Skip to main content

เจ้าสี่ขาตัวเล็กมองลอดซี่กรงออกมาสบตากับฉัน

ดวงตากลมโตคู่นั้นใสแจ๋ว เท้าน้อยๆ เขี่ยข้างกรงดังแกรกๆ มันคงไม่เข้าใจว่าทำไมจึงถูกขัง มันจะรู้ไหมว่ากรงนั้นเปิดได้ มันกำลังรอให้ฉันเปล่อยมันหรือเปล่า

\\/--break--\>

ฉันได้แต่ส่งสายตาเห็นอกเห็นใจ หวังว่ามันจะรู้ว่าฉันไม่ได้เต็มใจจะทำอย่างนี้แม้แต่น้อย

 

นึกถึงตอนที่ไปถามซื้อกรงให้เจ้าสี่ขา คนขายยังอุตส่าห์แสดงความเห็นว่า ไม่น่าจะต้องซื้อกรง เพิ่มภาระให้ตัวเองเปล่าๆ

มีกี่ตัวแล้วละครับตอนนี้” เขาถาม

เอาแน่ไม่ได้ บางช่วงก็เยอะ บางช่วงก็น้อย” ฉันตอบ เขาส่ายหน้า บอกว่ามีอีกตั้งหลายวิธีที่ดีกว่าใช้กรง

ฉันไม่เถียง เพราะไม่มีอะไรชี้วัดถูกผิด วิธีคิดของคนเราแตกต่างกัน

…………………..

หมาเยอะจัง เลี้ยงไว้ขายหรือครับ”

คนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างถาม เมื่อรับฉันจากตลาดหน้าอำเภอมาส่งที่บ้าน เสียงเห่าขรมทำให้เขาชะเง้อข้ามรั้วไปมองหมู่หมาที่มุงกันสลอนอยู่หลังประตู

คิดว่าอย่างนี้พอจะขายได้มั้ยคะ” ฉันชี้เจ้าสี่ขาตัวหนึ่งที่เป็นขี้เรื้อนขั้นรุนแรง และอยู่ระหว่างการรักษา

 

บ้านสี่ขามีแต่แมวๆ หมาๆ ที่ใครก็ไม่อยากเลี้ยง อย่าว่าแต่เรื่องซื้อขาย ให้ฟรีๆ ยังมีแต่คนส่ายหน้า

(ยกเว้นรถที่ตระเวนแลกถังน้ำกับหมา ที่ยังหมั่นแวะเวียนมาเมียงมองแถวบ้านสี่ขาบ่อยๆ)

สำหรับบางคน หมาต้องสวย น่ารัก สายพันธุ์ดี มีเพ็ดดีกรีประกอบ จึงจะมีสิทธิได้อยู่ร่วมบ้าน

แต่ถึงจะพันธุ์ดีแค่ไหน วันหนึ่งที่ไม่สวย สกปรก พิการ ซน ดื้อ หรือป่วยไข้ ก็อาจกลายเป็นหมานอกบ้านได้ง่ายๆ

ความรักที่เต็มไปด้วยเงื่อนไข คงมีได้เฉพาะในใจคนเท่านั้น

 

หมาผมออกลูกมาตั้งห้าตัว พี่เอามั้ย ผมให้หมดเลย” หนุ่มมอเตอร์ไซค์นำเสนอ

จะบ้าเรอะ!” ฉันเอ็ดตะโร (ในใจ) แต่จริงๆ แค่พูดว่า “ไม่ละค่ะ ขอบคุณ”

แล้วฉันก็หอบกรงสามกรงที่ซื้อมาเข้าบ้านอย่างทุลักทุเล หมาหมู่กรูเข้ามาดมกรงอย่างสนอกสนใจ

ว่าไง ใครอยากเข้ากรงบ้างฮึ” ฉันถาม

.........................

