Skip to main content
 

หนุ่มคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าวันดีคืนดีเขาก็ต้องตื่นขึ้นมาตอนประมาณตีสาม เพราะเพื่อนของหลานมาเคาะประตูเรียก

"มีอะไร" เขาถาม

"งานเข้า!" เพื่อนของหลานบอก ก่อนที่จะขยายความว่าหลานของเขาถูกจับยาบ้า ตอนนี้อยู่ที่สถานีตำรวจแล้ว


เขารีบไปที่สถานีตำรวจทันที อกสั่นขวัญแขวนเพราะเป็นห่วงหลาน พบหลานนั่งก้มหน้า น้ำตาคลอ และถูกใส่กุญแจมือ

"ไม่ทัน!" หลานบอกทันทีที่เจอหน้า


เขาไม่แน่ใจว่าคำว่า "ไม่ทัน" ของหลานนั้นหมายถึงอะไร มันอาจหมายถึงว่า "หนีตำรวจไม่ทัน" หรืออาจหมายถึงว่า "ทิ้งยาบ้าที่ติดตัวอยู่ไม่ทัน"


เขาถามหลานสองสามคำและถามตำรวจอีกสองสามคำ ได้ความว่าหลานมียาบ้าติดตัวอยู่ 20 เม็ด พร้อมกับเงิน 4 พันกว่าบาท


ยาบ้าที่ว่านี้หลานไปหาซื้อมากับเพื่อนจากแถว ๆ วงเวียนใหญ่เพื่อนำไปขายต่อ (หลานไม่ยอมให้รายละเอียดว่าซื้อต่อมาจากใคร อย่างไร) หลานบอกว่าซื้อขาดมาเลย ไม่ใช่รับจ้างเดินของ และยอมรับว่าทำงานนี้มาเป็นแรมเดือนแล้ว


เขาตกตะลึงกับสารภาพง่าย ๆ ของหลาน เขารู้ว่าหลานเสพยาเสพติดมานานและพยายามขัดขวางห้ามปรามอย่างสุดความสามารถมาโดยตลอด แต่ไม่นึกว่าหลานจะใจกล้าถึงขนาดนี้ อายุยังไม่ถึง 17 ปีด้วยซ้ำ เขาคิดว่าหลานอาจจะ "เสี้ยนยา" และไม่มีเงินซื้อเพราะแม่ก็ตัดหางปล่อยวัดแล้ว ดังนั้นจึงหันมาขาย ขายไป เสพไป


หลานให้รายละเอียดในเวลาต่อมาว่าหลังจากไปรับยาบ้ามาจากวงเวียนใหญ่แล้ว ก็ไปขี่มอเตอร์ไซค์เล่นกับเพื่อนคนที่ไปเอายาบ้าด้วยกันนั่นแหละ

"ทำไมไม่เอายาบ้ามาเก็บเสียก่อน" เขาถาม

"ลืม" หลานบอก


หลานกับเพื่อนขี่มอเตอร์ไซค์พร้อมพกพากล่องลูกอมที่ใส่ยาบ้าไว้ 20 เม็ดตระเวณไปทั่วกรุงเทพ ฯ กระทั่งเจอด่าน รถมอเตอร์ไซค์ที่หลานขี่เป็นรถแต่งดังนั้นตำรวจจึงเรียกให้จอดเพื่อจะทำการปรับไปตามเรื่องตามราว แต่หลานออกอาการลนลานจนน่าสงสัย ตำรวจจึงนำตัวไปที่โรงพักและค้นตัว


เที่ยวแรกค้นไม่เจอเพราะหลานใส่ไว้ในกางเกงใน แต่ตำรวจนายหนึ่งรู้ทันบอกให้ค้นในกางเกงในด้วย จึงเจอกล่องลูกอมใส่ยาบ้า เป็นอันว่าเกม


เขาทั้งด่าทั้งปลอบหลาน ทั้งเจ็บปวดผิดหวังกับหลานที่เขาแสนรัก เขามองหน้าเศร้าสร้อยของหลาน รู้สึกเสียดายที่อนาคตต้องมีรอยมลทิน


หลังจากลงบันทึกเรียบร้อยแล้ว ตำรวจก็พาหลานเข้าห้องขัง

เขาไม่คิดจะประกันตัว เขาโทรไปบอกแม่ของหลานซึ่งก็ให้ความเห็นว่าไม่ต้องประกันตัว แม่ของหลานบอกว่าเด็กมันควรจะได้รับบทเรียน เขาเห็นด้วยว่าหลานควรจะได้รับบทเรียนและได้แต่หวังว่าบทเรียนนี้จะทำให้ "โต" ขึ้น


