Skip to main content

แสงแดดอ่อนๆ ในฤดูหนาว ที่ส่องเข้ามาอาบขนนุ่มละเอียดของแมวข้างหน้าต่าง ทำให้ฉันคิดถึงเด็กคนหนึ่งและความสุขที่ยังคงอุ่นอยู่ในใจเสมอมา

หลังเรียนจบ ฉันทำงานพัฒนาชนบทอยู่ที่เมืองโคราช และได้พบกับจ่อย เด็กน้อยวัยสี่ขวบในศูนย์บริบาลเด็กขาดสารอาหารของโรงพยาบาลประจำอำเภอ จ่อยเคยเป็นเด็กขาดอาหารระดับรุนแรง หลังจากรับการรักษาฟื้นฟูจึงเริ่มเดินได้เมื่ออายุราวสามขวบ และเป็นเด็กที่ช่างจดจำอย่างน่าอัศจรรย์ สามารถเรียกชื่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคนที่รู้จักได้ไม่พลาด ขอแค่ได้ฟังเสียง หรือใช้มือป้อมๆ ลูบคิ้วคางปากจมูกของคนนั้น

หลังโรงพยาบาลเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ จำได้ถึงวันหนึ่งในฤดูหนาวที่ฉันว่างเว้นจากการทำงานในหมู่บ้าน และมีโอกาสจูงจ่อยออกไปเดินในแสงแดดอ่อนๆ

“อุ่นไหมจ่อย ตากแดดแล้วอุ่นดีนะ แสงแดดมาจากดวงอาทิตย์ที่อยู่บนฟ้าโน่นแน่ะ”
ฉันชวนคุยเรื่อยเปื่อย จ่อยแหงนหน้าส่ายไปมาเหมือนจะมองหาดวงอาทิตย์ แต่ภายใต้เปลือกตาที่เกือบปิดสนิทนั้นไม่มีดวงตามาตั้งแต่เกิด

“แสงแดดเป็นยังไงคับ” อยู่ๆ เขาก็ถาม
“แสงแดดเหรอ อืมม.. สีเหลือง อ๊ะ ไม่ใช่สิ สีทองต่างหาก แสงแดดสีทอง”
“สีทองเป็นยังไงหลือคับ” เป็นคำถามที่ตอบยากจริงๆ  
“ก็เป็นสีที่สวยมาก เป็นประกายสว่าง ทำให้เรามองเห็นทุกอย่างชัด เอ๊ยไม่ใช่” ฉันสะดุ้งเมื่อนึกได้ว่าเขามองไม่เห็น “คือ...เวลาเช้าๆ แสงแดดสีทองทำให้เรารู้สึกสดชื่น รู้สึกโล่ง สบายใจ เวลาเราหนาวๆ ก็มาตากแดด แล้วเราก็รู้สึกอุ่นๆ แบบนี้ไง เออ จะว่าไงดีหว่า”

เป็นคำอธิบายที่ไม่เข้าท่าเอาซะเลย แต่จ่อยพูดขึ้นว่า
“ลู้แล้วคับ สีทองอุ่นๆ” เขายิ้มแป้น  
ฉันจูงมือน้อยๆ เดินไปอย่างช้าๆ จ่อยยื่นมือไประใบหญ้าเรียวๆ ที่ยื่นมาจากข้างทาง
“หญ้า” เขาพูด
“หญ้าสีเขียว” ฉันต่อโดยอัตโนมัติ ลืมนึกว่ากำลังคุยกับเด็กช่างซัก
“สีเขียวเป็นยังไงหลือคับ” นั่นไง ว่าแล้วเชียว

