Skip to main content

.เรากำลังจะไปไหน


ฉันถามตัวเองในวันหนึ่ง ขณะยืนเคว้งคว้างกลางคลื่นคนที่เดินสวนกันไปมาหนาแน่นเพื่อเข้าออกและสับเปลี่ยนขบวนรถไฟฟ้าที่สถานีสยาม สงสัยว่าถ้าจะต่อรถอีกขบวนหนึ่ง ควรจะลงบันไดไปชั้นล่าง หรือขึ้นบันไดต่อไปชั้นบน งุนงงสับสนกับความรีบเร่งที่อยู่รอบๆ ตัว


หนีความพลุกพล่านมาเกาะพักอยูริมระเบียง มองฝ่าหมอกควันสีเทาจางไปไกลๆ เห็นแต่ตึกสูงแน่นขนัด เบื้องล่างคือขบวนรถยาวเหยียด สารพัดเสียงอื้ออึงเต็มสองหู


นาทีนั้น ฉันรู้สึกว่าราวเหล็กที่จับอยู่เป็นระเบียงไม้ของบ้านไต้ถุนสูง มองไกลออกไปเห็นทิวเขาทอดยาว และไหลเอื่อยช้าเบื้องล่าง คือแม่น้ำที่ไหลผ่านบ้านเกิดของฉัน


ไม่ว่าเมื่อไร ฉันก็ไม่สามารถปรับจังหวะอันเชื่องช้าของตนเองให้เข้ากับจังหวะรีบเร่งของเมืองใหญ่ได้เลย

.คนเราบอบช้ำกับเรื่องอะไรได้บ้าง


ความผิดหวังแสนสาหัส การถูกทำร้าย ความฝันที่แตกสลาย ความสัมพันธ์ที่เสื่อมคลาย การสูญเสียสิ่งรัก การถูกหักหลัง หรือการไม่อาจทนกับแรงเสียดทานบางอย่าง


หัวใจคนเรานั้นแปลก บางครั้งก็ทนทานสู้งานหนัก แม้อุปสรรคใหญ่เท่าภูเขาก็ยังกล้าเอาชนะ แต่บางครั้งก็เปราะบางแหลกสลายได้ด้วยไม่กี่ถ้อยคำ


หกเดือนผ่านมาที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ไกลบ้าน ฉันพบว่าตัวเองบอบช้ำซวนเซไปกับหลายๆ เรื่องราวในชีวิต และต้องการการเยียวยา

 

.บ้านฉันมีนาฬิกาหลายเรือน


นาฬิกาแขวนผนังที่ฉันจับฉลากได้ในวันปีใหม่นานแล้ว นาฬิการูปดอกไม้ที่มีคนให้ นาฬิกาไขลานที่ได้มาจากตลาดของเก่าที่วัดมหาธาตุ และนาฬิกาเซรามิคที่ฉันซื้อมาจากงานเทศกาล เพราะเห็นมันเป็นงานปั้นมากกว่าเป็นนาฬิกา


รวมทั้งนาฬิกาคุกคู ที่มีนกโผล่ออกมาจากหน้าต่างเล็กๆ แล้วร้องเสียงดัง คุกคู คุกคู ตามเวลาแต่ละชั่วโมงก่อนจะผลุบกลับเข้าไป ซึ่งแม่ฉัน(แอบ)สั่งซื้อเองจากโฆษณาในหนังสือพิมพ์ และแม่ก็สรุปบทเรียนได้เองเมื่อพบว่ามันยอมร้องคุกคูให้ฟังอยู่ราวๆ สิบหน


นาฬิกาไม่ยอมเดิน” แม่ฟ้องมาทางโทรศัพท์

ไขลานก็ไม่เดิน เปลี่ยนถ่านใหม่ก็ไม่เดิน ตายหมดทุกเรือนเลย แม่เลยไม่รู้เวลา”

ดูตะวัน” ฉันบอก “แน่นอนกว่าเป็นไหนๆ มืดก็บอกว่ามืด เช้าก็บอกว่าเช้า ตรงกว่านาฬิกาตั้งเยอะ ดูสิบางวันนาฬิกาบอกหกโมงเย็น แต่มืดตื๋อเลย บางวันบอกจะทุ่มแล้วแต่ฟ้ายังสว่างโร่ ไม่มีความแน่นอนสักนิด”


