Skip to main content

พักหลัง ผมเข้าไปเยื่ยมชมเว็บไซต์ "ASTVผู้จัดการ" บ่อยครั้ง เพื่ออยากรู้ว่าชาวสีเหลืองหรือกลุ่มพันธมิตรคิดอ่านกันอย่างไร มีนวัตกรรมอะไรบ้างในการทำลายฝ่ายตรงข้าม ศึกษากลวิธีในการเต้าข่าว การใส่ไคล้ การใช้ภาษาของบรรดาคอลัมนิสต์ กระทั่งแวะเข้าไปอ่าน "เรื่องนินทาราวตาเห็น" ของ "ซ้อเจ็ด" ผู้โด่งดัง


อย่างไรก็ตาม ก่อนอื่นคงต้องยอมรับว่าเว็บไซต์ผู้จัดการมีข้อดีอยู่บ้างเหมือนกัน บทความบางชิ้นมีสาระพออ่านได้ เช่น การวิจารณ์ภาพยนตร์ "วงศ์คำเหลา" ที่กำกับโดย "หม่ำ จ๊กมก" ซึ่งทำรายได้นับร้อยล้านบาทอันสะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมในการดูหนังของคนในปัจจุบันได้ว่าเป็นอย่างไร หรือการวิจารณ์เพลงของวง "อินโนเซนท์"


รวมทั้งความตั้งอกตั้งใจอย่างเห็นได้ชัดของทีมงานเว็บไซต์ "ASTVผู้จัดการ" ที่มีความเป็นมืออาชีพในแง่ของการทำงาน ทันอกทันใจ ทันเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลานั้นก็เป็นสิ่งที่ต้องชมเชย


แต่นอกจากนั้นแล้ว ที่เหลือล้วนแต่น่าอนาถ บิดเบือน ชี้นำ เร้าความเกลียดชัง ใส่ร้ายป้ายสี ดูหมิ่นถิ่นแคลน โกหก และจิก ด่า เผยแพร่สำนึกผิดๆ เหล่านี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นสาระหลักของเว็บแห่งนี้เลยทีเดียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวหรือบทความการเมือง เช่น


พันธมิตรฯ เริ่มแล้ว แจ้งจับแดงยื่นฎีกาเถื่อน

"ประสพสุข" เตือนหางแดง อย่าทะเล่อทะล่า ยื่นฎีกาตรงสำนักพระราชวัง


โดยภาพรวม ผมขอแบ่งเนื้อหาที่ปรากฏบนเว็บไซต์ผู้จัดการออกเป็น 3 ส่วน


ส่วนแรกคือข่าวทั่ว ๆ ไป ที่มีการใส่สีตีไข่ค่อนข้างน้อย เช่น ข่าวกีฬา อาชญากรรม ข่าวต่างประเทศ ข่าวในเชิงวัฒนธรรม ซึ่งอยู่ในระดับที่พออ่านได้ บทความบางชิ้นถึงขั้นมีประโยชน์ ข่าวหรือสกู๊ปในลักษณะนี้มักไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือผลประโยชน์ของเครือผู้จัดการ


ส่วนที่สอง เป็นลักษณะที่พบเห็นได้โดยง่ายของเว็บไซต์นี้คือ เขียนข่าวโดยใช้ภาษาฉูดฉาด เร้าอารมณ์จนเหมือนอ่านนิยาย หนักไปทางโฆษณาชวนเชื่อจนมีลักษณะคล้ายใบปลิว เสียดสีเย้ยหยัน ซึ่งมีทั้งส่วนที่เป็นข่าวและส่วนที่เป็นบทความที่เขียนโดยนักวิชาการ คอลัมนิสต์


"วัชระ" เย้ยฎีกาหางแดงฎีกาผ้าป่า เวทนา "ไอ้ตู่" คนไร้ราคา

ปชป.ยันข้อมูลผู้นำท้องถิ่นทำตัวเป็นทาส ล่าชื่อไถ่บาป "แม้ว"


นี่เป็นบุคลิกของเว็บไซต์แห่งนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็น "เอกลักษณ์" คือเป็นชนชั้นกลางผู้ก้าวร้าว สุดโต่ง คล้ายกับมีอุดมการณ์ เชื่อในพลังของการ "ด่า" ยิ่ง"หยาบ" ยิ่ง "ดี" (ขอให้นึกถึงบุคลิกของสนธิ ลิ้มทองกุล ก็แล้วกัน)