เขากลับมานอนไม่หลับ ภาพที่หลานถูกสวมกุญแจมือเดินเข้าห้องขังนั้นทำร้ายจิตใจอย่างแรง

รุ่งขึ้นเขาลางาน ไปเยี่ยมหลานและต้องเป็นผู้ปกครองตอนที่ตำรวจสอบสวน ก่อนที่จะสอบสวนนั้น ตำรวจเข้ามาบอกกับหลานว่า เงิน 4 พันกว่าบาทนั้นให้หลานบอกว่าเป็นเงินที่แม่ให้มา ไม่ใช่เงินที่ได้มาจากการขายยาบ้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้หลานสารภาพแต่โดยดีไปแล้วว่าเป็นเงินจากการขายยาบ้า


ด้วยความที่คิดว่าตำรวจเป็นคนดี หรือด้วยความมองโลกในแง่ดีหรือด้วยความอ่อนต่อโลกของตำรวจและโลกของยาบ้า เขาจึงเข้าใจว่าที่ตำรวจแนะนำให้หลานบอกว่าเงิน 4 พันกว่าบาทนั้นเป็นเงินที่แม่ให้มาเพราะตำรวจอยากจะคืนเงินให้กับเด็ก


เขาถามตำรวจว่า "เงินนี้จะได้คืนใช่ไหมครับ"

ตำรวจตอบว่า "ห้าสิบ ห้าสิบ"

เขาลืมเรื่องเงินไปชั่วคราว เพราะใจจดจ่ออยู่กับการสอบสวนซึ่งมีทนายความ นักจิตวิทยามาร่วมเป็นพยานด้วย (อันที่จริงถ้าให้ครบก็ต้องมีอัยการด้วย แต่เขาบอกว่าไม่ต้องก็ได้)


ตำรวจถามไปเรื่อย ๆ พร้อมทั้งบันทึกวิดีโอไว้ จนมาถึงเรื่องเงิน 4 พันกว่าบาท หลานก็ตอบไปตามที่ตำรวจบอกให้ตอบว่าเงินนั้นเป็นของแม่ ไม่ใช่เงินที่เกี่ยวข้องกับยาบ้า การสอบสวนเสร็จสิ้นใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง


จากนั้นหลานถูกนำตัวเข้าห้องขังอีกครั้ง ส่วนเขาก็นั่งรอเพื่อที่จะไปส่งหลานที่ "บ้านเมตตา" พร้อมกับตำรวจ

ระหว่างทางไปบ้านเมตตา ตำรวจที่ไปส่งหลานสองนายแวะเติมน้ำมันที่ปั๊ม 300 บาท แต่มีเงินติดตัวไม่พอ ตำรวจจึงขอยืมเขา 200 บาท เขางงที่จู่ ๆ ตำรวจยืมเงินแต่ก็ให้ไป


เขาถามตำรวจหลายครั้งว่าเงิน 4 พันกว่าบาทของหลานนั้นจะได้คืนหรือไม่ ตำรวจตอบว่าต้องหาหลักฐานมายืนยันว่าเงินนั้นเป็นเงินที่แม่ให้มาจริง ๆ !


เขารู้ทันทีว่าพลาดแล้ว เงินไม่มีทางได้คืนแน่นอน จะหาหลักฐานมายืนยันได้ยังไงในเมื่อเงินนั้นมาจากการขายยาบ้า!


เขามาถึงบางอ้อว่าหากหลานสารภาพว่าเงิน 4 พันกว่าบาทได้มาจากการขายยาบ้า เงินสกปรกนั่นก็จะตกเป็น "ของกลาง" แต่หากบอกว่าเป็นเงินที่แม่ให้มา ไม่เกี่ยวกับยาบ้า เงินนั้นก็จะไม่เป็นของกลาง ตำรวจก็สามารถเอาเงินบาปที่เด็กเสี่ยงอนาคตหามาได้เข้ากระเป๋าตัวเองสบายใจ


นี่เป็นวิธีหากินของตำรวจ เป็นวิธีหากินกับความเหลวแหลกของสังคม ฉวยโอกาสเอาจากความเดือดร้อนที่ผิดกฏหมาย


หลังจากที่พาหลานไปส่งที่ "บ้านเมตตา" แล้ว เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขายังไม่ได้นอนเลย รู้สึกอ่อนเพลียเสียใจเป็นกำลัง เขาทรุดตัวลงที่ลานหญ้าข้างถนน ร้องไห้เสียงดังไม่อายใคร.

