Man and Boy : ความรักคือการรู้จักปล่อยวางเมื่อถึงเวลา

14 December, 2008 - 00:00 -- nalaka

หนังสือเรื่อง “ลูก(ผู้)ชายหัวใจคุณพ่อ” หรือ Man and Boy” ที่เขียนโดย Tony Parsonsเป็นหนึ่งในหนังสือวรรณกรรมที่อยากแนะนำให้อ่านโดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อหม้าย/แม่หม้าย หรือคนที่กำลังจะเป็นพ่อหม้าย/แม่หม้ายหรือคนที่กำลังคิดจะแต่งงาน หรือคนที่กำลังจะมีตัวเลขอายุเข้าสู่ 30


หนังสือเปิดตัวอย่างน่าสนใจในบทที่หนึ่ง โดยบอกถึงสถานการณ์ที่ควรหลีกเลี่ยง เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญของการเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวตอนอายุสามสิบว่า

มีสัมพันธ์รักข้ามคืนกับเพื่อนร่วมงาน”

ซื้อของฟุ่มเฟือยที่แทบไม่มีปัญญาซื้ออย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง”

ถูกภรรยาทิ้ง”

ตกงาน”

รับภาระเลี้ยงลูกแต่เพียงลำพังโดยกะทันหัน”

สิ่งเหล่านี้จะทำลายวันดี ๆ ไปจนหมดสิ้น (หน้า 9)

จากนั้นก็นำผู้อ่านไปสู่ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาคู่หนึ่ง ที่ดูเหมือนจะไม่แตกต่างจากคู่อื่น ๆ อาจจะดีกว่าคู่อื่น ๆ ด้วยซ้ำไปเพราะสามีทำงานเป็นโปรดิวเซอร์เงินเดือนสูง ภรรยาฉลาด และลูกน่ารัก


แต่แล้ว วิกฤติแห่งชีวิตก็มาเยือนเมื่อ “แฮร์รี่” แอบนอกใจภรรยาตัวเองด้วยการหลับนอนกับลูกน้องสาวสวยที่ทำงานด้วยกัน แล้วก็แก้ตัวด้วยคำแก้ตัวหวาน ๆ ที่ภรรยา (บางคน) อาจยอมยกโทษให้ว่า

ผมเสียใจที่ทำร้ายคุณ จีน่า และจะเสียใจตลอดไป คุณเป็นคนสุดท้ายในโลกที่ผมอยากทำร้าย” (หน้า 71)

อย่างไรก็ตาม คำพูดหวาน ๆ ชวนคลื่นเหียนแบบนี้ใช้ไม่ได้ผลสำหรับ “จีน่า” เธอรับสามีของเธอได้ทุกอย่างยกเว้นการนอกใจ

ฉันน่าจะรู้นะ” เธอพูด “ว่าพวกที่ชอบทำซาบซึ้งนี่แหละร้ายที่สุด พวกที่ชอบให้ดอกไม้และคำหวาน พวกที่สัญญาว่าจะไม่มองผู้หญิงอื่น พวกนี้แหละร้ายที่สุด เพราะพวกนี้จะมองหาคนใหม่อยู่เสมอ เป็นพวกที่ขาดความซาบซึ้งไม่ได้ ใช่ไหม แฮร์รี่” (หน้า 71)


จีนาปาดน้ำตาสลัดแฮร์รี่ออกไปจากชีวิตแล้วดั้นด้นค้นหาชีวิตใหม่ ด้วยการเดินทางไปญี่ปุ่นซึ่งเธอเกือบได้ไปตอนสาว ๆ แต่ทิ้งโอกาสไปเพราะเลือกแฮร์รี่ เธอหวังจะพาลูกไปกับเธอด้วยแต่ญี่ปุ่นก็ไม่เป็นดั่งหวัง ค่าครองชีพแสนแพง ชีวิตไม่หรูหราง่ายดายอย่างที่คิด


แพ็ต ลูกชายอายุ 4 ขวบที่เติบโตมากับสตาร์วอร์จึงอยู่กับแฮร์รี่...

แฮร์รี่เป็นแบบฉบับของคุณพ่อ? คือทำงานนอกบ้าน เลี้ยงลูกไม่เป็น มีเหตุผลที่ฉลาดร้อยแปดสำหรับความผิดพลาดของตนเอง ?