เราจะไม่พบลักษณะความเป็นเหตุเป็นผลปรากฏอยู่หน้าเว็บผู้จัดการหรือถ้าพอมีอยู่บ้างก็ถูกกลบเกลื่อนไปหมด การวิพากษ์วิจารณ์โดยยึดหลักการก็เป็นสิ่งที่หาได้ยากเพราะได้สรุปตัดสินโดยอคติไปแล้วว่าอะไรถูก อะไรผิด


ส่วนที่สาม เราไม่อาจเข้าใจลักษณะของเว็บไซต์ผู้จัดการอย่างครบถ้วนได้เลย ถ้าไม่มองไปที่การแสวงหาผลประโยชน์ การค้ากำไร การ(หลอก)ขายของ ที่สอดแทรกอย่างไม่รู้จักเคอะเขินกับประดาข่าวต่าง ๆ เช่น ปุ๋ยอินทรีย์เอเอสทีวีตราขวัญดิน ที่มีโลโก้รับประกันคุณภาพโดยมหาจำลอง ศรีเมือง, บริการเพลงเก็บไว้ในความทรงจำ 193 วัน, มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินพ่วงไปกับให้สั่งจองจตุคาม, เสื้อยามเฝ้าแผ่นดินและโฆษณาอีกร้อยแปด


สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ประกาศกู้ชาติในยามที่ชาติรุ่งเรือง พูดถึงเรื่องการทำมาหากินโดยผูกพ่วงกับเรื่องการเมืองว่า

"เราจะเดินเส้นทางนี้ เราจะเก็บเล็กผสมน้อย จากเงินบริจาคของพี่น้องบ้าง จากการขายสินค้า ผงซักฟอก ข้าวสาร น้ำปลาบ้าง จากค่าสมัครสมาชิกข่าวเอสเอ็มเอส จากกำไรการขายปุ๋ยอินทรีย์ที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แบ่งให้บ้าง เราเดินแนวทางนี้ เพื่อเป็นสื่อหลักในการให้ข้อมูลข่าวสารแก่พี่น้อง เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ใช่สื่อทางเลือก แต่เป็นสื่อหลักที่ต้องดู ส่วนสื่อทางเลือกคือฟรีทีวีทั่วไปที่มีแต่ละครน้ำเน่า จะดูหรือไม่ดูก็ได้"

http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000089970


เราจะเข้าใจเว็บไซต์ผู้จัดการไม่ได้โดยเด็ดขาด ถ้ามองแต่เรื่องการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมืองเพราะที่แท้แล้วการมอมเมาทางการเมืองนั้นแยกไม่ออกเลยกับการ (หลอก) ขายของหรือการแสวงหากำไรหรือผลประโยชน์ อาจกล่าวได้ว่าสิ่งที่ดูเหมือนเป็นอุดมการณ์ทางการเมืองนั้นเป็นยุทธวิธีทางการตลาดหรือการส่งเสริมธุรกิจนั่นเอง เราลองมาดูหัวข้อข่าวนี้สิ จะเห็นได้ว่า การเมือง-การขายสินค้า สัมพันธ์กันมากทีเดียว


พธม.อุบลฯต้านฎีกาหางแดงช่วย"นช.แม้ว" - ประกาศตั้งชอปขายสินค้าหนุน ASTV


เข้ามาดูเว็บไซต์ผู้จัดการแล้ว คงต้องชายตาไปที่ "ซ้อเจ็ด" เสียหน่อย นี่เป็นนวัตกรรมในการทำลายทำร้ายผู้อื่นอย่างแท้จริง เป็นตัวอย่างที่ดีของความเลวในแง่ของความไม่รับผิดชอบ นี่เป็นตัวตนแท้จริงของเว็บไซต์ผู้จัดการ ขอคัดเนื้อหาบางประโยคมาเป็นตัวอย่าง "ซ้อเจ็ด" เขียนว่า


"ทะลวงตูดตุ๊ด เกย์ เก้ง กวาง มาหลายอาทิตย์ละ วันนี้ขอล้างมือจากขี้ไปบี้เรื่องของชายจริงหญิงแท้ มั่งดีกว่า... ปริศนานมยานช้ำในยังเป็นที่ถกเถียงของบรรดาผัวฮิปฮอปของน้องย้วยยูเทิร์น ว่า ใครกันหว่าที่ฟัดนมส่วนกลางจนเละเทะแบบนี้ เดี๋ยวปั๊ดโหวตออกไม่ให้ดูดมันซะเลย โทษฐานที่ทำนมหลวงพัง"

http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000090880


หลังจากบรรยายเรื่องบนเตียงราวกับตาเห็น ด้วยภาษาที่เหมาะสมฐานานุรูปของตัวเองแล้วก็มีบรรดาแฟนคลับพากันแสดงความคิดเห็นอย่างล้นหลาม น่าตลกที่ดันมีกติกาปากว่าตาขยิบข้อหนึ่งในการแสดงความคิดเห็นว่า


"โปรดงดเว้น การใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ดูหมิ่น กล่าวหาให้ร้าย สร้างความแตกแยก หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ"


นี่ละครับ เว็บไซต์ผู้จัดการ ไม่แปลกละครับที่ผู้ชมจะเยอะ เพราะขนาดหนังสิ้นคิดเรื่อง "วงศ์คำเหลา" ของ "หม่ำ จ๊กมก" ยังได้ร้อยล้านเลย.

