Skip to main content

แม้ว่าช่วงนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงตกต่ำของวงการดนตรีไทย ด้วยยอดขายของซีดีที่นับวันจะต่ำเตี้ยติดดินลงทุกที แต่ถ้าเรามองกันถึงเนื้องาน ในช่วงสี่เดือนแรกของปีนี้มีงานที่น่าสนใจออกมาหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็นงานของภูมิจิตที่ผมพูดไปถึงเมื่อคราวที่แล้ว, โปรเจ็กต์โฟล์คของคุณมาโนช พุฒตาลที่เริ่มต้นด้วยซิงเกิ้ล “อยู่อยุธยา” (ทั้งนี้ไม่นับรวมถึงงานที่ผมสนใจด้วยความลำเอียงล้วนๆ อย่างอัลบั้มใหม่ของโฟร์ – มด... แหม ก็น้องมดเขาน่ารักนี่ อิอิ...)

รวมถึงงานชิ้นนี้ที่ผมจะพูดถึงในครั้งนี้ด้วย

ผมกำลังจะพูดถึงอัลบั้ม “ต้นฉบับเสียงหวาน” ของ “สวีทนุช” ครับ

20080527 sweetnuch

“สวีทนุช” คือนามแฝงของคุณวรนุช กนกากร อดีตนักร้องของช่อง 4 บางขุนพรหม, พรีเซ็นเตอร์สินค้าของอิตัลไทย, อดีตนักร้องโฟล์คซอง และในปัจจุบันเธอก็ยังคงทำหน้าที่เป็นนักร้องในวงดนตรีไทยของธนาคารออมสิน แต่ในครั้งนี้คือการออกอัลบั้มครั้งแรกของเธอ (ซึ่งทำให้บางคนแซวเล่นๆ ว่า เธอคือศิลปินหน้าใหม่ที่มีอายุมากที่สุดในวงการเพลงไทยในขณะนี้) ในขณะที่โปรดิวเซอร์ของอัลบั้มนี้คือคุณบรรณ สุวรรณโณชิน ศิลปินมากฝีมือที่มาพร้อมกับนักดนตรีฝีมือดีอย่างเช่นคุณโก้ – เศกพล อุ่นสำราญ ที่คราวนี้ไม่ได้มาเป็น Mr. Sax Man แต่หันมาจับคลาริเนตแทน, คุณสุวรรณ มโนษร – มือไวโอลินฝีมือดีระดับต้นๆ ของประเทศ และนักดนตรีฝีมือดีอีกมากมาย

อัลบั้มนี้เปิดด้วยเพลง “รักยุค Hi-Tech” ที่เรียกความสนใจได้ในแว่บแรกที่ได้ยิน ด้วยลีลาดนตรีที่พาให้เรานึกถึงยุคที่เวทีลีลาศสวนอัมพรและอาคารลุมพินีสถานยังเป็นสถานที่สุด Hip สำหรับนักเต้นเท้าไฟ แต่ในส่วนของเนื้อร้อง กลับเป็นแบบนี้

บนโลก Hi-Tech ทุกอย่างเล็กลง
แต่รักฉันคงยิ่งใหญ่เหมือนเดิม
อยากมี Hard Disk ลง Program เสริม เพิ่ม RAM
พร้อมแจ่มด้วยภาพของเธอที่ Desktop


หรือ

ส่ง SMS พิมพ์คำข้อความ
แนบคำนิยามที่สุดซึ้ง
เปิด Winamp ไว้ด้วยเพลงคิดถึง
อยากให้เธอซึ้ง กับความคิดถึง... ที่ฉันให้เธอ

ซึ่งเนื้อเพลงแบบนี้ดูจะเป็นของถนัดของคุณบรรณ ซึ่งเป็นคนลงมือแต่งเนื้อ – ทำนองเพลงนี้ (และทุกเพลงในอัลบั้ม) เพราะคุณบรรณถนัดในการเอาของที่ไม่น่าจะเป็นเนื้อเพลงมาทำให้เป็นเพลงได้ (ไม่ว่าจะเป็นชื่อนักฟุตบอลบราซิล, ชื่อสัตว์ เรื่อยไปจนถึงฉายาของทีมฟุตบอล รวมถึงถ้ามองย้อนไปในสมัยที่เขายังทำงานในชื่อ “มินต์กับแจ็ค” ในยุคอัลเทอร์ฯ รุ่งเรือง เขาก็เคยเอาชื่อเพลงของอัสนี –วสันต์ 50 กว่าเพลงมาต่อเป็นเพลงมาแล้ว) ซึ่งในคราวนี้ก็เอาบรรดาศัพท์เทคโนโลยีทั้งปวงมาใส่ในเพลงลูกกรุงซะงั้น ซึ่งก็ทำได้สะดุดหู และเรียกแขกได้อยู่หมัด (ล่าสุดที่ผมกำลังเขียนบทความอยู่ตอนนี้ เพลงนี้ก็ขึ้นอันดับ 1 ของคลื่น Seed 97.5 และกำลังไต่อันดับสูงในชาร์ตของ Fat Radio อยู่ด้วย)