อีกครั้งที่คิดหนัก นั่นสิ สีเขียวเป็นยังไง อ่อนกว่าสีน้ำเงิน แต่เข้มกว่าสีเหลือง แล้วสีน้ำเงินกับสีเหลืองล่ะเป็นยังไง โอ๊ย อธิบายไม่ได้ คิดไม่ออก ฉันจึงเด็ดใบหญ้ามาให้เขาดม
“สีเขียวกลิ่นแบบนี้ไงจ๊ะ”
จ่อยทำจมูกฟุดฟิดแล้วร้อง “อื๋อ...” ก่อนจะถามต่ออย่างรวดเร็ว
“แล้วสีทองกลิ่นยังไงคับ”
“อืม กลิ่นยังไงเหรอ” ฉันกุมขมับ เพิ่งรู้ว่าการอธิบายมันยากจริงๆ
“ก็มีหลายกลิ่นนะ อย่างกลิ่นสีทองของแสงแดด แล้วแต่ว่ามันส่องไปที่ไหน อย่างตอนนี้ แดดสีทองกำลังส่องทุ่งหญ้า ทำให้มีกลิ่นสดๆ หอมๆ ลองสูดกลิ่นดูนะ หายใจเข้ายาวๆ นะ ฮืดดด...หอม หอมจัง”
“ฮืดดด...ฮืดดด...หอม หอมจัง” เขาทำตาม ยืดคอขึ้นลงอย่างน่ารัก

แมวตัวหนึ่งเดินออกมาจากโรงครัวของโรงพยาบาล มันส่ายหางอย่างอารมณ์ดีอยู่แถวๆ กอหญ้า คงกำลังมองหาตั๊กแตน  
“แน่ะ แมว” ฉันบอกจ่อยแล้วร้องเรียก “เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว”
มันหันขวับแล้ววิ่งหางชี้มาหาทันที คงจำได้ว่าคนนี้เองที่แบ่งกับข้าวให้กินบ่อยๆ มาถึงก็เอาหัวมาถูไถขาของฉัน ร้องเหมียวเสียงหวาน

จ่อยนั่งลงเอื้อมมือไปตามเสียง ฉันจับมือเล็กป้อมให้ค่อยๆ ลูบไปทั่วตัวแมวเพื่อให้เขารู้จักรูปลักษณ์ของมัน เจ้าแมวอ้วนลงนอนพลิกคว่ำพลิกหงาย ครางเบาๆ ในลำคออย่างพอใจ
“นิ่มจัง” จ่อยพูดและยิ้มอย่างชอบใจ ก่อนจะนึกได้แล้วถามว่า
“แมวสีอะไลคับ”
“แมวมีหลายสีจ้ะ แต่ตัวนี้มันเป็นแมวสามสี ขนของมันมีสีขาว สีส้ม กับสีดำ” ฉันเผลออธิบาย ลืมคิดว่าจะพูดถึงสีขาว สีส้มและสีดำอย่างไร แต่โชคดี (หรือเปล่านะ) ที่เขาไม่ถามเรื่องสี
“แมวกลิ่นยังไงคับ” จ่อยสนใจเรื่องกลิ่น อาจเป็นเพราะเขาใช้จมูกได้ดี ในขณะที่ใช้ดวงตาไม่ได้
“เออ กลิ่นยังไงเหรอ” ฉันอึ้ง ไม่เคยนึกถึงกลิ่นแมว ถ้ากลิ่นอึแมวละว่าไปอย่าง เคยหอมแก้มเจ้าสามสีครั้งหนึ่ง มีแต่กลิ่นปลาทู ส่วนตัวมันก็ เอ หอมก็ไม่ใช่ เหม็นก็ไม่เชิง จะว่ากลิ่นทะแม่งๆ ก็คงจะต้องอธิบายว่าทะแม่งคืออะไร
“ลู้แล้วคับ” เสียงจ่อยดังแทรกความคิดของฉัน เขาลูบหลังที่ปกคลุมด้วยขนนุ่มของแมว ก้มลงไปซุก แล้วเงยใบหน้ากลมแป้นน่าเอ็นดูขึ้นมายิ้ม บอกว่า “ดีจังเลย”

วันนั้น เราได้สัมผัสกับดอกหญ้าที่มีกลิ่นแสงแดด ได้ดมกลิ่นสะอาดของผ้าที่ซักตากแดดจนแห้งสนิท แล้วก็ได้แข่งกันสูดกลิ่นของสายลมรอบตัวที่ ฮืดดด...ฮืดดด...หอม หอมจัง ครั้งหนึ่งจ่อยถามว่า สายลมสีอะไร ฉันนึกไม่ทัน จึงบอกว่า ทุกสีในโลกรวมอยู่ด้วยกันหมด
“ดีจังเลย” เขายิ้มอย่างมีความสุข

