Skip to main content

ฝนเทลงมาเหมือนฟ้ารั่ว


ฉันยืนหัวเปียกอยู่ริมถนน มองระดับน้ำที่เอ่อขึ้นมาจนปริ่มขอบทางเท้า ถอนใจอย่างหมดหวังที่จะฝ่าการจราจรอัมพาตไปให้ถึงขนส่งสายใต้ รถบขส.กรุงเทพ-ด่านช้าง สายเดียวที่ฉันสามารถโดยสารกลับไปบ้านสี่ขาหมดไปนานแล้ว เป็นอันว่าคืนนี้ฉันต้องกลายเป็นนกขมิ้นเหลืองอ่อนหาที่นอนในเมืองกรุง


ฝนเอยทำไมจึงตก ฝนเอยทำไมจึงตก จำเป็นต้องตกเพราะว่ากบมันร้อง”

ฉันฮัมเพลงสลับจามไปเรื่อยๆ อากาศชื้นเย็นแต่รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวและปวดขมับตุบๆ

กบเอยทำไมจึงร้อง กบเอยทำไมจึงร้อง จำเป็นต้องร้องเพราะว่าท้องมันปวด”


รถประจำทางคลานผ่านไปช้าๆ ใบหน้าเหน็ดเหนื่อยของผู้คนที่เบียดเสียดกันอยู่ในนั้นชวนให้นึกถึงความอึดอัด อบอ้าว ผสานกับกลิ่นเหงื่อไคลในรถที่ปิดทั้งประตูหน้าต่าง ประสบการณ์เป็นลมบนรถคราวก่อนทำให้ฉันขยาดที่จะขึ้นไปทรมานตัวเอง


แต่การนั่งจับเจ่าอยู่บนรถสักคันคงดีกว่ายืนหนาวฝนอยู่ริมถนนมืดเปลี่ยว คำนวณเงินในกระเป๋าแล้วจึงตัดสินใจโบกรถแท็กซี่ สามคันแรกส่ายหน้าเมื่อฉันบอกปลายทาง


ความจริงผมไม่อยากไปหรอกนะเส้นนั้น” คนขับคันที่สี่พูดเมื่อรับฉันขึ้นไปนั่ง “รถติดบรรลัย ผมเพิ่งจะหลุดมาหยกๆ”

แล้วทำไมถึงยอมไปล่ะคะ”

อ้าว ไม่งั้นเมื่อไหร่คุณจะได้ไปล่ะ” เขาย้อนห้วนๆ แต่มีน้ำใจอยู่ในถ้อยคำ

ฉันขยับเข้ามุม นึกอยากได้ผ้าห่มสักผืน แต่พยายามจะไม่หลับในรถแท็กซี่

รถนี่ใช้แก๊สคงไม่แย่เท่าใช้น้ำมันใช่ไหม” ฉันชวนคุยแก้ง่วง

โอย ค่าแก๊สไม่ขึ้น แต่ค่าข้าวแกงขึ้นนี่ครับ ตอนบ่ายผมเพิ่งกินข้าวมันไก่จานละสามสิบ มีข้าวอยู่ทัพพีนึงมั้ง กินก็ไม่อิ่มต้องต่ออีกจานเป็นหกสิบ วันหนึ่งถ้ากินนอกบ้านสามมื้อก็เกือบสองร้อยเข้าไปแล้ว ทุกวันนี้ผมซื้อข้าวสารโลละสี่สิบสองแล้วนะคุณ”


สำเนียงคุ้นๆ ของคนขับทำให้ฉันถามว่า “โชเฟอร์คนที่ไหนคะ”

ผมคนนครสวรรค์ อยู่ท่าตะโก”

ว้าว เหรอคะ” ฉันรู้สึกอุ่นใจคล้ายๆ เจอญาติ “นี่คนปากน้ำโพนะ”

อ้าว คนบ้านใกล้กันเหรอเนี่ย ดีๆๆ ปากน้ำโพผมไปบ่อย” คราวนี้เขาหัวเราะ

แล้วที่บ้านทำอะไรคะ ขอโทษ ทำไมมาขับแท็กซี่ อยู่ท่าตะโกไม่ดีเหรอ”

เมื่อก่อนผมก็ทำไร่ ข้าวโพดบ้างถั่วบ้าง ที่ดินผมก็มีนะ พ่อแม่แบ่งให้ก่อนตายคนละไร่สองไร่ แต่ผมยกให้พี่ชายไปหมด เพราะทำไปก็ไม่พอกิน”


