Skip to main content

 

  ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคงไม่มีข่าวใดร้อนไปกว่า ประเด็นที่มีอาจารย์กลุ่มหนึ่งของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งรวมตัวกันยื่นให้ศาลวินิจฉัยว่า การจำนำข้าวของรัฐบาลปัจจุบันนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีผลยกเลิกนโยบายนี้ซะ ครับ แน่นอนว่า การกระทำในครั้งนี้ได้ทำให้ชาวนาไทยหลายร้อย หลายพันคนไม่พอใจและประท้วงเรื่องนี้กันใหญ่โตจนนำไปสู่การตั้งคำถามว่า การจำนำข้าวนั้นชาวนาได้รับผลประโยชน์จริงหรือไม่ รวมทั้งคำถามจำนำกับประกันราคาข้าวนั้นอะไรกันแน่ที่ได้รับผลประโยชน์มากกว่ากัน

         ซึ่งแน่นอนว่า ผมจะไม่พูดถึงประเด็นนี้เพราะเชื่อว่า มีหลายคนให้ทัศนะที่น่าสนใจเอาไว้แล้วทั้งการเปรียบเทียบว่า ประกันกับจำนำมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ผมแนะนำให้ไปอ่านลิงค์ที่ผมให้นี้ครับ น่าจะช่วยได้เยอะครับ

 
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ นับตั้งแต่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นต้นมานั้น ใครเป็นคนได้รับผลประโยชน์ที่สุดจากการเกษตร ชาวนาเหรอ ไม่ใช่ครับ ผู้บริโภคเหรอ ก็ไม่ใช่อีกครับ
 
คนที่ได้รับผลประโยชน์ก็คือ พวกนายทุนบริษัทต่าง ๆ นั้นเองที่เข้ามากอบโกยเอากับสินค้าประเภทนี้ดังเช่นที่ สารคดีเรื่องหนึ่งได้พาเราไปให้เห็นว่า เรากำลังมองภาพบางอย่างผิดไปจากเดิม
 
สารคดีนั้นก็คือ Food, Inc. นั้นเอง
 
Food, Inc. เป็นสารคดีที่พาเราไปพบกับคำตอบว่า เหตุใดเราจึงมีไก่กินทั้งปี เหตุใดเราจึงมีเนื้อกินทั้งปี เหตุใดเราจึงมีมะเขือเทศทั้งปี โดยผ่านการสัมภาษณ์และเก็บข้อมูลจากเกษตรกรทั่วอเมริกาที่ทำให้เราได้เห็นภาพวงจรบางอย่างที่น่าสนใจ
 
 
โดยเริ่มจากอย่างแรก เราพบว่า เวลาเราเดินไปซุปเปอร์มาร์เก็ต เราจะพบภาพชาวนา ภาพบ้านสวนสวย ๆ ติดบนฉลากต่าง ๆ เต็มไปหมด ราวกับต้องการบอกคนดูว่า นี่ผลิตจากหยาดเหงื่อของชาวนานะจ้ะ โดยที่เราก็ปักใจเชื่อเช่นนั้น โดยไม่คิดว่า มันเป็นเพียงมายาคติที่หลอกเราให้คิดว่า ทุกอย่างยังคงเป็นแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ปัจจุบันนั้นแทบจะไม่มีภาพแบบนั้นอีกแล้วในอเมริกาเพราะ ส่วนมากทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยอุตสาหกรรมการเกษตรแทบทั้งสิ้น ตั้งแต่เมล็ดพันธุ์จนไปถึงรังเพาะเลี้ยงที่ล้วนแล้วเกิดขึ้นด้วยมือของบริษัททั้งนั้น
 
ซึ่งที่จริงแล้วนับตั้งแต่แม็คโดนัลล์ ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดชื่อดังประสบความสำเร็จกับการปฏิวัติการผลิตอาหารนั้นได้เปลี่ยนอาหารให้กลายเป็นธุรกิจครบวงจรที่ทุกอย่างจะต้องเหมือนกัน
 
