Skip to main content

ไม่ว่าผลการตัดสินคดียึดทรัพย์ (ปล้นทรัพย์อย่างถูกกฎหมาย) ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ของอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร จะออกมาเป็นอย่างไร การลุกฮือของคนเสื้อแดงก็ยังคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้


เสื้อแดงจำนวนไม่น้อยอาจไม่ได้ยี่หระเลยกับทรัพย์สินของอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตรเพราะนั่นเป็นราคาที่อดีตนายก ฯ ต้องจ่ายสำหรับการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย หลายคนจะได้เรียนรู้ว่าประชาธิปไตยนั้นถ้าไม่จ่ายด้วยเลือดและชีวิตก็ต้องจ่ายด้วยทรัพย์สินแสนแพง

\\/--break--\>
เข้าใจว่าคนเสื้อแดงทำใจได้ในระดับหนึ่งแล้วว่าทรัพย์สินที่ถูกแช่แข็งไว้จะไม่รอดพ้นเงื้อมมืออำมาตย์ที่จ้องมองเงินก้อนนั้นด้วยตาเป็นมัน บางทีทรัพย์สินที่ถูกยึดอาจถูกเล่นแร่แปรธาตุให้บางคนนำไปใช้สบายใจเฉิบก็เป็นได้


พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ มองในแง่ดีอยู่บ้างว่า ทรัพย์สินที่ถูกอายัดไว้จะไม่ถูกยึดไปทั้งหมด พวกอำมาตย์คงไม่กล้าหักหาญความรู้สึกของประชาชนคนเสื้อแดงโดยการยึดเอาไปเสียทั้งหมด จะมากจะน้อยก็คงจะเหลือเงินทอนบ้าง ในขณะที่คุณ จาตุรนต์ ฉายแสง ซึ่งเจ็บปวดมาจากการยุบพรรคไทยรักไทยและเข้าใจสันดานของพวกอำมาตย์ดีมองว่าทรัพย์สินจะถูกยึดไปทั้งหมด ไม่เหลือแม้แต่เงินทอน


แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ผลการตัดสินคงไม่เกี่ยวกับการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงที่แกนนำอย่างคุณจตุพร พรมพันธุ์ พูดหลายครั้งหลายคราว่าเป็น “สงครามครั้งสุดท้าย” ไม่ฝ่ายคนเสื้อแดงก็ฝ่ายอำมาตย์ที่แตกหักกัน

ผลการตัดสิน เป็นเพียงการบอกให้คนเสื้อแดงได้ซึ้งใจอีกครั้งว่า ความอยุติธรรมนั้นเกิดขึ้นได้แม้แต่กับคนระดับอดีตนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นมันย่อมเกิดขึ้นกับใครก็ได้ในประเทศนี้ตราบใดที่ “หลักการ” ไม่ได้รับการเคารพอย่างแท้จริง


สิ่งที่ฝ่ายอำมาตย์ทำคือ พยายามจัดฉากหลอกใคร ๆ ให้ดูเหมือนว่ามีการยึดทรัพย์นั้นกระทำอย่างมีกระบวนการขั้นตอน และถูกกฎหมายซึ่งจริงๆ แล้วเลวร้ายน่ารังเกียจกว่าการฉกฉวยวิ่งราวไปต่อหน้าต่อหน้าต่อตามาก


แม้นคนเสื้อแดงคาดคิดเอาไว้แล้วถึงผลการตัดสิน แต่สิ่งที่อาจตามมาหลังฟังคำพิพากษาแล้วคือการโหมเชื้อไฟแห่งความโกรธแค้นให้แรงและเร็วขึ้น เป้าหมายคือการปฏิวัติไพร่เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบประชาธิปไตยบิดเบี้ยวเป็นระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ขึ้น ตัวบุคคลจะต้องอยู่ภายใต้หลักการ บุญบารมีไม่อาจทำให้ใครกลายเป็นคนเหนือคนได้


