Skip to main content

หมาขนฟูสีขาวในรถยนต์คันใหญ่ที่จอดติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกนั้น ทำให้ฉันคิดถึงลัคกี้

สมัยที่ฉันยังรับจ้างทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งหนึ่ง สำนักงานเราเป็นบ้านเช่าที่อยู่ติดกับรั้วด้านหลังของบ้านสวนกว้างใหญ่ เจ้าของบ้านสวนก็คือเจ้าของบ้านเช่า รวมทั้งหอพักปากซอย ร้านค้าและตึกแถวใหญ่ในตลาด แถมที่ดินจัดสรรอีกหลายแห่ง

คุณนายเจ้าของบ้านเช่ามีลูกสาวทำงานอยู่ต่างประเทศ ครั้งหนึ่งลูกสาวกลับมาเยี่ยมบ้านพร้อมกับซื้อลัคกี้มาฝากแม่ 

เราเห็นหมาตัวโตขนยาวขาวสะอาดนั่งชูคอในรถยนต์ไปไหนๆ กับคุณนาย ที่ชอบใจนักเวลามีคนชมความสวยสง่าของลัคกี้ แล้วเธอก็จะคุยให้ใครๆ ฟังถึงลูกสาวคนเก่ง

ลัคกี้ร่าเริงและชอบอยู่ใกล้ๆ คน มันเคยมุดรั้วเข้ามาวิ่งเล่นในสำนักงาน แต่อยู่ๆ เราก็รู้สึกว่าลัคกี้หายหน้าไป

“ลัคกี้ไปไหนหรือคะ” ฉันเลียบๆ เคียงๆ ถามเมื่อคุณนายแวะมาเก็บค่าเช่า
“อู๊ย ก็อยู่บ้านนั่นละค่า” คุณนายตอบเสียงหวาน “แต่มันนิสัยไม่ดี ชอบไปเล่นกับหมานอกบ้าน สกปรกจะตายไป เปลืองค่าอาบน้ำ ต้องล่ามไว้ค่ะ ดัดนิสัยมัน”

ฉันไม่แน่ใจว่าการล่ามนั้นคือวิธีดัดนิสัย แต่เจอลัคกี้อีกครั้ง ฉันเกือบจำมันไม่ได้ ขนยาวสีขาวสวยของมันร่วงเป็นหย่อมๆ ผิวหนังเฉอะแฉะ ขี้ตาสีเหลืองขุ่นเกรอะกรัง มันถูกล่ามโซ่ไว้ใต้ต้นมะม่วงข้างรั้วหลังบ้าน ใกล้ๆ สำนักงานของฉัน

ฉันไม่กล้าถามคุณนาย จึงไปดักถามแม่บ้านที่เข้ามาซักผ้าและทำความสะอาดบ้านสวนทุกๆ สองวันว่าลัคกี้ไปอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร

“คุณ...เขาไม่ชอบ” ป้าเอ่ยชื่อคุณนาย “เขาว่ามันเหม็น สกปรก ให้เอาไว้ห่างๆ กลัวแขกไปใครมาเห็น ป้าไม่รู้จะเอาไปไว้ไหน เลยเอาไปผูกไว้ตรงนั้น มันร่มหน่อย”
“อ้าว ก็อาบน้ำ รักษาแผลมันสิคะ จะได้สวยเหมือนเดิม”
ฉันแนะนำแบบงงๆ
“โอ๊ย ใครจะทำ เจ้าของมันยังไม่เอาธุระ ตั้งแต่ซื้อมาเห็นพาไปอาบน้ำที่ร้านหนเดียวมั้ง แล้วอย่าไปชี้ไปแนะอะไรเขาล่ะ เขาไม่ชอบร้อก” แกว่า

“สงสารมันนะป้า แล้วถ้ามีใครเขาอยากได้ล่ะ” ฉันถามอย่างเต็มใจจะเพิ่มจำนวนสมาชิกบ้านสี่ขา (ที่ตอนนั้นยังน้อยอยู่)
“เขาไม่ให้ใครหรอก ลูกสาวรู้จะได้โกรธปะไร อุตส่าห์ซื้อมาให้แพงๆ” ป้าบอก

