Skip to main content

การเข้าครอบครองที่ดินบนเขายายเที่ยงอย่างผิดกฏหมายขององคมนตรีคุณธรรมสูงอย่างสุรยุทธ์ จุลานนท์ นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแม้แต่น้อย ไม่ใช่ข้อค้นพบที่น่าตื่นเต้น ไม่ใช่ความลับที่น้อยคนรู้ ชาวบ้านร้านตลาดในบริเวณนั้นต่างก็รู้กันเป็นอย่างดีว่าวิลล่าสวยงามบนเขายายเที่ยงนั้นเป็นของใคร


ว่าที่จริงคนไทยโดยทั่วไปคุ้นเคย (กระทั่งถึงขั้นยอมรับ) เป็นอย่างดีอยู่แล้วกับการที่ผู้มีอำนาจอย่างนักการเมือง พวกข้าราชการระดับสูง หรือกลุ่มที่ถูกเรียกรวม ๆ ว่า “อำมาตย์” จะฮุบเอาสมบัติสาธารณะมาเป็นสมบัติส่วนตน การทำเช่นนี้นั้นเรียกได้ว่าเป็นประเพณีปฏิบัติของพวกอำมาตย์เลยด้วยซ้ำ


พวกอำมาตย์ทำเช่นนี้มาช้านานแล้ว (และพวกเศรษฐีใหม่ก็เอาอย่าง) ไม่ว่าจะเป็นการบุกรุกป่าสงวนเพื่อทำบ้านพักตากอากาศส่วนตัวหรือรีสอร์ทค้ากำไร การขยายอาณาเขตด้วยการรุกล้ำที่สาธารณะอันสวยงามเช่นชายหาดริมแม่น้ำ การตู่เอาดื้อๆ ว่าที่ดินสาธารณะตรงนั้นตรงนี้เป็นของตนเองนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ทุกวี่ทุกวัน ทุกหนทุกแห่ง หากทำการสำรวจจะพบว่ามีกรณีทำนองนี้อยู่ทุกจังหวัดเลยก็ได้


พวกอำมาตย์อยากที่ได้ที่ดินตรงไหนก็เพียงแต่ชี้เอาเท่านั้น อาจทำให้ซับซ้อนขึ้นเล็กน้อยแบบที่องคมนตรีสุรยุทธ จุลานนท์ ทำคือซื้อต่อเป็นรายที่สาม ที่สี่ จ่ายเงินเท่าที่จำเป็นต้องจ่ายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง หากเกิดซวยเรื่องแดงขึ้นมาอย่างมากก็ถูกยึดที่คืนเท่านั้นซึ่งก็เป็นอะไรที่เกิดขึ้นได้ยากมาก


เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกอำมาตย์ที่จะทำการเอาสมบัติชาติมาเป็นสมบัติตนโดยการตู่เอาดื้อ ๆ กระทั่งทำให้ถูกกฏหมาย เพราะคนพวกนี้คิดว่าชาติหรือสมบัติชาตินั้นเป็นของพวกตนมากกว่าจะเป็นของใครอื่น ตาสีตาสานั้นไม่ได้เป็นเจ้าของชาติเหมือนเช่นพวกอำมาตย์จึงไม่มีสิทธิ์ในเรื่องนี้ เช่นนี้แล้วจึงไม่ใช่เรื่องน่าละอายใจแม้แต่น้อยที่สมบัติชาติบางส่วนจะตกไปอยู่ในมือของพวกอภิสิทธิ์ชน


ดังนั้น ไม่แปลกอะไรเลยที่คนเสื้อแดงจะพบความไม่ชอบมาพากลเรื่องการบุกรุกป่าหลายพันไร่ที่เขาสอยดาว จังหวัดจันทบุรี ซึ่งมีคนรวยแห่งธนาคารกรุงเทพเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือที่จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเสื้อแดงจะทำการเปิดโปงต่อไป เชื่อว่าหากคนเสื้อแดงตรวจสอบไปเรื่อย ๆ ก็จะพบกรณีแบบนี้อีกมาก


ปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่การบังคับใช้กฏหมายเพียงอย่างเดียวหาก แต่เป็นประเพณีปฏิบัติหรืออาจเรียกว่าเป็นวัฒนธรรมของพวกอำมาตย์ที่จะต้องมีอภิสิทธิ์บางประการเหนือประชาชนคนสามัญอยู่ร่ำไป (เพราะไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นอภิสิทธิ์ชนหรือเป็นอำมาตย์ได้) ทั้งนี้เพราะหลาย ๆ กรณีแสดงให้เห็นแล้วว่าการทำตัวเป็นอภิสิทธิ์ชนได้รับการยกย่องมากกว่าจะถูกสังคมประณาม


