Skip to main content

 

 

กองฟอนถูกตระเตรียมอย่างรวดเร็วภายในเช้าวันรุ่งขึ้น พิธีศพเป็นไปอย่างเรียบง่าย ท่ามกลางญาติมิตรที่รักใคร่ผูกพัน ตกบ่าย ณ ลานหินริมหน้าผา เปลวเพลิงลุกโชน ลามเลียกองไม้และร่างกายผ่ายผอมนั้นให้หม่นไหม้กลายเป็นผงธุลี พร้อมๆกับน้ำตาที่หยาดลงบนร่องแก้มของใครหลายคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น

ฉันยืนนิ่ง ส่งใจไปถึงดวงจิตที่หลุดลอย ยอมรับกับตัวเองถึงความไม่รู้ ในสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า แม้จะคลับคล้ายคลับคลาว่าได้รู้ได้เห็นอะไรๆอยู่บ้าง แต่ฉันไม่รู้ว่า ต่อจากนี้ไป ดวงจิตนั้นจะจุติต่อไปอย่างไร ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่ฉันสามารถจะทำเพื่อหาคำตอบให้กับตัวเองได้ คือ เรื่องราวย้อนหลังของเรือนร่างนี้

 

เพราะเธอคือ แม่ชีน้อย วิมุตตา


3
ธันวาคม 2538

วันนั้น แม่ปวดท้องตั้งแต่เช้าตรู่ ต้องวานให้เพื่อนบ้านไปตามคุณยายที่อยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง มาพาแม่ไปโรงพยาบาลกุดบาก ที่นั่นลูกคลอดออกมาอย่างง่ายดายในเวลาเที่ยงวัน


ลูกเป็นเด็กแรกเกิดที่ตัวเล็กมาก เล็กกว่าพี่ปุ้ย กระทั่งโตขึ้นก็ยังมีรูปร่างเล็กกว่าเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน เรื่องรูปร่างเล็กค่อนไปทางผอมบาง แม่ไม่เคยเอะใจอะไร คิดแต่เพียงว่าเป็นเพราะลูกไม่ชอบทานเนื้อสัตว์ ไม่ชอบกินไขมัน และลูกเป็นเด็กเคลื่อนไหวว่องไว เดินช้าๆไม่เป็น วิ่งมากกว่าเดิน จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่ลูกจะดูตัวเล็ก

 

ชีวิตของลูกแตกต่างจากพี่ปุ้ยอยู่บ้าง เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่พ่อไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้าน ต้องออกไปประชุมต่างจังหวัดอยู่บ่อยๆ แม้แต่วันที่คลอดลูกพ่อก็ยังติดงานประชุมที่กรุงเทพฯ ปล่อยให้แม่กับพี่ปุ้ยอยู่กันตามลำพัง ที่บ้านพักในศูนย์อินแปง หลังคลอดลูกแม่กลับมาอยู่ที่บ้านคุณยาย เพื่ออยู่ไฟ พ่อก็กลับมาบ้านในวันที่สามของอายุลูก ครั้งนั้น พ่อมีเวลาอยู่กับเราเพียงแค่ก้มหน้าลงหอมแก้มลูกหนึ่งครั้งเท่านั้น แล้วรีบขึ้นรถไปประชุมที่ขอนแก่น เพราะมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงองค์กร

 

แม่เป็นผู้หญิงที่เกิดและเติบโตในหมู่บ้าน การศึกษาระดับมัธยมปีที่สาม ส่วนพ่อเป็นนักพัฒนาการศึกษาระดับปริญญาตรีที่มาจากข้างนอก เรามาเจอกันด้วยชะตาฟ้ากำหนดกระมัง แม่จึงได้เลือกพ่อเป็นคู่ชีวิต ทั้งที่มีใครอีกหลายคนที่ให้แม่เลือก และอาจมีชีวิตที่ต่างออกไปจากนี้

 