บล็อกของ เมธัส บัวชุม

เมธัส บัวชุม
ก่อนอื่นคงต้องขอยอมรับในความสามารถของชัย ราชวัตร ที่สามารถตรึงใจผู้อ่านคอลัมน์ “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐมายาวนานหลายปีจนกระทั่งถึงปัจจุบันและดูเหมือนว่าสามารถสร้างแฟนการ์ตูนรุ่นใหม่ ๆ ได้ไม่น้อย ความน่าสนใจประการหนึ่งของการ์ตูนคอลัมน์ “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” อยู่ที่การสร้างบทสนทนาระหว่างตัวการ์ตูนเพียงไม่กี่ประโยค แต่สื่อความหมายได้มากมายเสียยิ่งกว่าบทความที่ยาวเต็มหน้ากระดาษชัย ราชวัตร ใช้วาจาสั้น ๆ ในการเสียดสีหรือวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานการณ์ปัจจุบันหรือบางครั้งเป็นการกล่าวหาใส่ความเกินจริง โดยที่เขาตัวเขาเองไม่ต้องรับผลอันใดจากการกระทำของตนเอง ตัวอย่างเช่นไทยรัฐ, 26…
เมธัส บัวชุม
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ ชัย ราชวัตร แสดงความหยาบของตัวเองผ่านการ์ตูนชุด “ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน” ที่เขียนให้กับหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ไทยรัฐ ชัดเจนอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงวิกฤติการเมืองสมัยทักษิณ ชินวัตร จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ชัย ราชวัตร เอาการเอางานอย่างมากในการใช้ตัวการ์ตูนโจมตีฝ่ายที่ตนเองไม่ชอบ บางครั้งเขาออกอาการก้าวร้าวผิดปกติเมื่อความขัดแย้งทางการเมืองแหลมคม เป็นผลให้การ์ตูนของเขาแตกต่างจากการ์ตูนของคนอื่น ๆ คือเป็นการ์ตูนที่เด็ก ๆ อ่านไม่รู้เรื่องเพราะอ้างอิงกับข้อมูลและความเป็นไปในสถานการณ์ปัจจุบัน อันที่จริงความน่าสนใจของหนังสือการ์ตูนโดยทั่วไปนั้นอยู่ที่การใช้ “ภาพ” เป็นตัวเล่าเรื่อง…
เมธัส บัวชุม
อาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ เพื่อนโทรมาชวนผมไปฟังการสัมมนาที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่จัดขึ้นเนื่องในงานธรรมศาสตร์วิชาการ เรื่อง “ก้าวต่อไปของการเมืองภาคประชาชนไทยหลังการเลือกตั้งทั่วไป 2550” เพื่อนบอกว่ามีคุณจาตุรนต์ ฉายแสง คุณจอน อึ๊งภากรณ์ คุณศิโรฒม์ คล้ามไพบูลย์ นพ.เหวง โตจิราการ คุณรสนา โตสิตระกูลผมได้ยินรายชื่อแล้วรู้สึกสนใจโดยเฉพาะคุณจาตุรนต์ ฉายแสง นักการเมืองคุณภาพที่หาได้ยากยิ่งในแวดวงการเมืองไทยปัจจุบัน แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็ผิดหวัง คุณจาตุรนต์ ฉายแสง ไม่มาร่วมวงสัมมนาแต่อย่างใด คุณศิโรฒม์ คล้ามไพบูลย์ นำเสนอการวิเคราะห์อย่างเป็นวิชาการ อย่างไรก็ตาม…
เมธัส บัวชุม
คงเป็นเพราะความเชี่ยวชาญส่วนตัวหรือเคยผ่านประสบการณ์เลวร้ายเรื่องยาเสพติดมาก่อน คุณเฉลิม อยู่บำรุง จึงนำเสนอนโยบายปราบปรามยาเสพติดเพื่อหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหนึ่งว่าจะจัดการเฉียบขาดต่อพ่อค้า (และแม่ค้า) ยาเสพติดโดยลงโทษรุนแรงคือประหารชีวิต อย่างไรก็ตามคุณเฉลิม อยู่บำรุงไม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นผู้แทนในครั้งนั้น ดังนั้น นโยบายอันดุดันเรื่องนี้ของคุณเฉลิม  อยู่บำรุงจึงถูกพับเก็บไปการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา นโยบายทางสังคมอย่างเรื่องยาเสพติดและเรื่องอื่น ๆ ไม่ได้ถูกชูขึ้นหาเสียงมากนัก ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหลายโดยมากแล้วจะเน้นเรื่องนโยบายทางเศรษฐกิจ การสร้างความอยู่ดีกินดี…