แต่ก็ใช่ว่าอัลบั้มนี้จะมีไม่เด็ดเพียงแค่เพลงเปิดหัวเท่านั้น เพราะเพลงอื่นๆ ก็มีความเด่นตรงที่นำเสน่ห์แบบเพลงลูกกรุงรุ่นเก่ามานำเสนอได้อย่างน่ารักน่าหยิก ไม่ว่าจะเป็นลูกหยอกน่ารักๆ ใน “คำหยาบ” หรือจะเป็นเพลงหวานระดับ 2,000 กิโลแคลอรี่อย่าง “หลงมนต์” ที่ได้พี่จุ้ย – ศุ บุญเลี้ยงมาให้เสียงนุ่มๆ ประกบ เรื่อยไปจนถึงเพลงอย่าง “แจกันดอกไม้” ที่ฟังแล้วอดคิดถึงบรรยากาศแบบเพลง “จุดไต้ตำตอ” ของสุนทราภรณ์ ไม่ได้ (เพลงนี้คุณบรรณลงมือร้องคู่ด้วยตัวเอง)

นี่เป็นอัลบั้มที่จะฟังเอาเพราะ ก็ได้แน่ๆ จะฟังลวดลายทางดนตรีก็ยังได้ สำหรับนักเลงเครื่องเสียง อัลบั้มนี้ก็บันทึกเสียงได้สะอาดและได้อารมณ์สดฉ่ำดีนัก และสำหรับนักเลงการเมือง ทั้งฝ่ายทักกี้นิยม, ลิ้มนิยม เรื่อยไปจนถึงไม่นิยมมันทั้งคู่... อัลบั้มนี้เหมาะสำหรับฟังดับอาการท้องเฟ้อเรอเหม็นเปรี้ยว และอาการเสพติดการเมืองขึ้นสมองได้ดีนักแล

ของเขาดีจริงๆ ครับ

ปล. ถ้าอยากพิสูจน์มากกว่าที่ผมพูด ลองเข้าไปฟังเพลงตัวอย่างได้ที่ http://www.you2play.com/sweetnuj/song/ ครับ