ไม่รู้ความคิดของฉันทำแม่มึนงงหรือรำคาญ เพราะแม่ตัดบทว่า

เออๆ แม่รู้แล้ว ดูไอ้กะทิก็ได้”


กะทิเป็นหมาเตี้ยสีขาว ขาโก่ง เท้าแป มีวงกลมสีดำรอบตาข้างหนึ่ง เมื่อไรที่มันลุกขึ้นยืนบนโต๊ะ และเริ่มครวญครางบทเพลงยอดฮิต(ของมัน) เป็นอันรู้ว่านั่นคือห้าโมงเย็น และเป็นเวลาที่เราจะต้องให้อาหารพวกมันแล้ว


ส่วนบรรดาแมวๆ จะเลิกซนแล้วลงนอนหลับอุตุครบทุกตัวราวๆ สิบโมงเช้า ตื่นครบทุกตัวราวๆ สี่โมงเย็น แล้วก็จะเล่นอย่างอึกทึกครึกโครมกันไปจนถึงเที่ยงคืน


แม่บ่นที่ฉันไม่สนใจเรื่องนาฬิกาตาย

ช่างมันเถอะ มันเดินมานานแล้ว มันคงเมื่อย” ฉันบอกแม่ บางครั้งฉันเองก็ขี้เกียจเดิน เพียงแต่ฉันยังไม่ตาย

 

.โลกหมุนช้าลงเมื่อกลับบ้าน

12_06_01
ดอกน้ำค้าง

 


คนกรุงที่ใช้ชีวิตตามเข็มนาฬิกา อาจไม่ต้องเลือกว่าจะนั่งมองฟ้าหรือวิ่งไปตอกบัตรลงเวลาทำงาน ที่ไม่ต้องเลือกเพราะเลือกไม่ได้


ที่บ้านสี่ขา ฉันมีเวลาละเลียดยามเช้า เฝ้ามองเมฆเปลี่ยนสี ขณะที่หยดน้ำค้างค่อยๆ ระเหยหาย


บ้านเรามีเสียงเพลงกางเขน เสียงร้องของกาเหว่า เสียงโวยวายของต้อยตีวิด เสียงโฮ่งๆ เหมียวๆ และแสงแดดอ่อนโรยที่ส่องลอดใบประดู่ในยามเย็น


เจ้าตุ๊กแกใหญ่บนขื่อมักร้องเสียงดังหลังเที่ยงคืน ขณะที่เสียงลูกแหง่น้อยในคอกของเพื่อนบ้านส่งเสียงเรียกแม่ควายของมันในยามใกล้รุ่ง

12_06_02
รอยยิ้มสะอาดของดอกตำลึงข้างรั้ว

 

 

.มีสวนดอกไม้ที่ริมรั้วและรอบบ่อน้ำ


เมล็ดพันธุ์คงซ่อนตัวมาในดินที่ถูกย้ายจากที่หนึ่งมาถมอีกที่หนึ่ง รอฟ้าฝนเป็นใจ แล้วมันก็งอกขึ้นมาให้ชื่นชม ฉันจึงเป็นเจ้าของสวนทั้งที่ไม่ได้ปลูก


ดอกไม้เล็กๆ ที่ฉันแทบไม่รู้จักชื่อ แต่รู้สึกใกล้ชิดสนิทสนม บางดอกน้อยนิดกระจิริดจนต้องแนบหน้าลงไปติดพื้นดินจึงจะเห็น


การพูดคุยกับตัวเองในใจ ถามไถ่ทุกข์สุขในความเงียบสงบ การได้เดินเท้าเปล่าบนพื้นดิน เฝ้ามองนกกระจิบหญ้าคาบเหยื่อมาป้อนลูกน้อยในรังที่ถักจากต้นกก สายลมสะอาดช่วยเพิ่มความโปร่งและใสในการซักฟอกตนเอง

เรียนรู้ที่จะดูแลตนเอง โดยไม่เอาสุขหรือทุกข์ไปผูกติดไว้ที่ใคร

12_06_03
น่ารักเมื่อเธออยู่ใกล้

 

