ใครเคยทะเลาะกับแม่บ้าง

19 February, 2010 - 00:00 -- moon

เธอยังไม่รู้อีกหรือ ว่าแม่อยู่ในกระดูกของเธอตลอดเวลาเชียวละ”

The Joy Luck Club

 

 

สงสัยว่า แม่กับลูกสาวบ้านอื่นๆ เขาเป็นยังไง ทะเลาะกัน เถียงกัน และทั้งๆ ที่รักกัน แต่บางเวลาก็เบื่อหน่ายกันอย่างฉันกับแม่บ้างหรือเปล่า

 

ตอนที่ฉันยังเด็ก บ้านเราไม่ร่ำรวย (จะว่าไป ตอนนี้ก็ยังไม่ร่ำรวย พูดง่ายๆ คือไม่เคยรวยเลยดีกว่า) แต่ก็ไม่ได้ยากจนข้นแค้น เพียงแต่เราไม่เคยมีพอที่จะซื้อหาอะไรตามต้องการได้มากนัก

บางช่วง ฉันยังพับถุงกระดาษขาย (ร้อยใบได้สิบสลึง) เพื่อหาเงินไปโรงเรียน ทุกเย็นก็เดินเก็บยอดกระถินข้างทางมาจิ้มน้ำปลาพริกป่นกินกับข้าว วันไหนอยากดูโทรทัศน์ก็วิ่งไปชะเง้อดูบ้านคนอื่น

วันที่กินข้าวคลุกน้ำปลาอย่างเดียวก็เคยมี ฉันไม่รู้สึกแย่อะไร เพราะว่าอร่อยดี แต่แม่เดือดร้อนมาก

แม่จึงมักหอบลูกๆ ดั้นด้นไปไว้กับตายายทุกวันหยุดและทุกปิดเทอม เพราะอยู่บ้านตายายนั้น “ยังไงก็ไม่อด”

 

 

แม่ชอบทุเรียนมาก สมัยก่อนเราไม่เคยซื้อเพราะว่าแพงเกินฐานะ แต่ทุกวันนี้ ทุกหน้าทุเรียน ฉันจะซื้อให้แม่ ไม่ใช่ว่ารวยแล้ว แต่ทุเรียนไม่ใช่เพชรหรือทอง ฉันพอมีปัญญาซื้อ แต่ซื้อทีไรถูกบ่นทุกครั้ง

ไม่ใช่แค่ทุเรียน ซื้ออะไรให้ก็ตาม แม่จะบ่นแล้วบ่นอีกไปสามวันเจ็ดวัน ต่อด้วยการรำลึกอดีตว่า สมัยก่อน แม่ไม่มีวันซื้อของแพงๆ อย่างนี้

แล้วแม่ก็จะพูดว่า กินไม่ลง เสียดายเงิน ให้ฉันเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห เพราะที่สุดแล้วแม่ก็กิน ฉันเลยไม่รู้ว่าแม่จะบ่นทำไม

แม่ซื้อเสื้อยกทรงชนิดสามตัวร้อยจากตลาดนัด ฉันรู้ว่าแม่ไม่ได้ชอบหรอก แต่อยากประหยัด คุณภาพของก็สมราคา คือใช้ไม่นานก็ยืดจนย้วย เสียทรงและไม่สบายตัว แต่แม่ก็ทนใส่เป็นปีๆ ขาดก็เย็บซ่อมเอง

ฉันเคยซื้อยกทรงมียี่ห้อให้ ถูกบ่นจนหูชา ความจริงแม่ชอบมากทั้งแบบและเนื้อผ้า แต่เผอิญฉันเผลอบอกราคาไป

เป็นอันว่าถ้าอยากให้แม่กินอะไรหรือใช้อะไร เวลาแม่ถามว่าซื้อมาเท่าไร ฉันยอมบาปด้วยการบอกราคาถูกกว่าจริงอย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง โกหกตกนรกหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่โกหกแล้วทำให้แม่ยอมกินหรือใช้อย่างสบายใจ ฉันเองก็สบายหูสบายใจไปด้วย

 