ด้วยความรักลูกและสถานการณ์บังคับ แฮร์รี่ตั้งใจอย่างสูงยิ่งที่จะดูแลลูกให้ดีแบบเดียวกับที่อดีตภรรยาของเขาเคยทำ ตั้งแต่อาบน้ำแต่งตัวให้ลูกไปโรงเรียน ไปจนถึงนำลูกเข้านอน แฮร์รี่ค่อย ๆ เรียนรู้สิ่งเหล่านี้จนกระทั่งเชื่อว่าตนเองสามารถเป็นพ่อที่ดีได้


หนังสือพรรณาถึงความรัก ความผูกพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก ระหว่างหลานกับปู่ ย่า ไว้อย่างน่าซาบซึ้งใจ อ่านแล้วคาดไม่ถึงว่าฝรั่งจะให้คุณค่าเรื่อง “ครอบครัวอบอุ่น” ได้มากขนาดนี้ เมื่อแพ็ตประสบอุบัติเหตุจากการหัดขี่รถจักรยาน แฮร์รี่ ผู้เป็นพ่อ พูดถึงปู่ของแพ็ตว่า

ผมรู้ว่าพ่อสามารถทำทุกอย่างได้เพื่อแพ็ต รู้ว่าท่านรักเจ้าหนูอย่างไร้เงื่อนไขแบบที่คนเราจะมีให้ก็แต่เด็ก ๆ เท่านั้น ความรักที่ยากจะรู้สึกเมื่อลูกแสนดีคนนั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่คอยแต่จะทำสิ่งผิดพลาด พ่อรักแพ็ตแบบที่ครั้งหนึ่งท่านเคยรักผม แพ็ตก็คือผมเมื่อสมัยที่ยังไม่ได้ทำลายทุกอย่างลง การที่พ่อทำได้เพียงนั่งรอแบบนี้ กัดกร่อนจิตใจท่านยิ่งนัก” (หน้า 146)

แม้ว่า “ลูก(ผู้)ชายหัวใจคุณพ่อ” ที่แปลโดย “ภัสรี สิงหเดช” จะไม่ใช่วรรณกรรมเยาวชนอันเป็นแนวที่คอลัมน์นี้เขียนแนะนำและวิจารณ์ แต่ด้วยความที่ตัวละครสำคัญตัวหนึ่งในเรื่องคือเด็กชายวัย 4 ขวบ ที่เป็นศูนย์กลางความรักของทุกฝ่าย ทำให้ผมคิดว่าสามารถจัดวรรณกรรมเรื่องนี้เข้ามาไว้ในคอลัมนี้ได้


จีน่า แม่ของแพ็ต ล้มเหลวในการแสวงหาชีวิตใหม่ที่ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นไม่ใช่ดินแดนสำหรับการขุดทองสำหรับฝรั่งเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว แต่จะว่าไป จีน่าก็ไม่ล้มเหลวเสียทีเดียวนักเพราะเธอพบรักใหม่และตั้งใจจะอยู่กินด้วยกันอย่างเปิดเผย และจะพาแพ็ตไปอยู่ด้วย


แพ็ต” คือศูนย์กลางแห่งคุณค่าของชีวิตของคนเป็นพ่อ/แม่ (รวมทั้งปู่กับย่า) แต่เมื่อพ่อกับแม่แยกทางกัน เด็กก็ตกอยู่ตรงกึ่งกลางที่ไม่อาจเลือกข้างใดข้างหนึ่ง


ศึกแห่งการแย่งชิงลูกเริ่มต้นขึ้น ผู้เป็นพ่อและแม่ต่างจ้างทนายเพื่อค้นหาความผิด ความล้มเหลวและข้อบกพร่องของกันและกันเพื่อจะฟ้องต่อศาล


อย่างไรก็ตาม ในตอนท้าย แฮร์รี่แสดงความเป็นพระเอกตามแบบที่เขาถนัดด้วยการหลีกทางให้กับจีน่า เขาบอกแก่ตนเองว่า “ความรักคือการรู้จักปล่อยว่างเมื่อถึงเวลา”


วรรณกรรมเล่มนี้ นอกจากจะพูดถึงความรักของพ่อที่มีต่อลูกแล้วยังอภิปรายถึงการแยกทางของคู่สามี-ภรรยา การโหยหาครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ชีวิตที่แคบลงของคนที่อายุมากขึ้นด้วยมุมมองที่แหลมคม ฉลาด และตลก


มีหลายคำ หลายตอนที่นักสิทธิสตรีอ่านแล้วอาจค่อนแคะเอาบ้าง เช่นตอนที่แฮร์รี่นอกใจภรรยาซึ่งดูเหมือนเขาจะบอกว่าเกิดขึ้นเพราะผู้หญิงเป็นฝ่ายให้ท่าเขาทั้งที่เขาไม่ค่อยเต็มใจ


อย่างไรก็ตาม นี่เป็นหนังสือดีในรอบปีแห่งการอ่านหนังสือ(วรรณกรรม) ของผม และอยากแนะนำเพื่อน ๆ ชาวประชาไทลองอ่านดู.