การเป็นภรรยานักพัฒนา แม่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าชีวิตต้องเป็นอย่างนี้ การเลี้ยงลูกตามลำพังบ่อยครั้ง อยู่ในศูนย์ที่มีผู้คนจากทุกมุมโลกแวะเวียนมาดูงาน กลับกลายเป็นเรื่องที่ดี เพราะลูกได้เติบโตมากับการพบเจอคนต่างชาติต่างภาษาต่างวัฒนธรรมมากมาย แม้แต่วันสุดท้ายของลูก ญาติมิตรที่รักใคร่ผูกพันกับครอบครัวเรา บางกลุ่มบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อร่วมงานครั้งสุดของชีวิตลูก

 

เด็กหญิง วิมุตตา คือชื่อที่พ่อกับแม่ช่วยกันคิด เพราะเราอยากให้ลูกเติบโตเป็นคนดีมีธรรมะติดตัวอยู่เสมอ บางทีแม่เผลอคิดว่า เป็นเพราะชื่อนี้หรือเปล่าที่ทำให้ลูกจากแม่เร็วเกินไป

 

อย่างไรก็ตาม แม่ก็ตั้งใจดูแลลูกอย่างเต็มความสามารถ เท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ แม่เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่มากกว่าพี่ปุ้ยด้วยซ้ำ เพราะลูกไม่ยอมดื่มนมวัว แต่กลับชอบดื่มน้ำนมถั่วเหลือง และชอบกินผลไม้มาตั้งแต่เล็กๆ แล้ว


ลูกแม่เดินได้ตั้งแต่อายุ 9 เดือน แม่จึงคิดว่าลูกแข็งแรงดี แม้ลูกจะผอมกว่าเด็กอื่นๆในหมู่บ้านที่อาหารการกินไม่สมบูรณ์เท่าครอบครัวเรา แม่รู้เพียงว่าระบบขับถ่ายของลูกไม่ปกติ ลูกมักจะถ่ายอุจจาระเป็นก้อนแข็งและช่วงเวลาขับถ่ายไม่สม่ำเสมอทุกวัน

 

แม่เริ่มครุ่นคิดเรื่องสุขภาพของลูกมากขึ้นเมื่อลูกบอกว่าปวดท้องมาก โดยเฉพาะตอนที่ลูกอายุประมาณ 9 ขวบ แต่แม่ก็ไม่เคยคิดไกลไปถึงเรื่องโรคมะเร็ง


ไม่ใช่แม่เพียงคนเดียวที่คิดแบบนี้ คุณหมอที่รักษาลูกก็ยังคาดไม่ถึง คุณหมอในโรงพยาบาลต่างๆ ถึงสามโรงพยาบาล ยังวิเคราะห์สาเหตุการปวดท้องไปไม่ถึงมะเร็ง

ทำไมเราจึงผิดพลาดไปมากมาย จนกระทั่งสายเกินแก้


(ยังมีต่อ)


ถ้าชะตาชีวิตถูกกำหนดมาแล้วว่า ต้องพบกับความผิดพลาดอันน่าเศร้านี้ และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เราจะเรียกมันว่าอะไรดี ระหว่าง บุญกับกรรม


เพราะสิ่งที่เธอทิ้งรอยไว้ให้ หาใช่คำว่ากรรม แต่เพียงอย่างเดียวไม่

 

 

 

 

