Skip to main content

ในราวกลางเดือนมิถุนายน ลูกยังลุกขึ้นนั่งได้เองบ้าง และบันทึกประจำวัน นอกจากจะเป็นเรื่องการกินยา อาหาร ที่คล้ายๆกันในแต่ละวัน จะแตกต่างไปบ้างเมื่ออาหารบางอย่างที่ตรวจต่อมไทมัสแล้วกินไม่ได้ ทั้งที่วันก่อนๆเคยกินได้ เช่น บันทึกของวันที่ 19 มิถุนายน ลูกเขียนว่า กินแกงอ่อมไม่ได้
\\/--break--\>

"ล้างมือด้วยมะกรูด แปรงฟัน เช็ดมือ ปาก  กินน้ำอุ่น พ่อซักกางเกงให้ ฟัง CD หลวงพ่อเทศน์ อ่านหนังสือ นอน พ่อนวดให้"

"หลวงพ่อมาดูสมุดบันทึก และภาวนาให้หมอเทวดามาช่วยรักษา ส่วนเราท่องพุทโธไปด้วย หลวงพ่อบอกว่าวันนี้หน้าตาแจ่มใสดี หลวงพ่อกลับ กินยาธิเบต น้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น นอนพัก กินฟักทอง กินมังคุด (พ่อผ่าดูแต่ละลูกเน่าหมด เหลือลูกสุดท้าย พ่ออธิษฐานว่าถ้าลูกข้าพเจ้าจะหายขอให้ได้กิน ผ่าลูกสุดท้าย ลูกนี้สีสวยเนื้อขาวสด น่ากินมาก) กินข้าวนึ่งปลา ล้างมือ บ้วนปาก กินน้ำอุ่น อ่านหนังสือ"

"ฝนตก นอนกอดพ่อ .........ฝนเริ่มหยุดตก มีหมอก พ่อเปิด CD ขลุ่ยธิเบต แม่ยังไม่มา พ่อนวดหัว +หู ให้ แล้วพูดเรื่องภารกิจของป่าน 1 บวช  2 เป็นหมอแผนโบราณ  ท่องพุท-โธไปด้วย พ่อนวดหลังกับก้นกบ"

"แม่ชีเล็กมาเยี่ยม ดูสมุดบันทึก คุยกันเรื่องอาหารของจิต คือ ความสุข และอีกหลายเรื่อง แม่ชีลูบหัว มือ แขน ให้ หลับ ตื่น พ่อเช็ดตัวให้ เช็ดน้ำอุ่น ฟังขลุ่ยธิเบต  5 โมง 20 นาทีแล้ว แม่ยังไม่มา พ่อเตรียมทำกับข้าว พ่อไปเอาถ่านมา อ่านหนังสือ พ่อมา ฉี่(พ่อต้องอุ้มไปห้องน้ำ) อ่านหนังสือต่อ กินยาญี่ปุ่น อ่านหนังสือ (กินอาหาร กินยา) เข้ามาข้างใน(ห้อง) แม่มาพอดี (ตรวจอาหาร  กินอาหาร")

"กินยาธิเบต เท้าบวมคงเพราะกินไข่+ฟักทอง แม่กดลมปราณให้ พ่อนวดเท้า+มือให้ ท่องพุท-โธไปด้วย  พ่อพูดเรื่องหมอสามคน

หลวงพ่อครรชิต ศาสตร์ด้านธรรมะ+จิตใจ
หมอโซนัม ศาสตร์ด้านยา
หมอเขียว ศาสตร์ด้านอาหาร

เราก็เปิดร่างกายให้หมอเทวดามารักษา+อุทิศบุญให้หมอเทวดา+อโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวร ท่องพุท-โธ ฉี่ ถ่ายเยอะ ตอนตี 2 พ่อลูบหัว ท่องพุท-โธ นอนหลับสบายดี ฝนตกนิดหน่อย"

