Skip to main content

หนังสือเรื่อง “ลูก(ผู้)ชายหัวใจคุณพ่อ” หรือ Man and Boy” ที่เขียนโดย Tony Parsonsเป็นหนึ่งในหนังสือวรรณกรรมที่อยากแนะนำให้อ่านโดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อหม้าย/แม่หม้าย หรือคนที่กำลังจะเป็นพ่อหม้าย/แม่หม้ายหรือคนที่กำลังคิดจะแต่งงาน หรือคนที่กำลังจะมีตัวเลขอายุเข้าสู่ 30


หนังสือเปิดตัวอย่างน่าสนใจในบทที่หนึ่ง โดยบอกถึงสถานการณ์ที่ควรหลีกเลี่ยง เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญของการเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวตอนอายุสามสิบว่า

มีสัมพันธ์รักข้ามคืนกับเพื่อนร่วมงาน”

ซื้อของฟุ่มเฟือยที่แทบไม่มีปัญญาซื้ออย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง”

ถูกภรรยาทิ้ง”

ตกงาน”

รับภาระเลี้ยงลูกแต่เพียงลำพังโดยกะทันหัน”

สิ่งเหล่านี้จะทำลายวันดี ๆ ไปจนหมดสิ้น (หน้า 9)


จากนั้นก็นำผู้อ่านไปสู่ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่ดูเหมือนจะไม่แตกต่างจากคู่อื่น ๆ อาจจะดีกว่าคู่อื่น ๆ ด้วยซ้ำไปเพราะสามีทำงานเป็นโปรดิวเซอร์เงินเดือนสูง ภรรยาฉลาด และลูกน่ารัก


แต่แล้ว วิกฤติแห่งชีวิตก็มาเยือนเมื่อ “แฮร์รี่” แอบนอกใจภรรยาตัวเองด้วยการหลับนอนกับลูกน้องสาวสวยที่ทำงานด้วยกัน แล้วก็แก้ตัวด้วยคำแก้ตัวหวาน ๆ ที่ภรรยา (บางคน) อาจยอมยกโทษให้ว่า

ผมเสียใจที่ทำร้ายคุณ จีน่า และจะเสียใจตลอดไป คุณเป็นคนสุดท้ายในโลกที่ผมอยากทำร้าย” (หน้า 71)

อย่างไรก็ตาม คำพูดหวาน ๆ ชวนคลื่นเหียนแบบนี้ใช้ไม่ได้ผลสำหรับ “จีน่า” เธอรับสามีของเธอได้ทุกอย่างยกเว้นการนอกใจ

ฉันน่าจะรู้นะ” เธอพูด “ว่าพวกที่ชอบทำซาบซึ้งนี่แหละร้ายที่สุด พวกที่ชอบให้ดอกไม้และคำหวาน พวกที่สัญญาว่าจะไม่มองผู้หญิงอื่น พวกนี้แหละร้ายที่สุด เพราะพวกนี้จะมองหาคนใหม่อยู่เสมอ เป็นพวกที่ขาดความซาบซึ้งไม่ได้ ใช่ไหม แฮร์รี่” (หน้า 71)


จีนาปาดน้ำตาสลัดแฮร์รี่ออกไปจากชีวิตแล้วดั้นด้นค้นหาชีวิตใหม่ ด้วยการเดินทางไปญี่ปุ่นซึ่งเธอเกือบได้ไปตอนสาว ๆ แต่ทิ้งโอกาสไปเพราะเลือกแฮร์รี่ เธอหวังจะพาลูกไปกับเธอด้วยแต่ญี่ปุ่นก็ไม่เป็นดั่งหวัง ค่าครองชีพแสนแพง ชีวิตไม่หรูหราง่ายดายอย่างที่คิด


แพ็ต ลูกชายอายุ 4 ขวบที่เติบโตมากับสตาร์วอร์จึงอยู่กับแฮร์รี่...

แฮร์รี่เป็นแบบฉบับของคุณพ่อ? คือทำงานนอกบ้าน เลี้ยงลูกไม่เป็น มีเหตุผลที่ฉลาดร้อยแปดสำหรับความผิดพลาดของตนเอง ?