บล็อกของ เงาศิลป์

เงาศิลป์
ประมาณตีสาม เราค่อยๆไต่ขึ้นสู่เขตภูเขาสูง ฉันนึกเดาเอาว่าที่นี่น่าจะเป็นเขตรัฐสลังงอร์ เพราะว่าเผอิญสายตาปะทะกับป้ายที่เขียนว่า เกนติ้ง ไฮแลนด์ มีลูกศรชี้ไปทางซ้ายมือ แต่รถยังมุ่งหน้าตรงไป กระทั่งฉันเห็นเมืองเล็กๆมีไฟฟ้าสว่างไสว สาดจับที่รูปปั้นขององค์พระศิวะสีทองอร่ามความสูงร่วมร้อยเมตร ยืนตระหง่านตรงปากทางขึ้นถ้ำซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ไม่น้อยไปกว่ากัน ฉันรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นถ้ำบาตู ฮินดูสถานที่สำคัญของคนมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และถัดมาอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง มีป้ายเขียนไว้ว่า พิพิธภัณฑ์โอรัง อัสลี…
เงาศิลป์
คุณเคยเดินทางไปในทิศทางที่ไม่คุ้นเคยบ่อยไหม ขณะนั้นหัวใจของคุณเต้นเป็นจังหวะอะไร มันระทึกตื่นเต้นโครมครามปานช้างป่าตกมันหรือเปล่า หรือว่าเรียบเรื่อยราวห่านหงส์กระดิกปลายเท้าแผ่วใต้สายน้ำนิ่ง แล้วเคลื่อนร่างไปข้างหน้าอย่างละมุน แม้แต่ผิวน้ำก็แทบจะไม่กระจาย
เงาศิลป์
กำแพงบางๆ ที่กั้นระหว่างความทุกข์กับความสุข คือความกระหายใคร่รู้ในบางสิ่งบางอย่างที่ต้องหาคำตอบด้วยตนเอง จะเรียกสิ่งนั้นว่า ความท้าทาย การผจญภัย หรือความใฝ่รู้ ก็น่าจะได้ แต่บางทีมันกลับเป็นเครื่องจองจำบีบรัดหัวใจให้อึดอัดจนหายใจไม่ออก และฉันไม่ชอบอารมณ์นั้นเลย ฉันจึงต้องพยายามจะเป็นฝ่ายชนะมันด้วยการออกเดินทางเพื่อไปหาคำตอบ แม้จะอยู่สุดหล้าฟ้าเขียวก็ตาม  
เงาศิลป์
ป่าในสำนึก คือวิหารอันโอฬาร ที่เปลี่ยนแปลงรูปทรงทุกขณะที่เคลื่อนเข้าใกล้ มีพลังดึงดูด มีมนต์สะกด มีความยิ่งใหญ่ที่ข่มให้เราตัวเล็กลง ฉันจึงหลงรักการถูกครอบงำนี้ อย่างไม่อยากถอนใจ
เงาศิลป์
ฉันได้ตายลงแล้วจริงๆ เพราะเบื้องหน้าที่มองเห็นคือท่านท้าวพญายมราช "ทำไมเจ้าจึงเลือกประตูบานที่สาม"น้ำเสียงเข้มขรึมไม่ด้อยไปกว่าท่วงท่าอันน่าเกรงขามบนบัลลังค์ ฉันซึ่งนั่งคุกเข่าก้มหน้าหลบสายตา ยิ่งต้องทำตัวห่อลีบ ประหนึ่งหลบหลีกคมหอกดาบที่พุ่งมาพร้อมกับคำถามนั้น
เงาศิลป์
  ลูกรักของแม่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้เรารู้จักคำว่าสูญเสียได้อย่างลึกซึ้ง แม้แต่แม่เองก็ยังต้องครุ่นคิดย้อนหลังไปว่า ถ้าสามารถย้อนเวลาไปแก้ไขหรือป้องกันการจากพรากที่แสนจะรันทดนี้ได้ ในตอนไหนได้บ้าง แม่ก็จะทำ ถ้าแม่รู้ว่าลูกจะอยู่กับเราไม่นาน แม่จะไม่ส่งลูกไปอยู่กับคนอื่น แม้คนนั้นจะเป็นปู่กับย่าก็ตาม ถ้าแม่รู้ว่าลูกป่วยหนักและมีเวลาเหลืออีกไม่นานนัก แม่จะไม่เชื่อหมอที่วินิจฉัยในครั้งแรก ถ้ารักษาลูกได้ด้วยวิธีใดๆ เพื่อให้ลูกหายขาด แม่ก็จะทำ แต่ก็นั่นล่ะ พูดไปเมื่อสายเสียแล้ว จะมีประโยชน์อะไร ที่จะรำพัน ดังนั้น สิ่งที่พอจะทำได้ คือ แม่อยากบอกกับคนที่เป็นพ่อแม่ทุกคนว่า…