ผลการตัดสินจะเป็นดั่งจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่ทำให้กองทัพคนเสื้อแดงมีเหตุผลที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นในการรบกับฝ่ายอำมาตย์ แน่นอนว่ามันจะถูกชูขึ้นให้คนเสื้อแดงเห็นร่วมกันถึงการกดขี่ข่มเหงและเอาแต่ได้ของฝ่ายอำมาตย์


การทำสงครามของคนเสื้อแดง เป็นแผนการของประวัติศาสตร์ที่ต้องเกิดขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง หากเรามองย้อนกลับไปยังความล้มเหลวของการปฏิวัติ 2475 ที่ต่อรองประนีประนอมกับฝ่ายอำมาตย์จนเป็นเหตุให้พวกอำมาตย์ตั้งตัวติด และกลับมาสยายปีกเรืองอำนาจมาจนถึงทุกวันนี้ก็จะเห็นได้ว่าประวัติศาสตร์ได้เตรียมการมาอย่างยาวนานเพื่อให้เกิดสงครามในครั้งนี้ขึ้น การเกิดขึ้นของรัฐธรรมนูญปี 2540 กระทั่งเกิดคนอย่างอดีตนายก ฯ ทักษิณ ชินวัตร นั้นก็เป็นแผนการของประวัติศาสตร์ในการเปลี่ยนแปลงไปสู่อะไรที่ดีกว่าทั้งสิ้น


ทั้งคนเสื้อแดงก็เคลื่อนไหวอย่างอดทน ฟูมฟักสั่งสมกำลังอย่างใจเย็น ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งโรงเรียนการเมืองของคนเสื้อแดงตามจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างสรรค์อย่างยิ่ง ช่วยให้มวลชนได้เข้าใจอะไรต่าง ๆ อย่างถ่องแท้และเป็นจริงขึ้น การแก้ผ้าฝ่ายอำมาตย์โดยการยกพลขึ้นบุกเขายายเที่ยง เขาสอยดาว ดาวกระจายไปยังจุดสำคัญ ๆ ล้วนเป็นการเตรียมความพร้อมอย่างเหมาะสมในการกระโจนเข้าสู่สมรภูมิรบ


ต่อจากนี้เราคงจะได้เห็นการลุกฮืออย่างพร้อมเพรียงของมวลชนคนเสื้อแดงในจุดต่าง ๆ ทั่วประเทศ บางทีมันอาจเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของพวกอำมาตย์ ด้วยไม่คิดว่าจะมีกลุ่มคนหลากหลายที่ชิงชังรังเกียจอำมาตย์มากขนาดนี้ เชื่อเถิดว่าแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐก็จะกระโจนเข้าร่วมรบกับคนเสื้อแดง เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังที่แข็งขัน เป็นไปได้ว่าแม้แต่คนที่เคยเป็น “เหลือง” ก็จะไม่ยอมตกขบวนประวัติศาสตร์เข้าร่วมรบในครั้งนี้ด้วย


บัดนี้ ปัจจัยทุกสิ่งอย่างมาประชุมพร้อมกันแล้ว สถานการณ์ที่บ่มเพาะมานานสุกงอมแล้ว ความเลวร้ายของฝ่ายอำมาตย์ซึ่งกำลังครองเมืองอยู่ขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว การลุกฮือของไพร่เสื้อแดงจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้


ถึงตอนนั้นเราคงจะได้รู้ว่าโลกที่ไม่มีอำมาตย์นั้นแม้จะขาดจริตสีสันไปบ้าง แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนคือเสรีภาพและความเท่าเทียมกันของสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์

 

 

 