ผ่านมาหลายปีแล้ว แสงแดดอุ่น และสายลมอ่อนของฤดูหนาว กับการลูบไล้ขนนุ่มนิ่มของแมวที่นอนขดอยู่บนตัก ยังคงทำให้ฉันได้อิ่มเอิบกับความสุขใจ ที่รู้จักหัดมองโลกมุมใหม่ผ่านหัวใจใสสว่างของเด็กชายผู้ไร้ดวงตาคนนั้น
โลกที่มีหลายสิ่งสำคัญ แม้ไม่อาจมองเห็นด้วยตา

บล็อกของ มูน

มูน
เพื่อนคนหนึ่งของฉันเพิ่งจากไปในเช้าวันนี้แสงแดดเจิดจ้าของเดือนเมษายนแตะแต้มกลีบบางของดอกดาวกระจายสีชมพู ใกล้ๆ กันเป็นกระถางของเดซี่น้อย ที่กำลังแย้มยิ้มอย่างไร้เดียงสา อวดเกสรสีเหลืองแจ่มใสกับกลีบเล็กสีขาวที่กระจายอยู่รายรอบ“ชอบดอกไม้ไหมจ๊ะ ขนดอกไม้ไปปลูกกันเถอะ” นึกถึงเสียงใสของเธอเมื่อสองเดือนก่อน ตามด้วยคำหยอกเย้าเคล้าเสียงหัวเราะ “หรือชอบเลี้ยงแต่แมวๆ หมาๆ”เธอยิ้มแย้มอยู่ในกระโปรงยาวกรุยกราย เข้ากับผ้าคลุมไหล่สีสวยมีดอกไม้มากมายถูกทิ้งไว้หลังการจัดงานนิทรรศการแห่งหนึ่ง บางส่วนอยู่ในกระถาง บางส่วนอยู่ในถุงดำ คนงานกำลังรื้อถอนส่วนต่างๆ ของงาน บรรดาดอกไม้ประดับถูกขนมากองสุมไว้ด้านนอก“…
มูน
  ไม่สบายกายและใจอยู่หลายวัน พอเรี่ยวแรงคืนมา ฉันก็คว้าจักรยานยนต์คันเก่า ขี่โกรกเกรกกึงกังไปตลาดใหญ่ที่ไกลจากบ้านราวสิบกิโลเมตร รู้สึกสังขารตัวเองใกล้เคียงกับรถ คือมีอะไรสักอย่าง (หรือหลายอย่าง) ที่ไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางนักพอพ้นจากทางดินเป็นถนนลาดยาง รถก็แล่นฉิว ลมพัดพรูจนผมปลิวกระจาย (นึกไปเองว่า) คล้ายๆ โฆษณาแชมพูสระผม ฝนที่ตกหนักไปเมื่อคืนวานทำให้อากาศสดแจ่ม ฟ้าใสกระจ่าง แซงแซวหางปลาเกาะอยู่บนกิ่งประดู่ข้างทาง ในทุ่งที่น้ำเจิ่งนองมีนกกระยางเดินท่องน้ำจ๋อมๆ อยู่หลายตัวลมพัดเสื้อคลุมสะบัดพึ่บพั่บ ชายเสื้อปลิวอยู่ด้านหลัง รู้สึกเริงรื่นจนต้องร้องเพลงดังๆ ตามจังหวะกึงกังของรถ "…
มูน
ฉันกำลังแบกเป้เดินทางรับจ้างทำงานอยู่แถวภาคเหนือ ในช่วงเวลาที่บรรยากาศเริงรื่นยังคงรวยรินแม้จะเลยปีใหม่ไปแล้วหลายวัน คนที่ไม่มีงานประจำ แต่มีรายจ่ายเรียงรายรอคอยอยู่ทุกเดือนอย่างฉัน ไม่มีเวลานั่งอยู่เฉย (ถึงแม้จะอยากนั่ง) ใครจ้างมา ฉันก็ไป เหมือนมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ไม่เกี่ยงระยะทางและผู้โดยสารใกล้เที่ยงคืนที่วางเป้ลงอย่างอ่อนแรงในห้องพักเล็กๆ ควักสมุดบันทึกขึ้นมาคำนวณรายจ่ายและแผนการเดินทางในวันถัดไป ใจคิดล่วงหน้าถึงวันกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังแผ่วๆ มาจากกระเป๋าข้างเตียง ............นานหลายปีมาแล้วที่ฉันรู้สึกว่าเทศกาลปีใหม่ไม่ใช่เวลาของความบันเทิงใจ ปีใหม่ในวัยเยาว์ครั้งหนึ่ง…