ปกติฉันจะหาเวลาล้างตู้เย็นครั้งใหญ่เดือนละครั้ง ทุกครั้งจะต้องพบกับข้าวเล็กๆ น้อยๆ ในถุงหรือในกล่องพลาสติก เช่น ไข่เค็มเสี้ยวหนึ่ง หางปลาทูทอดหางหนึ่ง ผัดถั่วงอกคำหนึ่ง หรือแกงขี้เหล็กช้อนหนึ่ง ประมาณว่า มีถุงหรือกล่องใส่อาหารเหลืออย่างละนิดหน่อย เต็มตู้ไปหมด

อะไรเนี่ย ผัดถั่วงอกทำให้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว แม่เหลือไว้ทำไมคำเดียว” ฉันโวยวาย

ก็มันกินไม่หมดนี่”

เหลือคำเดียวกินไม่หมดก็ผสมต้มข้าวให้หมาไปเลยก็ได้ จะเก็บไว้ทำไม”

อ้าว ก็มันเสียดาย ของยังกินได้ก็เก็บไว้ก่อนสิ”

เก็บไว้แล้วทำไมไม่กินล่ะ”

ก็มันลืมนี่นา” แม่เถียงเหมือนเด็ก

แม่รู้ไหม กับข้าวเก็บไว้นานเกินมันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว มันหมดอายุ เผลอๆ จะทำให้ท้องเสียอีก”

เอ๊ะ ทำไมเรามันถึงขี้บ่นหยั่งงี้นะ” แม่หน้างอ “ทีหลังไม่ต้องทำอะไรไว้ให้แม่หรอก กินไม่หมดก็บ่น”

ไม่ได้บ่นที่กินไม่หมด แต่ไม่เข้าใจว่าเก็บไว้นานๆ ทำไม เก็บทีไรก็ลืมทุกที ทั้งเปลืองถุง ทั้งรกตู้ด้วย”

 

เถียงกันทีไร แม่จะต้องพูดว่า รอให้มีลูกเองเถอะ เวลาลูกมานั่งเถียงฉอดๆ แล้วจะรู้ว่ากรรมตามทัน

ซึ่งฉันก็จะอดปากไวไม่ได้อีก “กรรมตามไม่ทันหรอก เพราะจะไม่มีลูก” หรือไม่ก็ “มีแต่ลูกหมาลูกแมว ถึงมันเถียงก็ฟังไม่ออก” ถ้าไม่เริ่มเถียงกันใหม่ แม่ก็ค้อนจนตาคว่ำ

ทั้งๆ ที่ฉันก็สงสัยตัวเองบ่อยๆ ว่าจะเถียงแม่ไปทำไม แต่ก็อดไม่ได้สักที(สิน่า)

 

เวลาฉันเผลอ แม่จะปีนบันไดเปลี่ยนหลอดไฟบ้าง ตอกตะปูบ้าง สิ่งที่ฉันต้องเตือนตัวเองคือให้อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ อย่าได้อ้าปากบ่นเชียว เพราะแม่จะ “ของขึ้น” ทันที

นึกว่าแม่ทำไม่ได้เหรอ อ๋อ จะให้นั่งเฉยๆ เป็นยายแก่หงำเหงือกทำประโยชน์อะไรไม่ได้งั้นสิ”

ไม่ได้ว่าทำไม่ได้ แต่ถ้าตกบันไดลงมาจะทำยังไง หรือทุบฆ้อนใส่มือตัวเองจะเป็นยังไง”

เออ รอให้มันเป็นก่อนเหอะ” เป็นซะอย่างนี้

 

บ้านเราไม่คุ้นกับการแสดงความรักอย่างการกอด การหอมแก้ม หรือการออดอ้อนฉอเลาะ นอกจากไม่ฉอเลาะแล้ว บางครั้งกลับกวนโมโหไปเสียนี่

อายุตั้งเจ็ดสิบแล้ว สายตาก็เสื่อมลง ทำให้กะระยะผิด กระดูกก็เริ่มพรุน ตกลงมาหักเอาง่ายๆ ต้องไปหาหมอก็ไม่ชอบอีก เดี๋ยวต้องใส่เฝือกนานๆ ก็บ่นเบื่ออีก ตัวเองก็สุขภาพจิตเสียอีก” ฉันว่าไปเรื่อย