 

 

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ท่ามกลางเสียงตะเบ็งเซ็งแซ่จากนักวิชาการสายพันธมิตร, สื่อสายพันธมิตร, 40 สว. ลากตั้งสายพันธมิตร, พรรคการเมืองสายพันธมิตร, นักสิทธิมนุษยชนสายพันธมิตร, คนกลางสายพันธมิตร, คนดีสายพันธมิตร, ตุลาการสายพันธมิตร และอะไรต่อมิอะไรสายพันธมิตรนั้น เราพอจะได้ยินได้อ่านอะไรที่แตกต่างสร้างสรรค์ เป็นถ้อยคำรื่นหูที่ได้ยินแล้วสบายใจอยู่บ้างแม้จะเป็นส่วนน้อยก็ตาม เสียงส่วนน้อยเหล่านี้ควรค่าแก่การจดจำตอกย้ำหรือเก็บไว้เป็นหลักฐานอ้างอิง เป็นเสียงแห่งความกล้าหาญที่ช่วยดึงรั้งไม่ให้สังคมเตลิดไปกับความหลงผิด เป็นเสียงแห่งเหตุผลและความถูกต้อง เชื่อว่าหลายคนคงผ่านหู ผ่านตามาแล้ว แต่ขอนำเสนอซ้ำอีกครั้งหนึ่ง 1.…
เมธัส บัวชุม
พวกกบโง่....เห็นนกกระยาง....เป็นนางฟ้า...สมน้ำหน้า....หลงบูชา....ดุจนางแถน...นางประแดะ.....แสร้งเมตตา...อย่างแกนๆฝูงกบแสน....ดีใจ....ได้นายดี......๚ะ๛                                                ๏..ตรังนิสิงเห...๚ะ๛( http://www.prachatai.com/webboard/wbtopic.php?id=733477 )========================================= ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลุ่มพันธมิตรฯ…
เมธัส บัวชุม
ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ละเลงเลือดแผ่นดินเดือด ถ่อยเถื่อน สะเทือนไหมเหล่าแกนนำ อำมหิต คงสะใจประเทศไทย ใกล้พังยับ นับวันรอพันธมิตร ป่วนเมือง ระส่ำสุดเตรียมอาวุธ รบกับใคร กระไรหนอกองทัพธรรม กำมีดพร้า ฆ่าให้พอทำเพื่อ "พ่อ" สนธิลิ้ม และจำลอง ละอองดาว ( http://www.prachatai.com/05web/th/home/comment.php?mod=mod_ptcms&ContentID=13977&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai ) พอฝุ่นควันจากเหตุการณ์สลายหายไป ภาพปรากฏก็เริ่มชัดเจนขึ้น ข้อเท็จจริงค่อย ๆ แสดงตัวออกมาทีละส่วน ๆ ก่อนจะกลายเป็นภาพรวมใหญ่ ทำให้การใส่ความและการโฆษณาชวนเชื่อของแกนนำพันธมิตรฯ…
เมธัส บัวชุม
นายแพทย์ประเวศ วะสี ผู้ซึ่งรู้จักกันโดยทั่วไปภายใต้โลโก้ “ราษฎรอาวุโส” เป็น “ผู้ใหญ่” ที่ใครต่อใครรู้จักกันดี เพราะคำพูดคำอ่านหรือแนวคิดของท่าน ตกเป็นข่าวพาดหัวอยู่เสมอทางหน้าหนังสือพิมพ์และได้รับการขานรับจากกลุ่มคนน้อยใหญ่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ นักเคลื่อนไหว นักกิจกรรม แม้กระทั่งข้าราชการ บทบาทของนายแพทย์ประเวศ วะสี ในหลาย ๆ วาระและโอกาส มีความสำคัญและมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสังคมการเมืองไทยอย่างสูง จนคว้ารางวัลต่างๆ มามากมาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น บุคคลดีเด่นของชาติ รางวัลแมกไซไซ รางวัลจากยูเนสโก เหรียญเชิดชูเกียรติจาก WHO เป็นที่ยอมรับโดยไม่มีข้อกังขาว่า…
เมธัส บัวชุม