เดือนนี้ฝนตกเกือบทุกวัน ทุกๆเช้าลูกจะเขียนว่า มีหมอกลอยขึ้นมาจากหุบเขา ฟังเสียงสายน้ำกระทบแก่งหิน มีความสดชื่นเบิกบาน

ความสดชื่อของลูกยิ่งมากขึ้น และลูกยังรู้สึกถึงความเอร็ดอร่อยของอาหาร แต่บางครั้งยังมีความหิวอย่างรุนแรง

20/6/51

ตื่น 06.10 น. ลุกได้เอง พ่อแม่ทำกับข้าว มีหมอกลอยขึ้นมา ตาบวมนิดหน่อย ออกมาด้านนอก (กินอาหาร ตรวจข้าวสวยกินไม่ได้)

วันนี้กินเยอะอาหารอร่อย ล้างมือ แปรงฟัน เช็ดหน้า มือ พ่อกับแม่กินแกงเห็ด+หน่อไม้ (ในบันทึก ลูกชมว่าพ่อทำอาหารอร่อย)

กิจกรรมซ้ำเดิมที่ลูกทำในแต่ละวันคือ ดู CD อ่านหนังสือธรรมะ สลับอ่านละคร ในบันทึกที่ยังไม่ได้เขียนเรียงเวลาไว้ชัดเจน มีแต่กิจกรรมการกินยา อาหาร ฉี่ถ่าย และอ่านหนังสือ ดู CD ส่วนเรื่องแทรกที่มี คือเรื่องลุงยุทธและรายชื่อคนมาเยี่ยม ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนพ่อและพี่น้องชาวบ้านเครือข่ายอินแปง

29/6/51

นอนสมาธิ 05.05 น. ถึง 05.30น. (เปิดร่างกาย+อุทิศบุญให้หมอเทวดา ท่องพุท-โธไปด้วย) นอนต่อ จนถึง 06.30 น. ด้านนอกยังมืด ฝนกำลังตก ว่าจะออกไปข้างนอก แต่ลูกป้าพร คือ พี่แบ้งค์ยังนอนที่นอนอยู่ ปุ้ยก็ตื่นแล้ว เมื่อคืนฝันว่า "เดินได้  แล้วเอาลำไยมากิน แม่ยังทำทอดปลาดุก ส้มตำ คั่วไข่ อาหารมากมาย เดินได้คล่องมากเลย"

4/7/51

อาตุ๊กถ่ายรูปไปให้ลุงยุทธดู ยิ้มให้ ถ่ายท้องกับหลังด้วย .......ต้องเริ่มกินฉี่ตัวเอง  กินยาธิเบต น้ำอุ่น ตอน 15.40 น. มังคุดก็เริ่มหมดฤดูแล้ว หวังว่าพ่อคงหาซื้อได้ มังคุดหมดไม่รู้จะกินอะไร คงจะเป็นหมากเม่า พ่อคงแบกของหนักขึ้นมากับปุ้ย แต่ก็นัดเวลาไว้กับน้านี ว่าจะลงไปช่วยแบกของขึ้นมา คงมาค่ำหน่อยเพราะปุ้ยเลิกเรียน 5 โมงครึ่ง ตอนเย็นต้องกินอาหารแบบแม็คโครไปโอติก ข้าวคูดกับงามั้ง ไม่รู้จะเป็นยังไง น้านีต้องอยู้หน้าเตาตลอด ขนาดตุ๋นข้าวใช้เวลา 2 ชั่วโมง คั่วงาก็ต้องคนต้องเฝ้าอยู่ตลอด ส่วนมากอยากให้กินเครื่องเทศ พวกตะไคร้คั่วกินแล้วตดเยอะมาก เขาบอกว่าดีแล้วช่วยขับลม อาบน้ำก็อาบน้ำต้มตะไคร้ กลิ่นหอมสดชื่นดีเหมือนกัน