.ในพงหญ้ามียาใจ


หัวใจเหนื่อยล้าของบางคนอาจฟื้นคืนดีได้ด้วยรอยยิ้มของคนรัก

สำหรับฉัน คือการได้กลับไปอยู่ในวงล้อมของโลกใบเล็กที่ไม่มีเข็มนาฬิกา แต่มีแววตาห่วงใยของแม่

12_06_04
ลูกแมวน้อยพเนจรที่ชอบซ่อนในกอกล้วยข้างบ้าน จะโผล่ออกมาในเวลาอาหาร
(
ทุกวันนี้ยอมคุยด้วย แต่ยังไม่ยอมให้จับ)


ฉันรักจมูกชื้นๆ ที่ยื่นมาดมสำรวจตามตัวอย่างใส่ใจ รักอุ้งเท้านุ่มๆ และตัวอุ่นๆ ที่ปีนมาขดบนตัก รักการตื่นตอนเช้าตามเจ้าสี่ขาไปเดินเล่นเลาะรั้วและริมบ่อน้ำ


มองไปในพงหญ้า ยังมีชีวิตเล็กๆ กับจังหวะที่เนิบช้า

คอยเยียวยาหัวใจ

 

 

 

12_06_05

มุมหนึ่งของบ้านสี่ขา(ในวันหญ้ารก)ค่ะ
ที่เห็นไกลๆ นั้นเป็นคอกขององุ่นและพี่ๆ น้องๆ ที่เคยเล่าไว้ในตอน “หมาของหนู”