ไม่ต้องมาสอนแม่”

ไม่ได้สอน แต่พูดบางเรื่องที่แม่อาจจะไม่รู้ สมัยนี้เขาว่าไม่มีใครแก่เกินเรียน แม่ไม่เคยได้ยินเหรอ เรื่องการศึกษาตลอดชีวิต”

ไม่ต้องมาใช้คำพูดวิชาการ ขี้เกียจแปล”

ไม่ได้พูดวิชาการ พูดเรื่องธรรมดาๆ นี่แหละ”

เรื่องไหนๆ ก็ไม่ต้องพูด” แล้วแม่ก็จะหน้าบูดไปพักหนึ่ง (เวลาแม่หน้าบูดชอบทำปากยื่น ฉันต้องแอบไปขำ ขำแม่นี่บาปไหมนะ)

 

รู้จักมักจี่กันมาตลอดชีวิต แต่บางทีฉันก็เอาใจแม่ไม่ถูก

สมัยที่บ้านสี่ขายังมีสมาชิกไม่กี่ตัว แม่ชอบต่อภาพจิ๊กซอว์มาก ต่อจนลืมเวลา บางทีดึกดื่นยังไม่ยอมนอน ต่อเป็นร้อยๆ ภาพจนไม่มีที่เก็บ ฉันมีหน้าที่ตระเวนหาซื้อภาพใหม่ๆ มาให้ทันกับการต่อของแม่ (แม่มีการพัฒนาฝีมือแรงงานในอัตราเร็วสูงทีเดียว)

พอสมาชิกในบ้านเยอะขึ้น แม่ก็เลยห่างจิ๊กซอว์ไป (ความจริงแม่หันมาติดละครโทรทัศน์ต่างหาก)

วันดีคืนดีก็บอกว่า

เมื่อไรจะเลิกเลี้ยงซักทีเจ้าพวกเนี้ย ดูซิ แม่ไม่ได้ต่อจิ๊กซอว์เลย มัวแต่ดูหมาแมว”

อ้าว ซะงั้น ไม่เคยห้ามเลยนะเนี่ย แม่อยากต่อจิ๊กซอว์ก็ต่อสิ หมาแมวมันก็อยู่ของมันไป ไม่ต้องไปดูมันทั้งวันหรอก เดี๋ยวจะไปซื้อภาพใหม่ๆ ให้ เอาแบบพันห้าร้อยชิ้นเลยดีไหม”

ซื้อมาทำไม ต่อไปก็เสียเวลา ดูหมาแมวยังดีกว่าอีก”

เป็นงั้นไป

 

บางครั้งฉันกลับจากต่างจังหวัด เจอลูกแมวหน้าใหม่สี่ตัวในตะกร้า

ไหนตกลงกันว่าจะพอแล้วไง อุตส่าห์ทำใจไม่มองตามถนนหนทางแล้วนะ แล้วแม่เอามาจากไหนอีกเนี่ย”

ก็แม่ไปเจอมันถูกทิ้งไว้หลังตลาดเก่า จะตายมิตายแหล่อยู่แล้ว จะให้แม่ทำไง ฮะ ให้แม่เดินผ่านไปเฉยๆ เรอะ แม่ทำใจไม่ลงหรอก หรือเราทำลง ฮึ ช่วยมาได้เป็นร้อยตัว นี่แค่สี่ตัว ใจร้ายนะเราเนี่ย”

ก็อย่างนี้ทุกที

 

ช่วงหนึ่ง แม่นึกครึ้มลุกขึ้นมาหัดแต่งโคลงสี่สุภาพ ฝึกไปฝึกมา แม่ก็แต่งโคลงบทหนึ่งชื่อพระคุณแม่ ส่งไปที่สถานีวิทยุ ปรากฏว่า โคลงของแม่ได้รับการอ่านออกอากาศในวันที่ 12 สิงหาคม (ปีไหนฉันก็ลืมไปแล้ว) แม่ปลาบปลื้มมาก เอามาอ่านออกเสียงให้ฉันฟังหลายครั้ง