 
ไม่ว่าจะเป็นการที่เรามีไก่ที่ขุนให้โตได้ภายในไม่กี่วัน แถมมีเนื้อมากกว่าไก่ยุคอื่นเสียอีก 

ซึ่งนั้นเป็นผลเสียที่ทำให้ไก่ยืนแทบจะไม่ไหวด้วยซ้ำไป
 
นอกจากนี้ยังมีวัวที่ขุนให้อ้วนด้วยการกินข้าวโพด เพราะราคาถูกกว่าหญ้า และข้าวโพดนี่เองที่ทำให้มีการติดเชื้ออีโคลายไปทั่วประเทศอเมริกาและส่งผลให้มีคนเสียชีวิตเพราะโรคนี้มากมาย เนื่องจากการเลี้ยงแบบฟาร์มและกินอาหารแบบรางนั้นเอง
 
 
มีคนเคยถามผมว่า ทำไมคนอเมริกาถึงชอบทานอาหารฟาสต์ฟู้ดกันนัก หนังก็ได้ให้คำตอบเราว่า ทำไมพวกเขาถึงต้องทานอาหารพวกนี้
 
คำตอบนั้นก็คือ เพราะมันถูกไงครับ
 
แฮมเบอร์เกอร์นั้นราคาเพียง 1 เหรียญเท่านั้น ต่างจากพวกผัก ผลไม้ หรืออื่นที่มีราคาแพงกว่ามาก ซึ่งด้วยราจ่ายที่มากของคนรากหญ้าทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากการซื้ออาหารพวกนี้ครับ เพราะเงินไม่เอื้ออำนวยนั้นเอง 
 
สิ่งที่น่าถามคือ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น
 
สารคดีให้คำตอบเราว่า เพราะเรานิยมกินของพวกนี้กันมาก ดังนั้นราคาของพวกนี้จึงถูกต่างจากพวกอาหารที่มีคุณค่าที่แพงเอามาก ๆ นั้นเอง และด้วยเหตุนี้ของที่มีแคลลอรี่สูงพวกนี้ จึงมีราคาถูกมากกว่า พวกของที่มีคุณทั้งหลายอยู่ใช่น้อย คุณลองเทียบราคาน้ำอัดลมหนึ่งขวดกับน้ำผลไม้ในปริมาณเท่ากันดูสิครับ จะรู้ว่า ของที่มีคุณค่านี่ราคาแพงมากจริง ๆ 
 
แต่อีกอย่างที่เราได้เห็นก็คือ ความฉ้อฉลของพวกบริษัทอาหารพวกนี้ที่ใช้แรงต่างด้าวราคาถูกเข้ามาเป็นแรงงานเสร็จแล้วก็หาทางผลักให้ตำรวจคนเข้าเมืองจับไปครับ 
 
แหม่...ช่างเป็นวิธีที่ดีจริง ๆ เลยนะครับ ไล่ออกแบบนี้
 
แต่สิ่งที่เป็นเหมือนไฮไลต์ของเรื่องคือ การได้พบว่า ในประเทศนี้จะต้องปลูกพืชด้วยพืชจากบริษัทของมอนซานโตเท่านั้น หากมีการเก็บเมล็ดพันธุ์เอาไว้ก็จะมีการฟ้องร้องกับชาวนาว่า ขโมยลิขสิทธิ์
ซึ่งมีชาวนาจำนวนมากเจอเรื่องแบบนี้กันทั้งนั้น
 
 
ทำให้พวกเขาทำได้เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาต่อไปเท่านั้นเพราะไม่สามารถสู้อะไรได้ 
 
แล้วทำไมรัฐบาลถึงไม่ช่วยอะไรพวกเขาเลย คำตอบก็คือ เพราะในรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนเป็นล้วนแล้วแต่มีคนของบริษัทพวกนี้ไปเป็นรัฐมนตรีหรือส.ส.อยู่แล้ว 
 