…………………

บล็อกของ มูน

มูน
เพื่อนคนหนึ่งของฉันเพิ่งจากไปในเช้าวันนี้แสงแดดเจิดจ้าของเดือนเมษายนแตะแต้มกลีบบางของดอกดาวกระจายสีชมพู ใกล้ๆ กันเป็นกระถางของเดซี่น้อย ที่กำลังแย้มยิ้มอย่างไร้เดียงสา อวดเกสรสีเหลืองแจ่มใสกับกลีบเล็กสีขาวที่กระจายอยู่รายรอบ“ชอบดอกไม้ไหมจ๊ะ ขนดอกไม้ไปปลูกกันเถอะ” นึกถึงเสียงใสของเธอเมื่อสองเดือนก่อน ตามด้วยคำหยอกเย้าเคล้าเสียงหัวเราะ “หรือชอบเลี้ยงแต่แมวๆ หมาๆ”เธอยิ้มแย้มอยู่ในกระโปรงยาวกรุยกราย เข้ากับผ้าคลุมไหล่สีสวยมีดอกไม้มากมายถูกทิ้งไว้หลังการจัดงานนิทรรศการแห่งหนึ่ง บางส่วนอยู่ในกระถาง บางส่วนอยู่ในถุงดำ คนงานกำลังรื้อถอนส่วนต่างๆ ของงาน บรรดาดอกไม้ประดับถูกขนมากองสุมไว้ด้านนอก“…
มูน
  ไม่สบายกายและใจอยู่หลายวัน พอเรี่ยวแรงคืนมา ฉันก็คว้าจักรยานยนต์คันเก่า ขี่โกรกเกรกกึงกังไปตลาดใหญ่ที่ไกลจากบ้านราวสิบกิโลเมตร รู้สึกสังขารตัวเองใกล้เคียงกับรถ คือมีอะไรสักอย่าง (หรือหลายอย่าง) ที่ไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางนักพอพ้นจากทางดินเป็นถนนลาดยาง รถก็แล่นฉิว ลมพัดพรูจนผมปลิวกระจาย (นึกไปเองว่า) คล้ายๆ โฆษณาแชมพูสระผม ฝนที่ตกหนักไปเมื่อคืนวานทำให้อากาศสดแจ่ม ฟ้าใสกระจ่าง แซงแซวหางปลาเกาะอยู่บนกิ่งประดู่ข้างทาง ในทุ่งที่น้ำเจิ่งนองมีนกกระยางเดินท่องน้ำจ๋อมๆ อยู่หลายตัวลมพัดเสื้อคลุมสะบัดพึ่บพั่บ ชายเสื้อปลิวอยู่ด้านหลัง รู้สึกเริงรื่นจนต้องร้องเพลงดังๆ ตามจังหวะกึงกังของรถ "…
มูน
ฉันกำลังแบกเป้เดินทางรับจ้างทำงานอยู่แถวภาคเหนือ ในช่วงเวลาที่บรรยากาศเริงรื่นยังคงรวยรินแม้จะเลยปีใหม่ไปแล้วหลายวัน คนที่ไม่มีงานประจำ แต่มีรายจ่ายเรียงรายรอคอยอยู่ทุกเดือนอย่างฉัน ไม่มีเวลานั่งอยู่เฉย (ถึงแม้จะอยากนั่ง) ใครจ้างมา ฉันก็ไป เหมือนมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ไม่เกี่ยงระยะทางและผู้โดยสารใกล้เที่ยงคืนที่วางเป้ลงอย่างอ่อนแรงในห้องพักเล็กๆ ควักสมุดบันทึกขึ้นมาคำนวณรายจ่ายและแผนการเดินทางในวันถัดไป ใจคิดล่วงหน้าถึงวันกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังแผ่วๆ มาจากกระเป๋าข้างเตียง ............นานหลายปีมาแล้วที่ฉันรู้สึกว่าเทศกาลปีใหม่ไม่ใช่เวลาของความบันเทิงใจ ปีใหม่ในวัยเยาว์ครั้งหนึ่ง…
มูน
สายหมอกสีขาวนุ่มห่มคลุมยอดดอย ในเช้าที่ฉันนั่งรถเข้าหมู่บ้าน ไร่ยาสูบและไร่ข้าวโพดสองข้างทางดูเลือนลางอยู่ในแสงสลัวของดวงตะวัน ที่พยายามแทรกผ่านลมหนาวอย่างสุดความสามารถ“หนาวไหม หนาวเนาะ” พ่อเฒ่าสวมหมวกไหมพรมสีแดงทักถาม ฉันกอดอกแน่น ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก เพราะหนาวจนพูดไม่ออก ควันกรุ่นสีขาวพรูออกทางจมูกเหมือนลมหายใจมังกรไฟในนิทาน คนที่เคยชวนฉันมาเมืองพร้าวไม่เคยเล่าว่าบ้านเกิดของเธอหนาวขนาดนี้สำหรับบางคน ความทรงจำอาจอบอุ่นตลอดกาล แมวลายสามตัวที่นอนอาบแดดกลางลานบ้านวิ่งกันกระจายเมื่อเห็นคนแปลกหน้า เหลือแมวอ้วนสีส้มหมอบอยู่บนอานรถเครื่องคันเก่า “ขอถ่ายรูปหน่อย อยู่นิ่งๆ นะ มือใหม่หัดถ่ายนะ…
มูน
