Skip to main content

ตั้งแต่เขียนคอลัมน์ “บ้านบรรทัดห้าเส้น” แบบขาดๆ หายๆ มาได้หลายปีนั้น มีบทความแบบหนึ่งที่ผมพยายามเขียนมามากครั้ง...แล้วก็เขียนไม่ค่อยได้สักที


บทความประเภทที่ว่าก็คือรายงานคอนเสิร์ตนั่นเอง


ด้วยความที่ผมมักหาเรื่องไปดูคอนเสิร์ตทั้งฟรี และไม่ฟรีอยู่เสมอๆ นัยว่าเพื่อเป็นการหาประสบการณ์ทางดนตรี เพื่อเพิ่มพูนความรู้เรื่องดนตรีไปด้วย (...ข้ออ้างดังกล่าวฟังดูสวยหรูนะครับ แต่มันเป็นเหตุผลที่ผมจะเก็บเอาไว้อธิบายให้แฟนตัวเองเข้าใจ เวลาที่เธอบ่นถึงราคาบัตรคอนเสิร์ตที่ผมจ่ายไปในแต่ละเดือน)


พอได้ดูคอนเสิร์ตแต่ละครั้ง แล้วได้เจออะไรดีๆ ก็อยากจะเอามาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟัง แต่พอจะเริ่มต้นเขียน อาการขี้เกียจผสมกับการไม่รู้จะเริ่มเล่าจากตรงไหนดี... ซึ่งกว่าจะแก้ปัญหาพรรค์นี้ไปได้ คอนเสิร์ตนั้นก็ผ่านไปเนิ่นนานจนมันไม่น่าสนใจแล้ว


นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งของความพยายาม ที่ถ้าคุณได้อ่านบทความชิ้นนี้ ก็หมายความว่าผมประสบความสำเร็จในการเขียนรายงานคอนเสิร์ตเสียที


คอนเสิร์ตที่ผมจะมาเล่าให้คุณฟังก็คือคอนเสิร์ต “เพลงแบบประภาส” นั่นเองครับ


 

24_07_01


ถ้าพูดกันถึงนักแต่งเพลงที่มีฝีมือระดับต้นๆ ของไทย ชื่อของพี่จิก - ประภาส ชลศรานนท์คงเป็นชื่อแรกๆ ที่หลายคนคิดถึง ด้วยลีลาการเขียนเพลงที่มีมุมให้คิด ผ่านเนื้อเพลงที่ดูเหมือนจะง่ายๆ ก็ถ้าขบเนื้อเพลงสักนิดจะรู้ว่าคนเขียนไม่ได้คิดเพลงแบบนี้ขึ้นมาง่ายๆ เลย และในขณะที่เขาสามารถแต่งเพลงเนื้อหาชวนคิดอย่างเพลงส่วนใหญ่ของเฉลียง แต่เขาก็สามารถแต่งเพลงโจ๊ะๆ แบบงานของสามโทน หรือเพลงจิ๊กโก๋อกหักอย่าง “ฟั่นเฟือน” ของพี่อ๊อฟ – พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจงได้ดีเสียอีก


การรวมเพลงของพี่จิกมาอยู่บนเวทีเดียวกัน โดยได้นักร้องเสียงดีๆ อย่างคุณเจนนิเฟอร์ คิ้ม, พี่ป้าง – นครินทร์ กิ่งศักดิ์, วง DooBaDoo (ถ้าจำไม่ผิด คุณโอ๋ – เจษฎา สุขทรามร รับหน้าที่เป็น Music Director ของคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วย), คุณปาน – ธนพร แวกประยูร และคุณบี – พีระพัฒน์ เถรว่อง (ที่เรารู้จักในนามของบี เครสเซนโด้นั่นแหละ) รวมถึงวงดนตรีคู่บุญอย่างสามโทน และเฉลียง (แม้จะไม่ครบวงเหมือนคราวคอนเสิร์ต “เหตุเกิดที่เฉลียง” เมื่อปีที่แล้ว แต่ก็พอคลายความคิดถึงกันได้) ซึ่งนักร้องทุกคนก็ทำหน้าที่ได้ดีตามมาตรฐาน