บล็อกของ เด็กใหม่ในเมือง

เด็กใหม่ในเมือง
My Private Radio – รายการเพลงที่ผมมั่นใจว่าดีที่สุดในเว็บประชาไท (เพราะมันมีอยู่รายการเดียว :-P) กลับมาพบกับท่านอีกครั้งแล้วครับ
เด็กใหม่ในเมือง
มาล่าช้ากันสักนิดนึงนะครับสำหรับรายการวิทยุส่วนตัวของผม แต่มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มานะครับหวังว่ารายการนี้จะพอทำให้บรรยากาศอันดุเดือดในช่วงนี้เย็นๆ ลงมาบ้าง และรายการนี้... ไม่ว่าสีใด ก็ฟังกันได้สบายๆ...
เด็กใหม่ในเมือง
ตอนที่ผมกำลังทำรายการวิทยุออนไลน์เล็กๆ รายการนี้ เมื่อมองออกไปที่ท้องฟ้าแถวบ้าน ผมเห็นพระจันทร์ดวงโตสวยส่องสว่างอยู่... เลยอยากจะเลือกเพลงให้เข้ากับบรรยากาศในตอนนั้น พอเลือกเพลงได้ ก็เลยเอาเพลงที่เลือกมาเปิดให้คุณๆ ฟังกันนั่นแหละครับ       
เด็กใหม่ในเมือง
แม้ว่าในประชาไท รายการ My Private Radio จะเพิ่งได้มาโอกาสมาเปิดเพลงเพราะมั่ง ไม่เพราะมั่งให้กับคุณๆ ได้ฟังกันไม่นานนี้ แต่จริงๆ แล้ว ถ้านับตั้งแต่ที่ผมเริ่มทำรายการตอนแรกลงในเว็บไซต์ http://myprivateradio.ning.com แล้ว ตอนที่คุณได้ฟังอยู่ตอนนี้ นับเป็นตอนที่ 10 แล้วครับ   ในตอนนี้ ผมเลยตั้งโจทย์เล่นๆ ว่า ถ้าผมต้องเลือกเพลงทุกเพลงในรายการ ให้กับคนหลายๆ คน ตั้งแต่เพี่อนของผม เลยเถิดไปจนถึงทีมการท่าเรือไทย เอฟ ซี (!) ผมจะหยิบอะไรมาเปิดบ้าง
เด็กใหม่ในเมือง
 กลับมาอีกครั้งสำหรับรายการวิทยุส่วนตัวของผมครับ :-)ผมบันทึกเสียงรายการตอนนี้ในคืนวันวาเลนไทน์ เลยทำให้บรรยากาศของวันแห่งความรักเผลอตลบอบอวลเข้ามาในรายการด้วยตอนนี้เลยมีเพลงรักดีๆ ให้ฟังกันเยอะครับเชิญฟังกันได้เลยครับ  
เด็กใหม่ในเมือง
  กลับมาอีกครั้งกับรายการวิทยุส่วนตัวของผมครับ :-)   GT 200 กับเพลงโซล – ดิสโก้ ดูมันไม่เกี่ยวกันเลย แต่มันก็มาอยู่ในรายการนี้กันได้ซะงั้น   เชิญฟัง และติ-ชมกันได้ครับ       
เด็กใหม่ในเมือง
ผมกำลังสนุกกับของเล่นชิ้นใหม่อยู่ครับ... ของเล่นชิ้นที่ว่า คือการทำรายการวิทยุออนไลน์ของตัวเองครับ
เด็กใหม่ในเมือง
  ถ้าคุณผู้อ่านแวะเข้าห้องเฉลิมกรุงของเว็บไซต์ pantip.com (พันทิปไม่ได้มีแค่ห้องราชดำเนินนะครับพี่น้อง...) ซึ่งเป็นเวบบอร์ดที่พูดถึงแวดวงดนตรี ละครเวที และงานศิลปะอยู่เป็นประจำละก็ คุณคงจะรู้ว่าศิลปิน-นักร้องที่กำลังเป็นที่กล่าวขวัญถึงที่สุดในห้องเฉลิมกรุงในช่วงเดือน - สองเดือนที่ผ่านมานั้นเป็นใคร ถ้าคุณไม่ใช่เด็กห้องเหลิมกรุง คุณอาจจะเดาว่าเป็น Wonder Girls, Girl's Generation, ดงบังชินกิ, ซุปเปอร์จูเนียร์ หรือบรรดาบอยแบนด์ - เกิร์ลกรุ๊ปทั้งสัญชาติไทยและเกาหลี
เด็กใหม่ในเมือง
  มีตำนานกล่าวขานถึงเวทมนต์วิเศษที่จะทำให้คนธรรมดา เสียงไพเราะกว่าใครเริงระบำได้เหนือกว่าใคร
เด็กใหม่ในเมือง
ผมเริ่มนั่งเขียนบทความชิ้นนี้ ตอน 10 โมงกว่าๆ ของวันที่ 14 เมษายน 2552 หลังวันสุกดิบของการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ในหลายๆ จุดทั่วกรุงเทพฯที่จั่วหัวแบบนี้ ผมไม่ได้มาพูดเรื่องการเมืองหรอกครับ (ผมเขียนวัน-เวลาเอาไว้เพื่อเตือนความจำของตัวเองเท่านั้นแหละ)ผมจะมาเล่าเรื่องที่ทำงานประจำของผมให้คุณๆ ฟังครับ
เด็กใหม่ในเมือง
ผมขอเริ่มต้นบทความชิ้นนี้ ด้วยการย้อนระลึกถึงเมื่อครั้งที่ผมยังเป็นเด็กนักเรียนประถม ในยุคที่สถานีโทรทัศน์ทุกแห่งในประเทศไทยยังไม่มีการออกอากาศช่วงกลางวันในวันธรรมดา และยังไม่มีเคเบิลทีวีให้บริการอย่างเอิกเกริกแบบตอนนี้ ในยุคที่คอมพิวเตอร์ยังเป็นสิ่งอภิมหาแพงเกินกว่าที่ทุกครัวเรือนจะมี หรือถึงบ้านไหนจะมี เทคโนโลยีในยุคนั้นก็ยังไม่เอื้อให้คอมพิวเตอร์เป็นศูนย์รวมความบันเทิงแบบทุกวันนี้ ความบันเทิงในยุคนั้นของผม นอกจากรายการทีวีวันเสาร์ - อาทิตย์แล้ว บรรดาวีดิโอจากร้านเช่าก็เป็นความบันเทิงราคาถูกที่พอจะมีกันได้ ซึ่งวีดิโอที่เรามักจะเลือกเช่า ก็หนีไม่พ้นการ์ตูนและหนังต่างๆ
เด็กใหม่ในเมือง
(ก่อนจะเริ่มบทความ...คุณผู้อ่านรู้สึกไหมครับ ว่าชื่อบทความกับชื่อผม มันคล้องจองกันพิลึก อิอิ...)  ไม่รู้ว่าท่านผู้อ่านจะมีศิลปิน หรือวงดนตรีใดๆ ที่เมื่อมีอัลบั้มใหม่ของพวกเขา / เธอ ออกวางแผง เราก็ไม่รีรอที่จะรีบไปหาอัลบั้มมาเป็นเจ้าของโดยพลันหรือเปล่า สำหรับตัวผม...โมเดิร์นด็อกสร้างความรู้สึกแบบนี้ให้ผมตลอดมา ตั้งแต่สมัยผมควักเงิน 60 บาทจากกระเป๋านักเรียนสีกากีออกจากกระเป๋า และคว้าอัลบั้ม “โมเดิร์นด็อก” (ที่มีชื่อเล่นว่าอัลบั้ม “เสริมสุขภาพ”) จากแผงเทป จนถึงวันนี้ วันที่โมเดิร์นด็อกมีอัลบั้ม “ทิงนองนอย” ออกมาเป็นอัลบั้มใหม่ ความรู้สึกนั้นก็ยังเกิดกับผมไม่แปรเปลี่ยน…