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ก่อนอื่นคงต้องขอยอมรับในความสามารถของชัย ราชวัตร ที่สามารถตรึงใจผู้อ่านคอลัมน์ “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมายาวนานหลายปีจนกระทั่งถึงปัจจุบันและดูเหมือนว่าสามารถสร้างแฟนการ์ตูนรุ่นใหม่ ๆ ได้ไม่น้อย ความน่าสนใจประการหนึ่งของการ์ตูนคอลัมน์ “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” อยู่ที่การสร้างบทสนทนาระหว่างตัวการ์ตูนเพียงไม่กี่ประโยค แต่สื่อความหมายได้มากมายเสียยิ่งกว่าบทความที่ยาวเต็มหน้ากระดาษชัย ราชวัตร ใช้วาจาสั้น ๆ ในการเสียดสีหรือวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานการณ์ปัจจุบันหรือบางครั้งเป็นการกล่าวหาใส่ความเกินจริง โดยที่เขาตัวเขาเองไม่ต้องรับผลอันใดจากการกระทำของตนเอง ตัวอย่างเช่นไทยรัฐ, 26…
เมธัส บัวชุม
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ ชัย ราชวัตร แสดงความหยาบของตัวเองผ่านการ์ตูนชุด “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” ที่เขียนให้กับหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ไทยรัฐ ชัดเจนอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงวิกฤติการเมืองสมัยทักษิณ ชินวัตร จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ชัย ราชวัตร เอาการเอางานอย่างมากในการใช้ตัวการ์ตูนโจมตีฝ่ายที่ตนเองไม่ชอบ บางครั้งเขาออกอาการก้าวร้าวผิดปกติเมื่อความขัดแย้งทางการเมืองแหลมคม เป็นผลให้การ์ตูนของเขาแตกต่างจากการ์ตูนของคนอื่น ๆ คือเป็นการ์ตูนที่เด็ก ๆ อ่านไม่รู้เรื่องเพราะอ้างอิงกับข้อมูลและความเป็นไปในสถานการณ์ปัจจุบัน อันที่จริงความน่าสนใจของหนังสือการ์ตูนโดยทั่วไปนั้นอยู่ที่การใช้ “ภาพ” เป็นตัวเล่าเรื่อง…
เมธัส บัวชุม
อาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ เพื่อนโทรมาชวนผมไปฟังการสัมมนาที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่จัดขึ้นเนื่องในงานธรรมศาสตร์วิชาการ เรื่อง “ก้าวต่อไปของการเมืองภาคประชาชนไทยหลังการเลือกตั้งทั่วไป 2550” เพื่อนบอกว่ามีคุณจาตุรนต์ ฉายแสง คุณจอน อึ๊งภากรณ์ คุณศิโรฒม์ คล้ามไพบูลย์ นพ.เหวง โตจิราการ คุณรสนา โตสิตระกูลผมได้ยินรายชื่อแล้วรู้สึกสนใจโดยเฉพาะคุณจาตุรนต์ ฉายแสง นักการเมืองคุณภาพที่หาได้ยากยิ่งในแวดวงการเมืองไทยปัจจุบัน แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็ผิดหวัง คุณจาตุรนต์ ฉายแสง ไม่มาร่วมวงสัมมนาแต่อย่างใด คุณศิโรฒม์ คล้ามไพบูลย์ นำเสนอการวิเคราะห์อย่างเป็นวิชาการ อย่างไรก็ตาม…
เมธัส บัวชุม
คงเป็นเพราะความเชี่ยวชาญส่วนตัวหรือเคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายเรื่องยาเสพติดมาก่อน คุณเฉลิม อยู่บำรุง จึงนำเสนอนโยบายปราบปรามยาเสพติดเพื่อหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหนึ่งว่าจะจัดการเฉียบขาดต่อพ่อค้า (และแม่ค้า) ยาเสพติดโดยลงโทษรุนแรงคือประหารชีวิต อย่างไรก็ตามคุณเฉลิม อยู่บำรุงไม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นผู้แทนในครั้งนั้น ดังนั้น นโยบายอันดุดันเรื่องนี้ของคุณเฉลิม  อยู่บำรุงจึงถูกพับเก็บไปการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นโยบายทางสังคมอย่างเรื่องยาเสพติดและเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้ถูกชูขึ้นหาเสียงมากนัก ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหลายโดยมากแล้วจะเน้นเรื่องนโยบายทางเศรษฐกิจ การสร้างความอยู่ดีกินดี…