ด้วยความรักลูกและสถานการณ์บังคับ แฮร์รี่ตั้งใจอย่างสูงยิ่งที่จะดูแลลูกให้ดีแบบเดียวกับที่อดีตภรรยาของเขาเคยทำ ตั้งแต่อาบน้ำแต่งตัวให้ลูกไปโรงเรียน ไปจนถึงนำลูกเข้านอน แฮร์รี่ค่อย ๆ เรียนรู้สิ่งเหล่านี้จนกระทั่งเชื่อว่าตนเองสามารถเป็นพ่อที่ดีได้


หนังสือพรรณาถึงความรัก ความผูกพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก ระหว่างหลานกับปู่ ย่า ไว้อย่างน่าซาบซึ้งใจ อ่านแล้วคาดไม่ถึงว่าฝรั่งจะให้คุณค่าเรื่อง “ครอบครัวอบอุ่น” ได้มากขนาดนี้ เมื่อแพ็ตประสบอุบัติเหตุจากการหัดขี่รถจักรยาน แฮร์รี่ ผู้เป็นพ่อ พูดถึงปู่ของแพ็ตว่า

ผมรู้ว่าพ่อสามารถทำทุกอย่างได้เพื่อแพ็ต รู้ว่าท่านรักเจ้าหนูอย่างไร้เงื่อนไขแบบที่คนเราจะมีให้ก็แต่เด็ก ๆ เท่านั้น ความรักที่ยากจะรู้สึกเมื่อลูกแสนดีคนนั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่คอยแต่จะทำสิ่งผิดพลาด พ่อรักแพ็ตแบบที่ครั้งหนึ่งท่านเคยรักผม แพ็ตก็คือผมเมื่อสมัยที่ยังไม่ได้ทำลายทุกอย่างลง การที่พ่อทำได้เพียงนั่งรอแบบนี้ กัดกร่อนจิตใจท่านยิ่งนัก” (หน้า 146)

แม้ว่า “ลูก(ผู้)ชายหัวใจคุณพ่อ” ที่แปลโดย “ภัสรี สิงหเดช” จะไม่ใช่วรรณกรรมเยาวชนอันเป็นแนวที่คอลัมน์นี้เขียนแนะนำและวิจารณ์ แต่ด้วยความที่ตัวละครสำคัญตัวหนึ่งในเรื่องคือเด็กชายวัย 4 ขวบ ที่เป็นศูนย์กลางความรักของทุกฝ่าย ทำให้ผมคิดว่าสามารถจัดวรรณกรรมเรื่องนี้เข้ามาไว้ในคอลัมนี้ได้


จีน่า แม่ของแพ็ต ล้มเหลวในการแสวงหาชีวิตใหม่ที่ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นไม่ใช่ดินแดนสำหรับการขุดทองสำหรับฝรั่งเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว แต่จะว่าไป จีน่าก็ไม่ล้มเหลวเสียทีเดียวนักเพราะเธอพบรักใหม่และตั้งใจจะอยู่กินด้วยกันอย่างเปิดเผย และจะพาแพ็ตไปอยู่ด้วย


แพ็ต” คือศูนย์กลางแห่งคุณค่าของชีวิตของคนเป็นพ่อ/แม่ (รวมทั้งปู่กับย่า) แต่เมื่อพ่อกับแม่แยกทางกัน เด็กก็ตกอยู่ตรงกึ่งกลางที่ไม่อาจเลือกข้างใดข้างหนึ่ง


ศึกแห่งการแย่งชิงลูกเริ่มต้นขึ้น ผู้เป็นพ่อและแม่ต่างจ้างทนายเพื่อค้นหาความผิด ความล้มเหลวและข้อบกพร่องของกันและกันเพื่อจะฟ้องต่อศาล


อย่างไรก็ตาม ในตอนท้าย แฮร์รี่แสดงความเป็นพระเอกตามแบบที่เขาถนัดด้วยการหลีกทางให้กับจีน่า เขาบอกแก่ตนเองว่า “ความรักคือการรู้จักปล่อยว่างเมื่อถึงเวลา”


วรรณกรรมเล่มนี้ นอกจากจะพูดถึงความรักของพ่อที่มีต่อลูกแล้วยังอภิปรายถึงการแยกทางของคู่สามี-ภรรยา การโหยหาครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ชีวิตที่แคบลงของคนที่อายุมากขึ้นด้วยมุมมองที่แหลมคม ฉลาด และตลก


มีหลายคำ หลายตอนที่นักสิทธิสตรีอ่านแล้วอาจค่อนแคะเอาบ้าง เช่นตอนที่แฮร์รี่นอกใจภรรยาซึ่งดูเหมือนเขาจะบอกว่าเกิดขึ้นเพราะผู้หญิงเป็นฝ่ายให้ท่าเขาทั้งที่เขาไม่ค่อยเต็มใจ


อย่างไรก็ตาม นี่เป็นหนังสือดีในรอบปีแห่งการอ่านหนังสือ(วรรณกรรม) ของผม และอยากแนะนำเพื่อน ๆ ชาวประชาไทลองอ่านดู.