ความเห็น

Submitted by Lanesra on

ผมก็ชอบมากเรื่องนี้ "ชนะเลิศหนังสือดีเด่นประจำปี 2000 ของ British Book Awards ติดอันดับหนังสือขายดีของอังกฤษ 50 สัปดาห์ติดต่อกัน"

อ่านแล้วได้แนวคิดใหม่ๆ ในการใช้ชีวิตด้วย

หลานที่จากไป

26 March, 2010 - 00:00 -- nalaka

-1-

หลานเกิดปีเดียวกับที่ผมเดินทางออกจากบ้าน มุ่งหาประสบการณ์และไล่คว้าหาความหมายของสิ่งที่เรียกว่าชีวิต  คืนวันของหลานที่เติบโตขึ้นด้วยความเอาใจใส่ของพ่อแม่คือจำนวนเวลาที่ผมจากบ้านเกิดเมืองนอน

เล็กน้อยอย่างที่เห็นแต่เป็นโลกทั้งใบ

14 March, 2010 - 00:00 -- nalaka

 

 
คงเป็นเพราะรูปเล่มงามตาน่าหยิบจับและเครดิตก่อนเข้าสู่เนื้อเรื่องที่บอกว่า
เล็กน้อยมากจนสามารถนั่งอ่านข้าง ๆ เตียง ยิ่งใหญ่มากจนสามารถเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตเร้าความสนใจให้เปิดพลิกและลงมืออ่าน

สนามหลวงไม่เหมือนเก่า

1 March, 2010 - 00:00 -- nalaka

-1-

ฉันเดินตัดผ่านสนามหลวงเพื่อไปขึ้นรถเมล์กลับหอพักเกือบทุกวัน เรื่องราวที่แทบจะเป็นแบบฉบับและเหตุการณ์ซ้ำ ๆ ที่ได้พบเห็นจากผู้คนแห่งสนามหลวงวันแล้ววันเล่า ทำให้เกิดภาพประทับในใจโดยไม่รู้ตัว


เมื่อฉันได้รู้จักกับสนามหลวงมากขึ้น ฉันก็ได้พบว่าสถานที่แห่งนี้เปี่ยมไปด้วยสีสันและชีวิตชีวาอย่างแท้จริง ที่แห่งนี้มีเรื่องราวชีวิตของคนระดับล่างมากมาย แต่ละคน แต่ละชีวิตนั้นน่าจะปรากฏอยู่ในนิยายมากกว่าจะเป็นเรื่องจริง คนเหล่านี้ไม่ควรจะมีอยู่จริง!

ลูกผู้ชายหัวใจมีรัก : หัวใจที่ไม่เคยอิ่มเต็ม

21 October, 2009 - 00:00 -- nalaka

ลูกผู้ชายหัวใจมีรัก(Man and Wife)” คือนิยายอันละเมียดบรรจงของ Tony Parsons เป็นผลงานภาคต่อจาก “ลูก(ผู้)ชายหัวใจคุณพ่อ (Man and Boy)” ซึ่งเคยสร้างความเกรียวกราวในแวดวงนักอ่านได้มากพอสมควร(ผมเคยวิจารณ์ไว้แล้วที่ http://blogazine.prachatai.com/user/nalaka/post/1562 ) ฝีมือแปลโดย ภัสรี สิงหเดช

 

พ่อผมไม่เคยฆ่าใคร : เรื่องเล่าของเด็ก ตลกร้ายของผู้ใหญ่

16 September, 2009 - 00:00 -- nalaka

โดยทั่วไปแล้ว หนังสือของสำนักพิมพ์ “ผีเสื้อ” สามารถการันตีคุณภาพ(แต่ไม่การันตียอดขาย) ได้ในระดับหนึ่ง เรียกได้ว่าไม่มีคำว่าผิดหวังในแทบทุกเล่มเพราะว่าโดยส่วนใหญ่แล้วเป็นวรรณกรรมแปล! “พ่อผมไม่เคยฆ่าใคร” ซึ่งเขียนโดย ฌ็อง-หลุยส์ ฟูร์นิเย่ร์ และแปลโดย วัลยา วิวัฒน์ศร ก็เช่นเดียวกัน