มูน
สายหมอกสีขาวนุ่มห่มคลุมยอดดอย ในเช้าที่ฉันนั่งรถเข้าหมู่บ้าน ไร่ยาสูบและไร่ข้าวโพดสองข้างทางดูเลือนลางอยู่ในแสงสลัวของดวงตะวัน ที่พยายามแทรกผ่านลมหนาวอย่างสุดความสามารถ“หนาวไหม หนาวเนาะ” พ่อเฒ่าสวมหมวกไหมพรมสีแดงทักถาม ฉันกอดอกแน่น ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก เพราะหนาวจนพูดไม่ออก ควันกรุ่นสีขาวพรูออกทางจมูกเหมือนลมหายใจมังกรไฟในนิทาน คนที่เคยชวนฉันมาเมืองพร้าวไม่เคยเล่าว่าบ้านเกิดของเธอหนาวขนาดนี้สำหรับบางคน ความทรงจำอาจอบอุ่นตลอดกาล แมวลายสามตัวที่นอนอาบแดดกลางลานบ้านวิ่งกันกระจายเมื่อเห็นคนแปลกหน้า เหลือแมวอ้วนสีส้มหมอบอยู่บนอานรถเครื่องคันเก่า “ขอถ่ายรูปหน่อย อยู่นิ่งๆ นะ มือใหม่หัดถ่ายนะ…
มูน
สีสันสดใสในเทศกาลส่งท้ายปี เป็นสัญญาณของการสิ้นสุดและเริ่มต้นใหม่ เพื่อนบ้านคนหนึ่งติดกระดาษริ้วสีทอง เขียนว่า HAPPY NEW YEAR 2008 ไว้เหนือประตูบ้าน อีกหลังติดไฟกระพริบ สลับกันวิบวับตรงนั้นตรงนี้ เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งยื่นเค้กช็อคโกแลตให้ แล้วบอกว่า สวัสดีปีใหม่ คิดอะไรขอให้สมปรารถนาฉันยิ้มกับคำอวยพร ถามตัวเองเล่นๆ ในใจว่าปรารถนาอะไรบ้าง โอ้ ช่างมากมายจนน่าอายตัวเอง หนึ่งในความปรารถนาที่ฉันคิดเสมอมาเมื่อถึงวันปีใหม่ คือขอให้ยายได้พบกับป่องหยอด................ความจริงยายไม่ได้เป็นแค่ยาย ยายเคยเป็นแม่ แต่เมื่อลูกสาวคนเดียวของยายตายไป และยายไม่มีญาติที่ไหนอีก…
มูน
เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน โต๋เต๋ชันคอขึ้นเป็นครั้งแรกของวัน มันลุกพรวดพราดไปดู สักพักก็เดินหูลู่หางตก กลับมานอนหมอบเป็นรูปปั้นหมาตรงที่เดิม ท่าทางหมกมุ่นหงอยเหงาราวกับคนอมทุกข์ฉันไม่รู้จะช่วยมันได้อย่างไร บางทีก็ไม่อาจมีใครแทนใครได้นึกย้อนไปถึงค่ำวันหนึ่งที่ฉันลงรถประจำทางใกล้แยกบางใหญ่ กำลังสำรวจสภาพกระดูกกระเดี้ยวที่ถูกเบียดเสียดบนรถมานานนับชั่วโมง หางตาก็เห็นอะไรแวบๆ จุดดำๆ เคลื่อนมาตามแนวถนน รถยนต์ก็ไม่ใช่ มอเตอร์ไซค์ก็ไม่เชิง ใกล้เข้ามาถึงเห็นเป็นหมาสีเข้มๆ ตัวหนึ่งกำลังวิ่งสุดฝีเท้าแทบจะแข่งกับรถที่แล่นอยู่บนถนนฉันพยายามมองว่ามันวิ่งตามอะไร เพราะวิ่งแบบนี้ไม่ใช่วิ่งเล่นแน่ๆ…