 

ฤดูฝนหนึ่ง ผ้าใบกันสาดที่ใช้ขึงกันฝนให้หมาๆ เปื่อยจนรุ่งริ่ง ตอนนั้นเงินขาดมือ ฉันจึงยังไม่สามารถเปลี่ยนผ้าใบได้ในทันที ได้แต่ตั้งใจว่าจะต้องรีบหาเงินมาซื้อให้เร็วที่สุดก่อนฝนจะมาอีกครั้ง

อยู่ๆ แม่ก็โทรศัพท์มาบอกว่า ไม่ต้องซื้อแล้ว เสียดายเงิน แม่มีผ้าใบกันสาดผืนใหม่แล้ว

 

เมื่อฉันกลับบ้านไปดู ก็เห็นผ้าพลาสติกผืนใหญ่ที่มีลวดลายแมวเต็มไปหมดทั้งผืน

แม่เย็บเองนะเนี่ย” แม่บอกว่า เอาถุงอาหารแมวมาตัดเป็นแผ่นแล้วเย็บต่อกันเป็นผืนใหญ่ แม่ชี้ให้ดูสีของถุงที่อุตส่าห์สลับกันอย่างสวยงาม แถมแมวหันไปทางเดียวกันเสียด้วย

ฉันนึกภาพแม่อดหลับอดนอน นั่งหลังแข็งเย็บถุงหลายสิบใบเข้าด้วยกัน แถมยังปีนขึ้นไปขึงเอง แวบแรกคือโมโหที่แม่ทำอะไรไม่ระวังตัวเอง แม่น่าจะรู้ว่าฉันไม่ได้เสียดายเงินที่ต้องซื้อผ้าใบ ทั้งยังเคยห้ามไม่ให้ปีนบันไดเวลาอยู่คนเดียวอีก แวบต่อมา ถามตัวเองว่าโมโหแล้วเกิดประโยชน์อะไรกับใครบ้าง

 

เมื่อฉันชมว่าผ้าใบสวยดี แม่ก็ยิ้ม ตาเป็นประกายอย่างภาคภูมิใจ

 

ฉันนึกถึงถ้อยคำในหนังสือเรื่อง The Bonesetter’s Daughter ของเอมี่ ตัน ที่ว่า การทำให้แม่มีความสุขนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย แม่เพียงอยากเป็นคนสำคัญ เหมือนอย่างที่แม่ควรจะเป็นเท่านั้นเอง

ความเห็น

Submitted by P on

Your mom sounds like my mom. She survived the world war II and our routine communication is naging and complaining about this and that. She is incrdibly independent at the age of 79. And I admire her strength. I hope I could be as mentally strong when I grow old.

Submitted by เหมือนแม่ของฉันเลย on

แม่ของคุณนักเขียน ก็เหมือนแม่ของเรา พ่อด้วย ซื้อของให้จะบ่น แต่ก็ภูมิใจ เอาไปอวดเพื่อนบ้าน 55555 แต่พอซื้อให้ จะบ่นซื้อทำไมมันแพง ของเก่ายังมี

ตอนเป็นเด็ก พวกเราก็ข้าวคลุกน้ำปลา คลุกน้ำมันหมู น้ำตาลทราย หรือน้ำตาลก้อน บ้าง นึกแล้วก็สนุกดี

ถูกต้องเลยพ่อแม่อยากเป็นคนสำคัญ ของลูก และชอบสอน ซึ่งคำสอนนั้นอาจไม่เข้ากะสมัยแล้วก็ตาม ถ้าใครเถียง แกได้เป็นงอน ต้องรับฟังอย่างเดียว

Submitted by ชาวบ้าน on

แม่ทุกคนก็เป็นแบบนี้แหละเป็นห่วงลูกไม่อยากให้ลูกใช้ของแพงๆอยากให้ลูกรู้จักประหยัดซื้อของอะไรไปให้ก็จะบ่นไปตามประสาของแม่แต่ในใจลึกๆแล้วแม่ก็ดีใจที่เห็นลูกซื้อของมาให้ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะถูกหรือแพงแม่ก็ภูมิใจแล้ว