บล็อกของ นาลกะ

นาลกะ
วรรณกรรมที่นำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ หลายครั้งมักถูกวิจารณ์ว่าทำไม่ได้ดีเท่าตอนเป็นหนังสือ แต่ “ผีเสื้อและดอกไม้” ต่างออกไป สวยงามในคราที่เป็นหนังสือและสมบูรณ์แบบแทบไร้ที่ติเมื่อเป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายประมาณปี 2528 ด้วยผลงานการกำกับของยุทธนา มุกดาสนิท และรับบทนำโดย สุริยา เยาวสังข์ ซึ่งเคยมีชื่อเสียงเปรี้ยงปร้างอยู่ระยะหนึ่งก่อนจะเงียบหายไป ผมเคยอ่านวรรณกรรมเรื่องนี้ตั้งแต่เรียนมัธยม เพราะเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาที่อาจารย์ภาษาไทยบังคับให้อ่านโดยให้เลือกเอาระหว่าง “ข้างหลังภาพ” กับ “ผีเสื้อและดอกไม้” ผมเลือกอ่าน “ผีเสื้อและดอกไม้” ด้วยเหตุผลที่ว่า “ข้างหลังภาพ” เป็นเรื่องเกี่ยวกับรัก ๆ ใคร่ ๆ…
นาลกะ
  "ผีน้อยโลกมายา" คือวรรณกรรมเยาวชนรางวัลพระราชทานแว่นแก้ว โดยได้รับรางวัลชมเชยจากการประกวดประจำปี 2544 เขียนโดย วันทนีย์ วิบูลกีรติ และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊ค "ผีน้อยโลกมายา" เล่าถึงเรื่องราวของผีน้อยขี้สงสัยที่อาศัยอยู่ในดินแดนมายาอันเป็นดินแดนของผีที่ความทุกข์ไม่อาจกล้ำกราย ผีน้อยมีพ่อเป็นพระจันทร์และแม่คือดวงดาว มีพี่สาวใจดีชื่อพี่ดารา แม้ว่าในดินแดนมายาจะมีความสงบสุขและเสียงหัวเราะ แต่ความช่างสงสัยใคร่รู้ทำให้ผีน้อยยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี
นาลกะ
เรียวรุ้งเหนือทุ่งกว้าง เป็นวรรณกรรมเยาวชนรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยนำงานที่ชนะการประกวดใน โครงการพัฒนาทักษะด้านการเขียนวรรณกรรมสำหรับเยาวชน มารวมเล่ม โครงการนี้เกิดจากการร่วมมือของกรมการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการ กับบริษัทนานมี บุ๊ค จำกัด โดยได้อัญเชิญวรรณกรรมเยาวชนในพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเทพเรื่อง แก้วจอมซน และ แก้วจอมแก่น มาจุดประกาย
นาลกะ
"ย่ำสวนป่า" เป็นเรื่องเล่าจากชนบทที่มีกังวานเสียงแห่งความภาคภูมิใจกับการที่ได้เกิดมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมของสวนป่าที่มีสิ่งให้เรียนรู้ได้ไม่รู้จบ และมีรูปแบบชีวิตที่สัมพันธ์เกี่ยวโยงอยู่กับความเป็นไปของธรรมชาติผู้เล่าเรื่องบอกไว้ในตอนท้าย หลังจากที่ปลดปล่อยความทรงจำวัยเด็กให้ออกมามีชีวิตวิ่งเต้นบนหน้ากระดาษเสร็จแล้วว่า"มันไม่ใช่ความอาลัยอาวรณ์อีกต่อไป แต่เป็นความทรงจำแสนสนุกที่ผมไม่คิดจะลืมเลือน ผมจะจดจำไว้ว่าที่นี่... คือบ้านเก่าของผม..." (หน้า 118)
นาลกะ
