Skip to main content

เสียงเห่าโฮ่งๆ ดังกังวานมาจากในป่า เป็นเสียงที่ดุกร้าวบอกเหตุบางอย่างว่าเร่งด่วน เจ้าหลาม...แม่หมา เจ้าเสือ...พี่หมารีบหันหลังกระโจนพรวดไปทางเสียงนั้น เจ้าตัวเล็กอีกสามตัววิ่งตามกันไปเป็นพรวน ฉันชะเง้อตามดู เห็นเจ้าด๊อกกี้กำลังตั้งหน้าตั้งตาเห่าบางอย่างราวกับจะเปิดฉากต่อสู้ และเมื่อทุกตัวไปถึงที่เกิดเหตุ เจ้าตัวดีกลับวิ่งมาทางฉัน ในปากมีอะไรคาบอยู่ ฉันจึงเรียกให้หยุด มันทำตามแต่โดยดี พลางคายสิ่งนั้นลงบนพื้นดิน

มันคือนกเค้าแมววัยรุ่น สภาพร่อแร่อาการหนัก ขาขวาหักเป็นสองท่อน ท่าทางตื่นกระหนกอย่างน่าเวทนา เจ้าหมานักล่าพยายามกระโดดเพื่อยื้อคืนจากมือฉัน ลูกเอ๋ย...ฉันคราง สงสารทั้งนกทั้งหมา จะก่อกรรมทำเวรไปทำไมกันนักนะ

ด๊อกกี้ปราดเปรียวกว่าพี่น้องอีกสามตัว บ่อยครั้งที่มันจับหนูตัวใหญ่ได้ และยอมให้ฉันยึดไว้เป็นของส่วนกลาง เพื่อทำเป็นอาหารของทุกตัว แต่วันนี้มันล่านก.....

ขณะที่ฉันกำลังเร่งเก็บฝักไม้แดง เพราะเวลาจวนเจียนค่ำ พวกมันทั้งหกจึงกระโดดโลดเต้นล่าแย้กันชุลมุน มุดหายไปในแนวป่า สักพักก็วิ่งมาปะเหลาะเลียมือแล้วก็พากันหายไปอีก ฉันรู้ว่าพวกมันกระหายในการล่า ยามเห็นบางสิ่งมุดไปตามกอหญ้า มันจะกระโดดตัวลอยพร้อมกันทั้งสี่ขาเพื่อจะตะปบเจ้าสิ่งนั้น ได้บ้างไม่ได้บ้างตราบใดที่ยังเห็นการเคลื่อนไหว มันจะไม่ยอมหยุดล่า

ท้องฟ้าสลัวลงมากแล้ว ฉันกลัวว่าบางอย่างที่ไม่อาจคาดเดาจะเกิดขึ้น แม้เวลานี้เป็นกลางเดือนมีนาคม แต่ยังมีเสียงหมาจิ้งจอกร้องโหยหวนใกล้ๆไร่  เป็นเหตุให้งุนงงจนต้องสอบถามยายแดงผู้เชี่ยวชาญธรรมชาติแห่งป่าหินแม่ช้าง ตอนที่แกมาช่วยงานในไร่ แกแถลงว่า ถ้ามันหอน โฮว้  และมีสมุนร้องรับเสียงสั้นๆ ...จ๊อก ๆ ๆสลับ จิ๊กๆๆ ในเดือนนี้ ปีนี้ฝนจะแล้ง ฉันหัวเราะขำการพยากรณ์อากาศฉบับท้องถิ่นอย่างไม่กลัวแกเสียใจ แกจึงขบฟันย้ำว่า คอยดูสิ แล้งจริงๆ แล้งจริงๆนะ  เอาล่ะฉันจะรอดู...ฉันว่า