Submitted by อ้ายแสงดาวฯ on

คนแก่ก็ขี้บ่นแบบนี้แหละเช่นเดียวกับพระคุณแม่อ้ายที่ตอนยังมีชีวิตอยู่ เรารู้เราก้อไม่ถือสา แต่บางครั้งเราก็บ่ตอบมั่ง ... เรื่องคนแก่ปีนขึ้นที่สูงนั้นอันตรายนะหนู มูน ขนาดพี่สาวอ้ายอายุหกสิบหก ปีนบันใดไปตอกตะปู็ก็ยังหล่นลงมาเลย ตอนนั้นอ้ายไม่อยู่แต่มีลูกพี่ลูกน้องได้ยินรีบวิ่งมาช่วย คนแก่มักจะอวดเก่ง ไม่อยากให้ใครบอกกล่าว แต่บางคราต้องบอกกล่าวนะคับ แม้จะโกรธเราก็ตาม ตอนนี้พี่สาวอ้ายชักจะเข็ดๆแล้วต่อการปีนขึ้นที่สูง ไม่เจอไม่รู้ แต่เราก็ไม่ตำหนิแบบแรงๆ เพียงอาจใช้คำพูดทำนองว่า เห็นไหม บอกแล้วไม่เชื่อ ... คนแก่ คนอายุมาก ส่วนมากกลัวเสียเชิง ไม่อยากให้คนนหนุ่ม เด็กอายุอ่อนกว่ามาวิจารณ์

หนูมูนพูดถึงโรคกระดูกพรุน คนวัยกลางคน และคนแก่มักเป็นกัน อ้ายไปอ่านหนังสือรู้สึกจะเป็นหนังสือชีวจิต เขาบอกว่า ตื่นเช้ามา ต้องเดินออกกำลังกาย รับแสงแดดอุ่นอ่อน ช่วยไม่ให้เป็นโรคกระดูกพรุนได้ เพราะมีวิตามินดี และถึงเป็นก็ช่วยได้ ขอให้พระคุณแม่ของหนู ,หนูมูน , น้องหมา น้องแมว และทุกชีวิตมีสุขภาพดีเน้อ เจ้า ...

อ้อ หนูมูน จะ ปริ๊นเอาเรื่องที่อ้ายเ

Submitted by อ้ายแสงดาวฯ on

อ้อ หนู มูน จะเอาเรื่องที่อ้ายเขียนเกี่ยวกับการรับแสงตะวันยามเช้า รับวิตามินดี ให้พระคุณแม่พระคุณพ่อได้รับเพื่อช่วยเรื่องโรคกระดูกพรุนโดยการ print ใ้ห้ ท่านอ่านก็ได้ บอกว่าเพื่อนรุ่นใหญ่ที่เชียงใหม่ฝากมา อ้ายเองทุกเช้าก็รับแสงตะวันยามเช้า ทั้งเล่นพลังลมปารณ เดินออกกำลังกาย รับแสงแดดยามอรุณ อายุตัวเองก็ หกสิบกว่าแล้ว แต่ไม่เป็นโรคกระดูกพรุน คับ

(หมายเหตุ : หากปริ๊นซ์ ออกมาก็เอาแต่ที่อ้ายพูดเฉพาะเรื่องรับแสงตะวันรักษาโรคกระดูกพรุน นะ คับ อย่าเอาที่อ้ายพูดวิจารณ์ คนแก่ขี้ดื้อทั้งหลาย ha ha กะเดี๋ยวคนแก่จะไม่รับฟังโดยคิดว่ารุ่นลูกหลานมาสอน ว่า วิจารณ์ข้าทำไม? หนูมูน ก็เอากรรไกร ตัดออกเอง แล้วเอาไป xerox ใหม่ ฮักษาสุขภาพ เจ้า )

