Skip to main content

ค่ำคืนหนึ่ง... เม็ดฝนทิ้งรอยให้แกะรอย

เช้าตรู่ ยังไม่ทันเงยหน้าดูท้องฟ้า ฉันรีบก้มหน้าดูพื้นดิน เห็นรูพรุนเล็กๆ ที่ฟ้าทิ้งรอยไว้ให้อย่างมีเงื่อนงำ ไฉนไม่ยอมทำลายซากของฝุ่นผงให้หมดสิ้น ทำแบบนี้ทำไมกัน ไม่รู้หรือว่าฉันปวดร้าวหัวใจ ฝนเอ๋ย

 

จนสาย อาการกระหายใคร่จะให้หยาดฝนริน ยังไม่ยอมจางหายไปจากใจ เทียวเดินเข้าเดินออกใต้ถุนบ้านเงยหน้าดูท้องฟ้า พลางนึกถึงอดีตที่เคยถูกทักถาม ยามที่ทำงานเร่ร่อนตามหมู่บ้าน บ้านแล้วบ้านเล่า ซอกซอนไปเรื่อยๆ ยุคสมัยที่อีสานยังรุ่มรวยไปด้วยถนนสายฝุ่นสีทองแดง คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านย่านป่าลึก มักจะเอ่ยปากถามเป็นคำแรกว่า "ที่บ้านฝนตกบ่หล่า" ตอนนั้นตอบไปเรื่อยๆ ตามความจริง หาได้ตระหนักถึงหัวอกของคนถามไม่ มาวันนี้ซึ้งใจจนอยากย้อนอดีตกลับไปตอบใหม่ คำตอบน่ะเหมือนเดิม แต่ท่าทีที่ตอบจะไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนเดิมจริงๆ

เพราะฉันรู้จักฤดูกาลอย่างผิวเผิน คล้ายคนในเมืองที่รู้สึกว่าวันนี้ฝนอาจจะตก ออกจากบ้านควรหยิบร่มติดมือไปด้วย แต่พอมาเป็นเกษตรกร ต้องเรียนรู้มากกว่านั้น มากกว่าอีกมากมาย เพราะจากบทเรียนเล็กๆ บทหนึ่งของมะเขือเปราะสี่ห้าต้น ทำให้รู้ว่า "ฉันยังมีโง่เหลืออีกเยอะ"


มะเขือเปราะที่งอกเองตามธรรมชาติข้างๆบ้าน ได้รับการดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ยให้เป็นระยะ มันจึงออกผลอวบงามหลายลูก หมายตาไว้ว่าอีกสามวันจะเด็ดมาจิ้มน้ำพริก แค่เจอสายฝนหล่นประปรายคล้ายหลงทางในคืนนั้น ทำเอาลูกขาวอวบมีเส้นใยสีขาวเกาะเป็นแนวยาวเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง กว่าจะรู้ว่าเป็นโรคร้าย ก็ต้องให้เพื่อนชาวไร่ข้างเคียง มาบอกว่านั่นน่ะ เขาเรียกว่า "รา" จ้ะป้า ยังแนะนำอีกว่า วิธีจัดการกับราชนิดนี้ ต้องไปร้านขายยาเคมี จ่ายตังค์ไปแล้วยาเอามาฉีดซะ หนเดียวหายเกลี้ยง

 

ฉันยอมเสียอาหารดีกว่าจะเสียเงินไปซื้อยาพิษ ทั้งยังมีอาหารชนิดอื่นๆให้เก็บกินไปได้อีกพอสมควร ที่เป็นล่ำเป็นสันก็มีฟักทอง ปีนี้ฟักทองพันธุ์ "ทำหล่น"ที่ท้ายบ้าน งอกงามดีแท้ๆ ทั้งที่ปีกลายปลูกไว้ที่ท้ายไร่เป็นหย่อมๆ ตามจอมปลวก ประคบประหงมอย่างดี ยังไม่ค่อยจะอยากโตให้ได้พึ่งพาอาศัยกิน