แล้วมาอยู่ที่นี่ดีกว่าเหรอ”

มาขับรถกรุงเทพฯ ดีไม่ดีก็ยังพอมีกิน พอมีหนี้มีสินติดตัว”เขาหัวเราะอีก

สมัยนี้มีสักกี่คนกันที่ไม่มีหนี้” พูดไปใจก็นึกถึงตัวเลขเงินกู้ในธนาคาร

อย่างน้อยก็ลูกผมคนนึงละ เอ๊ะ แต่ต่อไปก็ไม่แน่” เขาพูดแบบไม่ร้อนอกร้อนใจ


แล้วกลับไปบ้านเดิมบ้างไหมคะ”

กลับสิครับ ญาติพี่น้องก็อยู่ สงกรานต์ปีใหม่ บางทีเข้าพรรษาก็กลับ”

กลับรถนี่เหรอ”

ก็คันนี้แหละ ค่าแก๊สมันก็พอสู้ เมียกับลูกอีกสองคน ไปกลับสี่คนแค่ค่ารถทัวร์ก็ไม่ไหวแล้ว”

แล้วนี่ขับรถกะกลางคืนใช่ไหมคะ” ตัวเลขนาฬิกาในรถเขาบอกเวลาสองทุ่มเศษ

ผมมันคนไม่มีกะ ทำงานไม่เป็นเวล่ำเวลา ตื่นก็ขับ หลับก็จอด”


ฝนแรงขึ้นอีกครั้งจนได้ยินเสียงเม็ดฝนกระทบหลังคารถ ฉันนึกถึงเสียงกราวๆ ยามฝนหล่นบนหลังคาสังกะสีที่บ้านนอก


ถ้าน้ำท่วมกรุงเทพฯ จริงๆ โชเฟอร์จะทำยังไงคะ คงขับรถลำบากเนาะ”

โอ๊ย ถ้าน้ำท่วม ผมก็ออกเรือหางยาวแทนสิ จะไปกลุ้มทำไม ชีวิตมันมีทางออกเสมอแหละ ไม่ได้มีไว้ให้นั่งกลุ้ม”


ต้นไม้ที่ยืนอยู่ริมถนนเปียกฝนจนใบลู่ลง อยู่ๆ ฉันก็คิดถึงต้นมะม่วงที่บ้าน

มะม่วงต้นใหญ่ที่บ้านนะ อยู่ๆ มันก็ผุ พอพายุฝนมาก็โค่นเลย น่าเสียดายจริงๆ”

ไม่มีอะไรเสียเปล่าหรอกคุณ เสียไอ้นั่นก็ต้องได้ไอ้นี่ คุณเคยกินไหม เหมือนเห็ดนางฟ้าแต่ดอกเล็กๆ เขาเรียกเห็ดขอนขาว ขึ้นกับไม้มะม่วงผุๆ นี่แหละ หรือถ้ามีปลวกขึ้นต่อไป คุณก็อาจจะได้กินเห็ดปลวก ที่เขาเรียกเห็ดโคนไง แม่ผมแกงเห็ดโคนสุดยอดเลย”

ที่บ้านก็มีจอมปลวกนะ แต่ไม่เห็นมีเห็ดโคนสักดอก ในตลาดก็ไม่มี”

มันของธรรมชาติให้มา ถึงได้หากินยาก ต่อไปจะมีให้กินไหมก็ไม่รู้ คุณเอ๊ย โลกมันร้อนขึ้นทุกวัน” เขาพูดอย่างคนที่สนใจข่าวสารรอบตัวมากกว่าการทำมาหากินเพียงอย่างเดียว

 

ใต้ชายคาร้านค้าที่ปิดแล้วร้านหนึ่ง ฉันเห็นคนนั่งกอดเข่าหลบฝน ข้างตัวเขามีหาบที่ใส่เขียงไม้ขนาดต่างๆ ดูผิดที่ผิดทางเมื่ออยู่บนถนนสายที่เต็มไปด้วยร้านสินค้าฟุ่มเฟือย

เขาจะขายได้วันละเท่าไหร่นะ เขียงไม่ใช่ของที่ต้องซื้อทุกวันสักหน่อย” ฉันรำพึงดังๆ

ก็ไม่แน่ อาจมีคนซื้อทุกวันก็ได้” เสียงคนขับบอกให้รู้ว่าเขาก็มองเห็นภาพเดียวกัน “เขียงสมัยนี้มันทนที่ไหนล่ะ แผ่นบางๆ เจออีโต้สับลงไปก็แตกแล้ว ใช้ไม้แผ่นๆ มันไม่ทน มันต้องเขียงแบบตัดขวางลำต้น แล้วก็ต้องไม้มะขามนะ เขียงดีๆ บางทีใช้จนลูกโตโน่นเลย”