ไม่อยากให้ค่ำอยู่ในป่า ฝักแดง ก็ได้เกือบเต็มกระสอบปุ๋ยแล้ว เมื่อเจ้าหมาจอมล่ามาก่อเหตุเสียก่อน คิดว่าน่าจะยุติการเก็บ อีกอย่าง เรื่องหมาจิ้งจอกที่ยังเห่าหอนในปลายฤดูร้อนแล้งนี้ ฉันคิดเอาเองว่าเป็นเพราะพวกมันถอยร่นมาหากินใกล้แหล่งน้ำมากขึ้น เพราะกลางป่าโน่น ไฟป่าได้โหมไหม้จนต้นไม้แห้งโกร๋นไปมากกว่าพันไร่ เหลือบริเวณท้ายไร่ของฉันนิดเดียวเท่านั้นที่รอดพ้นจากเปลวเพลิง เนื่องจากมีเส้นทางเตียนโล่งเป็นแนวกันเพลิงไว้อย่างไม่ตั้งใจ ถ้ามันวนเวียนอยู่แถวนี้ คงไม่ดีนักที่จะอยู่จนมืด

เสียงนกเค้าแมวอีกตัวร้องแคว่กๆๆ บินโฉบมาเกาะที่ยอดไม้ใกล้ๆ ขณะที่อีกหนึ่งร่างคอหักพับสิ้นลมไปแล้วกลางอุ้งมือ ฉันเป่าลมอุ่นๆที่หน้าผากของมัน พลางภาวนาให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี รู้สึกสงสารชีวิตที่เหลืออยู่อย่างจับใจ กระไรหนอความผูกพันจึงได้ทำงานของมันอย่างเข้มแข็ง ไม่เว้นแม้แต่กับสัตว์ตัวเล็กๆเช่นนี้ ให้ตกอยู่ในบ่วงบาศน์ของความรักความผูกพันอันแน่นหนา ช่างน่าเวทนายามร้องเรียกหาคู่อย่างโหยหวน มันจะรู้ไหมว่าอีกฝ่ายหนึ่งได้จากไปแล้ว นิรันดร์

ถอดหมวกกันแดดปีกกว้างออกวางไว้ที่ตะแกรงหน้ารถสองล้อเครื่อง ร่างไร้วิญญาณนอนคอพับอยู่ในนั้น มัดกระสอบบรรจุฝักแดงติดกับเบาะนั่ง น้ำหนักไม่น้อย แล้วเรียกหมาๆ ให้วิ่งตามกลับบ้าน

ไฟในเตาลุกโพลงราวกับแก๊สชั้นดี เพียงแค่ฝักไม้แดงสองสามฝา ไม่นานนักมันกลายเป็นถ่านแดงโร่ เหมาะเหม็งแก่การปิ้งเผา ฉันค่อยหย่อนร่างเล็กๆที่ทึ้งขนออกหมดแล้วลงสู่ความร้อนระอุ

กฏกติกาของบ้านไร่
"เมื่อได้มาต้องทำให้สุกเพื่อแบ่งปัน เล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ แต่ชีวิตนั้นต้องเลี้ยงทุกชีวิต"


........ไปสู่ที่ชอบด้วยเทอญ...