 

สมแล้วที่บางคนว่า "ทำแบบเล่นๆ แต่ได้จริงๆ" เพราะ "ทำจริงๆ มักจะได้เล่นๆ" เห็นด้วยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกรณีมันสำปะหลัง ที่ขายได้เงินคืนมานิดเดียว นิดเดียวจนไม่อยากจะเอ่ยถึงมันให้ช้ำใจ

 

มีคนเอาแผนแม่บทการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 มาให้อ่าน ในนั้นเขียนว่า "ภาคอีสานมีกำลังการผลิตวัตถุดิบการผลิตไบโอดีเซลคือมันสำปะหลังเพียง 50% ดังนั้น ควรมีการเร่งขยายพื้นที่การปลูกเพิ่มขึ้น และมีการประกันราคาไม่ต่ำกว่า กิโลกรัมละ 2.50 บาท (มันสำปะหลังสด) เพื่อป้อนให้กับโรงงานผลิตไบโอดีเซลจำนวน 50 แห่ง ที่จะอนุมัติงบประมาณให้ก่อสร้างขึ้นในภาคอีสาน"

 

วันที่นำมันสำปะหลังไปขาย ไม่มีการก่อสร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซล ไม่มีการประกันราคา ไม่มีแมวหน้าไหนมาดูแลความบอบช้ำของเกษตรกร มีข่าวการประท้วงปิดถนนที่โคราช มีการยอมรับซื้อในราคาที่เกษตรกรพอรับได้ แต่ปีหน้าคงต้องประท้วงกันใหม่


ฉันเป็นคนที่เจ็บ แต่ไม่คิดว่าจะจดจำให้ช้ำใจ ครั้นจะให้ถือว่าเป็นบทเรียนก็ดูกระไรอยู่ เพราะมันไม่มีอะไรให้เรียนรู้เลยสำหรับเรื่องผลประโยชน์ซ้ำซากของมนุษย์ ยังดีใจที่ตัวเองโง่ต่อธรรมชาติ เพราะธรรมชาติให้บทเรียนที่ควรค่าแก่การ "เสียโง่" ยามผลงานของแล็บชีวิตปรากฏออกมาแม้ทุลักทุเลแต่ก็ดูดีในความรู้สึก แต่กับมนุษย์ด้วยกันฉันต้องทุบทิ้งทั้งกระบวน ยิ่งยามนี้สัญญาณเตือนภัยขยันส่งเสียงหวีดร้อง สนั่นหวั่นไหวว่า

 

"ตาย ตาย ตาย" มันแผดออกมาประจานตัวเอง ผ่านข่าวเศรษฐกิจยามเช้านั่นอย่างไร

 

............


 

ภาพและเนื้อหาเป็น เรื่องเดียวกัน...ยืนยัน

 

 