เมธัส บัวชุม
การหวนกลับมาระบาดอย่างหนักของยาเสพติดในปัจจุบัน ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด และได้ผลของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่ถึงแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนักสิทธิมนุษยชน แต่ข้อดีอันเป็นรูปธรรมที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือยาเสพติดได้ลดหายไปจากสังคมไทยอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน-นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผม “คิดถึง” อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร การเอาจริงเอาจังกับปัญหายาเสพติดของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายเดือดร้อนถูกจับกันถ้วนหน้าทั้งที่ก่อนหน้านี้ซื้อและขายอย่างสะดวกสบายโดยที่รัฐบาลไม่มีปัญญาจะจัดการได้ ผู้ขายยาเสพติดรายใหญ่คนหนึ่งบอกว่า เขาสามารถซื้อตำรวจได้ทั้งจังหวัด…
เมธัส บัวชุม
อาจารย์สมศักดิ์  เจียมธีรสกุล ภาควิชาประวัติศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิพากษ์วิจารณ์ชนชั้นกลางบางกลุ่มที่เป็นพวก “สองไม่เอา” คือไม่เอาทั้ง “ทักษิณ” และ “ไม่เอารัฐประหาร” จนเป็นประเด็นถกเถียงน่าสนใจทางโลกไซเบอร์นักวิชาการบางคนพยายามที่จะไปให้พ้นจาก “สองไม่เอา” โดยพูดถึง “ทางเลือกที่สาม” แต่ที่สุดก็ไม่สามารถบอกได้ว่า “ทางเลือกที่สาม” นั้นคืออะไร การพยายามค้นหาหรือสร้าง “ทางเลือกที่สาม” มีข้อดีในแง่ที่ว่าอาจช่วยเปิดจินตนาการทางการเมืองให้กว้างขึ้นแต่ก็นั่นแหละใครจะบอกได้ว่า “ทางเลือกที่สาม”  เป็นอย่างไร  “ทางเลือกที่สาม” มีจริงหรือ ?เมื่อ “ทางเลือกที่สาม” ไม่มีอยู่จริง…
เมธัส บัวชุม
คุณสมัคร  สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน พูดถึง “มือสกปรก” และ “มือที่มองไม่เห็น” ที่พยายามสอดเข้ามาจุ้นจ้านแทรกแซงการเมืองเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล คุณสมัคร สุนทรเวชบอกว่าเป็นมือที่อยู่ “นอกวงการเมือง” เป็นมือที่จะเข้ามาทำลายระบอบประชาธิปไตยเสียงข้างมาก โดยมีความต้องการที่จะขัดขวางพรรคพลังประชาชนไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล“ไอ้มือสกปรกที่อยู่ข้างนอก ที่จะยื่นมาทำให้การเลือกตั้งล้มเหลวนั้น ผมขอแถลงว่า เราต้องทำอย่างนี้ เพื่อรักษาเกียรติยศ เกียรติคุณของ กกต.ไม่ให้ท่านโดยอำนาจมืดมาบีบบังคับ มาทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นการเฉไฉ ทั้ง 4 พรรค เราได้ตกลงกันแล้วว่า เราจะดำเนินการตั้งรัฐบาล ซึ่งตั้งได้แน่นอน…
เมธัส บัวชุม
-1-ครั้งที่แล้ว ผมเขียนแสดงความคิดเห็นต่อบทความของศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ ซึ่งเขียนยกย่องว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความสง่างามออกมาสามเรื่องจนทำให้เหมาะกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่ถึงเวลานี้ไม่ทราบว่าศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ จะยังเห็นว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังมีความสง่างามอยู่อีกหรือไม่เพราะหลังจากที่พ่ายแพ้ต่อพรรคพลังประชาชนแล้ว เขาก็ออกอาการที่เรียกได้ว่า "ขี้แพ้ชวนตั้งพรรค"ด้วยแรงหนุนจากบุคคลบางกลุ่ม และองค์กรบางองค์กร ตลอดจนการได้รับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในกรุงเทพมหานครที่มีชัยเหนือพรรคพลังประชาชนพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับคะแนนเป็นอันดับสอง…