บางทีก็เป็นเรื่องยากเหลือเกินที่เราจะทำความเข้าใจวิธีคิดของคนอื่น หัวใจคนไม่ได้เป็นสีแดงเสมอไป
ลัคกี้ถูกทิ้งให้อยู่ข้างรั้วอย่างถาวร ไม่มีใครมาดูแล นอกจากป้าแม่บ้านที่เทอาหารเม็ดไว้ให้ทุกสองวัน รั้วด้านนั้นมีช่องโหว่อยู่ ฉันจึงใช้เป็นทางมุดเข้าไปดูลัคกี้ เอาขันใส่น้ำไปวางไว้ให้มันกิน ลัคกี้มีทีท่าดีใจ แต่ก็ไม่ร่าเริงเหมือนเคย

ครั้งหนึ่ง ลัคกี้เห็นคุณนายเดินอยู่ในสวน มันตื่นเต้นดีใจจนฉี่ราด เห่าเสียงดังและกระโดดเต็มแรง แต่โซ่ที่ล่ามไว้สั้นๆ ทำให้มันล้ม มันรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่คุณนายก็เดินลับตาไปเสียแล้ว

“อยากพาลัคกี้ไปหาหมอจัง” ฉันบ่นกับน้องที่ทำงานองค์กรเดียวกัน เขาเคยเล่นกับลัคกี้
“ผมต้องเอารถออกไปติดต่องานข้างนอก ผมช่วยพาพี่ไปได้นะ แต่จะเอามันไปยังไงล่ะ คุณนายคงไม่โอเคหรอก กลัวเสียหน้า” น้องโอมพูดขำๆ

ฉันทำการลักหมาไปหาหมอ ด้วยการมุดรั้วเข้าไปปลดโซ่ลัคกี้ แล้วพามุดออกไปอีกด้านหนึ่งโดยไม่มีใครเห็น น้องโอมปูกระดาษหนังสือพิมพ์หลายชั้นเพราะกลัวรถของสำนักงานเปื้อนแล้วความจะแตก

เราพาลัคกี้ไปคลินิกหมออนันต์ ลัคกี้เป็นโรคผิวหนังอย่างรุนแรง ทั้งยังเป็นพยาธิหนอนหัวใจ มีเห็บตัวเป้งๆ เกาะติดเต็มตัว มันต้องกินยาหลายขนาน ทั้งยากำจัดพยาธิ ยาบำรุงเลือด ยาฆ่าเชื้อ ยากระตุ้นภูมิ รวมแล้ววันละเป็นสิบเม็ด

อาการลัคกี้ไม่ดีขึ้น ฉัน(แอบ)พามันลอดรั้วไปหาหมออนันต์อีกสามสี่ครั้งด้วยความช่วยเหลือของน้องโอม แต่ละครั้ง เราสามคนจะยืนล้อมวงกันรอบโต๊ะ ช่วยกันดึงเห็บตัวโตๆ ออก หมอแบ่งอาหารเสริมชนิดป้ายปาก(ซึ่งค่อนข้างแพง) มาให้โดยไม่คิดเงิน

ทุกวันก่อนกลับบ้าน ฉันจะมุดรั้วเข้าไปป้อนยา ทายา คุยเล่นด้วย แต่ลัคกี้ซึมเศร้า เอาแต่เดินวนไปมาเท่าที่ความยาวของโซ่จะไปได้ อาหารเม็ดที่ค้างอยู่เต็มจานมีแต่มดขึ้น

ฉันคลุกข้าวไปให้ แต่ลัคกี้กินน้อยลงทุกวัน พอป้อนยาเสร็จ มันก็อ้วกออกมาทั้งยาทั้งข้าว วันไหนที่ฉันอยู่ทำงานจนดึก มักได้ยินเสียงมันหอนเบาๆ ด้วยเสียงที่ฟังแล้วเศร้าเหลือประมาณ

เย็นวันหนึ่งฉันมุดเข้าไปพร้อมถุงข้าวและยาตามปกติ เห็นลัคกี้เดินงุ่มง่ามอยู่ห่างจากรั้ว ปรากฏว่าโซ่หลุด ท่าทางมันคงจะเดินไปหาเจ้าของ แต่แล้วมันก็หยุดเดิน ชะเง้อมองไปยังทิศทางของบ้าน ครางเบาๆ ในลำคออย่างเศร้าสร้อย

แล้วมันก็ล้มทั้งยืน ชักตาตั้ง ฉันวิ่งแน่บไปเรียกน้องโอมที่สำนักงาน น้องก็วิ่งตามมาทั้งๆ ที่กำลังจะกลับบ้านอยู่แล้ว เราใช้รถสำนักงานไม่ได้ จึงช่วยกันหามลัคกี้มุดออกไปเรียกตุ๊กตุ๊กที่ถนน กว่าจะเจอคันที่ยอมรับหมาขึ้นรถ ฉันก็เกือบร้องไห้