บล็อกของ เงาศิลป์

เงาศิลป์
ประมาณตีสาม เราค่อยๆไต่ขึ้นสู่เขตภูเขาสูง ฉันนึกเดาเอาว่าที่นี่น่าจะเป็นเขตรัฐสลังงอร์ เพราะว่าเผอิญสายตาปะทะกับป้ายที่เขียนว่า เกนติ้ง ไฮแลนด์ มีลูกศรชี้ไปทางซ้ายมือ แต่รถยังมุ่งหน้าตรงไป กระทั่งฉันเห็นเมืองเล็กๆมีไฟฟ้าสว่างไสว สาดจับที่รูปปั้นขององค์พระศิวะสีทองอร่ามความสูงร่วมร้อยเมตร ยืนตระหง่านตรงปากทางขึ้นถ้ำซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ไม่น้อยไปกว่ากัน ฉันรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นถ้ำบาตู ฮินดูสถานที่สำคัญของคนมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และถัดมาอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง มีป้ายเขียนไว้ว่า พิพิธภัณฑ์โอรัง อัสลี…
เงาศิลป์
คุณเคยเดินทางไปในทิศทางที่ไม่คุ้นเคยบ่อยไหม ขณะนั้นหัวใจของคุณเต้นเป็นจังหวะอะไร มันระทึกตื่นเต้นโครมครามปานช้างป่าตกมันหรือเปล่า หรือว่าเรียบเรื่อยราวห่านหงส์กระดิกปลายเท้าแผ่วใต้สายน้ำนิ่ง แล้วเคลื่อนร่างไปข้างหน้าอย่างละมุน แม้แต่ผิวน้ำก็แทบจะไม่กระจาย
เงาศิลป์
กำแพงบางๆ ที่กั้นระหว่างความทุกข์กับความสุข คือความกระหายใคร่รู้ในบางสิ่งบางอย่างที่ต้องหาคำตอบด้วยตนเอง จะเรียกสิ่งนั้นว่า ความท้าทาย การผจญภัย หรือความใฝ่รู้ ก็น่าจะได้ แต่บางทีมันกลับเป็นเครื่องจองจำบีบรัดหัวใจให้อึดอัดจนหายใจไม่ออก และฉันไม่ชอบอารมณ์นั้นเลย ฉันจึงต้องพยายามจะเป็นฝ่ายชนะมันด้วยการออกเดินทางเพื่อไปหาคำตอบ แม้จะอยู่สุดหล้าฟ้าเขียวก็ตาม  
เงาศิลป์
ป่าในสำนึก คือวิหารอันโอฬาร ที่เปลี่ยนแปลงรูปทรงทุกขณะที่เคลื่อนเข้าใกล้ มีพลังดึงดูด มีมนต์สะกด มีความยิ่งใหญ่ที่ข่มให้เราตัวเล็กลง ฉันจึงหลงรักการถูกครอบงำนี้ อย่างไม่อยากถอนใจ
เงาศิลป์
ฉันได้ตายลงแล้วจริงๆ เพราะเบื้องหน้าที่มองเห็นคือท่านท้าวพญายมราช "ทำไมเจ้าจึงเลือกประตูบานที่สาม"น้ำเสียงเข้มขรึมไม่ด้อยไปกว่าท่วงท่าอันน่าเกรงขามบนบัลลังค์ ฉันซึ่งนั่งคุกเข่าก้มหน้าหลบสายตา ยิ่งต้องทำตัวห่อลีบ ประหนึ่งหลบหลีกคมหอกดาบที่พุ่งมาพร้อมกับคำถามนั้น
เงาศิลป์
  ลูกรักของแม่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้เรารู้จักคำว่าสูญเสียได้อย่างลึกซึ้ง แม้แต่แม่เองก็ยังต้องครุ่นคิดย้อนหลังไปว่า ถ้าสามารถย้อนเวลาไปแก้ไขหรือป้องกันการจากพรากที่แสนจะรันทดนี้ได้ ในตอนไหนได้บ้าง แม่ก็จะทำ ถ้าแม่รู้ว่าลูกจะอยู่กับเราไม่นาน แม่จะไม่ส่งลูกไปอยู่กับคนอื่น แม้คนนั้นจะเป็นปู่กับย่าก็ตาม ถ้าแม่รู้ว่าลูกป่วยหนักและมีเวลาเหลืออีกไม่นานนัก แม่จะไม่เชื่อหมอที่วินิจฉัยในครั้งแรก ถ้ารักษาลูกได้ด้วยวิธีใดๆ เพื่อให้ลูกหายขาด แม่ก็จะทำ แต่ก็นั่นล่ะ พูดไปเมื่อสายเสียแล้ว จะมีประโยชน์อะไร ที่จะรำพัน ดังนั้น สิ่งที่พอจะทำได้ คือ แม่อยากบอกกับคนที่เป็นพ่อแม่ทุกคนว่า…