มีเขียงใหญ่ในครัวของคุณยาย ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเห็นคุณยายเปลี่ยนเขียง หั่นเนื้อ สับหมู ขูดปลา ซอยหอม ทุบกระเทียม แถมเวลาโม่แป้งทำขนม คุณยายก็ยังใช้เขียงอันนั้นทับน้ำแป้งอีกด้วย ฉันเพิ่งนึกได้ว่า เขียงดีก็มีส่วนทำให้อาหารอร่อย


คิดถึงคุณยาย คิดถึงกับข้าวของคุณยาย แล้วก็คิดถึงชีวิตวุ่นวายที่ไม่มีโอกาสแตะต้องเขียงในครัวมานานนักหนา


ไม่ได้ทำกับข้าวเองเลย ป่านนี้สงสัยเขียงผุ ขึ้นราหมดแล้วมั้ง”

เขียงผุๆ ขึ้นรา อย่าไปทิ้งนะคุณ ปล่อยไว้ เผื่อจะได้กินเห็ด” เสียงกลั้วหัวเราะบอกให้รู้ว่าพูดเล่น

นั่นสิ ไม่มีเห็ดโคน ก็อาจมีเห็ดเขียง” ฉันรับมุข แล้วคนขับกับผู้โดยสารก็หัวเราะด้วยกัน


ฝนยังคงตกหนักจนมองเห็นแต่แสงสีแดงพร่าๆ จากไฟท้ายของรถคันหน้า น้ำเอ่อท่วมถนนจนดูเหมือนเรากำลังนั่งอยู่ในเรือ ฉันรู้สึกรื่นรมย์กับเสียงหัวเราะในรถแท็กซี่ บางทีกำลังใจก็หาได้ง่ายๆ จากคนแปลกหน้า


ใช่แล้ว ชีวิตไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม!

 