มูน
แสงแดดอ่อนๆ ในฤดูหนาว ที่ส่องเข้ามาอาบขนนุ่มละเอียดของแมวข้างหน้าต่าง ทำให้ฉันคิดถึงเด็กคนหนึ่งและความสุขที่ยังคงอุ่นอยู่ในใจเสมอมาหลังเรียนจบ ฉันทำงานพัฒนาชนบทอยู่ที่เมืองโคราช และได้พบกับจ่อย เด็กน้อยวัยสี่ขวบในศูนย์บริบาลเด็กขาดสารอาหารของโรงพยาบาลประจำอำเภอ จ่อยเคยเป็นเด็กขาดอาหารระดับรุนแรง หลังจากรับการรักษาฟื้นฟูจึงเริ่มเดินได้เมื่ออายุราวสามขวบ และเป็นเด็กที่ช่างจดจำอย่างน่าอัศจรรย์ สามารถเรียกชื่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคนที่รู้จักได้ไม่พลาด ขอแค่ได้ฟังเสียง หรือใช้มือป้อมๆ ลูบคิ้วคางปากจมูกของคนนั้น หลังโรงพยาบาลเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ…
มูน
“ชีวิตดังตัวคนเดียว ท่ามกลางทะเลเปลี่ยว ต้องลอยคว้างกลางลมคลื่นหลับใหลไม่เคยเต็มตื่น ข้าวกลืนไม่เคยอิ่ม โอ้ รอยยิ้มไม่เคยได้” เสียงเพลง “ชีวิตคนเศร้า” ของทูล ทองใจ ทำให้ฉันนึกถึงพ่อ และท่อนหนึ่งของเพลงที่พ่อมักร้องซ้ำไปซ้ำมาไม่เคยจบสักทีพ่อหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านปู่ตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบ ทิ้งผืนนาไปตามหาความฝันของวัยหนุ่ม แต่ดูเหมือนว่าพ่อใช้เวลาตามหาตลอดชีวิต และพบเพียงความฝันที่แหว่งวิ่น ความทรงจำของฉันเกี่ยวกับพ่อ เหมือนชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจาย แต่ทุกชิ้นชัดเจน และไม่เคยสักครั้งที่ฉันคิดจะลืมตอนที่ฉันอายุราวๆ ห้าหกขวบ พ่อพาไปดูหนังอินเดียเรื่อง “โชเล่ย์” ที่โรงหนังประชาบดี…
มูน
ใกล้บ้านเช่าหลังเก่าของฉันที่ขอนแก่น มีวัดป่าแห่งหนึ่งร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ฉันชอบไปเดินเล่นดูโบสถ์เก่าแก่คร่ำคร่าเต็มไปด้วยรอยตะไคร่ ไปนั่งฟังเสียงลมพัดใบไม้ และนั่งเล่นริมบึงกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลา เป็นวัดที่ให้บรรยากาศสงบงามสมกับเป็นสถานที่สำหรับ "หนีร้อนมาพึ่งเย็น" จริงๆ แต่ฉันไม่เคยเห็นวัดไหนเต็มไปด้วยไก่เท่าวัดนี้ ไก่หลากสีหลายขนาดเดินกันขวักไขว่ นับคร่าวๆ ได้สักหกหรือเจ็ดสิบตัว หลายตัวบินขึ้นไปเกาะอยู่บนกิ่งเตี้ยๆ ของต้นก้ามปูใหญ่ เจ้าอาวาสบอกว่า คนแถบนี้นิยมปล่อยไก่เป็นการสะเดาะเคราะห์อย่างหนึ่ง"สมัยก่อนเขาต้องตัดหางด้วยนะ ที่เรียกว่าตัดหางปล่อยวัดไงล่ะ" ฉันถามถึงจำนวนไก่…