Submitted by moon on

ขอบคุณอ้ายแสงดาวมากๆๆๆๆ ค่ะ ตอนนี้ก็นับว่าแม่หนูเป็นคนแก่ที่ "ยังไหวอยู่" คนหนึ่งค่ะ (แม่บอกว่าคงเพราะวุ่นวายกับหมาแมวนี่แหละ แถมบริหารปากด้วยการเถียงกับลูก แฮ่ะๆๆ พูดเล่นค่า..) ถึงแม้จะเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดมา 2 ครั้งแล้ว แต่กำลังใจยังดีอยู่ค่ะ ตอนนี้ลุ้นให้แม่กินข้าวกล้องสำเร็จแล้ว (ภูมิใจมาก!) เพราะเมื่อก่อนไม่ยอมกินเลย (แม่ดื้อนะเนี่ย) หว่านล้อมทีไรทะเลาะกันทุกที พอบอกว่าดีนะ มีประโยชน์นะ แม่ก็พูดประมาณว่าชั้นแก่แล้วไม่ใช่เด็กอย่ามาบังคับเรื่องกินได้มั้ย ขอกินเฉพาะที่อยากกินเถอะน่า!
หนูเลยเลิกลุ้น แต่ใช้วิธีเนียนๆ ค่ะ ทำเป็นหุงกินเองแต่กินไม่หมดหม้อ แม่ช่างเสียดายอยู่แล้วเลยฝืนกินต่อ ฝืนไปฝืนมา ฮิฮิ ตอนนี้ชอบแล้วค่ะ แถมมีเตือนทุกระยะ.. ข้าวกล้องจะหมดแล้วรีบซื้อมาเติมไวๆ ด้วย!
เรื่องเดินออกกำลังอีก อย่าไปลุ้นเชียว ยิ่งลุ้นยิ่งโมโห บอกไม่ต้องมาสอน ก็เลยใช้วิธีเนียนๆ อีก (จะว่าแกล้งแม่ก็ยอม) คือหนูปลูกต้นชะอมไว้ริมรั้วค่ะ ห่างจากบ่อน้ำราวๆ 30 ก้าวเดิน
แม่เขาขี้สงสารต้นไม้ค่ะ ต้องหิ้วน้ำไปรดทุกวันตอนเช้า เขาเลยต้องเดินอาบแดดโดยหนูไม่ได้บังคับค่ะ ฮิฮิ (แต่หนูซื้อถังเล็กๆ ให้เขาหิ้วนะ)

Submitted by อ้ายแสงดาวฯ on

ดีใจ๋ล้ำที่พระคุณแม่หนูมูนกินข้าววิเศษ ...ข้าวกล้อง ช่วยรักษาสุขภาพดีนัก ถ้าจะใด้ดี ก็หุงข้าวกล้อง โดยใช้หม้อต้ม ใส่น้ำเยอะๆ เพื่อทำน้ำข้าวกล้องให้แม่ และหนูมูนกิน

พอน้ำเดือด ก็ให้เดือดต่อไป อาจจะเอาเกลือเติมไปนิิดหน่อยแย่าเติมมากจะเค็ม เอาทัพพีคนข้าว แล้วเอาข้าวที่หุงมาชิมดู ว่าใช้ได้หรือเปล่า? แต่อย่าให้น้ำข้าวกล้องแห้งนะ ถ้าใช้ได้ก้อ เทน้ำข้าวกล้องใส่ถ้วยเลย จนหมดน้ำ แล้วหุงข้าวต่อจนให้พอแห้งแล้ว