ไม่รู้ว่าลุงยุทธจะไปอยู่ถ้ำพระฤาษีที่บ้านบัวตอนไหน ป้าอ้วนก็คิดหนักผอมลง ลูกๆก็อยู่คนละจังหวัด ต้องเรียนหนังสือ น่าสงสาร แต่ว่าก็มีคนให้กำลังใจลุงยุทธเยอะมาก ไม่ว่าจะด้านอาหารทุกคนเอาใจใส่ลุงยุทธเป็นอย่างดี หมออัลซูมา หมอจากญี่ปุ่น มาตรวจร่างกายให้ลุงยุทธ แล้วบอกว่าให้ลูกมาอยู่ด้วยสัก 6 เดือนไม่ต้องเรียน มาให้กำลังใจ ดูแลกันได้ไหม ลุงยุทธถึงกับน้ำตานอง คงสงสารลูก อยากให้ลูกได้เรียน ไม่อยากให้ลูกลำบาก แต่ลุงยุทธเดินได้ เราต้องพยายามเดินให้ได้ ภายใน 2 เดือนนับจากอยู่ที่นี่ แต่นี่ใกล้จะ 1 เดือนแล้ว วันที่ 6 ก็จะครบหนึ่งเดือน ยังเดินไม่ได้เลย หลวงพ่อจะมาวันที่ 6 ไม่รู้จะเล่าเรื่อง ท่านมิลาเรปะให้ฟังยังๆไง

อ่านหนังสือ "ลมหายใจแห่งขุนเขา" รออาบน้ำ ฉี่ใสกว่าตอนเช้า อาตุ๊กกำลังทำกับข้าว กระปุก(หมาของป่าน)ไปไหนก็ไม่รู้ เพราะวันนี้ไม่ได้ผูกไว้ ส่วนน้านี น้าปุ่น ไปไหนก็ไม่รู้ อาบน้ำต้มใบมะขาม+ตะไคร้+ใบมะกรูด สดชื่นดี เปลี่ยนเสื้อผ้า หัวเข่าเริ่มอุ่น อาการดีขึ้นตั้งแต่เปลี่ยนอาหาร อาปุ่นหุงข้าวเหนียว คงอดกินข้าวเหนียวอีกนานเลย แต่ถ้าได้กินจะพยายามเคี้ยวให้นานที่สุด แม่ล้างถ้วยชาม อาตุ๊ก อาปุ่น คงกลับพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่าน้านีจะกลับด้วยหรือเปล่า วันนี้ไม่รู้จะได้กินไข่ต้มหรือเปล่า แต่คงได้กิน

ตอนนี้ต้องควบคุมอาหารการกินมากขึ้น น้านีก็ได้เรียนรู้วิธีทำอาหารสุขภาพมากขึ้น บางทีน้านีก็อาจจะกลับไปทำให้พี่แจนกินบ้าง เพาะพี่แจนไม่ค่อยได้กินอาหารสุขภาพ เพราะต้องกินที่โรงเรียน ยิ่งแย่กว่าเราเสียอีก (กระปุกก็วิ่งไปวิ่งมา เพราะปล่อยเชือกแล้ว) น้านี อาปุ่น อาตุ๊ก ช่วยกันยกแคร่มาตั้งแต่เที่ยง เอามาตากถ้วยชาม ทำเป็นที่หั่นผัก วางนั่นวางนี่  กินยาญี่ปุ่น น้านีขูดชอล์กตามขาแคร่ไม่ให้มดไปตอมอาหาร ต้มไข่เสร็จพอดี อยากกินไข่แดงบ้าง แต่ไม่เป็นไร กินไข่ขาวใส่ซอสก็อร่อยเหมือนกัน