หมออนันต์รีบฉีดยากระตุ้นหัวใจให้ทันที ลัคกี้ลืมตาขึ้นมากระดิกหางอย่างอ่อนแรงทีหนึ่งแล้วแน่นิ่งไป หมอรีบปั๊มหัวใจเป็นการใหญ่

ลัคกี้ฟื้นขึ้นมามองหน้าคนนั้นคนนี้ครู่หนึ่งก็เงียบไปอีก หมอต้องปั๊มอีกรอบ เสียงลมพ่นออกมาทางจมูกและปากมันดังฟืดๆ ตามจังหวะที่หมอออกแรงกดตรงซี่โครง ฉันกับน้องโอมได้แต่ยืนลุ้น ฉันกลั้นน้ำตา พร่ำพูดแต่ว่า ทนหน่อยลัคกี้ ทนหน่อยลัคกี้
ลัคกี้หายใจได้อีกครั้ง แต่ก็แผ่วเบามาก หมออนันต์ปาดเหงื่อบอกว่าคงไม่ปั๊มอีกแล้ว เพราะหัวใจของมันอ่อนแอเกินไป เรายืนรอบเตียง มองร่างผ่ายผอมของลัคกี้ที่ขยับช้าลง ช้าลง จนหยุดนิ่ง มันหมดลมหายใจท่ามกลางคนที่รัก ห่วงใยและจริงใจกับมัน (ยิ่งกว่าเจ้าของ)

“บางทีอาจจะดีนะพี่ ที่มันตาย มันจะได้ไม่ต้องทรมานอีกต่อไป” น้องโอมพูดขรึมๆ

แต่บางครั้ง ฉันก็เคยคิดว่า หัวใจของมันอาจจะตายไปนานแล้ว ตายไปก่อนหน้านี้สองเดือน นับตั้งแต่วันที่มันถูกล่ามทิ้งไว้ข้างรั้ว