บล็อกของ มูน

มูน
เพื่อนคนหนึ่งของฉันเพิ่งจากไปในเช้าวันนี้แสงแดดเจิดจ้าของเดือนเมษายนแตะแต้มกลีบบางของดอกดาวกระจายสีชมพู ใกล้ๆ กันเป็นกระถางของเดซี่น้อย ที่กำลังแย้มยิ้มอย่างไร้เดียงสา อวดเกสรสีเหลืองแจ่มใสกับกลีบเล็กสีขาวที่กระจายอยู่รายรอบ“ชอบดอกไม้ไหมจ๊ะ ขนดอกไม้ไปปลูกกันเถอะ” นึกถึงเสียงใสของเธอเมื่อสองเดือนก่อน ตามด้วยคำหยอกเย้าเคล้าเสียงหัวเราะ “หรือชอบเลี้ยงแต่แมวๆ หมาๆ”เธอยิ้มแย้มอยู่ในกระโปรงยาวกรุยกราย เข้ากับผ้าคลุมไหล่สีสวยมีดอกไม้มากมายถูกทิ้งไว้หลังการจัดงานนิทรรศการแห่งหนึ่ง บางส่วนอยู่ในกระถาง บางส่วนอยู่ในถุงดำ คนงานกำลังรื้อถอนส่วนต่างๆ ของงาน บรรดาดอกไม้ประดับถูกขนมากองสุมไว้ด้านนอก“…
มูน
  ไม่สบายกายและใจอยู่หลายวัน พอเรี่ยวแรงคืนมา ฉันก็คว้าจักรยานยนต์คันเก่า ขี่โกรกเกรกกึงกังไปตลาดใหญ่ที่ไกลจากบ้านราวสิบกิโลเมตร รู้สึกสังขารตัวเองใกล้เคียงกับรถ คือมีอะไรสักอย่าง (หรือหลายอย่าง) ที่ไม่ค่อยเข้าที่เข้าทางนักพอพ้นจากทางดินเป็นถนนลาดยาง รถก็แล่นฉิว ลมพัดพรูจนผมปลิวกระจาย (นึกไปเองว่า) คล้ายๆ โฆษณาแชมพูสระผม ฝนที่ตกหนักไปเมื่อคืนวานทำให้อากาศสดแจ่ม ฟ้าใสกระจ่าง แซงแซวหางปลาเกาะอยู่บนกิ่งประดู่ข้างทาง ในทุ่งที่น้ำเจิ่งนองมีนกกระยางเดินท่องน้ำจ๋อมๆ อยู่หลายตัวลมพัดเสื้อคลุมสะบัดพึ่บพั่บ ชายเสื้อปลิวอยู่ด้านหลัง รู้สึกเริงรื่นจนต้องร้องเพลงดังๆ ตามจังหวะกึงกังของรถ "…
มูน
ฉันกำลังแบกเป้เดินทางรับจ้างทำงานอยู่แถวภาคเหนือ ในช่วงเวลาที่บรรยากาศเริงรื่นยังคงรวยรินแม้จะเลยปีใหม่ไปแล้วหลายวัน คนที่ไม่มีงานประจำ แต่มีรายจ่ายเรียงรายรอคอยอยู่ทุกเดือนอย่างฉัน ไม่มีเวลานั่งอยู่เฉย (ถึงแม้จะอยากนั่ง) ใครจ้างมา ฉันก็ไป เหมือนมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ไม่เกี่ยงระยะทางและผู้โดยสารใกล้เที่ยงคืนที่วางเป้ลงอย่างอ่อนแรงในห้องพักเล็กๆ ควักสมุดบันทึกขึ้นมาคำนวณรายจ่ายและแผนการเดินทางในวันถัดไป ใจคิดล่วงหน้าถึงวันกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังแผ่วๆ มาจากกระเป๋าข้างเตียง ............นานหลายปีมาแล้วที่ฉันรู้สึกว่าเทศกาลปีใหม่ไม่ใช่เวลาของความบันเทิงใจ ปีใหม่ในวัยเยาว์ครั้งหนึ่ง…
มูน
สายหมอกสีขาวนุ่มห่มคลุมยอดดอย ในเช้าที่ฉันนั่งรถเข้าหมู่บ้าน ไร่ยาสูบและไร่ข้าวโพดสองข้างทางดูเลือนลางอยู่ในแสงสลัวของดวงตะวัน ที่พยายามแทรกผ่านลมหนาวอย่างสุดความสามารถ“หนาวไหม หนาวเนาะ” พ่อเฒ่าสวมหมวกไหมพรมสีแดงทักถาม ฉันกอดอกแน่น ได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก เพราะหนาวจนพูดไม่ออก ควันกรุ่นสีขาวพรูออกทางจมูกเหมือนลมหายใจมังกรไฟในนิทาน คนที่เคยชวนฉันมาเมืองพร้าวไม่เคยเล่าว่าบ้านเกิดของเธอหนาวขนาดนี้สำหรับบางคน ความทรงจำอาจอบอุ่นตลอดกาล แมวลายสามตัวที่นอนอาบแดดกลางลานบ้านวิ่งกันกระจายเมื่อเห็นคนแปลกหน้า เหลือแมวอ้วนสีส้มหมอบอยู่บนอานรถเครื่องคันเก่า “ขอถ่ายรูปหน่อย อยู่นิ่งๆ นะ มือใหม่หัดถ่ายนะ…
มูน