ฉี่ อาตุ๊กเตือนแม่ว่าอย่าลืมเก็บฉี่ไว้ตรวจ อาตุ๊ก อาปุ่น ตรวจฉี่ ให้กินได้ แต่ต้องเจือจางกับน้ำ กินฉี่ แม่ซักผ้า น้านีกำลังปิ้งมะเขือเทศกับพริก อาปุ่นนึ่งผักที่หั่นไว้ อาตุ๊กลงไปรอถ่ายรูปพ่อกับปุ้ยที่แบกของขึ้นมา

6 โมงกว่าแล้ว แต่ยังสว่างอยู่เลย อากาศเย็นสบาย แต่เปิดพัดลมไล่ยุง สุดท้ายฝนก็ไม่ตก มีแต่เสียงฟ้าร้อง น้านีตำแจ่วไว้สำหรับผู้ใหญ่กิน เย็นนี้มีไข่ต้มหรือเปล่าไม่รู้ ที่ว่าไว้คงไม่ใช่ไข่ น่าจะเป็นอย่างอื่น แต่อาตุ๊กก็บอกให้ต้ม

อ่าน "ลมหายใจแห่งขุนเขาแชงกรี-ลา ลีเจียง-ยาดิง" ต่อ นอนลงเอง ฉี่ถ่าย ตอน 18.31 น. ถ่ายเหลืองปกติ น้านีทักทายกับกระปุกเหมือนพูดกับคนเลย  ยุงเริ่มมาอีกแล้ว ดู CD การ์ตูนธรรมะ เริ่มหิวขึ้นมา ณ บัดนี้ อาตุ๊กขึ้นมา รอไม่ไหวแล้ว อาปุ่น อาตุ๊ก ตรวจอาหาร กิน............พ่อกับปุ้ยมาถึง เหนื่อยกันใหญ่เลย ซื้อ CD หนังสือมาด้วย ฝนตก อาตุ๊ก พ่อ อาปุ่น แม่กินข้าว  อ่านหนังสือ "ธิเบตหลั่งเลือดบนหลังคาโลก" อยากกินกล้วยกับข้าวเหนียว ก็กินไม่ได้ เลยประชดไม่พูดกับใคร

5/7/51

อ่านหนังสือ "ธิเบตหลั่งเลือดบนหลังคาโลก" อ่านแล้วสงสารธิเบต แต่เขาก็สู้ "เป็นกำลังใจให้เด้อ" ต้องไปธิเบตให้ได้

ฉี่ ถ่าย ตอน 06.32 น. แม่เก็บฉี่เอาไว้ เหลือมังคุดอยู่แค่ 3 ลูก แต่ไม่รู้ว่าจะกินได้หรือเปล่า เพราะมีแต่ลูกแข็งๆ แม่เปิดเพลงธรรมะฟัง ปุ้ยยังไม่ตื่นเลย วันนี้ไม่รู้ว่าจะได้อาบน้ำตอนเช้าหรือเล่า แต่อยากอาบเพราะอาบแล้วสบายตัว สดชื่นดี แม่อุ้มออกมาด้านนอก อากาศดีมาก เย็นสบาย มีหมอกลอยขึ้นมา น้านี อาปุ่น ช่วยกันหั่นผักเตรียมนึ่ง

อ่าน "ธิเบตหลั่งเลือดบนหลังคาโลก" ต่อ ท้องยุบลงกว่าเมื่อวาน (......ตรวจอาหาร....กินอาหาร......) พยายามลดงาลง เพราะกินแล้วหน้าบวม แม่นวดน้ำมันให้ นอนแต่ได้ยินทุกอย่าง อาปุ่น อาตุ๊ก พ่อ แม่ น้านี ปุ้ย กินข้าว