บล็อกของ มูน

มูน
เพื่อนคนหนึ่งของฉันเพิ่งจากไปในเช้าวันนี้แสงแดดเจิดจ้าของเดือนเมษายนแตะแต้มกลีบบางของดอกดาวกระจายสีชมพู ใกล้ๆ กันเป็นกระถางของเดซี่น้อย ที่กำลังแย้มยิ้มอย่างไร้เดียงสา อวดเกสรสีเหลืองแจ่มใสกับกลีบเล็กสีขาวที่กระจายอยู่รายรอบ“ชอบดอกไม้ไหมจ๊ะ ขนดอกไม้ไปปลูกกันเถอะ” นึกถึงเสียงใสของเธอเมื่อสองเดือนก่อน ตามด้วยคำหยอกเย้าเคล้าเสียงหัวเราะ “หรือชอบเลี้ยงแต่แมวๆ หมาๆ”เธอยิ้มแย้มอยู่ในกระโปรงยาวกรุยกราย เข้ากับผ้าคลุมไหล่สีสวยมีดอกไม้มากมายถูกทิ้งไว้หลังการจัดงานนิทรรศการแห่งหนึ่ง บางส่วนอยู่ในกระถาง บางส่วนอยู่ในถุงดำ คนงานกำลังรื้อถอนส่วนต่างๆ ของงาน บรรดาดอกไม้ประดับถูกขนมากองสุมไว้ด้านนอก“…
มูน
  ไม่สบายกายและใจอยู่หลายวัน พอเรี่ยวแรงคืนมา ฉันก็คว้าจักรยานยนต์คันเก่า ขี่โกรกเกรกกึงกังไปตลาดใหญ่ที่ไกลจากบ้านราวสิบกิโลเมตร รู้สึกสังขารตัวเองใกล้เคียงกับรถ คือมีอะไรสักอย่าง (หรือหลายอย่าง) ที่ไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางนักพอพ้นจากทางดินเป็นถนนลาดยาง รถก็แล่นฉิว ลมพัดพรูจนผมปลิวกระจาย (นึกไปเองว่า) คล้ายๆ โฆษณาแชมพูสระผม ฝนที่ตกหนักไปเมื่อคืนวานทำให้อากาศสดแจ่ม ฟ้าใสกระจ่าง แซงแซวหางปลาเกาะอยู่บนกิ่งประดู่ข้างทาง ในทุ่งที่น้ำเจิ่งนองมีนกกระยางเดินท่องน้ำจ๋อมๆ อยู่หลายตัวลมพัดเสื้อคลุมสะบัดพึ่บพั่บ ชายเสื้อปลิวอยู่ด้านหลัง รู้สึกเริงรื่นจนต้องร้องเพลงดังๆ ตามจังหวะกึงกังของรถ "…
มูน
ฉันกำลังแบกเป้เดินทางรับจ้างทำงานอยู่แถวภาคเหนือ ในช่วงเวลาที่บรรยากาศเริงรื่นยังคงรวยรินแม้จะเลยปีใหม่ไปแล้วหลายวัน คนที่ไม่มีงานประจำ แต่มีรายจ่ายเรียงรายรอคอยอยู่ทุกเดือนอย่างฉัน ไม่มีเวลานั่งอยู่เฉย (ถึงแม้จะอยากนั่ง) ใครจ้างมา ฉันก็ไป เหมือนมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ไม่เกี่ยงระยะทางและผู้โดยสารใกล้เที่ยงคืนที่วางเป้ลงอย่างอ่อนแรงในห้องพักเล็กๆ ควักสมุดบันทึกขึ้นมาคำนวณรายจ่ายและแผนการเดินทางในวันถัดไป ใจคิดล่วงหน้าถึงวันกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังแผ่วๆ มาจากกระเป๋าข้างเตียง ............นานหลายปีมาแล้วที่ฉันรู้สึกว่าเทศกาลปีใหม่ไม่ใช่เวลาของความบันเทิงใจ ปีใหม่ในวัยเยาว์ครั้งหนึ่ง…
มูน
สายหมอกสีขาวนุ่มห่มคลุมยอดดอย ในเช้าที่ฉันนั่งรถเข้าหมู่บ้าน ไร่ยาสูบและไร่ข้าวโพดสองข้างทางดูเลือนลางอยู่ในแสงสลัวของดวงตะวัน ที่พยายามแทรกผ่านลมหนาวอย่างสุดความสามารถ“หนาวไหม หนาวเนาะ” พ่อเฒ่าสวมหมวกไหมพรมสีแดงทักถาม ฉันกอดอกแน่น ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก เพราะหนาวจนพูดไม่ออก ควันกรุ่นสีขาวพรูออกทางจมูกเหมือนลมหายใจมังกรไฟในนิทาน คนที่เคยชวนฉันมาเมืองพร้าวไม่เคยเล่าว่าบ้านเกิดของเธอหนาวขนาดนี้สำหรับบางคน ความทรงจำอาจอบอุ่นตลอดกาล แมวลายสามตัวที่นอนอาบแดดกลางลานบ้านวิ่งกันกระจายเมื่อเห็นคนแปลกหน้า เหลือแมวอ้วนสีส้มหมอบอยู่บนอานรถเครื่องคันเก่า “ขอถ่ายรูปหน่อย อยู่นิ่งๆ นะ มือใหม่หัดถ่ายนะ…
มูน