แต่ที่ค่อนข้างสร้างความประหลาดใจกับผม คือคุณปานครับ


เพราะโดยปกติเวลาฟังคุณปานร้องเพลงของเธอเอง ผมจะสัมผัสถึงรังสีอำมหิตออกมาจากเพลงของเธอเลย (ฮา...) อาจจะเป็นเพราะเนื้อหาเพลงของคุณปานเธอค่อนข้างเชือดเฉือนผู้ชายไม่น้อย (บางอารมณ์ผมเรียกเพลงของคุณปานเป็นเพลงประเภท “บู๊ล้างผลาญ” ซะงั้น) แต่พอได้ฟังเธอร้องเพลง “พี่ชายที่แสนดี” แล้วก็พบว่าเธอร้องเพลงนี้ได้หวานและอบอุ่น จนลืมภาพเธอกับเพลงบู๊ๆ ไปชั่วขณะ พร้อมๆ กับที่ผมนึกในใจว่า “ทำไมปานไม่ร้องแบบนี้ตั้งนานแล้วว้า...”


และที่น่าจดจำมากๆ เช่นกัน คือแขกรับเชิญที่ไม่ได้มีรายชื่ออยู่ในโปสเตอร์ อย่างเช่นคุณเพลิน พรหมแดนที่เอาเพลง “อยากมีหมอน” ของเฉลียงมาทำเป็นสไตล์เพลงพูดที่คุณอาเพลินถนัด/ ซึ่งก็เรียกเสียงเฮจากแฟนเพลงได้ไม่น้อย หรือคุณอธิศรี สงเคราะห์ เจ้าของเสียงร้องเพลง “แก้วกัลยา” ที่เราคงได้ยินกันบ่อยๆ ในห้วงยามของการถวายอาลัยแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ก็มาในเพลง “ต้นชบากับคนตาบอด” ที่เสียงของเธอทำให้เราเชื่อว่าเธอเห็นความงามของต้นชบาต้นนั้นจริงๆ...แม้เธอจะไม่เห็นด้วยสายตาก็ตาม


แต่ที่ผมชอบที่สุด คือการตีความ “นิทานหิ่งห้อย” เป็นนิทานประกอบการบรรเลงเพลงโดยวงออร์เคสตราขนาดย่อมๆ ประกอบการเล่าโดยคุณบ๊อบบี้ – นิมิตร ลักษมีพงษ์ (ตัวนิทานแต่งโดยคุณบัวไร – หนึ่งในลูกศิษย์สำนักศิษย์สะดือของคุณประภาส) ที่แม้จะยังขาดๆ เกินๆ อยู่นิดหน่อย แต่ผมคิดว่านี่คือการสร้างสรรค์ “นิทานหิ่งห้อย” ที่ไปไกลที่สุดแล้ว


โดยรวม นี่คือคอนเสิร์ตหนี่งที่อิ่มใจมากๆ ทั้งในด้านของดนตรีที่เรียบเรียงอย่างประณีต นักร้องทุกคนทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม (รวมทั้งมุขเสี่ยงๆ ของสามโทนและเฉลียง ที่สะใจพระเดชพระคุณ แต่ไม่รู้ว่าผู้ชมระดับรัฐมนตรีที่ดูรอบเดียวกับผม แกจะสนุกด้วยหรือเปล่า :-P) แม้จะมีข้อติหนักๆ ตรงที่ประตูเวทีการแสดงเปิดเลทจากเวลาแสดงในบัตรไปพอสมควร...ถ้าเวิร์กพอยต์จะจัดคอนเสิร์ตอีกครั้ง คงต้องทำการบ้านเรื่องการจัดระเบียบหน้างานให้ดีกว่านี้ละครับ... ดีเกือบหมดแล้ว ขาดเรื่องนี้เท่านั้นเองแหละ


*******************************


...จริงๆ ผมตั้งใจจะจบบทความแค่นี้แหละครับ แต่พอกลับมาอ่านดู แล้วพบว่ามันเป็นบทความที่ห้วนเป็นบ้า ผมเลยพยายามหาข้อคิดคำคมเท่ห์ๆ ปิดท้ายบทความ แต่มันดูแล้วไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ ซ้ำมันจะดูเสร่อเกินงามไปนิด


เอาว่าสรุปง่ายๆ ว่า... ในที่สุด ผมก็เขียนบทความรีวิวคอนเสิร์ตสำเร็จได้เสียที”

จบแบบนี้เลยละกันครับ
:-P

 