ความโหดร้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวที่ทำให้มียอดคนตายถึง 6 ล้านคนนั้นมีประเด็นและเรื่องราวให้พูดถึงได้ไม่รู้จบกระทั่งปัจจุบัน ศิลปะภาพยนตร์และวรรณกรรมเรื่องแล้วเรื่องเล่าที่นำเอาการฆาตกรรมหฤโหดมาเสนอในแง่มุมต่าง ๆ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ถึงความไร้เหตุผลของมนุษย์ที่นำไปสู่การทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งมนุษย์ด้วยกันเอง “ชะตาลิขิต” วรรณกรรมแปลจากสำนักพิมพ์นานมีบุ๊ค เป็นอีกเล่มหนึ่งที่พูดถึงเรื่องนี้โดยตรงและพรรณนาสภาพเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นในตอนนั้นไว้อย่างละเอียดลออทั้งนี้เพราะตัวผู้เขียนหนังสือเล่มนี้มี ประสบการณ์ตรงจากการถูกกวาดต้อนเข้าไปอยู่ในค่ายกักกันตั้งแต่เด็ก…
นาลกะ
หนังสือเรื่อง “ลูก(ผู้)ชายหัวใจคุณพ่อ” หรือ “Man and Boy” ที่เขียนโดย Tony Parsonsเป็นหนึ่งในหนังสือวรรณกรรมที่อยากแนะนำให้อ่านโดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อหม้าย/แม่หม้าย หรือคนที่กำลังจะเป็นพ่อหม้าย/แม่หม้ายหรือคนที่กำลังคิดจะแต่งงาน หรือคนที่กำลังจะมีตัวเลขอายุเข้าสู่ 30 หนังสือเปิดตัวอย่างน่าสนใจในบทที่หนึ่ง โดยบอกถึงสถานการณ์ที่ควรหลีกเลี่ยง เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญของการเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวตอนอายุสามสิบว่า “มีสัมพันธ์รักข้ามคืนกับเพื่อนร่วมงาน” “ซื้อของฟุ่มเฟือยที่แทบไม่มีปัญญาซื้ออย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง” “ถูกภรรยาทิ้ง” “ตกงาน” “รับภาระเลี้ยงลูกแต่เพียงลำพังโดยกะทันหัน”…
นาลกะ
ไม่กี่วันก่อน ผมได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่อง "Lassie Come Home " ทางเคเบิลทีวี ซึ่งน่าสนใจและน่าประทับใจดี จึงหาหนังสือมาอ่านพบว่าหนังสือเล่มนี้ได้แปลเป็นไทยนานแล้ว โดย ร.ท.นิพนธ์ กาบสลับพล และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สุขภาพใจ "แลสซี่" ถือกำเนิดจากปลายปากกาของนักเขียนเชื้อสายอังกฤษ-อเมริกัน เอริค ไนท์ (Eric Knight) ในรูปแบบเรื่องสั้น ตีพิมพ์ลงใน Saturday Evening Post เมื่อปี 1938 และผู้เขียนขยายเป็นนวนิยายในปี 1940 ซึ่งประสบความเป็นอย่างดี Lassie ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์หลายครั้งหลายหนรวมทั้งเป็นซีรี่ส์ทางจอโทรทัศน์โดยมีดาราฮอลลีวู้ดระดับตำนานนำแสดง ไม่ว่าจะเป็น อลิซาเบธ เทย์เลอร์, มิคกี้ รูนี่ย์,…
นาลกะ
วรรณกรรมเยาวชนส่วนใหญ่ มักมุ่งเน้นให้เยาวชนขยันหมั่นเพียรในการศึกษาเล่าเรียน เรียนให้จบชั้นสูง ๆ เพื่อที่จะได้มีอาชีพการงานที่ดีในอนาคต หรืออดทนกัดฟันสู้ต่อความยากลำบาก ต่อความด้อยโอกาสกระทั่งเอาชนะได้ในที่สุด กล่าวอีกแบบก็คืออดทนทำดีเข้าไว้เพื่อตัวเองนั่นแหละที่จะได้ดี หรือถ้าไม่เป็นไปตามลักษณะข้างต้น วรรณกรรมเยาวชนที่เขียน ๆ กันก็มักจะเน้นการใช้จินตนาการจนหลุดลอยจากโลกแห่งความเป็นจริง กลายเป็นวรรณกรรมเยาวชนเชิงแฟนตาซีที่อะไร ๆ ก็ดูสวยงามไปหมด เหมือนเป็นการพาเยาวชนคนอ่านหลบหนีไปจากโลกจริงสู่โลกจินตนาการของภาษา แต่วรรณกรรมเรื่อง “กะลาสีเรือผู้กล้าหาญ” ประพันธ์โดย “จังว่าง”…
นาลกะ