มูน
ลมหนาวพัดฟางหลังเก็บเกี่ยวปลิวว่อนกลางทุ่ง หลายบ้านเตรียมโกยฟางมัดเป็นท่อนเก็บไว้ให้วัวควายในหน้าแล้ง นึกเล่นๆ ว่าถ้าคนเรากินแค่หญ้าก็คงจะดี ไม่ต้องมีกิเลสอยากกินนั่นนี่ให้เดือดร้อนไปถึงพืชและสัตว์อีกมากมาย ที่ต้องถูกไล่ล่าบ้าง ถูกบังคับให้โตผิดธรรมชาติบ้าง ถูกเปลี่ยนนั่นแปลงนี่ให้ถูกใจคนจนวุ่นวายไปทั้งโลก เข้าทำนองเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว (ว่าเข้าไปนั่น)คิดจนหิว จึงหันไปเปิดตู้กับข้าว อะไรกันนี่ ช่างโล่งดีแท้ๆ มีแต่ถ้วยน้ำปลาพริกขี้หนู อ้อ มีปลาทู(แย่งแมวมา)หนึ่งตัว ทำปลาทูต้มน้ำปลาดีกว่า ทำง้ายง่าย แล้วก็อร้อย อร่อย ตั้งน้ำให้เดือดพลั่กๆ ใส่ปลาทู เหยาะน้ำปลาพริกขี้หนู บีบมะนาว…
มูน
หมาขนฟูสีขาวในรถยนต์คันใหญ่ที่จอดติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกนั้น ทำให้ฉันคิดถึงลัคกี้สมัยที่ฉันยังรับจ้างทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งหนึ่ง สำนักงานเราเป็นบ้านเช่าที่อยู่ติดกับรั้วด้านหลังของบ้านสวนกว้างใหญ่ เจ้าของบ้านสวนก็คือเจ้าของบ้านเช่า รวมทั้งหอพักปากซอย ร้านค้าและตึกแถวใหญ่ในตลาด แถมที่ดินจัดสรรอีกหลายแห่งคุณนายเจ้าของบ้านเช่ามีลูกสาวทำงานอยู่ต่างประเทศ ครั้งหนึ่งลูกสาวกลับมาเยี่ยมบ้านพร้อมกับซื้อลัคกี้มาฝากแม่  เราเห็นหมาตัวโตขนยาวขาวสะอาดนั่งชูคอในรถยนต์ไปไหนๆ กับคุณนาย ที่ชอบใจนักเวลามีคนชมความสวยสง่าของลัคกี้ แล้วเธอก็จะคุยให้ใครๆ ฟังถึงลูกสาวคนเก่ง ลัคกี้ร่าเริงและชอบอยู่ใกล้ๆ คน…
มูน
จับเจ่ารอรถอยู่ที่สถานีขนส่งเมืองอุบลฯ ลมปลายเดือนตุลาคมพัดมาในช่วงค่ำทำให้ต้องนั่งกอดอก กำลังเกือบสัปหงกเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครบางคนมายืนเกือบชิดหัวเข่าโงหัวขึ้นเจอกับดวงตากลมใสคู่หนึ่ง กำลังจ้องมองฉันอยู่อย่างคาดหวังเรามองตากันอยู่เงียบๆ ฉันพินิจลักษณะของเธอแล้วเดาว่า น่าจะกำลังเป็นแม่ลูกอ่อน ด้วยว่าเต้านมที่หย่อนยานนั้นดูอวบเต่ง แต่รูปร่างที่ผอมเกร็งก็บอกว่า อาการการกินคงไม่บริบูรณ์เท่าไร อาจจะถึงขั้นขาดแคลนเสียด้วยซ้ำ “หิวเหรอจ๊ะ” ฉันถามเบาๆ ไม่มีเสียงจากเธอ แต่มีคำตอบอยู่ในแววตาละห้อยคู่นั้นฉันเหลียวซ้ายแลขวาไปทั่วท่ารถที่ค่อนข้างเงียบเหงา รถโดยสารที่แล่นระหว่างอำเภอหมดไปนานแล้ว…