ก่อนจะจบบทความคราวนี้ มีคอนเสิร์ตน่าสนใจ ในบัตรราคาถูก
(โคตร) มาแนะนำกันครับ


24_07_02


คอนเสิร์ตที่ว่าคืองาน “เทศกาลดนตรีออดิชั่นโคตรอินดี้” ที่จัดโดยกลุ่มดนตรี “โคตรอินดี้” – กลุ่มดนตรีอิสระจัดคอนเสิร์ตมาแล้วหลายครั้ง (ผลงานครั้งล่าสุดของกลุ่มนี้คือเทศกาลอัลเทอร์เนทีฟไทย ที่ได้ใจคนดูสุดๆ แต่รู้สึกว่าคนจัดจะได้หนี้ก้อนเบ้อเริ่มสุดๆ ไปเช่นกัน - -“) มาในคราวนี้จะมีคอนเสิร์ตที่เขาบอกว่าจะเป็นงานที่รวบรวมวงอินดี้มากที่สุดในไทย


ซึ่งก็คงจริงครับ เพราะงานนี้มีวงดนตรีเข้าร่วมถึง 150 วง ! ซึ่งก็มีตั้งแต่วงรุ่นใหม่ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในแวดวงอินดี้ – อันเดอกราวน์ อย่าง Tabasco (วงนี้เล่นเพลงร็อกที่ผสมจังหวะของ Disco...มันส์ครับ), Abuse The Youth (วงนี้มีคุณจุ – มือกลองที่เคยร่วมงานกับ Flure ในทัวร์คอนเสิร์ตในช่วงนึงเป็นสมาชิกอยู่แล้ว), Over Me (วงนี้เพิ่งได้รางวัลจากการประกวดดนตรีของนิตยสาร Music Express), Super Dr. K Fucking AV Idol All Stars ไปจนถึงวงชื่อประหลาดๆ ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน อย่าง เสียงจากความมืด, รถไฟเหาะ, ไข่ดาวหมูสับ ฯลฯ โดยมี Teddy Ska Band – วงเร็กเก้ – สกาฝีมือดีเป็นแขกรับเชิญครับ


งานนี้จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม นี้ ที่สนามม้านางเลิ้ง (พอผมได้ยินสถานที่ปั๊บ ผมคิดถึงบรรยากาศที่ทั้งมันส์ ทั้งโกลาหลของงาน Fat Festival ครั้งที่ 4 ขึ้นมาเลยแฮะ) ตั้งแต่เวลา 11.00 . เรื่อยไปจนถึงเที่ยงคืนบัตรราคา 99 บาท เท่านั้น ซื้อได้ที่หน้างานครับ



 