เงาศิลป์
รุ่งขึ้นอีกวัน หลังจากเก็บอัฐิของลูกแล้ว ความเศร้าโศกค่อยๆ ถอยห่างไปจากเรา ในตอนสาย พ่อได้ประกาศเจตนารมย์ให้แก่ญาติมิตรทั้งหลายทราบว่า พ่อจะตั้ง “กองบุญแม่ชีป่าน” ขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนกิจกรรมด้านธรรมะ แก่เยาวชนตามเจตจำนงค์ของลูกที่เคยบอกกับใครๆไว้ว่า อยากทำงานสืบต่อพระพุทธศาสนา แม่เชื่อว่า ในขณะที่พ่อกล่าวคำขอบคุณทุกๆคนที่นั่งอยู่ในถ้ำ ตอนนั้น ลูกได้รับรู้ด้วยเป็นแน่แท้
เงาศิลป์
    ลูกสิ้นใจท่ามกลางวงล้อมของเหล่าผู้ที่รักและเมตตาลูก โดยเฉพาะหลวงพ่อซึ่งนั่งสมาธิสงบนิ่งตลอดเวลา ตั้งแต่ลูกมีอาการใกล้จะดับ จนผ่านนาทีแห่งการพลัดพรากนิรันดร์ไปแล้ว ท่านก็ยังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่อย่างนั้น อีกหลายนาที
เงาศิลป์
แม่ไล่สายตามองหาคำว่ามะเร็ง ในหน้ากระดาษบันทึกของลูก ตั้งแต่หน้าแรกจนกระทั่งหน้าสุดท้าย ในจำนวนกว่า 300 หน้า ไม่มีสักคำเดียวที่ลูกจะเขียนถึงมัน  
เงาศิลป์
  อาจเป็นเพราะว่าแม่อยู่กับลูกตลอดเวลา จนกระทั่งคิดว่าความสงบนิ่งคืออาการปกติที่ลูกเป็นอยู่ แน่ล่ะ นิสัยของลูกไม่เหมือนเด็กอื่นๆมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว ลูกเป็นเด็กที่มีสมาธิมาตั้งแต่ตัวน้อยๆ บางครั้งแม่เคยเห็นลูกนั่งเล่นตุ๊กตาบาร์บี้อยู่คนเดียว ทั้งแต่งตัวและหวีผมให้มันครั้งละนานๆ เป็นชั่วโมง สองชั่วโมง โดยไม่เบื่อหน่าย ก็นั่นคือกิจกรรมของเด็ก ภายในใจอาจมีจินตนาการมากมาย แต่ขณะที่เป็นคนป่วย การใช้เวลานิ่งเงียบอยู่กับตัวเองของลูก คือการเขียนบันทึกและอ่านหนังสือ ความนิ่งเงียบที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกดูคล้ายผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่แม้กระทั่งพ่อกับแม่ก็ยังเกรงใจ ไม่กล้ารบกวน  
เงาศิลป์
  วันที่ 1 สิงหาคม 2551 เวลาประมาณ 18 .30 น. ลูกของแม่ได้กลายเป็นลูกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในนามนักบวชหญิง ผู้ถือศีล 8
เงาศิลป์
  ชีวิตในแต่ละวันเป็นไปอย่างสงบเงียบ เพราะกิจกรรมหลักของลูกคือกินยา กินอาหาร อ่านหนังสือ สลับเขียนบันทึก ส่วนพ่อกับแม่ นอกจากจะต้องทำอาหาร ตรวจอาหาร นวด พอกยา อาบน้ำให้ อุ้มลูกไปห้องน้ำ อุ้มมานอกห้อง ระยะหลังยังต้องอุ้มลงมาอาบแดดยามเช้าๆ ที่แคร่ไม้ไผ่หน้ากุฏิ และต้องผลัดเปลี่ยนกันลงไปข้างล่างเพื่อทำธุระส่วนตัว กับซื้อหาอาหาร