สีสันสดใสในเทศกาลส่งท้ายปี เป็นสัญญาณของการสิ้นสุดและเริ่มต้นใหม่ เพื่อนบ้านคนหนึ่งติดกระดาษริ้วสีทอง เขียนว่า HAPPY NEW YEAR 2008 ไว้เหนือประตูบ้าน อีกหลังติดไฟกระพริบ สลับกันวิบวับตรงนั้นตรงนี้ เพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งยื่นเค้กช็อคโกแลตให้ แล้วบอกว่า สวัสดีปีใหม่ คิดอะไรขอให้สมปรารถนาฉันยิ้มกับคำอวยพร ถามตัวเองเล่นๆ ในใจว่าปรารถนาอะไรบ้าง โอ้ ช่างมากมายจนน่าอายตัวเอง หนึ่งในความปรารถนาที่ฉันคิดเสมอมาเมื่อถึงวันปีใหม่ คือขอให้ยายได้พบกับป่องหยอด................ความจริงยายไม่ได้เป็นแค่ยาย ยายเคยเป็นแม่ แต่เมื่อลูกสาวคนเดียวของยายตายไป และยายไม่มีญาติที่ไหนอีก…
มูน
เสียงรถมาจอดหน้าบ้าน โต๋เต๋ชันคอขึ้นเป็นครั้งแรกของวัน มันลุกพรวดพราดไปดู สักพักก็เดินหูลู่หางตก กลับมานอนหมอบเป็นรูปปั้นหมาตรงที่เดิม ท่าทางหมกมุ่นหงอยเหงาราวกับคนอมทุกข์ฉันไม่รู้จะช่วยมันได้อย่างไร บางทีก็ไม่อาจมีใครแทนใครได้นึกย้อนไปถึงค่ำวันหนึ่งที่ฉันลงรถประจำทางใกล้แยกบางใหญ่ กำลังสำรวจสภาพกระดูกกระเดี้ยวที่ถูกเบียดเสียดบนรถมานานนับชั่วโมง หางตาก็เห็นอะไรแวบๆ จุดดำๆ เคลื่อนมาตามแนวถนน รถยนต์ก็ไม่ใช่ มอเตอร์ไซค์ก็ไม่เชิง ใกล้เข้ามาถึงเห็นเป็นหมาสีเข้มๆ ตัวหนึ่งกำลังวิ่งสุดฝีเท้าแทบจะแข่งกับรถที่แล่นอยู่บนถนนฉันพยายามมองว่ามันวิ่งตามอะไร เพราะวิ่งแบบนี้ไม่ใช่วิ่งเล่นแน่ๆ…
มูน
แสงแดดอ่อนๆ ในฤดูหนาว ที่ส่องเข้ามาอาบขนนุ่มละเอียดของแมวข้างหน้าต่าง ทำให้ฉันคิดถึงเด็กคนหนึ่งและความสุขที่ยังคงอุ่นอยู่ในใจเสมอมาหลังเรียนจบ ฉันทำงานพัฒนาชนบทอยู่ที่เมืองโคราช และได้พบกับจ่อย เด็กน้อยวัยสี่ขวบในศูนย์บริบาลเด็กขาดสารอาหารของโรงพยาบาลประจำอำเภอ จ่อยเคยเป็นเด็กขาดอาหารระดับรุนแรง หลังจากรับการรักษาฟื้นฟูจึงเริ่มเดินได้เมื่ออายุราวสามขวบ และเป็นเด็กที่ช่างจดจำอย่างน่าอัศจรรย์ สามารถเรียกชื่อเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคนที่รู้จักได้ไม่พลาด ขอแค่ได้ฟังเสียง หรือใช้มือป้อมๆ ลูบคิ้วคางปากจมูกของคนนั้น หลังโรงพยาบาลเป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ…
มูน
“ชีวิตดังตัวคนเดียว ท่ามกลางทะเลเปลี่ยว ต้องลอยคว้างกลางลมคลื่นหลับใหลไม่เคยเต็มตื่น ข้าวกลืนไม่เคยอิ่ม โอ้ รอยยิ้มไม่เคยได้” เสียงเพลง “ชีวิตคนเศร้า” ของทูล ทองใจ ทำให้ฉันนึกถึงพ่อ และท่อนหนึ่งของเพลงที่พ่อมักร้องซ้ำไปซ้ำมาไม่เคยจบสักทีพ่อหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านปู่ตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบ ทิ้งผืนนาไปตามหาความฝันของวัยหนุ่ม แต่ดูเหมือนว่าพ่อใช้เวลาตามหาตลอดชีวิต และพบเพียงความฝันที่แหว่งวิ่น ความทรงจำของฉันเกี่ยวกับพ่อ เหมือนชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจาย แต่ทุกชิ้นชัดเจน และไม่เคยสักครั้งที่ฉันคิดจะลืมตอนที่ฉันอายุราวๆ ห้าหกขวบ พ่อพาไปดูหนังอินเดียเรื่อง “โชเล่ย์” ที่โรงหนังประชาบดี…
มูน
