนใหญ่ไม่เข้าข้าง เหล่านี้ทำให้การสร้างกระแสความสนใจจากผู้ชมคนดูน้อยกว่าที่กลุ่มพันธมิตรทำได้
ยิ่งเมื่อพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของคนเสื้แดงได้คุณเฉลิม อยู่บำรุง มาเป็นหัวหอก ก็ยิ่งไม่มีอะไรให้ได้ลุ้นกันอีกต่อไป เพราะบุคลิกและภาพลักษณ์ของคุณเฉลิม อยู่บำรุง นั้นไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับ ความสามารถในเชิงบริหารไม่เป็นที่ปรากฎ กล่าวได้ว่าคุณเฉลิม อยู่บำรุง ไม่ใช่คู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับพรรคประชาธิปัตย์
แม้กลุ่มคนเสื้อแดงไม่อาจทำให้กระแสการเมืองพุ่งขึ้นเหมือนที่กลุ่มคนเสื้อเหลืองทำ แต่การที่การเมืองกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อสุดขีดจนแทบจะกลายเป็นการปลงหรือปล่อยวางเหมือนในขณะนี้นั้นหาได้เกิดจากเสื้อแดงแต่อย่างใด หากแต่เกิดจากเล่นการเมืองในแบบของพรรคประชาธิปัตย์
ความเก่งกาจสามารถประการหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์คือการทำให้การเมืองกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ ทำให้ประเด็นและนโยบายสาธารณะเป็นเรื่องของข้าราชการประจำ ทำให้ความเดือดร้อนของประชาชนกลายเป็นเรื่องของความเห็นอกเห็นใจง่าย ๆ ที่จบแล้วจบเลย ทาสีให้คนที่ทำผิดกฎหมายเป็นผู้บริสุทธิ์ ทำให้บทเรียนในอดีตเลือนหายไปกาลเวลา
พรรคประชาธิปัตย์ทำให้การเมืองน่าเบื่อหน่าย คำพูดคำจาของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ย้ำซ้ำบุคลิกแบบชวน หลีกภัย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยหากคนจะเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ทันทีที่เห็นหน้าอภิสิทธิ์.