บล็อกของ เงาศิลป์

เงาศิลป์
ประมาณตีสาม เราค่อยๆไต่ขึ้นสู่เขตภูเขาสูง ฉันนึกเดาเอาว่าที่นี่น่าจะเป็นเขตรัฐสลังงอร์ เพราะว่าเผอิญสายตาปะทะกับป้ายที่เขียนว่า เกนติ้ง ไฮแลนด์ มีลูกศรชี้ไปทางซ้ายมือ แต่รถยังมุ่งหน้าตรงไป กระทั่งฉันเห็นเมืองเล็กๆมีไฟฟ้าสว่างไสว สาดจับที่รูปปั้นขององค์พระศิวะสีทองอร่ามความสูงร่วมร้อยเมตร ยืนตระหง่านตรงปากทางขึ้นถ้ำซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ไม่น้อยไปกว่ากัน ฉันรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นถ้ำบาตู ฮินดูสถานที่สำคัญของคนมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และถัดมาอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง มีป้ายเขียนไว้ว่า พิพิธภัณฑ์โอรัง อัสลี…
เงาศิลป์
คุณเคยเดินทางไปในทิศทางที่ไม่คุ้นเคยบ่อยไหม ขณะนั้นหัวใจของคุณเต้นเป็นจังหวะอะไร มันระทึกตื่นเต้นโครมครามปานช้างป่าตกมันหรือเปล่า หรือว่าเรียบเรื่อยราวห่านหงส์กระดิกปลายเท้าแผ่วใต้สายน้ำนิ่ง แล้วเคลื่อนร่างไปข้างหน้าอย่างละมุน แม้แต่ผิวน้ำก็แทบจะไม่กระจาย
เงาศิลป์
กำแพงบางๆ ที่กั้นระหว่างความทุกข์กับความสุข คือความกระหายใคร่รู้ในบางสิ่งบางอย่างที่ต้องหาคำตอบด้วยตนเอง จะเรียกสิ่งนั้นว่า ความท้าทาย การผจญภัย หรือความใฝ่รู้ ก็น่าจะได้ แต่บางทีมันกลับเป็นเครื่องจองจำบีบรัดหัวใจให้อึดอัดจนหายใจไม่ออก และฉันไม่ชอบอารมณ์นั้นเลย ฉันจึงต้องพยายามจะเป็นฝ่ายชนะมันด้วยการออกเดินทางเพื่อไปหาคำตอบ แม้จะอยู่สุดหล้าฟ้าเขียวก็ตาม  
เงาศิลป์
ป่าในสำนึก คือวิหารอันโอฬาร ที่เปลี่ยนแปลงรูปทรงทุกขณะที่เคลื่อนเข้าใกล้ มีพลังดึงดูด มีมนต์สะกด มีความยิ่งใหญ่ที่ข่มให้เราตัวเล็กลง ฉันจึงหลงรักการถูกครอบงำนี้ อย่างไม่อยากถอนใจ
เงาศิลป์
ฉันได้ตายลงแล้วจริงๆ เพราะเบื้องหน้าที่มองเห็นคือท่านท้าวพญายมราช "ทำไมเจ้าจึงเลือกประตูบานที่สาม"น้ำเสียงเข้มขรึมไม่ด้อยไปกว่าท่วงท่าอันน่าเกรงขามบนบัลลังค์ ฉันซึ่งนั่งคุกเข่าก้มหน้าหลบสายตา ยิ่งต้องทำตัวห่อลีบ ประหนึ่งหลบหลีกคมหอกดาบที่พุ่งมาพร้อมกับคำถามนั้น
เงาศิลป์
  ลูกรักของแม่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้เรารู้จักคำว่าสูญเสียได้อย่างลึกซึ้ง แม้แต่แม่เองก็ยังต้องครุ่นคิดย้อนหลังไปว่า ถ้าสามารถย้อนเวลาไปแก้ไขหรือป้องกันการจากพรากที่แสนจะรันทดนี้ได้ ในตอนไหนได้บ้าง แม่ก็จะทำ ถ้าแม่รู้ว่าลูกจะอยู่กับเราไม่นาน แม่จะไม่ส่งลูกไปอยู่กับคนอื่น แม้คนนั้นจะเป็นปู่กับย่าก็ตาม ถ้าแม่รู้ว่าลูกป่วยหนักและมีเวลาเหลืออีกไม่นานนัก แม่จะไม่เชื่อหมอที่วินิจฉัยในครั้งแรก ถ้ารักษาลูกได้ด้วยวิธีใดๆ เพื่อให้ลูกหายขาด แม่ก็จะทำ แต่ก็นั่นล่ะ พูดไปเมื่อสายเสียแล้ว จะมีประโยชน์อะไร ที่จะรำพัน ดังนั้น สิ่งที่พอจะทำได้ คือ แม่อยากบอกกับคนที่เป็นพ่อแม่ทุกคนว่า…