สีสันสดใสในเทศกาลส่งท้ายปี เป็นสัญญาณของการสิ้นสุดและเริ่มต้นใหม่ เพื่อนบ้านคนหนึ่งติดกระดาษริ้วสีทอง เขียนว่า HAPPY NEW YEAR 2008 ไว้เหนือประตูบ้าน อีกหลังติดไฟกระพริบ สลับกันวิบวับตรงนั้นตรงนี้ เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งยื่นเค้กช็อคโกแลตให้ แล้วบอกว่า สวัสดีปีใหม่ คิดอะไรขอให้สมปรารถนาฉันยิ้มกับคำอวยพร ถามตัวเองเล่นๆ ในใจว่าปรารถนาอะไรบ้าง โอ้ ช่างมากมายจนน่าอายตัวเอง หนึ่งในความปรารถนาที่ฉันคิดเสมอมาเมื่อถึงวันปีใหม่ คือขอให้ยายได้พบกับป่องหยอด................ความจริงยายไม่ได้เป็นแค่ยาย ยายเคยเป็นแม่ แต่เมื่อลูกสาวคนเดียวของยายตายไป และยายไม่มีญาติที่ไหนอีก…
มูน
เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน โต๋เต๋ชันคอขึ้นเป็นครั้งแรกของวัน มันลุกพรวดพราดไปดู สักพักก็เดินหูลู่หางตก กลับมานอนหมอบเป็นรูปปั้นหมาตรงที่เดิม ท่าทางหมกมุ่นหงอยเหงาราวกับคนอมทุกข์ฉันไม่รู้จะช่วยมันได้อย่างไร บางทีก็ไม่อาจมีใครแทนใครได้นึกย้อนไปถึงค่ำวันหนึ่งที่ฉันลงรถประจำทางใกล้แยกบางใหญ่ กำลังสำรวจสภาพกระดูกกระเดี้ยวที่ถูกเบียดเสียดบนรถมานานนับชั่วโมง หางตาก็เห็นอะไรแวบๆ จุดดำๆ เคลื่อนมาตามแนวถนน รถยนต์ก็ไม่ใช่ มอเตอร์ไซค์ก็ไม่เชิง ใกล้เข้ามาถึงเห็นเป็นหมาสีเข้มๆ ตัวหนึ่งกำลังวิ่งสุดฝีเท้าแทบจะแข่งกับรถที่แล่นอยู่บนถนนฉันพยายามมองว่ามันวิ่งตามอะไร เพราะวิ่งแบบนี้ไม่ใช่วิ่งเล่นแน่ๆ…
มูน
แสงแดดอ่อนๆ ในฤดูหนาว ที่ส่องเข้ามาอาบขนนุ่มละเอียดของแมวข้างหน้าต่าง ทำให้ฉันคิดถึงเด็กคนหนึ่งและความสุขที่ยังคงอุ่นอยู่ในใจเสมอมาหลังเรียนจบ ฉันทำงานพัฒนาชนบทอยู่ที่เมืองโคราช และได้พบกับจ่อย เด็กน้อยวัยสี่ขวบในศูนย์บริบาลเด็กขาดสารอาหารของโรงพยาบาลประจำอำเภอ จ่อยเคยเป็นเด็กขาดอาหารระดับรุนแรง หลังจากรับการรักษาฟื้นฟูจึงเริ่มเดินได้เมื่ออายุราวสามขวบ และเป็นเด็กที่ช่างจดจำอย่างน่าอัศจรรย์ สามารถเรียกชื่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคนที่รู้จักได้ไม่พลาด ขอแค่ได้ฟังเสียง หรือใช้มือป้อมๆ ลูบคิ้วคางปากจมูกของคนนั้น หลังโรงพยาบาลเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ…
มูน
“ชีวิตดังตัวคนเดียว ท่ามกลางทะเลเปลี่ยว ต้องลอยคว้างกลางลมคลื่นหลับใหลไม่เคยเต็มตื่น ข้าวกลืนไม่เคยอิ่ม โอ้ รอยยิ้มไม่เคยได้” เสียงเพลง “ชีวิตคนเศร้า” ของทูล ทองใจ ทำให้ฉันนึกถึงพ่อ และท่อนหนึ่งของเพลงที่พ่อมักร้องซ้ำไปซ้ำมาไม่เคยจบสักทีพ่อหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านปู่ตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบ ทิ้งผืนนาไปตามหาความฝันของวัยหนุ่ม แต่ดูเหมือนว่าพ่อใช้เวลาตามหาตลอดชีวิต และพบเพียงความฝันที่แหว่งวิ่น ความทรงจำของฉันเกี่ยวกับพ่อ เหมือนชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจาย แต่ทุกชิ้นชัดเจน และไม่เคยสักครั้งที่ฉันคิดจะลืมตอนที่ฉันอายุราวๆ ห้าหกขวบ พ่อพาไปดูหนังอินเดียเรื่อง “โชเล่ย์” ที่โรงหนังประชาบดี…
มูน