น่าดีใจที่สำนักพิมพ์ “นานมีบุ๊ค” พิมพ์วรรณกรรมเยาวชนออกมาอย่างต่อเนื่องโดยคัดกรองเอาจากการประกวดรางวัล “แว่นแก้ว” แม้ว่าวรรณกรรมที่ผ่านเข้ามาบางเรื่องอาจไม่อยู่ในระดับที่ดีนัก นอกจากจะเป็นการปลุกการอ่านและการเขียนวรรณกรรมเยาวชนให้กระเตื้องขึ้นบ้างแล้วยังถือเป็นการให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ ที่น่ารักน่าชังในอีกโสดหนึ่งด้วย “กระเบนยักษ์คู่อาฆาต” ผลงานของ “เพชร บุตรทองพูน” เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผ่านคัดกรองจากรางวัลวรรณกรรมเยาวชนพระราชทาน “แว่นแก้ว” ซึ่งยืนยงและหนักแน่นในการสร้างสรรค์วรรณกรรมเยาวชนมานานหลายปีจนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นรางวัล “แว่นแก้ว” เป็นสถาบันทางวรรณกรรม…
นาลกะ
วรรณกรรมเยาวชนรางวัลพระราชทาน “แว่นแก้ว” เรื่อง “คำใส” นี้ได้รับรางวัลชนะเลิศประจำปี 2546 ประเภทนวนิยาย ส่งเข้าประกวดโดย “วีระศักดิ์ สุยะลา” นักเขียนหน้าใหม่จากจังหวัดอุบลราชธานี และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ “นานมีบุ๊ค” สำนักพิมพ์ที่เล็งเห็นความสำคัญของวรรณกรรมเยาวชน จุดเด่นของวรรณกรรมเรื่องนี้ คือ การฉายให้เห็นถึงความเป็นไปของชนบทภาคอีสานที่กำลังอยู่ในกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลง เป็นความเปลี่ยนแปลงที่สัมพันธ์อย่างแยกไม่ออกกับโลกภายนอกหมู่บ้าน ดังนั้นเราจึงได้พบว่า เมื่อมีปัญหาทางการเงิน ตัวละครบางตัวจึงตัดใจทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลังเพื่อเข้ามาทำงานขับรถแท็กซี่ในกรุงเทพ ฯ…
นาลกะ
“รุ่งอรุณ สัมปัชชลิต” แปลเรื่อง จากเถ้าธุลี จากต้นฉบับ Out of the Ashes ที่เขียนโดย “Michael Morpurgo” นักเขียนชาวอังกฤษที่เป็นที่รู้จักมากคนหนึ่งในฐานะนักเขียนวรรณกรรมเยาวชน จนถึงปัจจุบัน “Michael Morpurgo” มีผลงานทั้งหมด 95 เรื่อง ได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ ทั่วโลกกว่ายี่สิบภาษาและนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ห้าเรื่องด้วยกัน เขาได้รับรางวัลทางด้านวรรณกรรมเยาวชนมากมาย เช่น รางวัล The Children’s Book Award, The Whitbread Award นอกจากนี้ เขายังได้รับยกย่องว่าเป็นผู้มีเกียรติสูงสุดด้านวรรณกรรมสำหรับเด็กของประเทศอังกฤษ
นาลกะ
หลังการจากไปของลัทธิจักรวรรดินิยมฝรั่งเศส ประเทศคองโกก็ประสบกับความวุ่นวายเพราะชนชั้นนำแย่งชิงอำนาจกันเอง กระทั่งได้ผู้นำที่เข้มแข็งจนจัดตั้งระบอบ “ปฏิวัติ” ที่วางรากฐานอยู่บนสิ่งที่เรียกว่า “ลัทธิสังคมเชิงวิทยาศาสตร์” ระบอบการปกครองใหม่มาพร้อมกับกติกากฎเกณฑ์และสัญลักษณ์ใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น เพลงชาติ ชื่อประเทศ ธงชาติกลายเป็นสีแดง มีการเพิ่มดาว ค้อน เคียว มีการห้ามสวดมนต์ ร้องเพลง และห้ามคิด จะเดินทางไปไหนมาไหนต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานของทางการ ฟังดูคล้ายกับยุคสมัยแห่งการปฏิวัติวัฒนธรรมในสมัยจอมพลป. พิบูลสงคราม ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและสัญลักษณ์ทางการเมืองอย่างมโหฬาร…