"ผีน้อยโลกมายา" เล่าถึงเรื่องราวของผีน้อยขี้สงสัยที่อาศัยอยู่ในดินแดนมายาอันเป็นดินแดนของผีที่ความทุกข์ไม่อาจกล้ำกราย ผีน้อยมีพ่อเป็นพระจันทร์และแม่คือดวงดาว มีพี่สาวใจดีชื่อพี่ดารา แม้ว่าในดินแดนมายาจะมีความสงบสุขและเสียงหัวเราะ แต่ความช่างสงสัยใคร่รู้ทำให้ผีน้อยยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี
ผีน้อยหาคำตอบจากการถามผีที่มีอาวุโสกว่า แต่ผีอาวุโสบางตนก็แสดงความรำคาญกับการช่างถามของเขา ผีบางตนก็บอกว่าผีน้อยเป็นผีจอมยุ่ง ผีขี้เกียจ(ดูเหมือนผีน้อยจะเป็นเพศชาย-เขามีหน้าตาเหมือนมนุษย์ที่เป็นเด็กผู้ชายวัยแปดขวบทุกประการ แต่เมื่อผีน้อยใช้พลังมายาอำพรางตัวตนของเขาไว้ เขาก็จะมีลักษณะเหมือนขวดตุ๊กตาที่สามารถเปลี่ยนรูปทรงได้ตลอดเวลา,หน้า 9)
ในที่สุดผีน้อยตัดสินใจที่จะหาคำตอบด้วยตนเอง ผีน้อยตัดสินใจเดินทางออกจากดินแดนมายาอย่างเงียบเชียบสู่โลกมนุษย์
บนโลกมนุษย์ ผีน้อยได้รู้จักกับเด็กกำพร้า 3 พี่น้องที่พ่อแม่ตายด้วยโรคเอดส์ ดูเหมือนว่าเรื่องราวแบบฝัน ๆ ในตอนแรกจะเปลี่ยนมาเป็นดรามาเมื่อผีน้อยได้รู้จักสนิทสนมรับรู้เรื่องราวน่ารันทดของ 3 พี่น้อง
3 พี่น้องอาศัยอยู่โดดเดี่ยวในบ้านเช่าเก่า ๆ ด้วยความรังเกียจที่คนเป็นเอดส์เคยตายในบ้านหลังนี้ เจ้าของบ้านเช่าซึ่งเป็นหญิงขายบริการจึงปล่อย 3 พี่น้องอาศัยไปพลาง ๆ
"หัวปลี" คือพี่ชายคนโตที่อายุ 16 ปี รับหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัวทำงานอยู่ในร้านเป็ดย่างและจะนำเศษอาหารกลับบ้านไปให้น้อง เขาพยายามต่อสู้เพื่อไม่ให้น้องสองคนคือ "ต้นตอง" กับ "ก้านกล้วย" ต้องไปอยู่สถานสงเคราะห์
"ก้านกล้วย" น้องสาวอายุ 6 ขวบ พิการเดินไม่ได้ความพิการทางร่างกายของก้านกล้วยถูกทดแทนด้วยการช่างฝัน ช่างจินตนาการ เธอมีเพื่อนเป็นสัตว์ที่หลายคนขยะแขยง เช่น แมงมุม แมลงสาบ หนู
เด็กทั้ง 3 คนไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่มีใครอยากคบหาสมาคมด้วยเพราะพ่อแม่ตายด้วยโรคเอดส์ ผีน้อยรับรู้ความเป็นไปของเด็กเหล่านี้และพยายามปกป้องไม่ให้ "ผีร้าย" ครอบงำและชักนำไปสู่ด้านที่เลวร้าย
3 พี่น้องดีใจที่ได้ผีน้อยมาเป็นเพื่อนรับรู้และรับฟังทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้ ผีน้อยเปรียบเสมือนความหวังถึงสิ่งที่ดีกว่าของเด็กทั้ง 3 แต่แล้วโศกนาฎกรรมก็เกิดขึ้นเมื่อเจ้าของบ้านเช่าต้องการไล่ 3 พี่น้องออกไปเพื่อจะเปลี่ยนบ้านเช่าสกปรกเป็นสถานบริการ
พี่น้องทั้ง 3 ถูกไฟคลอกตาย ลูกสาวคนเดียวของเจ้าของบ้านเช่าซึ่งเข้ามาคบหากับเด็กทั้ง 3 ก็ตายไปด้วยโดยที่ผีน้อยช่วยอะไรไม่ได้เพราะไม่อาจต้านทานพลังอำนาจของผีร้ายมากมายหลายตน
หนังสือเล่มนี้มีความโดดเด่นแตกต่างจากเล่มอื่น ๆ ที่ได้รับรางวัลประเภทเดียวกันทั้งความสามารถในการใช้ภาษาที่พิถีพิถันกว่าเล่มอื่น ๆ ที่เคยอ่าน การนำเรื่องราวรันทดสอดแทรกเข้ากับจินตนาการ ผู้แต่งได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพตนเองที่จะเขียนวรรณกรรมเยาวชนในระดับที่ดียิ่ง ๆ ขึ้น
"โอ้ เจ้าดาวดวงน้อย ลอยมาจากฟากฟ้า
เปล่งแสงสีเย็นตา มองแล้วน่าชื่นใจฝากรอยยิ้มเล็ก ๆ ไปกับใบไม้หนึ่งใบ
ลมหอบพาเธอไปเป็นของขวัญแด่ดวงดาว
ฉันจะร้องเพลงกล่อมเจ้าทารกในสวรรค์
พ่อผู้เป็นพระจันทร์ส่งยิ้มลงมากับแสงสีขาว
แม่เคยเป็นดวงดาวปัดเป่าความปวดร้าว
ส่วนฉันคือพี่ชายที่มาจากดาวมายา
ทุกครากล่อมน้องทุกคืน
ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา ลา..." (หน้า 57)
อย่างไรก็ตาม ดูแล้ว "ผีน้อยในดินแดนมายา" จะคล้าย "แคสเปอร์" ผีน้อยของฮอลลีวูดไปหน่อย นอกจากนี้การใช้สัญลักษณ์ก็ดูจะเป็นแบบฉบับตายตัว เช่น แสงสีดำ-ผีชั่วร้าย/แสงสีขาว-ผีดี การแทรกความคิดข้อคิดที่คลุมเครือก็มีอยู่ประปรายเช่นเรื่อง "การสอนให้รู้จักวิธีหาปลา" ซึ่งดูจะผิดที่ผิดทางเพราะเด็กทั้ง 3 นั้น "ไม่มีเครื่องมือ" หรือความสมเหตุสมผลในเรื่องที่ให้ลูกสาวคนขายบริการมีบุคลิกแบบปัญญาชน หรือการตอกย้ำค่านิยมที่ดูเหมือนจะต่อต้านมาตลอดคือความน่ารังเกียจ/ชั่วร้ายของหญิงขายบริการที่สุดท้ายเผาบ้านเช่าและทำให้ลูกตนเองตายไปด้วย.