กรณีเขายายเที่ยงก็เช่นเดียวกัน ชาวบ้านยอมรับอยู่กลาย ๆ รวมทั้งชื่นชมยกย่องถึงบุญบารมีขององคมนตรีสุรยุทธ จุลานนท์ ที่ก้าวขึ้นไปถึงจุดสูงสุด ชาวบ้านบางคนอาจมองด้วยความคิดฝันอยู่ลึก ๆ ว่าสักวันหนึ่งหากมีโชควาสนาได้เป็นเจ้าเป็นนาย ก็จะทำแบบที่องคมนตรีกระทำบ้างคือยึดเอาสมบัติชาติมาเป็นของตนเองโดยไม่ต้องรู้สึกละอาย


แม้อัยการสูงสุดจะไม่รู้ แต่ชาวบ้านรู้ดีว่าที่ดินที่ปลูกสร้างวิลลาบนเขายายเที่ยงนั้นไม่ชอบด้วยกฏหมาย แต่ชาวบ้านรู้มากไปกว่านั้นว่า กฏหมายหาได้ศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใดสำหรับคนบางประเภท กฏหมายใช้ไม่ได้สำหรับคนมีบุญบารมีไว้ ชาวบ้านรู้ต่อไปอีกว่าตนเองนั้นไร้บุญบารมี ดังนั้นจึงไม่อาจทำอย่างที่องคมนตรีสุรยุทธ์ จุลานนท์ทำได้เพราะจะต้องถูกจับเข้าคุกอย่างไม่ต้องสงสัย


แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนไปมากแล้ว แต่แบบแผนปฏิบัติของสังคมไทยที่เติบโตมากับการเป็นข้าเป็นทาสยังไม่เปลี่ยนไปมากนัก


พวกอำมาตย์ยังอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่าใครเพื่อนอยู่เสมอ นอกจากลอยนวลไม่ถูกดำเนินคดีเมื่อทำผิดกฏหมายแล้ว บางรายยังได้รับการสิทธิให้ปลอดพ้นจากการตรวจสอบของสังคมอีกด้วย มีใครตรวจสอบได้บ้างว่าองคมนตรีเปรม ติณสูลานนท์ นั้นมีรายได้เข้ากระเป๋าปีละเท่าไหร่ เสียภาษีให้รัฐมากน้อยแค่ไหน


แม้เมื่อถูกตรวจสอบแบบที่คนเสื้อแดงตรวจสอบองคมนตรีสุรยุทธ์ จุลานนท์ พวกอำมาตย์ก็หาได้รู้สึกผิดไม่ พวกอำมาตย์จะไม่รู้สึกผิดแม้ว่าถูกจับได้ ไม่ใช่ว่าหน้าหนาแต่เป็นเพราะคิดว่ากฏหมายนั้นไม่ได้มีไว้ใช้กับพวกตน กฏหมายมีไว้ใช้ในสถานการณ์ที่ทำให้ตนได้เปรียบเท่านั้น ดังนั้นองคมนตรีสุรยุทธ จุลานนท์ จะไม่แยแสหลักธรรมเรื่องหิริโอตตัปปะ แม้ว่าคนเสื้อแดงจะประจานความไม่ถูกต้องของตนเองให้โลกรู้แล้วก็ตาม


โลกของพวกอำมาตย์เป็นแดนสนธยาที่แสงสว่างสาดส่องไปไม่ถึง พวกเขาอยู่กันอย่างผาสุกโดยไม่มีใครตรวจสอบนอกจากคำซุบซิบนินทาที่เล็ดรอดออกมาเป็นครั้งคราว พวกเขาเดียดฉันท์ประชาชนและระบอบประชาธิปไตยที่โปร่งใส นิยมเผด็จการที่เคลือบหน้าทาแป้งประชาธิปไตยไว้บนผิวนอก หัวเราะเยาะใส่คุณธรรมปลอมๆ ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาหลอกประชาชน


ตราบใดที่สังคมไทยยังยกย่องพวกอำมาตย์ ปล่อยให้เทวดาออกมาทำรุ่มร่าม ละเว้นการตั้งคำถามและตรวจสอบแล้วโลกของพวกอำมาตย์แล้ว ชาตินี้เราคงหาสิ่งที่เรียกว่า “มาตรฐาน” ไม่ได้เลย

 

 

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ก่อนอื่นคงต้องขอยอมรับในความสามารถของชัย ราชวัตร ที่สามารถตรึงใจผู้อ่านคอลัมน์ “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมายาวนานหลายปีจนกระทั่งถึงปัจจุบันและดูเหมือนว่าสามารถสร้างแฟนการ์ตูนรุ่นใหม่ ๆ ได้ไม่น้อย ความน่าสนใจประการหนึ่งของการ์ตูนคอลัมน์ “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” อยู่ที่การสร้างบทสนทนาระหว่างตัวการ์ตูนเพียงไม่กี่ประโยค แต่สื่อความหมายได้มากมายเสียยิ่งกว่าบทความที่ยาวเต็มหน้ากระดาษชัย ราชวัตร ใช้วาจาสั้น ๆ ในการเสียดสีหรือวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานการณ์ปัจจุบันหรือบางครั้งเป็นการกล่าวหาใส่ความเกินจริง โดยที่เขาตัวเขาเองไม่ต้องรับผลอันใดจากการกระทำของตนเอง ตัวอย่างเช่นไทยรัฐ, 26…
เมธัส บัวชุม
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ ชัย ราชวัตร แสดงความหยาบของตัวเองผ่านการ์ตูนชุด “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” ที่เขียนให้กับหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ไทยรัฐ ชัดเจนอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงวิกฤติการเมืองสมัยทักษิณ ชินวัตร จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ชัย ราชวัตร เอาการเอางานอย่างมากในการใช้ตัวการ์ตูนโจมตีฝ่ายที่ตนเองไม่ชอบ บางครั้งเขาออกอาการก้าวร้าวผิดปกติเมื่อความขัดแย้งทางการเมืองแหลมคม เป็นผลให้การ์ตูนของเขาแตกต่างจากการ์ตูนของคนอื่น ๆ คือเป็นการ์ตูนที่เด็ก ๆ อ่านไม่รู้เรื่องเพราะอ้างอิงกับข้อมูลและความเป็นไปในสถานการณ์ปัจจุบัน อันที่จริงความน่าสนใจของหนังสือการ์ตูนโดยทั่วไปนั้นอยู่ที่การใช้ “ภาพ” เป็นตัวเล่าเรื่อง…
เมธัส บัวชุม
อาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ เพื่อนโทรมาชวนผมไปฟังการสัมมนาที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่จัดขึ้นเนื่องในงานธรรมศาสตร์วิชาการ เรื่อง “ก้าวต่อไปของการเมืองภาคประชาชนไทยหลังการเลือกตั้งทั่วไป 2550” เพื่อนบอกว่ามีคุณจาตุรนต์ ฉายแสง คุณจอน อึ๊งภากรณ์ คุณศิโรฒม์ คล้ามไพบูลย์ นพ.เหวง โตจิราการ คุณรสนา โตสิตระกูลผมได้ยินรายชื่อแล้วรู้สึกสนใจโดยเฉพาะคุณจาตุรนต์ ฉายแสง นักการเมืองคุณภาพที่หาได้ยากยิ่งในแวดวงการเมืองไทยปัจจุบัน แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็ผิดหวัง คุณจาตุรนต์ ฉายแสง ไม่มาร่วมวงสัมมนาแต่อย่างใด คุณศิโรฒม์ คล้ามไพบูลย์ นำเสนอการวิเคราะห์อย่างเป็นวิชาการ อย่างไรก็ตาม…
เมธัส บัวชุม
คงเป็นเพราะความเชี่ยวชาญส่วนตัวหรือเคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายเรื่องยาเสพติดมาก่อน คุณเฉลิม อยู่บำรุง จึงนำเสนอนโยบายปราบปรามยาเสพติดเพื่อหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหนึ่งว่าจะจัดการเฉียบขาดต่อพ่อค้า (และแม่ค้า) ยาเสพติดโดยลงโทษรุนแรงคือประหารชีวิต อย่างไรก็ตามคุณเฉลิม อยู่บำรุงไม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นผู้แทนในครั้งนั้น ดังนั้น นโยบายอันดุดันเรื่องนี้ของคุณเฉลิม  อยู่บำรุงจึงถูกพับเก็บไปการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นโยบายทางสังคมอย่างเรื่องยาเสพติดและเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้ถูกชูขึ้นหาเสียงมากนัก ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหลายโดยมากแล้วจะเน้นเรื่องนโยบายทางเศรษฐกิจ การสร้างความอยู่ดีกินดี…