เอาน้ำข้าวกล้องกินดื่มอร่อยลำมีคุณค่านัก ที่บ้านชายทุ่งอ้ายอ้ายทำแบบนี้ทุกครั้ง แต่ของอ้ายหุงข้าวกล้องโดยใช้เตาถ่าน ของหนูมูนใช้แก๊สก็ไม่เป็นไรเพราะไม่ได้อยู่ในบ้านนอก หาถ่าน ฟืนยาก ... ข้าวขาวที่เราชนชั้นกลางหรือชนชั้นอะไรก็แล้วแต่ ที่ซื้อตามตลาด เป็นข้าวที่พี่น้องชาวนาเวลาปลูกข้าวเขาฉีดสารเคมี เราก็กินสารเคมีมีชีวิตผ่อนส่งไปด้วย ...ตอนนี้อ้ายดีใจที่พี่สาวคนดื้อของอ้ายเธอก้หันมากินข้าวกล้องแล้ว สุขภาพพี่ไม่ค่อยดี เป็นความดันด้วย ตอนแรกอ้ายแนะนำเรื่องข้าวกล้องเขาไม่เชื่อคงอหังการณ์คิดว่าเป็นน้องมึงอย่ามาสอนกู ตอนอ้ายเข้ามาในเมือง อ้ายหุงข้าวกล้องกินตลอด แกก็

Submitted by อ้ายแสงดาวฯ on

มาบัดนี้อ้ายดีใจที่พี่สาวหันมากินข้าวกล้องแย้ว(เช่นเดียวกะไอ่หนูมูนดีใจที่แม่หนู่หันมากินข้าวกล้อง) พี่สาวอ้ายแกรู้ว่าแกสุขภาพไม่ดีแกก็ขวนขวายหาหนังสือสุขภาพมาอ่าน หนังสือ ชีวจิตบ้าง หนังสือสมุนไพรที่อ้ายเอาทิ้งไว้บนโต๊ะอาหารของแกเพื่อให้แกหยิบอ่านโดยไม่แนะนำ และเพื่อนฝูงที่เขากินข้าวกล้อง แนะนำบ้าง (คนแก่บางคนนี่ดื้อจริงๆ ถ้าคนอายุน้อยแนะนำ ทำเป็นประเภทว่า กูแก่พรรษากว่ามึง) ดีใจแทนหนู และพระคุณแม่ เผยแพร่เรื่องข้าวกล้องและ คุณค่าของแสงตะวันยามเช้าไปเรื่อยๆ นาจ้า เป็นวิทยาทาน และได้บุญ บุญฮักษาเจ้า

ใครเคยทะเลาะกับแม่บ้าง

19 February, 2010 - 00:00 -- moon

เธอยังไม่รู้อีกหรือ ว่าแม่อยู่ในกระดูกของเธอตลอดเวลาเชียวละ”

The Joy Luck Club

 

 

สงสัยว่า แม่กับลูกสาวบ้านอื่นๆ เขาเป็นยังไง ทะเลาะกัน เถียงกัน และทั้งๆ ที่รักกัน แต่บางเวลาก็เบื่อหน่ายกันอย่างฉันกับแม่บ้างหรือเปล่า

 

ตอนที่ฉันยังเด็ก บ้านเราไม่ร่ำรวย (จะว่าไป ตอนนี้ก็ยังไม่ร่ำรวย พูดง่ายๆ คือไม่เคยรวยเลยดีกว่า) แต่ก็ไม่ได้ยากจนข้นแค้น เพียงแต่เราไม่เคยมีพอที่จะซื้อหาอะไรตามต้องการได้มากนัก

บางช่วง ฉันยังพับถุงกระดาษขาย (ร้อยใบได้สิบสลึง) เพื่อหาเงินไปโรงเรียน ทุกเย็นก็เดินเก็บยอดกระถินข้างทางมาจิ้มน้ำปลาพริกป่นกินกับข้าว วันไหนอยากดูโทรทัศน์ก็วิ่งไปชะเง้อดูบ้านคนอื่น

วันที่กินข้าวคลุกน้ำปลาอย่างเดียวก็เคยมี ฉันไม่รู้สึกแย่อะไร เพราะว่าอร่อยดี แต่แม่เดือดร้อนมาก

แม่จึงมักหอบลูกๆ ดั้นด้นไปไว้กับตายายทุกวันหยุดและทุกปิดเทอม เพราะอยู่บ้านตายายนั้น “ยังไงก็ไม่อด”

ราดหน้าสูตรใหม่ กับความโล่งใจของหมา(ภูเขา)

8 February, 2010 - 00:00 -- moon

ตอนที่แล้ว ฉันบ่นงึมงำเรื่องที่ข้าวสารบ้านสี่ขาเหลือแค่ ๒ กิโล จนต้องลงนั่งกุมขมับ