ครั้งหนึ่ง ฉันมีโอกาสเข้าไปทำสกู๊ปพิเศษเกี่ยวกับชีวิตหลังกำแพงสูง ที่เรือนจำกลางบางขวาง สถานที่สำหรับนักโทษคดีอุกฉกรรจ์

 

หญิงสาวในคดียาเสพติดบอกฉันว่า ก่อนหน้านี้ เธอคิดถึงแต่ตัวเอง แต่เมื่อกลายเป็นผู้ต้องขัง เธอกลับคิดถึงแต่พ่อแม่และครอบครัว คิดถึงความรักและห่วงใยที่เธอไม่เคยเห็นค่า

เธอได้แต่ตั้งใจทำความดี ด้วยความหวังว่าวันหนึ่ง (ที่แม้จะยังอีกนานเหลือเกิน) จะมีโอกาสกลับบ้านไปขอโทษทุกคนและเริ่มต้นชีวิตใหม่

 

ชายหนุ่มคนหนึ่งหลั่งน้ำตา เมื่อภรรยาอุ้มลูกวัยขวบเศษมาหาพร้อมกับแม่วัยแปดสิบ เขาพลั้งพลาดขาดสติจนทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ชีวิต โทษทัณฑ์ที่ได้รับ ไม่เท่าความเจ็บปวดที่ได้เห็นความทุกข์โศกหม่นหมองของแม่ ความเหนื่อยยากของภรรยากับภาระที่เขาไม่มีโอกาสช่วยแบ่งเบา และลูกน้อยที่เห็นเขาเป็นเพียงคนแปลกหน้า

กว่าลูกจะได้ออกมา แม่คงไม่อยู่แล้ว” ประโยคสั่นเครือของแม่ ทำให้เขาก้มหน้าสะอื้นจนไหล่สะท้าน

 

สาวใหญ่อดีตเจ้ามือแชร์ลูกโซ่ เล่าถึงชีวิตประจำวันในทัณฑสถานว่า เธอมีอาหารครบทุกมื้อ มีงานอดิเรกให้เลือกทำ มีโอกาสสัมผัสความบันเทิงทางโทรทัศน์ มีแม้แต่การเข้าร้านเสริมสวยทำเล็บแต่งผม

แต่ทุกอย่างไร้ความหมายเมื่ออยู่หลังซี่กรง เธอเพิ่งรู้ว่าความมั่งคั่งที่เคยทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อได้ให้มา ไม่ได้เศษเสี้ยวของอิสรภาพที่เธอฝันถึงอยู่ทุกวันคืน

 

มีใครบ้างที่ไม่เคยทำผิด คิดพลาด ในก้าวย่างที่ผ่านมาของชีวิต

แม้ไม่ได้ติดอยู่หลังกำแพงสูง แต่บางครั้งฉันก็คิดว่า

เราทุกคนล้วนเคยติดอยู่ในกรงขังที่หาทางออกไม่ได้

บางคนถูกขังอยู่ด้วยค่านิยมหรือสิ่งสมมุติที่ไม่อาจสลัดทิ้ง

บางคนติดอยู่ในความคาดหวังของตนเอง

บางคนจมปลักอยู่กับความล้มเหลวในอดีต

อาจมีบางคนกล้าดิ้นรนเพื่อค้นหาทางออก

แต่บางคนก็ยินยอมขังตัวเองอยู่ในกรงตลอดชีวิต

........................

เจ้าตัวเล็กในกรงยังคงจ้องมองฉัน ดวงตาใสบริสุทธิ์ของมันบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นชีวิตใหญ่ๆ หรือชีวิตน้อยๆ ต่างมีคุณค่าตามวิถีทางของตน

นึกถึงคนขายกรงขึ้นมาอีกครั้ง

ใช้กรงทำไมเสียเวลาเปล่าๆ ผมว่าใช้ยาเบื่อดีกว่า ใช้ก็ง่าย ได้ผลแน่นอน”

เขายังอุตส่าห์เสนอแนะ ทำเหมือนอยากขายยามากกว่าขายกรง

ไม่เอาค่ะ ทำไม่ลง และไม่ชอบ” ฉันตอบชัดเจน

 

ฉันก้มลงไปจนเกือบชิดกรง สังเกตพุงกลมๆ เล็กๆ ที่วันหนึ่งจะต้องมีลูกน้อยหลายตัวอยู่ในนั้น และออกมาวิ่งกันพล่านทั่วบ้านสี่ขาในเวลาต่อไป