บล็อกของ เด็กใหม่ในเมือง

เด็กใหม่ในเมือง
คุณรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับข่าวการเมืองในตอนนี้บ้างหรือเปล่าครับ? เอาเข้าจริง ถ้าคุณเป็นคนปกติทั่วไป แม้ว่าจะสนใจการเมืองมากขนาดไหน แต่ถ้ารับปริมาณข่าวการเมืองจากหลากหลายฝ่ายถี่ๆ มันก็พาลจะเกิดอาการเอียน พาลให้ท้องเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว หรือหนักๆ เข้าอาจจะเล่นเอาอ้วกแตกเอาง่ายๆ (อันนี้ผมขอยกเว้นบรรดานักเสพติดการเมืองตามบรรดาเวบบอร์ดการเมืองต่างๆ นะ ไม่รู้ว่าพวกพี่แกกินอะไรกัน ถึงได้สนใจเรื่องพรรค์นี้กันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย) และด้วยภาวะการเมืองอันชวนพะอืดพะอมแบบนี้ อาจทำให้หลายๆ คนไม่มีอารมณ์จะสนใจเรื่องหนัง ละคร รวมถึงเรื่องบันเทิงเริงใจต่างๆ…
เด็กใหม่ในเมือง
ตั้งแต่เขียนคอลัมน์ “บ้านบรรทัดห้าเส้น” แบบขาดๆ หายๆ มาได้หลายปีนั้น มีบทความแบบหนึ่งที่ผมพยายามเขียนมามากครั้ง...แล้วก็เขียนไม่ค่อยได้สักที บทความประเภทที่ว่าก็คือรายงานคอนเสิร์ตนั่นเอง ด้วยความที่ผมมักหาเรื่องไปดูคอนเสิร์ตทั้งฟรี และไม่ฟรีอยู่เสมอๆ นัยว่าเพื่อเป็นการหาประสบการณ์ทางดนตรี เพื่อเพิ่มพูนความรู้เรื่องดนตรีไปด้วย (...ข้ออ้างดังกล่าวฟังดูสวยหรูนะครับ แต่มันเป็นเหตุผลที่ผมจะเก็บเอาไว้อธิบายให้แฟนตัวเองเข้าใจ เวลาที่เธอบ่นถึงราคาบัตรคอนเสิร์ตที่ผมจ่ายไปในแต่ละเดือน) พอได้ดูคอนเสิร์ตแต่ละครั้ง แล้วได้เจออะไรดีๆ ก็อยากจะเอามาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟัง แต่พอจะเริ่มต้นเขียน…
เด็กใหม่ในเมือง
แม้ว่าช่วงนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงตกต่ำของวงการดนตรีไทย ด้วยยอดขายของซีดีที่นับวันจะต่ำเตี้ยติดดินลงทุกที แต่ถ้าเรามองกันถึงเนื้องาน ในช่วงสี่เดือนแรกของปีนี้มีงานที่น่าสนใจออกมาหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็นงานของภูมิจิตที่ผมพูดไปถึงเมื่อคราวที่แล้ว, โปรเจ็กต์โฟล์คของคุณมาโนช พุฒตาลที่เริ่มต้นด้วยซิงเกิ้ล “อยู่อยุธยา” (ทั้งนี้ไม่นับรวมถึงงานที่ผมสนใจด้วยความลำเอียงล้วนๆ อย่างอัลบั้มใหม่ของโฟร์ – มด... แหม ก็น้องมดเขาน่ารักนี่ อิอิ...)รวมถึงงานชิ้นนี้ที่ผมจะพูดถึงในครั้งนี้ด้วยผมกำลังจะพูดถึงอัลบั้ม “ต้นฉบับเสียงหวาน” ของ “สวีทนุช” ครับ
เด็กใหม่ในเมือง
ในขณะที่ผมกำลังนั่งเขียนบทความชิ้นนี้ เราได้เห็นบรรดานักคว้าดาวปรากฏในหน้าจอของโมเดิร์นไนน์ทีวี และในอีกไม่นานก็คงถึงคราวของรายการ Academy Fantasia ที่จะกลับมาอยู่ในความสนใจกันอีกครั้งพูดถึงรายการเรียลิตี้โชว์ทั้ง 2 รายการที่ว่านั่น ดูจะเป็นเส้นทางลัดของบรรดา “นักล่าฝัน” หลายๆ คนที่หวังจะเข้าสู่วงการดนตรี ซึ่งดูจะเป็นเส้นทางที่คนจับจ้อง และหลายคนพร้อมจะกระโดดลงไปหามันมากที่สุด... แม้ในที่สุดเราจะได้เห็นว่า เอาเข้าจริงคนที่ถูกลืมจากเวทีเหล่านี้มีมากกว่าผู้ที่ได้รับชื่อเสียงหลายเท่านักแต่ในคราวนี้ ผมจะพูดถึงวงดนตรีวงหนึ่ง ที่เส้นทางการเดินทางของพวกเขาดูจะขรุขระ ไม่ได้มีสปอตไลท์สาดส่อง…
เด็กใหม่ในเมือง
จริงๆ แล้วผมตั้งใจจะประเดิมคอลัมน์ใหม่นี้ ด้วยการเขียนถึงหนังเรื่อง "รักแห่งสยาม" (ที่เขียนเสียช้าขนาดนี้ ก็เพราะผมเพิ่งได้ดูหนังเรื่องนี้จากรอบพิเศษที่ชาว pantip.com ร่วมกันจัดขึ้น) แต่ก็มีเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ผมเปลี่ยนใจกระทันหัน เหตุผลที่ว่านั่นก็คือการยุติรายการของคลื่นวิทยุ 99.5 The Radio ครับ ถ้าใครได้ติดตามแวดวงวิทยุในกรุงเทพฯ (หรือถ้าไม่ได้ตามในกรุงเทพฯ จะฟังวิทยุทางเนตก็เช่นกัน) รวมถึงเป็นนักฟังเพลงสากลอยู่บ้าง คงจะรู้จักรายการนี้ในฐานะที่เป็นแหล่งรวมนักจัดรายการระดับ "เทพ" ของวงการวิทยุเมืองไทย ตั้งแต่คุณหมึก - วิโรจน์ ควันธรรม, คุณมาโนช พุฒตาล, คุณเดือนเพ็ญ สีหรัตน์,ป้าแต๋ว - วาสนา…