 
เหมือนประเทศเราที่บริษัทยักษ์ใหญ่บริษัทหนึ่งเล่นส่งลูกเขยตัวเองเข้าไปในพรรคต่าง ๆ กัน เรียกได้ว่า เปลี่ยนขั้วตัวเองก็ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทั้งนั้น เพราะกูอยู่บนทั้งสองฝ่ายเลย ไม่ได้โดนเช็คบิลง่ายดี 
นอกจากนี้บริษัทพวกนี้ได้รับผลประโยชน์มากไม่ว่าจะด้วยเหตุใดครับ เพราะพวกนี้เป็นเจ้าของตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืชไปจนถึงกระทั่งการซื้อผลผลิตแล้วด้วยซ้ำ
 
พวกบริษัทพวกนี้ได้ประโยชน์หมดแหละครับ ขนหน้าแข้งไม่เคยร่วงด้วยซ้ำ 
 
แถมพูดออกสื่อได้ด้วยว่า ให้ขึ้นค่าแรงเป็น 500 บาทด้วยซ้ำ
 
โธ่ จะขึ้นค่าแรงไป พี่ก็ไปเอากับคนซื้ออยู่ดีแหละครับ เสือนอนกินจริง ๆ
 
แบบเดียวกับในอเมริกาที่มอนซานโตครอบครองทุกสิ่งในอเมริกาไปจนหมดแถมยังเล่นงานชาวนาตัวเล็ก ๆ จนแทบจะสู้ไม่ไหวด้วยซ้ำไป เพราะโดนฟ้องกันกระจุย
 
มีคนบอกว่า สารคดีนี้เป็นการสัมภาษณ์เก็บข้อมูลเพียงด้านเดียว แน่นอนครับว่า ผมไม่เถียงแต่ พวกบริษัทพวกนี้ดันปฏิเสธจะให้ข้อมูลเอง พวกเขาจะโวยอะไรได้ล่ะครับ 
 
นั้นทำให้ผมรู้สึกแปลกใจที่เราไม่เห็นสารคดีเจาะลึกพวกนี้ในประเทศของเราสักเท่าไหร่ 
 
แน่นอนครับ ใครก็คิดว่า สารคดีจะบอกว่า ทุนนิยมมันเลวทรามต่ำช้าจนคิดว่า เราควรออกไปกู้ชาติกันเพื่อช่วยเหลือชาวเกษตรกรกันเถอะ ใช่ไหมครับ
 
เปล่าเลยครับ สารคดีมันไม่ได้บอกแบบนั้น จุดมุ่งหมายของเขาก็คือ การถามว่าเราจะอยู่ได้ยังไงในสังคมทุนนิยมแบบนี้ต่างหากล่ะครับ เพราะทุนนิยมนี่เองที่ทำให้เราเลือกได้มากขึ้น
 
และเพราะเลือกนี่เองที่เป็นอาวุธในการต่อสู้
 
หนังไม่ได้บอกให้เราเลิกกินของพวกนี้ เพราะมันเป็นไม่ได้ อย่างข้าวโพดหรือข้าวที่เป็นส่วนหนึ่งของการผลิตอาหารต่าง ๆ ไปกันหมดแล้ว
 
 
เราเลือกอะไรได้ เราเลือกที่จะซื้ออาหารมีประโยชน์ได้ เราเลือกที่จะซื้อผลผลิตที่ถึงตัวชาวนา เกษตรโดยตรงได้ เราเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้  เราเลือกที่จะอ่านฉลากบอกวัตถุดิบได้ เราเลือกอ่านฉลากบอกแคลอรี่ได้ เราเลือกสิ่งต่าง ๆ ได้ ครับ หากอาหารฟาสฟู้ดเติบโตได้เพราะคนเลือกจะกินพวกมัน เราก็เลือกที่จะกินอาหารที่มีประโยชน์ได้มากขึ้นอย่างที่ตัวเองต้องการ
 
พูดง่าย ๆ คือ ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ นี่เองที่เป็นคนกำหนดสิ่งต่าง ๆ นั้นเองครับ
 
ด้วยเหตุนี้สารคดีจึงให้เราเห็นภาพของเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ด้วยการให้กินหญ้า เลี้ยงไก่ระบบเปิดที่ทำให้ได้ไก่ที่ไร้สาร เลี้ยงหมูแบบเปิดที่ทำให้พวกมันมีสุขภาพที่ดี เพื่อคุณภาพของเนื้อที่ดีต่อสุขภาพนั้นเอง ซึ่งมองเผิน ๆ อาจจะดูเหมือนไม่สะอาด แต่กลับสะอาดกว่าการเลี้ยงในฟาร์มเสียอีก
 