วิธีที่ฉันเลือกน่าจะดีที่สุด ทั้งสำหรับมัน และสำหรับความรู้สึกของฉันเองด้วย

 

คิดแล้ว ฉันจึงหิ้วกรงเดินออกจากบ้านไปริมทุ่งนา จ้องไปในดวงตาใสแจ๋วของเจ้าสี่ขา บอกมันว่า ไปหากินเองเถอะนะ ขอโทษที่ให้อยู่ด้วยไม่ได้จริงๆ บ้านสี่ขาขออุปการะแค่หมากับแมวนะจ๊ะ

 

ฉันเลื่อนประตูกรง เจ้าตาแป๋วเอียงคอมองฉัน แล้วหันไปมองประตูที่เปิดกว้าง

สักพักมันก็ร้องจี๊ดๆ แล้วก็วิ่งปรูดออกมาอย่างร่าเริง พาร่างเล็กสีเทาและหางยาวๆ หายลับไปหลังกองฟางอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

 

บล็อกของ มูน

มูน
เพื่อนคนหนึ่งของฉันเพิ่งจากไปในเช้าวันนี้แสงแดดเจิดจ้าของเดือนเมษายนแตะแต้มกลีบบางของดอกดาวกระจายสีชมพู ใกล้ๆ กันเป็นกระถางของเดซี่น้อย ที่กำลังแย้มยิ้มอย่างไร้เดียงสา อวดเกสรสีเหลืองแจ่มใสกับกลีบเล็กสีขาวที่กระจายอยู่รายรอบ“ชอบดอกไม้ไหมจ๊ะ ขนดอกไม้ไปปลูกกันเถอะ” นึกถึงเสียงใสของเธอเมื่อสองเดือนก่อน ตามด้วยคำหยอกเย้าเคล้าเสียงหัวเราะ “หรือชอบเลี้ยงแต่แมวๆ หมาๆ”เธอยิ้มแย้มอยู่ในกระโปรงยาวกรุยกราย เข้ากับผ้าคลุมไหล่สีสวยมีดอกไม้มากมายถูกทิ้งไว้หลังการจัดงานนิทรรศการแห่งหนึ่ง บางส่วนอยู่ในกระถาง บางส่วนอยู่ในถุงดำ คนงานกำลังรื้อถอนส่วนต่างๆ ของงาน บรรดาดอกไม้ประดับถูกขนมากองสุมไว้ด้านนอก“…
มูน
  ไม่สบายกายและใจอยู่หลายวัน พอเรี่ยวแรงคืนมา ฉันก็คว้าจักรยานยนต์คันเก่า ขี่โกรกเกรกกึงกังไปตลาดใหญ่ที่ไกลจากบ้านราวสิบกิโลเมตร รู้สึกสังขารตัวเองใกล้เคียงกับรถ คือมีอะไรสักอย่าง (หรือหลายอย่าง) ที่ไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางนักพอพ้นจากทางดินเป็นถนนลาดยาง รถก็แล่นฉิว ลมพัดพรูจนผมปลิวกระจาย (นึกไปเองว่า) คล้ายๆ โฆษณาแชมพูสระผม ฝนที่ตกหนักไปเมื่อคืนวานทำให้อากาศสดแจ่ม ฟ้าใสกระจ่าง แซงแซวหางปลาเกาะอยู่บนกิ่งประดู่ข้างทาง ในทุ่งที่น้ำเจิ่งนองมีนกกระยางเดินท่องน้ำจ๋อมๆ อยู่หลายตัวลมพัดเสื้อคลุมสะบัดพึ่บพั่บ ชายเสื้อปลิวอยู่ด้านหลัง รู้สึกเริงรื่นจนต้องร้องเพลงดังๆ ตามจังหวะกึงกังของรถ "…
มูน