เมธัส บัวชุม
การหวนกลับมาระบาดอย่างหนักของยาเสพติดในปัจจุบัน ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด และได้ผลของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่ถึงแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนักสิทธิมนุษยชน แต่ข้อดีอันเป็นรูปธรรมที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือยาเสพติดได้ลดหายไปจากสังคมไทยอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน-นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผม “คิดถึง” อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร การเอาจริงเอาจังกับปัญหายาเสพติดของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายเดือดร้อนถูกจับกันถ้วนหน้าทั้งที่ก่อนหน้านี้ซื้อและขายอย่างสะดวกสบายโดยที่รัฐบาลไม่มีปัญญาจะจัดการได้ ผู้ขายยาเสพติดรายใหญ่คนหนึ่งบอกว่า เขาสามารถซื้อตำรวจได้ทั้งจังหวัด…
เมธัส บัวชุม
อาจารย์สมศักดิ์  เจียมธีรสกุล ภาควิชาประวัติศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิพากษ์วิจารณ์ชนชั้นกลางบางกลุ่มที่เป็นพวก “สองไม่เอา” คือไม่เอาทั้ง “ทักษิณ” และ “ไม่เอารัฐประหาร” จนเป็นประเด็นถกเถียงน่าสนใจทางโลกไซเบอร์นักวิชาการบางคนพยายามที่จะไปให้พ้นจาก “สองไม่เอา” โดยพูดถึง “ทางเลือกที่สาม” แต่ที่สุดก็ไม่สามารถบอกได้ว่า “ทางเลือกที่สาม” นั้นคืออะไร การพยายามค้นหาหรือสร้าง “ทางเลือกที่สาม” มีข้อดีในแง่ที่ว่าอาจช่วยเปิดจินตนาการทางการเมืองให้กว้างขึ้นแต่ก็นั่นแหละใครจะบอกได้ว่า “ทางเลือกที่สาม”  เป็นอย่างไร  “ทางเลือกที่สาม” มีจริงหรือ ?เมื่อ “ทางเลือกที่สาม” ไม่มีอยู่จริง…
เมธัส บัวชุม
คุณสมัคร  สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน พูดถึง “มือสกปรก” และ “มือที่มองไม่เห็น” ที่พยายามสอดเข้ามาจุ้นจ้านแทรกแซงการเมืองเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล คุณสมัคร สุนทรเวชบอกว่าเป็นมือที่อยู่ “นอกวงการเมือง” เป็นมือที่จะเข้ามาทำลายระบอบประชาธิปไตยเสียงข้างมาก โดยมีความต้องการที่จะขัดขวางพรรคพลังประชาชนไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล“ไอ้มือสกปรกที่อยู่ข้างนอก ที่จะยื่นมาทำให้การเลือกตั้งล้มเหลวนั้น ผมขอแถลงว่า เราต้องทำอย่างนี้ เพื่อรักษาเกียรติยศ เกียรติคุณของ กกต.ไม่ให้ท่านโดยอำนาจมืดมาบีบบังคับ มาทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นการเฉไฉ ทั้ง 4 พรรค เราได้ตกลงกันแล้วว่า เราจะดำเนินการตั้งรัฐบาล ซึ่งตั้งได้แน่นอน…
เมธัส บัวชุม
-1-ครั้งที่แล้ว ผมเขียนแสดงความคิดเห็นต่อบทความของศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ ซึ่งเขียนยกย่องว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความสง่างามออกมาสามเรื่องจนทำให้เหมาะกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่ถึงเวลานี้ไม่ทราบว่าศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ จะยังเห็นว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังมีความสง่างามอยู่อีกหรือไม่เพราะหลังจากที่พ่ายแพ้ต่อพรรคพลังประชาชนแล้ว เขาก็ออกอาการที่เรียกได้ว่า "ขี้แพ้ชวนตั้งพรรค"ด้วยแรงหนุนจากบุคคลบางกลุ่ม และองค์กรบางองค์กร ตลอดจนการได้รับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในกรุงเทพมหานครที่มีชัยเหนือพรรคพลังประชาชนพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับคะแนนเป็นอันดับสอง…