เงาศิลป์
รุ่งขึ้นอีกวัน หลังจากเก็บอัฐิของลูกแล้ว ความเศร้าโศกค่อยๆ ถอยห่างไปจากเรา ในตอนสาย พ่อได้ประกาศเจตนารมย์ให้แก่ญาติมิตรทั้งหลายทราบว่า พ่อจะตั้ง “กองบุญแม่ชีป่าน” ขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนกิจกรรมด้านธรรมะ แก่เยาวชนตามเจตจำนงค์ของลูกที่เคยบอกกับใครๆไว้ว่า อยากทำงานสืบต่อพระพุทธศาสนา แม่เชื่อว่า ในขณะที่พ่อกล่าวคำขอบคุณทุกๆคนที่นั่งอยู่ในถ้ำ ตอนนั้น ลูกได้รับรู้ด้วยเป็นแน่แท้
เงาศิลป์
    ลูกสิ้นใจท่ามกลางวงล้อมของเหล่าผู้ที่รักและเมตตาลูก โดยเฉพาะหลวงพ่อซึ่งนั่งสมาธิสงบนิ่งตลอดเวลา ตั้งแต่ลูกมีอาการใกล้จะดับ จนผ่านนาทีแห่งการพลัดพรากนิรันดร์ไปแล้ว ท่านก็ยังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่อย่างนั้น อีกหลายนาที
เงาศิลป์
แม่ไล่สายตามองหาคำว่ามะเร็ง ในหน้ากระดาษบันทึกของลูก ตั้งแต่หน้าแรกจนกระทั่งหน้าสุดท้าย ในจำนวนกว่า 300 หน้า ไม่มีสักคำเดียวที่ลูกจะเขียนถึงมัน  
เงาศิลป์
  อาจเป็นเพราะว่าแม่อยู่กับลูกตลอดเวลา จนกระทั่งคิดว่าความสงบนิ่งคืออาการปกติที่ลูกเป็นอยู่ แน่ล่ะ นิสัยของลูกไม่เหมือนเด็กอื่นๆมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว ลูกเป็นเด็กที่มีสมาธิมาตั้งแต่ตัวน้อยๆ บางครั้งแม่เคยเห็นลูกนั่งเล่นตุ๊กตาบาร์บี้อยู่คนเดียว ทั้งแต่งตัวและหวีผมให้มันครั้งละนานๆ เป็นชั่วโมง สองชั่วโมง โดยไม่เบื่อหน่าย ก็นั่นคือกิจกรรมของเด็ก ภายในใจอาจมีจินตนาการมากมาย แต่ขณะที่เป็นคนป่วย การใช้เวลานิ่งเงียบอยู่กับตัวเองของลูก คือการเขียนบันทึกและอ่านหนังสือ ความนิ่งเงียบที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกดูคล้ายผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่แม้กระทั่งพ่อกับแม่ก็ยังเกรงใจ ไม่กล้ารบกวน  
เงาศิลป์
  วันที่ 1 สิงหาคม 2551 เวลาประมาณ 18 .30 น. ลูกของแม่ได้กลายเป็นลูกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในนามนักบวชหญิง ผู้ถือศีล 8
เงาศิลป์
  ชีวิตในแต่ละวันเป็นไปอย่างสงบเงียบ เพราะกิจกรรมหลักของลูกคือกินยา กินอาหาร อ่านหนังสือ สลับเขียนบันทึก ส่วนพ่อกับแม่ นอกจากจะต้องทำอาหาร ตรวจอาหาร นวด พอกยา อาบน้ำให้ อุ้มลูกไปห้องน้ำ อุ้มมานอกห้อง ระยะหลังยังต้องอุ้มลงมาอาบแดดยามเช้าๆ ที่แคร่ไม้ไผ่หน้ากุฏิ และต้องผลัดเปลี่ยนกันลงไปข้างล่างเพื่อทำธุระส่วนตัว กับซื้อหาอาหาร