เงาศิลป์
รุ่งขึ้นอีกวัน หลังจากเก็บอัฐิของลูกแล้ว ความเศร้าโศกค่อยๆ ถอยห่างไปจากเรา ในตอนสาย พ่อได้ประกาศเจตนารมย์ให้แก่ญาติมิตรทั้งหลายทราบว่า พ่อจะตั้ง “กองบุญแม่ชีป่าน” ขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนกิจกรรมด้านธรรมะ แก่เยาวชนตามเจตจำนงค์ของลูกที่เคยบอกกับใครๆไว้ว่า อยากทำงานสืบต่อพระพุทธศาสนา แม่เชื่อว่า ในขณะที่พ่อกล่าวคำขอบคุณทุกๆคนที่นั่งอยู่ในถ้ำ ตอนนั้น ลูกได้รับรู้ด้วยเป็นแน่แท้
เงาศิลป์
    ลูกสิ้นใจท่ามกลางวงล้อมของเหล่าผู้ที่รักและเมตตาลูก โดยเฉพาะหลวงพ่อซึ่งนั่งสมาธิสงบนิ่งตลอดเวลา ตั้งแต่ลูกมีอาการใกล้จะดับ จนผ่านนาทีแห่งการพลัดพรากนิรันดร์ไปแล้ว ท่านก็ยังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่อย่างนั้น อีกหลายนาที
เงาศิลป์
แม่ไล่สายตามองหาคำว่ามะเร็ง ในหน้ากระดาษบันทึกของลูก ตั้งแต่หน้าแรกจนกระทั่งหน้าสุดท้าย ในจำนวนกว่า 300 หน้า ไม่มีสักคำเดียวที่ลูกจะเขียนถึงมัน  
เงาศิลป์
  อาจเป็นเพราะว่าแม่อยู่กับลูกตลอดเวลา จนกระทั่งคิดว่าความสงบนิ่งคืออาการปกติที่ลูกเป็นอยู่ แน่ล่ะ นิสัยของลูกไม่เหมือนเด็กอื่นๆมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว ลูกเป็นเด็กที่มีสมาธิมาตั้งแต่ตัวน้อยๆ บางครั้งแม่เคยเห็นลูกนั่งเล่นตุ๊กตาบาร์บี้อยู่คนเดียว ทั้งแต่งตัวและหวีผมให้มันครั้งละนานๆ เป็นชั่วโมง สองชั่วโมง โดยไม่เบื่อหน่าย ก็นั่นคือกิจกรรมของเด็ก ภายในใจอาจมีจินตนาการมากมาย แต่ขณะที่เป็นคนป่วย การใช้เวลานิ่งเงียบอยู่กับตัวเองของลูก คือการเขียนบันทึกและอ่านหนังสือ ความนิ่งเงียบที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกดูคล้ายผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่แม้กระทั่งพ่อกับแม่ก็ยังเกรงใจ ไม่กล้ารบกวน  
เงาศิลป์
  วันที่ 1 สิงหาคม 2551 เวลาประมาณ 18 .30 น. ลูกของแม่ได้กลายเป็นลูกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในนามนักบวชหญิง ผู้ถือศีล 8
เงาศิลป์
  ชีวิตในแต่ละวันเป็นไปอย่างสงบเงียบ เพราะกิจกรรมหลักของลูกคือกินยา กินอาหาร อ่านหนังสือ สลับเขียนบันทึก ส่วนพ่อกับแม่ นอกจากจะต้องทำอาหาร ตรวจอาหาร นวด พอกยา อาบน้ำให้ อุ้มลูกไปห้องน้ำ อุ้มมานอกห้อง ระยะหลังยังต้องอุ้มลงมาอาบแดดยามเช้าๆ ที่แคร่ไม้ไผ่หน้ากุฏิ และต้องผลัดเปลี่ยนกันลงไปข้างล่างเพื่อทำธุระส่วนตัว กับซื้อหาอาหาร