นอกจากจะรู้จักใช้ “สี” ให้เป็นประโยชน์แล้ว ลัทธิพันธมิตรยังมีความสามารถพิเศษในการ ”เปลี่ยนสี” ให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป หรือ “เลือกสี” ให้เหมาะกับกาละเทศะ เพราะจะใช้ “สีเดียว” ทุกเวลาและสถานที่คงไม่ได้ การรู้จัก “เปลี่ยนสี” นี้เป็นการปรับตัวเช่นเดียวกับที่เราได้เห็นในสัตว์หลายชนิดที่สามารถสร้างสีให้เกิดความกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมหรือสื่อสารกับสัตว์ตัวอื่นๆ ไม่ว่าสัตว์นั้นจะเป็นผู้ล่าหรือผู้ถูกล่า หรือจะเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีหรือไม่มีกระดูกสันหลังต่างก็มีความสามารถในการเปลี่ยนสีด้วยกันทั้งนั้น
เมธัส บัวชุม
ตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน ปี 49 กระทั่งปัจจุบัน  อันธพาล-ลัทธิพันธมิตร ได้ผลิต ตอกย้ำนำเสนอ วาทกรรมทางการเมืองต่าง ๆ จำนวนมาก ผ่านเครือข่ายการสื่อสารที่กว้างขวางและร่วมด้วยช่วยกันกับองค์กรอันหลากหลายไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษา บุคคลที่มีชื่อเสียง สว. ลากตั้ง ดารา ฯลฯ  ทั้งที่เป็นวาทกรรมเพื่อมุ่งทำลายฝ่ายตรงข้ามและใช้ในการยกยอปอปั้นลัทธิตนเอง วาทกรรมบางอย่าง ลัทธิพันธมิตรประดิษฐ์ขึ้นโดยตรงสำหรับการกรรโชกข่มขู่รัฐบาลและสังคม แต่บางวาทกรรมไม่ได้คิดขึ้นเองหากแต่นำมาจากประธานองคมนตรี นักวิชาการ ราษฎรอาวุโส สื่อมวลชน และจากบรรดาบุคคลที่เทิดทูนระบอบอมาตยาธิปไตยไว้เหนือหัว…
เมธัส บัวชุม
กลุ่มอันธพาลการเมือง หรือแก๊งมาเฟียเป็นปัญหาเสมอมาสำหรับการสถาปนากติกาการปกครองและระเบียบการเมือง ทั้งนี้เพราะเป็นกลุ่มที่กฎหมายและการจัดระเบียบทางสังคมไม่สามารถควบคุมจัดการได้ คุกคามต่อสวัสดิภาพความเป็นอยู่ปกติของคนโดยทั่วไปเพราะกลุ่มอันธพาลการเมือง หรือแก๊งมาเฟียดำรงชีพอยู่ได้ก็ด้วยการขู่เข็ญกรรโชกกระทั่งใช้กำลัง หรือใช้กฎหมู่เพื่อให้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการ นอกจากจะไม่ผลิตอะไรออกมาแล้ว กลุ่มอันธพาลการเมืองยังคอยรีดไถเงินจากน้ำพักน้ำแรงของคนอื่น ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับการข่มขู่รีดไถหรือล็อบบี้อย่างชาญฉลาดของกลุ่มอันธพาลการเมืองที่เรียกตนเองว่าพันธมิตรอย่างสมบูรณ์แบบที่กลุ่มพันธมิตร…
เมธัส บัวชุม
ไม่ต้องเป็นผู้ฉลาดหลังเหตุการณ์เราก็จินตนาการได้ไม่ยากว่าการชุมนุมก่อน 19 กันยายน 2549 ของกลุ่มพันธมิตร ฯ นั้นเป็นการออกบัตรเชิญให้ทหารทำรัฐประหารแม้ว่าบางคนอาจคิดว่าเป็นไปไม่ได้ การชุมนุมของพันธมิตร ฯ หลังพรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาลก็เช่นเดียวกัน ไป ๆ มา ๆ ก็เหมือนเดิมคือการออกบัตรเชิญให้ทหารล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอีกคำรบหนึ่ง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพลังประชาชนได้บทเรียนมาแล้วก่อนหน้านี้ และได้รู้ว่าความผิดพลาดในรายละเอียดเพียงนิดเดียวอาจเป็นเงื่อนไขนำไปสู่การยึดอำนาจรอบสองได้ รัฐบาลจึงระมัดระวังอย่างยิ่งในการจัดการกับม็อบพันธมิตร ฯ แต่โอกาสที่จะเกิดการรัฐประหารขึ้นก็ใช่ว่าจะไม่มี…
เมธัส บัวชุม