เมธัส บัวชุม
ผมรู้สึกประหลาดใจ คาดไม่ถึง เหลือเชื่อ รับไม่ได้ ต่อบทความของศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันจันทร์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2550  ผมอ่านอย่างตั้งใจทีคำ ทีละประโยค  เมื่ออ่านจบแล้ว ได้แต่ส่ายหัว บ่นงึมงัมอยู่คนเดียวว่านิธิ เอียวศรีวงศ์ได้เขียนอย่างที่เขียนไปแล้วได้อย่างไร เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า นิธิ  เอียวศรีวงศ์ ในวัยชรา ได้ทำลายตัวเองด้วยการเขียนบทความอันน่าสะอิดสะเอียนเพื่อชื่นชม คุณอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่างหน้ามืดตามัว เขาเขียนว่า“คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแสดงความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป (…
เมธัส บัวชุม
-1-เป็นที่รู้กันดีว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.ชุดปัจจุบันซึ่งมีคนอย่าง นางสดศรี สัตยธรรม ผู้ซึ่งดูเหมือนจะชมชอบ “สถาบันทหาร” เป็นพิเศษเป็นคณะกรรมการรวมอยู่ด้วยนั้น เป็นองค์กรที่กล่าวได้ว่าคลอดออกมาจาก “มดลูก” ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ที่ทำการรัฐประหารปล้นชิงอำนาจมาจากประชาชน โดยมีพลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน ผู้ซึ่งนอกจากชอบอ้างเรื่อง “ความมั่นคง” แล้วยังชอบอ้างเรื่อง “คุณธรรม จริยธรรม” แต่ว่ากันว่าจดทะเบียนสมรสซ้อนอย่างน้อยสองครั้งเป็นอดีตประธาน  เป็นที่รู้กันดีว่าจุดประสงค์หลักของคมช.และ “บรรดาลูกๆ”  ทั้งหลายก็คือต้องการทำลายล้าง ถอนรากถอนโคน…
เมธัส บัวชุม
-1-การยึดอำนาจโดยกลุ่มทหาร ที่เรียกตัวเองด้วยชื่อที่ฟังดูคุ้นหูสำหรับคนที่พบเห็นหรือศึกษาเกี่ยวกับการรัฐประหารมาบ้างว่า “คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” (คปค.) ในวันที่ 19 กันยายน 2549 นั้นถือเป็นฝันร้ายยาวนานสำหรับสังคมการเมืองไทย และเชื่อว่าจะตามหลอกตามหลอนประวัติศาสตร์ของประชาธิปไตยไปตลอดคณะทหารที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ในเวลาต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเรียกตัวเองเสียใหม่แต่ก็ยังฟังดูคุ้น ๆ อยู่ดีว่า “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ” (คมช.) บัดนี้คำว่า “ความมั่นคง” ปรากฏขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วในรูปของชื่อเรียกและนับจากนี้เป็นต้นไป วาทกรรม “ความมั่นคง”…
เมธัส บัวชุม
หนังสือที่มีชื่อโดนใจใครหลาย ๆ คนเรื่องนี้ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางทั้งจากคนที่เห็นด้วยและคนที่รับไม่ได้แน่นอนว่าพรรคพลังประชาชนจะต้องถูกอกถูกใจที่มีคนมาช่วย "ด่า" รัฐธรรมนูญปี 2550เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่หัวหน้าพรรคฝีปากกล้าของพลังประชาชนเคยลั่นมาแล้วก่อนหน้านี้ว่า "รัฐธรรมนูญเฮงซวย"นักวิชาการน้อยใหญ่หลายคนเห็นตรงกันโดยไม่จำเป็นต้องทำโพลล์ว่ารัฐธรรมนูญปี 50 นั้นเฮงซวยจริง ๆ ทั้งนี้เพราะมันไม่ตอบโจทย์ที่กำลังเป็นปัญหาของสังคม ไม่ตอบคำถามของคนชั้นกลางที่อยากมีชีวิตมั่นคงภายใต้กระแสของโลกาภิวัฒน์ ทั้งยังไม่ช่วยให้คนระดับล่างมองเห็นอนาคตที่ดีขึ้นในวันข้างหน้าแต่รัฐธรรมนูญเฮงซวยฉบับปี 2550…