เมธัส บัวชุม
ผมรู้สึกประหลาดใจ คาดไม่ถึง เหลือเชื่อ รับไม่ได้ ต่อบทความของศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันจันทร์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2550  ผมอ่านอย่างตั้งใจทีคำ ทีละประโยค  เมื่ออ่านจบแล้ว ได้แต่ส่ายหัว บ่นงึมงัมอยู่คนเดียวว่านิธิ เอียวศรีวงศ์ได้เขียนอย่างที่เขียนไปแล้วได้อย่างไร เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า นิธิ  เอียวศรีวงศ์ ในวัยชรา ได้ทำลายตัวเองด้วยการเขียนบทความอันน่าสะอิดสะเอียนเพื่อชื่นชม คุณอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่างหน้ามืดตามัว เขาเขียนว่า“คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแสดงความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป (…
เมธัส บัวชุม
-1-เป็นที่รู้กันดีว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.ชุดปัจจุบันซึ่งมีคนอย่าง นางสดศรี สัตยธรรม ผู้ซึ่งดูเหมือนจะชมชอบ “สถาบันทหาร” เป็นพิเศษเป็นคณะกรรมการรวมอยู่ด้วยนั้น เป็นองค์กรที่กล่าวได้ว่าคลอดออกมาจาก “มดลูก” ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ที่ทำการรัฐประหารปล้นชิงอำนาจมาจากประชาชน โดยมีพลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน ผู้ซึ่งนอกจากชอบอ้างเรื่อง “ความมั่นคง” แล้วยังชอบอ้างเรื่อง “คุณธรรม จริยธรรม” แต่ว่ากันว่าจดทะเบียนสมรสซ้อนอย่างน้อยสองครั้งเป็นอดีตประธาน  เป็นที่รู้กันดีว่าจุดประสงค์หลักของคมช.และ “บรรดาลูกๆ”  ทั้งหลายก็คือต้องการทำลายล้าง ถอนรากถอนโคน…
เมธัส บัวชุม
-1-การยึดอำนาจโดยกลุ่มทหาร ที่เรียกตัวเองด้วยชื่อที่ฟังดูคุ้นหูสำหรับคนที่พบเห็นหรือศึกษาเกี่ยวกับการรัฐประหารมาบ้างว่า “คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” (คปค.) ในวันที่ 19 กันยายน 2549 นั้นถือเป็นฝันร้ายยาวนานสำหรับสังคมการเมืองไทย และเชื่อว่าจะตามหลอกตามหลอนประวัติศาสตร์ของประชาธิปไตยไปตลอดคณะทหารที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ในเวลาต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเรียกตัวเองเสียใหม่แต่ก็ยังฟังดูคุ้น ๆ อยู่ดีว่า “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ” (คมช.) บัดนี้คำว่า “ความมั่นคง” ปรากฏขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วในรูปของชื่อเรียกและนับจากนี้เป็นต้นไป วาทกรรม “ความมั่นคง”…
เมธัส บัวชุม
หนังสือที่มีชื่อโดนใจใครหลาย ๆ คนเรื่องนี้ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางทั้งจากคนที่เห็นด้วยและคนที่รับไม่ได้แน่นอนว่าพรรคพลังประชาชนจะต้องถูกอกถูกใจที่มีคนมาช่วย "ด่า" รัฐธรรมนูญปี 2550เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่หัวหน้าพรรคฝีปากกล้าของพลังประชาชนเคยลั่นมาแล้วก่อนหน้านี้ว่า "รัฐธรรมนูญเฮงซวย"นักวิชาการน้อยใหญ่หลายคนเห็นตรงกันโดยไม่จำเป็นต้องทำโพลล์ว่ารัฐธรรมนูญปี 50 นั้นเฮงซวยจริง ๆ ทั้งนี้เพราะมันไม่ตอบโจทย์ที่กำลังเป็นปัญหาของสังคม ไม่ตอบคำถามของคนชั้นกลางที่อยากมีชีวิตมั่นคงภายใต้กระแสของโลกาภิวัฒน์ ทั้งยังไม่ช่วยให้คนระดับล่างมองเห็นอนาคตที่ดีขึ้นในวันข้างหน้าแต่รัฐธรรมนูญเฮงซวยฉบับปี 2550…