สีสันสดใสในเทศกาลส่งท้ายปี เป็นสัญญาณของการสิ้นสุดและเริ่มต้นใหม่ เพื่อนบ้านคนหนึ่งติดกระดาษริ้วสีทอง เขียนว่า HAPPY NEW YEAR 2008 ไว้เหนือประตูบ้าน อีกหลังติดไฟกระพริบ สลับกันวิบวับตรงนั้นตรงนี้ เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งยื่นเค้กช็อคโกแลตให้ แล้วบอกว่า สวัสดีปีใหม่ คิดอะไรขอให้สมปรารถนาฉันยิ้มกับคำอวยพร ถามตัวเองเล่นๆ ในใจว่าปรารถนาอะไรบ้าง โอ้ ช่างมากมายจนน่าอายตัวเอง หนึ่งในความปรารถนาที่ฉันคิดเสมอมาเมื่อถึงวันปีใหม่ คือขอให้ยายได้พบกับป่องหยอด................ความจริงยายไม่ได้เป็นแค่ยาย ยายเคยเป็นแม่ แต่เมื่อลูกสาวคนเดียวของยายตายไป และยายไม่มีญาติที่ไหนอีก…
มูน
เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน โต๋เต๋ชันคอขึ้นเป็นครั้งแรกของวัน มันลุกพรวดพราดไปดู สักพักก็เดินหูลู่หางตก กลับมานอนหมอบเป็นรูปปั้นหมาตรงที่เดิม ท่าทางหมกมุ่นหงอยเหงาราวกับคนอมทุกข์ฉันไม่รู้จะช่วยมันได้อย่างไร บางทีก็ไม่อาจมีใครแทนใครได้นึกย้อนไปถึงค่ำวันหนึ่งที่ฉันลงรถประจำทางใกล้แยกบางใหญ่ กำลังสำรวจสภาพกระดูกกระเดี้ยวที่ถูกเบียดเสียดบนรถมานานนับชั่วโมง หางตาก็เห็นอะไรแวบๆ จุดดำๆ เคลื่อนมาตามแนวถนน รถยนต์ก็ไม่ใช่ มอเตอร์ไซค์ก็ไม่เชิง ใกล้เข้ามาถึงเห็นเป็นหมาสีเข้มๆ ตัวหนึ่งกำลังวิ่งสุดฝีเท้าแทบจะแข่งกับรถที่แล่นอยู่บนถนนฉันพยายามมองว่ามันวิ่งตามอะไร เพราะวิ่งแบบนี้ไม่ใช่วิ่งเล่นแน่ๆ…
มูน
แสงแดดอ่อนๆ ในฤดูหนาว ที่ส่องเข้ามาอาบขนนุ่มละเอียดของแมวข้างหน้าต่าง ทำให้ฉันคิดถึงเด็กคนหนึ่งและความสุขที่ยังคงอุ่นอยู่ในใจเสมอมาหลังเรียนจบ ฉันทำงานพัฒนาชนบทอยู่ที่เมืองโคราช และได้พบกับจ่อย เด็กน้อยวัยสี่ขวบในศูนย์บริบาลเด็กขาดสารอาหารของโรงพยาบาลประจำอำเภอ จ่อยเคยเป็นเด็กขาดอาหารระดับรุนแรง หลังจากรับการรักษาฟื้นฟูจึงเริ่มเดินได้เมื่ออายุราวสามขวบ และเป็นเด็กที่ช่างจดจำอย่างน่าอัศจรรย์ สามารถเรียกชื่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคนที่รู้จักได้ไม่พลาด ขอแค่ได้ฟังเสียง หรือใช้มือป้อมๆ ลูบคิ้วคางปากจมูกของคนนั้น หลังโรงพยาบาลเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ…
มูน
“ชีวิตดังตัวคนเดียว ท่ามกลางทะเลเปลี่ยว ต้องลอยคว้างกลางลมคลื่นหลับใหลไม่เคยเต็มตื่น ข้าวกลืนไม่เคยอิ่ม โอ้ รอยยิ้มไม่เคยได้” เสียงเพลง “ชีวิตคนเศร้า” ของทูล ทองใจ ทำให้ฉันนึกถึงพ่อ และท่อนหนึ่งของเพลงที่พ่อมักร้องซ้ำไปซ้ำมาไม่เคยจบสักทีพ่อหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านปู่ตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบ ทิ้งผืนนาไปตามหาความฝันของวัยหนุ่ม แต่ดูเหมือนว่าพ่อใช้เวลาตามหาตลอดชีวิต และพบเพียงความฝันที่แหว่งวิ่น ความทรงจำของฉันเกี่ยวกับพ่อ เหมือนชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจาย แต่ทุกชิ้นชัดเจน และไม่เคยสักครั้งที่ฉันคิดจะลืมตอนที่ฉันอายุราวๆ ห้าหกขวบ พ่อพาไปดูหนังอินเดียเรื่อง “โชเล่ย์” ที่โรงหนังประชาบดี…
มูน