เมธัส บัวชุม
การหวนกลับมาระบาดอย่างหนักของยาเสพติดในปัจจุบัน ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด และได้ผลของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยที่ถึงแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนักสิทธิมนุษยชน แต่ข้อดีอันเป็นรูปธรรมที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือยาเสพติดได้ลดหายไปจากสังคมไทยอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน-นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ผม “คิดถึง” อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร การเอาจริงเอาจังกับปัญหายาเสพติดของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายเดือดร้อนถูกจับกันถ้วนหน้าทั้งที่ก่อนหน้านี้ซื้อและขายอย่างสะดวกสบายโดยที่รัฐบาลไม่มีปัญญาจะจัดการได้ ผู้ขายยาเสพติดรายใหญ่คนหนึ่งบอกว่า เขาสามารถซื้อตำรวจได้ทั้งจังหวัด…
เมธัส บัวชุม
อาจารย์สมศักดิ์  เจียมธีรสกุล ภาควิชาประวัติศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิพากษ์วิจารณ์ชนชั้นกลางบางกลุ่มที่เป็นพวก “สองไม่เอา” คือไม่เอาทั้ง “ทักษิณ” และ “ไม่เอารัฐประหาร” จนเป็นประเด็นถกเถียงน่าสนใจทางโลกไซเบอร์นักวิชาการบางคนพยายามที่จะไปให้พ้นจาก “สองไม่เอา” โดยพูดถึง “ทางเลือกที่สาม” แต่ที่สุดก็ไม่สามารถบอกได้ว่า “ทางเลือกที่สาม” นั้นคืออะไร การพยายามค้นหาหรือสร้าง “ทางเลือกที่สาม” มีข้อดีในแง่ที่ว่าอาจช่วยเปิดจินตนาการทางการเมืองให้กว้างขึ้นแต่ก็นั่นแหละใครจะบอกได้ว่า “ทางเลือกที่สาม”  เป็นอย่างไร  “ทางเลือกที่สาม” มีจริงหรือ ?เมื่อ “ทางเลือกที่สาม” ไม่มีอยู่จริง…
เมธัส บัวชุม
คุณสมัคร  สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน พูดถึง “มือสกปรก” และ “มือที่มองไม่เห็น” ที่พยายามสอดเข้ามาจุ้นจ้านแทรกแซงการเมืองเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล คุณสมัคร สุนทรเวชบอกว่าเป็นมือที่อยู่ “นอกวงการเมือง” เป็นมือที่จะเข้ามาทำลายระบอบประชาธิปไตยเสียงข้างมาก โดยมีความต้องการที่จะขัดขวางพรรคพลังประชาชนไม่ให้จัดตั้งรัฐบาล“ไอ้มือสกปรกที่อยู่ข้างนอก ที่จะยื่นมาทำให้การเลือกตั้งล้มเหลวนั้น ผมขอแถลงว่า เราต้องทำอย่างนี้ เพื่อรักษาเกียรติยศ เกียรติคุณของ กกต.ไม่ให้ท่านโดยอำนาจมืดมาบีบบังคับ มาทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นการเฉไฉ ทั้ง 4 พรรค เราได้ตกลงกันแล้วว่า เราจะดำเนินการตั้งรัฐบาล ซึ่งตั้งได้แน่นอน…
เมธัส บัวชุม
-1-ครั้งที่แล้ว ผมเขียนแสดงความคิดเห็นต่อบทความของศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ ซึ่งเขียนยกย่องว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความสง่างามออกมาสามเรื่องจนทำให้เหมาะกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่ถึงเวลานี้ไม่ทราบว่าศ.ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ จะยังเห็นว่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังมีความสง่างามอยู่อีกหรือไม่เพราะหลังจากที่พ่ายแพ้ต่อพรรคพลังประชาชนแล้ว เขาก็ออกอาการที่เรียกได้ว่า "ขี้แพ้ชวนตั้งพรรค"ด้วยแรงหนุนจากบุคคลบางกลุ่ม และองค์กรบางองค์กร ตลอดจนการได้รับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในกรุงเทพมหานครที่มีชัยเหนือพรรคพลังประชาชนพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้รับคะแนนเป็นอันดับสอง…