ฉันกำลังแบกเป้เดินทางรับจ้างทำงานอยู่แถวภาคเหนือ ในช่วงเวลาที่บรรยากาศเริงรื่นยังคงรวยรินแม้จะเลยปีใหม่ไปแล้วหลายวัน คนที่ไม่มีงานประจำ แต่มีรายจ่ายเรียงรายรอคอยอยู่ทุกเดือนอย่างฉัน ไม่มีเวลานั่งอยู่เฉย (ถึงแม้จะอยากนั่ง) ใครจ้างมา ฉันก็ไป เหมือนมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ไม่เกี่ยงระยะทางและผู้โดยสารใกล้เที่ยงคืนที่วางเป้ลงอย่างอ่อนแรงในห้องพักเล็กๆ ควักสมุดบันทึกขึ้นมาคำนวณรายจ่ายและแผนการเดินทางในวันถัดไป ใจคิดล่วงหน้าถึงวันกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังแผ่วๆ มาจากกระเป๋าข้างเตียง ............นานหลายปีมาแล้วที่ฉันรู้สึกว่าเทศกาลปีใหม่ไม่ใช่เวลาของความบันเทิงใจ ปีใหม่ในวัยเยาว์ครั้งหนึ่ง…
มูน
สายหมอกสีขาวนุ่มห่มคลุมยอดดอย ในเช้าที่ฉันนั่งรถเข้าหมู่บ้าน ไร่ยาสูบและไร่ข้าวโพดสองข้างทางดูเลือนลางอยู่ในแสงสลัวของดวงตะวัน ที่พยายามแทรกผ่านลมหนาวอย่างสุดความสามารถ“หนาวไหม หนาวเนาะ” พ่อเฒ่าสวมหมวกไหมพรมสีแดงทักถาม ฉันกอดอกแน่น ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก เพราะหนาวจนพูดไม่ออก ควันกรุ่นสีขาวพรูออกทางจมูกเหมือนลมหายใจมังกรไฟในนิทาน คนที่เคยชวนฉันมาเมืองพร้าวไม่เคยเล่าว่าบ้านเกิดของเธอหนาวขนาดนี้สำหรับบางคน ความทรงจำอาจอบอุ่นตลอดกาล แมวลายสามตัวที่นอนอาบแดดกลางลานบ้านวิ่งกันกระจายเมื่อเห็นคนแปลกหน้า เหลือแมวอ้วนสีส้มหมอบอยู่บนอานรถเครื่องคันเก่า “ขอถ่ายรูปหน่อย อยู่นิ่งๆ นะ มือใหม่หัดถ่ายนะ…
มูน
สีสันสดใสในเทศกาลส่งท้ายปี เป็นสัญญาณของการสิ้นสุดและเริ่มต้นใหม่ เพื่อนบ้านคนหนึ่งติดกระดาษริ้วสีทอง เขียนว่า HAPPY NEW YEAR 2008 ไว้เหนือประตูบ้าน อีกหลังติดไฟกระพริบ สลับกันวิบวับตรงนั้นตรงนี้ เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งยื่นเค้กช็อคโกแลตให้ แล้วบอกว่า สวัสดีปีใหม่ คิดอะไรขอให้สมปรารถนาฉันยิ้มกับคำอวยพร ถามตัวเองเล่นๆ ในใจว่าปรารถนาอะไรบ้าง โอ้ ช่างมากมายจนน่าอายตัวเอง หนึ่งในความปรารถนาที่ฉันคิดเสมอมาเมื่อถึงวันปีใหม่ คือขอให้ยายได้พบกับป่องหยอด................ความจริงยายไม่ได้เป็นแค่ยาย ยายเคยเป็นแม่ แต่เมื่อลูกสาวคนเดียวของยายตายไป และยายไม่มีญาติที่ไหนอีก…
มูน
เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน โต๋เต๋ชันคอขึ้นเป็นครั้งแรกของวัน มันลุกพรวดพราดไปดู สักพักก็เดินหูลู่หางตก กลับมานอนหมอบเป็นรูปปั้นหมาตรงที่เดิม ท่าทางหมกมุ่นหงอยเหงาราวกับคนอมทุกข์ฉันไม่รู้จะช่วยมันได้อย่างไร บางทีก็ไม่อาจมีใครแทนใครได้นึกย้อนไปถึงค่ำวันหนึ่งที่ฉันลงรถประจำทางใกล้แยกบางใหญ่ กำลังสำรวจสภาพกระดูกกระเดี้ยวที่ถูกเบียดเสียดบนรถมานานนับชั่วโมง หางตาก็เห็นอะไรแวบๆ จุดดำๆ เคลื่อนมาตามแนวถนน รถยนต์ก็ไม่ใช่ มอเตอร์ไซค์ก็ไม่เชิง ใกล้เข้ามาถึงเห็นเป็นหมาสีเข้มๆ ตัวหนึ่งกำลังวิ่งสุดฝีเท้าแทบจะแข่งกับรถที่แล่นอยู่บนถนนฉันพยายามมองว่ามันวิ่งตามอะไร เพราะวิ่งแบบนี้ไม่ใช่วิ่งเล่นแน่ๆ…