แล้วก็คิดถึงวันหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว ที่โรงเรียนบนภูเขาในจังหวัดเลย วันที่ฉันต้องรับบทแม่ครัวจำเป็น

เลือกไม่ถูกว่าจะภูมิใจหรือกลุ้มใจ ที่ได้รับเกียรติให้แปรวัตถุดิบมูลค่า ๗๐ บาท อันประกอบด้วยแป้งเส้นใหญ่ ๓ กิโล น้ำมันหมูเป็นไข ๒-๓ ถุง น้ำตาลทราย ๑ ถุง กับสารพัดผักดอย ให้กลายเป็นก๋วยเตี๋ยวราดหน้า โดยมีปากท้องของเด็กน้อยร้อยกว่าคนเป็นเดิมพัน

ไม่แน่ใจว่าโชคชะตาแกล้งฉันหรือแกล้งเด็กๆ กันแน่
มาถึงตอนนี้ก็ต้อง(กัดฟัน)เล่าต่อ ว่าสุดท้าย ฉันและเด็กๆ รวมทั้งหมา (ภูเขา)จะลงเอยอย่างไร

ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าราคา ๗๐ บาท

30 January, 2010 - 00:00 -- moon

วันหนึ่ง เปิดถังข้าวสารแล้วพบว่า เหลือข้าวหุงให้หมาอยู่ราวๆ ๒ กิโลกรัม

ฉันปิดฝาถัง มองเก้าอี้ตัวเล็กที่พลิกคว่ำด้วยการกระโจนของเจ้าแตงกวาหมาบ้าพลัง จับเก้าอี้ขึ้นตั้งให้ถูกด้าน แล้วนั่งลงยกมือกุมขมับ (ตอนแรกว่าจะไปนอนก่ายหน้าผาก แต่ขี้เกียจเดินไปนอนที่แคร่)

เรื่อยๆ มาเรียงๆ นกบินเฉียงไปทั้งหมู่

21 January, 2010 - 10:51 -- moon




...ตัวเดียวมาไร้คู่ เหมือนเราอยู่เพียงเอกา

 

ก็เพลงมันพาไป จริงๆ ไม่ได้อยู่เพียงเอกาหรอก มีหมาหมู่นั่งอยู่เป็นเพื่อนตั้งหลายสิบตัว

ร้องเพลงนี้ตอนแดดผีตากผ้าอ้อมเริ่มจาง เห็นนก(อะไรไม่รู้) บินเฉียงๆ เป็นหมู่ๆ อยู่เหนือยอดสะเดา (ดอกและยอดงามพรั่งพรู เก็บไปลวกจิ้มน้ำพริกมื้อเย็นนี้ดีกว่า)

บ้านสี่ขายามเย็นแสนจะสงบ โค้งฟ้าตะวันตกเป็นสีหมากสุก ลมพัดแผ่วเบาเห่กล่อมใบประดู่ ใจหวนคะนึงถึงความหลัง น้ำใสๆ ก็เอ่อล้นในดวงตา

(จะดราม่าไปไหน?)

เมี้ยวววว!

8 January, 2010 - 12:01 -- moon



หนูเล็กๆ ตัวหนึ่ง วิ่งทะเล่อทะล่าเข้าไปในกรงของสตางค์
อ้าว เข้าไปทำไมน่ะ” ฉันรำพึงกับตัวเองมากกว่าจะถามหนู ส่วนแม่ที่หันมองตามฉันร้องว้าย
ตายแล้ว ออกมาเร้ว สตางค์อย่านะ” แม่ร้องเตือนหนูและห้ามแมวไปพร้อมๆ กัน ราวกับว่ามันสองตัวจะฟังรู้ภาษา
แต่เจ้าสตางค์ที่กำลังนอนหงายผึ่งพุงอยู่ แค่เอียงหน้ามองหนูผู้บุกรุก เหยียดตัวบิดขี้เกียจทีหนึ่ง แล้วพลิกตะแคงไปอีกด้าน หันก้นให้หนูซะอย่างนั้น