ใกล้บ้านเช่าหลังเก่าของฉันที่ขอนแก่น มีวัดป่าแห่งหนึ่งร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ฉันชอบไปเดินเล่นดูโบสถ์เก่าแก่คร่ำคร่าเต็มไปด้วยรอยตะไคร่ ไปนั่งฟังเสียงลมพัดใบไม้ และนั่งเล่นริมบึงกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลา เป็นวัดที่ให้บรรยากาศสงบงามสมกับเป็นสถานที่สำหรับ "หนีร้อนมาพึ่งเย็น" จริงๆ แต่ฉันไม่เคยเห็นวัดไหนเต็มไปด้วยไก่เท่าวัดนี้ ไก่หลากสีหลายขนาดเดินกันขวักไขว่ นับคร่าวๆ ได้สักหกหรือเจ็ดสิบตัว หลายตัวบินขึ้นไปเกาะอยู่บนกิ่งเตี้ยๆ ของต้นก้ามปูใหญ่ เจ้าอาวาสบอกว่า คนแถบนี้นิยมปล่อยไก่เป็นการสะเดาะเคราะห์อย่างหนึ่ง"สมัยก่อนเขาต้องตัดหางด้วยนะ ที่เรียกว่าตัดหางปล่อยวัดไงล่ะ" ฉันถามถึงจำนวนไก่…
มูน
ลมหนาวพัดฟางหลังเก็บเกี่ยวปลิวว่อนกลางทุ่ง หลายบ้านเตรียมโกยฟางมัดเป็นท่อนเก็บไว้ให้วัวควายในหน้าแล้ง นึกเล่นๆ ว่าถ้าคนเรากินแค่หญ้าก็คงจะดี ไม่ต้องมีกิเลสอยากกินนั่นนี่ให้เดือดร้อนไปถึงพืชและสัตว์อีกมากมาย ที่ต้องถูกไล่ล่าบ้าง ถูกบังคับให้โตผิดธรรมชาติบ้าง ถูกเปลี่ยนนั่นแปลงนี่ให้ถูกใจคนจนวุ่นวายไปทั้งโลก เข้าทำนองเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว (ว่าเข้าไปนั่น)คิดจนหิว จึงหันไปเปิดตู้กับข้าว อะไรกันนี่ ช่างโล่งดีแท้ๆ มีแต่ถ้วยน้ำปลาพริกขี้หนู อ้อ มีปลาทู(แย่งแมวมา)หนึ่งตัว ทำปลาทูต้มน้ำปลาดีกว่า ทำง้ายง่าย แล้วก็อร้อย อร่อย ตั้งน้ำให้เดือดพลั่กๆ ใส่ปลาทู เหยาะน้ำปลาพริกขี้หนู บีบมะนาว…
มูน
หมาขนฟูสีขาวในรถยนต์คันใหญ่ที่จอดติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกนั้น ทำให้ฉันคิดถึงลัคกี้สมัยที่ฉันยังรับจ้างทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งหนึ่ง สำนักงานเราเป็นบ้านเช่าที่อยู่ติดกับรั้วด้านหลังของบ้านสวนกว้างใหญ่ เจ้าของบ้านสวนก็คือเจ้าของบ้านเช่า รวมทั้งหอพักปากซอย ร้านค้าและตึกแถวใหญ่ในตลาด แถมที่ดินจัดสรรอีกหลายแห่งคุณนายเจ้าของบ้านเช่ามีลูกสาวทำงานอยู่ต่างประเทศ ครั้งหนึ่งลูกสาวกลับมาเยี่ยมบ้านพร้อมกับซื้อลัคกี้มาฝากแม่  เราเห็นหมาตัวโตขนยาวขาวสะอาดนั่งชูคอในรถยนต์ไปไหนๆ กับคุณนาย ที่ชอบใจนักเวลามีคนชมความสวยสง่าของลัคกี้ แล้วเธอก็จะคุยให้ใครๆ ฟังถึงลูกสาวคนเก่ง ลัคกี้ร่าเริงและชอบอยู่ใกล้ๆ คน…
มูน
จับเจ่ารอรถอยู่ที่สถานีขนส่งเมืองอุบลฯ ลมปลายเดือนตุลาคมพัดมาในช่วงค่ำทำให้ต้องนั่งกอดอก กำลังเกือบสัปหงกเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครบางคนมายืนเกือบชิดหัวเข่าโงหัวขึ้นเจอกับดวงตากลมใสคู่หนึ่ง กำลังจ้องมองฉันอยู่อย่างคาดหวังเรามองตากันอยู่เงียบๆ ฉันพินิจลักษณะของเธอแล้วเดาว่า น่าจะกำลังเป็นแม่ลูกอ่อน ด้วยว่าเต้านมที่หย่อนยานนั้นดูอวบเต่ง แต่รูปร่างที่ผอมเกร็งก็บอกว่า อาการการกินคงไม่บริบูรณ์เท่าไร อาจจะถึงขั้นขาดแคลนเสียด้วยซ้ำ “หิวเหรอจ๊ะ” ฉันถามเบาๆ ไม่มีเสียงจากเธอ แต่มีคำตอบอยู่ในแววตาละห้อยคู่นั้นฉันเหลียวซ้ายแลขวาไปทั่วท่ารถที่ค่อนข้างเงียบเหงา รถโดยสารที่แล่นระหว่างอำเภอหมดไปนานแล้ว…