บทความที่แล้วพยายามจะให้ความหมายของ “กวีเกรียน” ว่ามีลักษณะอย่างไร แล้วเมื่อลองมาวิเคราะห์ พิจารณา สามารถสรุปรวบยอดได้ว่า กวีเกรียน นั้นเดินทางล้าหลัง อยู่ถึง 3 ก้าวด้วยกัน ก้าวที่ 1 คือ ขาดการทบทวนอดีต ไม่สามารถนำอดีตมาเป็นบทเรียนได้ ไม่สามารถสกัดเก็บซับเอาข้อดี ข้อเสียในอดีตมาเป็นฐานคิดในการวิเคราะห์สังคมการเมือง จะว่าไปบทเรียนในอดีตของสังคมไทยก็มีให้ศึกษาเรียนรู้อยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลง 2475, การต่อสู้ของเสรีไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง การต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการในอดีตหรือกระทั่งการต่อสู้อยู่ในป่าของพคท.ฯลฯ…
เมธัส บัวชุม
ตอนแรกตั้งใจจะตั้งชื่อบทความว่า “กวีพันธมิตร ฯ” แต่เห็นชื่อที่โดนใจวัยรุ่นกว่าในเวบบอร์ด “ฟ้าเดียวกัน” ว่า “กวีเกรียน” โดยคุณ Homo erectus (ซึ่งเคยเข้ามาวิพากษ์เชิงด่าผมอยู่เป็นประจำจนเลิกไปเอง) จึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเพื่อให้เข้ากับสมัยนิยม “กวีเกรียน” ในความหมายของผมคือกวีที่ล้าหลัง คิดอ่านไร้เดียงสาเหมือนเด็กที่อ่อนต่อโลก วิเคราะห์สังคมไม่ออกเพราะไม่มีหลักคิดที่มั่นคง อ่านการเมืองไม่เป็นเพราะมัวแต่คิดว่านักการเมืองชั่วร้ายเลวทรามในขณะที่ประชาชนและข้าราชการ และพวกอภิสิทธิชนนั้นมีคุณธรรม จริยธรรม หรืออย่างน้อยก็มีมากกว่านักการเมือง…
เมธัส บัวชุม
-1- พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ตัวละครการเมืองที่ไม่ยอมลงจากเวที กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง "ภาษาไทย พ.ศ.พอเพียง" เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ วันที่ 26 กรกฎาคม ที่จัดขึ้นโดย ราชบัณฑิตยสถาน มูลนิธิรัฐบุรุษฯ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานว่า "ภาษาไทยทำให้คนรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ สื่อสารที่ดีต่อกัน ทำให้คนเข้าใจกัน ทำให้คนรักกัน โกรธ หรือเกลียดกัน ทำลายกันก็ได้ พวกเราคนไทยจึงต้องตระหนักในความสำคัญของภาษาไทย ต้องไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ไม่ฟุ้งเฟื้อจนเกินไป ต้องรักษาและพัฒนาให้ลูกหลานอย่างพอเหมาะ" (มติชน, 27 ก.ค. 51, หน้า 13) จากคำกล่าวข้างต้นแสดงให้เห็นว่าพลเอกเปรม ติณสูลานนท์…
เมธัส บัวชุม
ดา ตอร์ปิโด เขย่ารากฐานความศรัทธาของคนไทยอีกคำรบหนึ่งด้วยการพูดปราศรัยต่อหน้าสาธารณะที่ท้องสนามหลวงเมื่อคืนวันที่ 18 กรกฎาคม อย่างตรงไปตรงมา และไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม จากข่าวที่ปรากฏออกมาตามสื่อแขนงต่าง ๆ บอกให้รู้ว่าการปราศรัยของเธอนั้นเกี่ยวพันกับสถาบันเบื้องสูง ต้องยอมรับว่า ดา ตอปิโดร์ เป็นคนกล้าและแกร่งอย่างที่หลายคนทำไม่ได้ในแง่ที่ว่ากล้าพูด กล้าทำในสิ่งที่ตนเองคิดโดยไม่ต้องพะวงว่าจะเกิดผลร้ายตามมา ทราบจากที่เป็นข่าว สนธิ ลิ้มทองกุล นำคำพูดของ ดา ตอร์ปิโด มาเล่าซ้ำออกอากาศผ่าน ASTV ไปทั่วประเทศ คำปราศรัยของดา ตอร์ปิโด…