มูน
แสงแดดอ่อนๆ ในฤดูหนาว ที่ส่องเข้ามาอาบขนนุ่มละเอียดของแมวข้างหน้าต่าง ทำให้ฉันคิดถึงเด็กคนหนึ่งและความสุขที่ยังคงอุ่นอยู่ในใจเสมอมาหลังเรียนจบ ฉันทำงานพัฒนาชนบทอยู่ที่เมืองโคราช และได้พบกับจ่อย เด็กน้อยวัยสี่ขวบในศูนย์บริบาลเด็กขาดสารอาหารของโรงพยาบาลประจำอำเภอ จ่อยเคยเป็นเด็กขาดอาหารระดับรุนแรง หลังจากรับการรักษาฟื้นฟูจึงเริ่มเดินได้เมื่ออายุราวสามขวบ และเป็นเด็กที่ช่างจดจำอย่างน่าอัศจรรย์ สามารถเรียกชื่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคนที่รู้จักได้ไม่พลาด ขอแค่ได้ฟังเสียง หรือใช้มือป้อมๆ ลูบคิ้วคางปากจมูกของคนนั้น หลังโรงพยาบาลเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ…
มูน
“ชีวิตดังตัวคนเดียว ท่ามกลางทะเลเปลี่ยว ต้องลอยคว้างกลางลมคลื่นหลับใหลไม่เคยเต็มตื่น ข้าวกลืนไม่เคยอิ่ม โอ้ รอยยิ้มไม่เคยได้” เสียงเพลง “ชีวิตคนเศร้า” ของทูล ทองใจ ทำให้ฉันนึกถึงพ่อ และท่อนหนึ่งของเพลงที่พ่อมักร้องซ้ำไปซ้ำมาไม่เคยจบสักทีพ่อหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านปู่ตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบ ทิ้งผืนนาไปตามหาความฝันของวัยหนุ่ม แต่ดูเหมือนว่าพ่อใช้เวลาตามหาตลอดชีวิต และพบเพียงความฝันที่แหว่งวิ่น ความทรงจำของฉันเกี่ยวกับพ่อ เหมือนชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจาย แต่ทุกชิ้นชัดเจน และไม่เคยสักครั้งที่ฉันคิดจะลืมตอนที่ฉันอายุราวๆ ห้าหกขวบ พ่อพาไปดูหนังอินเดียเรื่อง “โชเล่ย์” ที่โรงหนังประชาบดี…
มูน
ใกล้บ้านเช่าหลังเก่าของฉันที่ขอนแก่น มีวัดป่าแห่งหนึ่งร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ฉันชอบไปเดินเล่นดูโบสถ์เก่าแก่คร่ำคร่าเต็มไปด้วยรอยตะไคร่ ไปนั่งฟังเสียงลมพัดใบไม้ และนั่งเล่นริมบึงกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลา เป็นวัดที่ให้บรรยากาศสงบงามสมกับเป็นสถานที่สำหรับ "หนีร้อนมาพึ่งเย็น" จริงๆ แต่ฉันไม่เคยเห็นวัดไหนเต็มไปด้วยไก่เท่าวัดนี้ ไก่หลากสีหลายขนาดเดินกันขวักไขว่ นับคร่าวๆ ได้สักหกหรือเจ็ดสิบตัว หลายตัวบินขึ้นไปเกาะอยู่บนกิ่งเตี้ยๆ ของต้นก้ามปูใหญ่ เจ้าอาวาสบอกว่า คนแถบนี้นิยมปล่อยไก่เป็นการสะเดาะเคราะห์อย่างหนึ่ง"สมัยก่อนเขาต้องตัดหางด้วยนะ ที่เรียกว่าตัดหางปล่อยวัดไงล่ะ" ฉันถามถึงจำนวนไก่…