เขาบอกว่า ทุกอย่างอยู่ในมือที่คุณเลือก
 
แล้วคุณล่ะเลือกแล้วหรือยัง

บล็อกของ Mister American

Mister American
   (บทความตอนนี้จะเป็นเรื่องเบาๆเพื่อให้เตรียมตัวกันให้พร้อมก่อนชมภาพยนตร์เรื่อง Prometheus)
Mister American
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับป๋าไมเคิ่ล ฮานาเก้ที่ได้รางวัลปาล์มทองอีกครั้งหนึ่งจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ Ffpภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาอย่าง Amour ที่เรียกได้ว่าเป็นบทพิสูจน์อีกครั้งว่า ฝีมือการทำหนังของผู้กำกับคนนี้เป็นของจริงที่ยิ่งเวลาผ่านไปรสชาติการทำหนังของเขาก็ยิ่งเข้มข้นทุกทีไม่เหมือนผู้กำกับอีกหลายรายที่มือตกไปอย่างไม่น่าอภัย กระนั้นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับชายที่ชื่อว่า ไมเคิ่ล ฮานาเก้นี้ก็คือ แค่หนังเรื่องแรกของเขานั้นก็ปรากฏแววเก่งมาในทันที  และหนังเรื่องแรกของเขาก็คือ The Seven Continent นั้นเอง
Mister American
ถ้าเอ่ยชื่อของไมเคิ่ล ฮานาเก้ ถ้าไม่ใช่แฟนหนังจริงๆหลายคนอาจจะไม่รู้จักเขาเท่ากับผู้กำกับคนอื่นๆอย่าง ไมเคิ่ล เบย์ สปีลเบิร์กหรือคาเมร่อนก็ตาม แต่ถ้าพูดถึงสิ่งที่หลายคนมารู้จักผู้กำกับจากยุโรปได้ก็คงไม่พ้นนิยามหนังของเขาที่หลายให้คำว่า โหดเหี้ยม เลือดเย็น และน่าขนลุก โดยหนังที่หลายคนมักจะ
Mister American
(เนื้อหาบทความนี้อาจะเปิดเผยความลับของภาพยนตร์)  ผมเชื่อว่าทุกคนเคยมีความฝัน ครั้งหนึ่งเมื่อสมัยที่ฮีโร่ของญี่ปุ่นอย่าง อุลตร้าแมน ไอ้มดแดง ขบวนการห้าสีบุกจอโทรทัศน์ หลายคนในตอนนั้นยังเป็นเด็กตัวน้อยๆที่เฝ้ารอคอยหน้าจอที่สัปดาห์เพื่อจะได้ชมฮีโร่ของตัวเองปราบปรามเหล่าร้ายในหน้าจอที่หวังยึดครองโลก เราได้สนุกสนานกับการผจญภัยของพวกเขา บางคนอาจจะถึงขั้นอยากเป็นฮีโร่กับเขาบ้างเลยทีเดียว หรือบางคนอาจจะใฝ่ฝันที่จะได้เห็นฮีโร่ตัวจริงด้วยสายตาของตัวเอง  ซึ่งเด็กชายที่ชื่อ ฟิล โคลสัน คือหนึ่งในนั้น
Mister American
ครั้งหนึ่งเมื่อภาพยนตร์เรื่อง เฉือน ของผู้กำกับก้องเกียรติ โขมศิริ ได้ลงโรงฉายชนกับภาพยนตร์รัก Feel Good อย่างรถไฟฟ้ามาหานะเธอนั้นหลายคนที่ไปชมเรื่องนี้ต่างอึ้งกับภาพความโหดร้าย ของฆาตกรต่อเนื่องของไทยที่คาดว่าจะเป็นภาพยนตร์ฆาตกรต่อเนื่องที่น่าสนใจ เรื่องหนึ่ง และมีคำถามขึ้นมาว่า