ใกล้บ้านเช่าหลังเก่าของฉันที่ขอนแก่น มีวัดป่าแห่งหนึ่งร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ฉันชอบไปเดินเล่นดูโบสถ์เก่าแก่คร่ำคร่าเต็มไปด้วยรอยตะไคร่ ไปนั่งฟังเสียงลมพัดใบไม้ และนั่งเล่นริมบึงกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลา เป็นวัดที่ให้บรรยากาศสงบงามสมกับเป็นสถานที่สำหรับ "หนีร้อนมาพึ่งเย็น" จริงๆ แต่ฉันไม่เคยเห็นวัดไหนเต็มไปด้วยไก่เท่าวัดนี้ ไก่หลากสีหลายขนาดเดินกันขวักไขว่ นับคร่าวๆ ได้สักหกหรือเจ็ดสิบตัว หลายตัวบินขึ้นไปเกาะอยู่บนกิ่งเตี้ยๆ ของต้นก้ามปูใหญ่ เจ้าอาวาสบอกว่า คนแถบนี้นิยมปล่อยไก่เป็นการสะเดาะเคราะห์อย่างหนึ่ง"สมัยก่อนเขาต้องตัดหางด้วยนะ ที่เรียกว่าตัดหางปล่อยวัดไงล่ะ" ฉันถามถึงจำนวนไก่…
มูน
ลมหนาวพัดฟางหลังเก็บเกี่ยวปลิวว่อนกลางทุ่ง หลายบ้านเตรียมโกยฟางมัดเป็นท่อนเก็บไว้ให้วัวควายในหน้าแล้ง นึกเล่นๆ ว่าถ้าคนเรากินแค่หญ้าก็คงจะดี ไม่ต้องมีกิเลสอยากกินนั่นนี่ให้เดือดร้อนไปถึงพืชและสัตว์อีกมากมาย ที่ต้องถูกไล่ล่าบ้าง ถูกบังคับให้โตผิดธรรมชาติบ้าง ถูกเปลี่ยนนั่นแปลงนี่ให้ถูกใจคนจนวุ่นวายไปทั้งโลก เข้าทำนองเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว (ว่าเข้าไปนั่น)คิดจนหิว จึงหันไปเปิดตู้กับข้าว อะไรกันนี่ ช่างโล่งดีแท้ๆ มีแต่ถ้วยน้ำปลาพริกขี้หนู อ้อ มีปลาทู(แย่งแมวมา)หนึ่งตัว ทำปลาทูต้มน้ำปลาดีกว่า ทำง้ายง่าย แล้วก็อร้อย อร่อย ตั้งน้ำให้เดือดพลั่กๆ ใส่ปลาทู เหยาะน้ำปลาพริกขี้หนู บีบมะนาว…
มูน
หมาขนฟูสีขาวในรถยนต์คันใหญ่ที่จอดติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกนั้น ทำให้ฉันคิดถึงลัคกี้สมัยที่ฉันยังรับจ้างทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งหนึ่ง สำนักงานเราเป็นบ้านเช่าที่อยู่ติดกับรั้วด้านหลังของบ้านสวนกว้างใหญ่ เจ้าของบ้านสวนก็คือเจ้าของบ้านเช่า รวมทั้งหอพักปากซอย ร้านค้าและตึกแถวใหญ่ในตลาด แถมที่ดินจัดสรรอีกหลายแห่งคุณนายเจ้าของบ้านเช่ามีลูกสาวทำงานอยู่ต่างประเทศ ครั้งหนึ่งลูกสาวกลับมาเยี่ยมบ้านพร้อมกับซื้อลัคกี้มาฝากแม่  เราเห็นหมาตัวโตขนยาวขาวสะอาดนั่งชูคอในรถยนต์ไปไหนๆ กับคุณนาย ที่ชอบใจนักเวลามีคนชมความสวยสง่าของลัคกี้ แล้วเธอก็จะคุยให้ใครๆ ฟังถึงลูกสาวคนเก่ง ลัคกี้ร่าเริงและชอบอยู่ใกล้ๆ คน…
มูน
จับเจ่ารอรถอยู่ที่สถานีขนส่งเมืองอุบลฯ ลมปลายเดือนตุลาคมพัดมาในช่วงค่ำทำให้ต้องนั่งกอดอก กำลังเกือบสัปหงกเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครบางคนมายืนเกือบชิดหัวเข่าโงหัวขึ้นเจอกับดวงตากลมใสคู่หนึ่ง กำลังจ้องมองฉันอยู่อย่างคาดหวังเรามองตากันอยู่เงียบๆ ฉันพินิจลักษณะของเธอแล้วเดาว่า น่าจะกำลังเป็นแม่ลูกอ่อน ด้วยว่าเต้านมที่หย่อนยานนั้นดูอวบเต่ง แต่รูปร่างที่ผอมเกร็งก็บอกว่า อาการการกินคงไม่บริบูรณ์เท่าไร อาจจะถึงขั้นขาดแคลนเสียด้วยซ้ำ “หิวเหรอจ๊ะ” ฉันถามเบาๆ ไม่มีเสียงจากเธอ แต่มีคำตอบอยู่ในแววตาละห้อยคู่นั้นฉันเหลียวซ้ายแลขวาไปทั่วท่ารถที่ค่อนข้างเงียบเหงา รถโดยสารที่แล่นระหว่างอำเภอหมดไปนานแล้ว…