มูน
ลมหนาวพัดฟางหลังเก็บเกี่ยวปลิวว่อนกลางทุ่ง หลายบ้านเตรียมโกยฟางมัดเป็นท่อนเก็บไว้ให้วัวควายในหน้าแล้ง นึกเล่นๆ ว่าถ้าคนเรากินแค่หญ้าก็คงจะดี ไม่ต้องมีกิเลสอยากกินนั่นนี่ให้เดือดร้อนไปถึงพืชและสัตว์อีกมากมาย ที่ต้องถูกไล่ล่าบ้าง ถูกบังคับให้โตผิดธรรมชาติบ้าง ถูกเปลี่ยนนั่นแปลงนี่ให้ถูกใจคนจนวุ่นวายไปทั้งโลก เข้าทำนองเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว (ว่าเข้าไปนั่น)คิดจนหิว จึงหันไปเปิดตู้กับข้าว อะไรกันนี่ ช่างโล่งดีแท้ๆ มีแต่ถ้วยน้ำปลาพริกขี้หนู อ้อ มีปลาทู(แย่งแมวมา)หนึ่งตัว ทำปลาทูต้มน้ำปลาดีกว่า ทำง้ายง่าย แล้วก็อร้อย อร่อย ตั้งน้ำให้เดือดพลั่กๆ ใส่ปลาทู เหยาะน้ำปลาพริกขี้หนู บีบมะนาว…
มูน
หมาขนฟูสีขาวในรถยนต์คันใหญ่ที่จอดติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกนั้น ทำให้ฉันคิดถึงลัคกี้สมัยที่ฉันยังรับจ้างทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งหนึ่ง สำนักงานเราเป็นบ้านเช่าที่อยู่ติดกับรั้วด้านหลังของบ้านสวนกว้างใหญ่ เจ้าของบ้านสวนก็คือเจ้าของบ้านเช่า รวมทั้งหอพักปากซอย ร้านค้าและตึกแถวใหญ่ในตลาด แถมที่ดินจัดสรรอีกหลายแห่งคุณนายเจ้าของบ้านเช่ามีลูกสาวทำงานอยู่ต่างประเทศ ครั้งหนึ่งลูกสาวกลับมาเยี่ยมบ้านพร้อมกับซื้อลัคกี้มาฝากแม่  เราเห็นหมาตัวโตขนยาวขาวสะอาดนั่งชูคอในรถยนต์ไปไหนๆ กับคุณนาย ที่ชอบใจนักเวลามีคนชมความสวยสง่าของลัคกี้ แล้วเธอก็จะคุยให้ใครๆ ฟังถึงลูกสาวคนเก่ง ลัคกี้ร่าเริงและชอบอยู่ใกล้ๆ คน…
มูน
จับเจ่ารอรถอยู่ที่สถานีขนส่งเมืองอุบลฯ ลมปลายเดือนตุลาคมพัดมาในช่วงค่ำทำให้ต้องนั่งกอดอก กำลังเกือบสัปหงกเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครบางคนมายืนเกือบชิดหัวเข่าโงหัวขึ้นเจอกับดวงตากลมใสคู่หนึ่ง กำลังจ้องมองฉันอยู่อย่างคาดหวังเรามองตากันอยู่เงียบๆ ฉันพินิจลักษณะของเธอแล้วเดาว่า น่าจะกำลังเป็นแม่ลูกอ่อน ด้วยว่าเต้านมที่หย่อนยานนั้นดูอวบเต่ง แต่รูปร่างที่ผอมเกร็งก็บอกว่า อาการการกินคงไม่บริบูรณ์เท่าไร อาจจะถึงขั้นขาดแคลนเสียด้วยซ้ำ “หิวเหรอจ๊ะ” ฉันถามเบาๆ ไม่มีเสียงจากเธอ แต่มีคำตอบอยู่ในแววตาละห้อยคู่นั้นฉันเหลียวซ้ายแลขวาไปทั่วท่ารถที่ค่อนข้างเงียบเหงา รถโดยสารที่แล่นระหว่างอำเภอหมดไปนานแล้ว…