ใกล้บ้านเช่าหลังเก่าของฉันที่ขอนแก่น มีวัดป่าแห่งหนึ่งร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ฉันชอบไปเดินเล่นดูโบสถ์เก่าแก่คร่ำคร่าเต็มไปด้วยรอยตะไคร่ ไปนั่งฟังเสียงลมพัดใบไม้ และนั่งเล่นริมบึงกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลา เป็นวัดที่ให้บรรยากาศสงบงามสมกับเป็นสถานที่สำหรับ "หนีร้อนมาพึ่งเย็น" จริงๆ แต่ฉันไม่เคยเห็นวัดไหนเต็มไปด้วยไก่เท่าวัดนี้ ไก่หลากสีหลายขนาดเดินกันขวักไขว่ นับคร่าวๆ ได้สักหกหรือเจ็ดสิบตัว หลายตัวบินขึ้นไปเกาะอยู่บนกิ่งเตี้ยๆ ของต้นก้ามปูใหญ่ เจ้าอาวาสบอกว่า คนแถบนี้นิยมปล่อยไก่เป็นการสะเดาะเคราะห์อย่างหนึ่ง"สมัยก่อนเขาต้องตัดหางด้วยนะ ที่เรียกว่าตัดหางปล่อยวัดไงล่ะ" ฉันถามถึงจำนวนไก่…
มูน
ลมหนาวพัดฟางหลังเก็บเกี่ยวปลิวว่อนกลางทุ่ง หลายบ้านเตรียมโกยฟางมัดเป็นท่อนเก็บไว้ให้วัวควายในหน้าแล้ง นึกเล่นๆ ว่าถ้าคนเรากินแค่หญ้าก็คงจะดี ไม่ต้องมีกิเลสอยากกินนั่นนี่ให้เดือดร้อนไปถึงพืชและสัตว์อีกมากมาย ที่ต้องถูกไล่ล่าบ้าง ถูกบังคับให้โตผิดธรรมชาติบ้าง ถูกเปลี่ยนนั่นแปลงนี่ให้ถูกใจคนจนวุ่นวายไปทั้งโลก เข้าทำนองเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว (ว่าเข้าไปนั่น)คิดจนหิว จึงหันไปเปิดตู้กับข้าว อะไรกันนี่ ช่างโล่งดีแท้ๆ มีแต่ถ้วยน้ำปลาพริกขี้หนู อ้อ มีปลาทู(แย่งแมวมา)หนึ่งตัว ทำปลาทูต้มน้ำปลาดีกว่า ทำง้ายง่าย แล้วก็อร้อย อร่อย ตั้งน้ำให้เดือดพลั่กๆ ใส่ปลาทู เหยาะน้ำปลาพริกขี้หนู บีบมะนาว…
มูน
หมาขนฟูสีขาวในรถยนต์คันใหญ่ที่จอดติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกนั้น ทำให้ฉันคิดถึงลัคกี้สมัยที่ฉันยังรับจ้างทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งหนึ่ง สำนักงานเราเป็นบ้านเช่าที่อยู่ติดกับรั้วด้านหลังของบ้านสวนกว้างใหญ่ เจ้าของบ้านสวนก็คือเจ้าของบ้านเช่า รวมทั้งหอพักปากซอย ร้านค้าและตึกแถวใหญ่ในตลาด แถมที่ดินจัดสรรอีกหลายแห่งคุณนายเจ้าของบ้านเช่ามีลูกสาวทำงานอยู่ต่างประเทศ ครั้งหนึ่งลูกสาวกลับมาเยี่ยมบ้านพร้อมกับซื้อลัคกี้มาฝากแม่  เราเห็นหมาตัวโตขนยาวขาวสะอาดนั่งชูคอในรถยนต์ไปไหนๆ กับคุณนาย ที่ชอบใจนักเวลามีคนชมความสวยสง่าของลัคกี้ แล้วเธอก็จะคุยให้ใครๆ ฟังถึงลูกสาวคนเก่ง ลัคกี้ร่าเริงและชอบอยู่ใกล้ๆ คน…
มูน
จับเจ่ารอรถอยู่ที่สถานีขนส่งเมืองอุบลฯ ลมปลายเดือนตุลาคมพัดมาในช่วงค่ำทำให้ต้องนั่งกอดอก กำลังเกือบสัปหงกเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครบางคนมายืนเกือบชิดหัวเข่าโงหัวขึ้นเจอกับดวงตากลมใสคู่หนึ่ง กำลังจ้องมองฉันอยู่อย่างคาดหวังเรามองตากันอยู่เงียบๆ ฉันพินิจลักษณะของเธอแล้วเดาว่า น่าจะกำลังเป็นแม่ลูกอ่อน ด้วยว่าเต้านมที่หย่อนยานนั้นดูอวบเต่ง แต่รูปร่างที่ผอมเกร็งก็บอกว่า อาการการกินคงไม่บริบูรณ์เท่าไร อาจจะถึงขั้นขาดแคลนเสียด้วยซ้ำ “หิวเหรอจ๊ะ” ฉันถามเบาๆ ไม่มีเสียงจากเธอ แต่มีคำตอบอยู่ในแววตาละห้อยคู่นั้นฉันเหลียวซ้ายแลขวาไปทั่วท่ารถที่ค่อนข้างเงียบเหงา รถโดยสารที่แล่นระหว่างอำเภอหมดไปนานแล้ว…