เมธัส บัวชุม
ผมรู้สึกประหลาดใจ คาดไม่ถึง เหลือเชื่อ รับไม่ได้ ต่อบทความของศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันจันทร์ ที่ 25 พฤศจิกายน 2550  ผมอ่านอย่างตั้งใจทีคำ ทีละประโยค  เมื่ออ่านจบแล้ว ได้แต่ส่ายหัว บ่นงึมงัมอยู่คนเดียวว่านิธิ เอียวศรีวงศ์ได้เขียนอย่างที่เขียนไปแล้วได้อย่างไร เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า นิธิ  เอียวศรีวงศ์ ในวัยชรา ได้ทำลายตัวเองด้วยการเขียนบทความอันน่าสะอิดสะเอียนเพื่อชื่นชม คุณอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อย่างหน้ามืดตามัว เขาเขียนว่า“คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะแสดงความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป (…
เมธัส บัวชุม
-1-เป็นที่รู้กันดีว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.ชุดปัจจุบันซึ่งมีคนอย่าง นางสดศรี สัตยธรรม ผู้ซึ่งดูเหมือนจะชมชอบ “สถาบันทหาร” เป็นพิเศษเป็นคณะกรรมการรวมอยู่ด้วยนั้น เป็นองค์กรที่กล่าวได้ว่าคลอดออกมาจาก “มดลูก” ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช. ที่ทำการรัฐประหารปล้นชิงอำนาจมาจากประชาชน โดยมีพลเอกสนธิ บุญยรัตนกลิน ผู้ซึ่งนอกจากชอบอ้างเรื่อง “ความมั่นคง” แล้วยังชอบอ้างเรื่อง “คุณธรรม จริยธรรม” แต่ว่ากันว่าจดทะเบียนสมรสซ้อนอย่างน้อยสองครั้งเป็นอดีตประธาน  เป็นที่รู้กันดีว่าจุดประสงค์หลักของคมช.และ “บรรดาลูกๆ”  ทั้งหลายก็คือต้องการทำลายล้าง ถอนรากถอนโคน…
เมธัส บัวชุม
-1-การยึดอำนาจโดยกลุ่มทหาร ที่เรียกตัวเองด้วยชื่อที่ฟังดูคุ้นหูสำหรับคนที่พบเห็นหรือศึกษาเกี่ยวกับการรัฐประหารมาบ้างว่า “คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” (คปค.) ในวันที่ 19 กันยายน 2549 นั้นถือเป็นฝันร้ายยาวนานสำหรับสังคมการเมืองไทย และเชื่อว่าจะตามหลอกตามหลอนประวัติศาสตร์ของประชาธิปไตยไปตลอดคณะทหารที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ในเวลาต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเรียกตัวเองเสียใหม่แต่ก็ยังฟังดูคุ้น ๆ อยู่ดีว่า “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ” (คมช.) บัดนี้คำว่า “ความมั่นคง” ปรากฏขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วในรูปของชื่อเรียกและนับจากนี้เป็นต้นไป วาทกรรม “ความมั่นคง”…
เมธัส บัวชุม
หนังสือที่มีชื่อโดนใจใครหลาย ๆ คนเรื่องนี้ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางทั้งจากคนที่เห็นด้วยและคนที่รับไม่ได้แน่นอนว่าพรรคพลังประชาชนจะต้องถูกอกถูกใจที่มีคนมาช่วย "ด่า" รัฐธรรมนูญปี 2550เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่หัวหน้าพรรคฝีปากกล้าของพลังประชาชนเคยลั่นมาแล้วก่อนหน้านี้ว่า "รัฐธรรมนูญเฮงซวย"นักวิชาการน้อยใหญ่หลายคนเห็นตรงกันโดยไม่จำเป็นต้องทำโพลล์ว่ารัฐธรรมนูญปี 50 นั้นเฮงซวยจริง ๆ ทั้งนี้เพราะมันไม่ตอบโจทย์ที่กำลังเป็นปัญหาของสังคม ไม่ตอบคำถามของคนชั้นกลางที่อยากมีชีวิตมั่นคงภายใต้กระแสของโลกาภิวัฒน์ ทั้งยังไม่ช่วยให้คนระดับล่างมองเห็นอนาคตที่ดีขึ้นในวันข้างหน้าแต่รัฐธรรมนูญเฮงซวยฉบับปี 2550…