นอนไม่หลับเลย ช่วงนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี อาหารไม่ถูกปาก แต่มีประโยชน์ต้องพยายามกิน ก็กินเท่าที่กินได้ อยากกินข้าวเหนียวเหมือนกับคนอื่นบ้าง ทั้งๆที่เคยกินได้ น่าจะให้กิน เห็นใจกันบ้างสิ ก็ลุงยุทธโตแล้ว ลุงยุทธก็อดกินได้น่ะสิ นี่เรายังเด็กอยู่ ก็อยากจะกินเหมือนเด็กอื่นๆบ้าง ฟ้า ดิน ช่วยเห็นใจเด็กน้อยคนนี้ด้วยเถิด ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง กลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงอีกสักครั้ง แล้วเด็กน้อยคนนี้จะปฏิบัติตนเป็นคนดี ช่วยรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้โดยการบวชชี และศึกษาการแพทย์แผนธิเบต เอาไว้รักษาคนที่ยากจนและคนอื่นๆที่เจ็บไข้ได้ป่วย ขอให้คำขอของเด็กน้อนคนนี้ เป็นจริงด้วยเถิด

ฉี่ ถ่าย ดีที่พ่อไม่เก็บฉี่ไว้ จะได้ไม่ต้องกินฉี่
พ่อแม่ตรวจร่างกาย ตรวจอาหาร ตรวจเม็ดบัวให้ กินได้ แต่ไม่กิน น้อยใจ

บล็อกของ เงาศิลป์

เงาศิลป์
ประมาณตีสาม เราค่อยๆไต่ขึ้นสู่เขตภูเขาสูง ฉันนึกเดาเอาว่าที่นี่น่าจะเป็นเขตรัฐสลังงอร์ เพราะว่าเผอิญสายตาปะทะกับป้ายที่เขียนว่า เกนติ้ง ไฮแลนด์ มีลูกศรชี้ไปทางซ้ายมือ แต่รถยังมุ่งหน้าตรงไป กระทั่งฉันเห็นเมืองเล็กๆมีไฟฟ้าสว่างไสว สาดจับที่รูปปั้นขององค์พระศิวะสีทองอร่ามความสูงร่วมร้อยเมตร ยืนตระหง่านตรงปากทางขึ้นถ้ำซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ไม่น้อยไปกว่ากัน ฉันรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นถ้ำบาตู ฮินดูสถานที่สำคัญของคนมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และถัดมาอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง มีป้ายเขียนไว้ว่า พิพิธภัณฑ์โอรัง อัสลี…
เงาศิลป์
คุณเคยเดินทางไปในทิศทางที่ไม่คุ้นเคยบ่อยไหม ขณะนั้นหัวใจของคุณเต้นเป็นจังหวะอะไร มันระทึกตื่นเต้นโครมครามปานช้างป่าตกมันหรือเปล่า หรือว่าเรียบเรื่อยราวห่านหงส์กระดิกปลายเท้าแผ่วใต้สายน้ำนิ่ง แล้วเคลื่อนร่างไปข้างหน้าอย่างละมุน แม้แต่ผิวน้ำก็แทบจะไม่กระจาย
เงาศิลป์
กำแพงบางๆ ที่กั้นระหว่างความทุกข์กับความสุข คือความกระหายใคร่รู้ในบางสิ่งบางอย่างที่ต้องหาคำตอบด้วยตนเอง จะเรียกสิ่งนั้นว่า ความท้าทาย การผจญภัย หรือความใฝ่รู้ ก็น่าจะได้ แต่บางทีมันกลับเป็นเครื่องจองจำบีบรัดหัวใจให้อึดอัดจนหายใจไม่ออก และฉันไม่ชอบอารมณ์นั้นเลย ฉันจึงต้องพยายามจะเป็นฝ่ายชนะมันด้วยการออกเดินทางเพื่อไปหาคำตอบ แม้จะอยู่สุดหล้าฟ้าเขียวก็ตาม  
เงาศิลป์
ป่าในสำนึก คือวิหารอันโอฬาร ที่เปลี่ยนแปลงรูปทรงทุกขณะที่เคลื่อนเข้าใกล้ มีพลังดึงดูด มีมนต์สะกด มีความยิ่งใหญ่ที่ข่มให้เราตัวเล็กลง ฉันจึงหลงรักการถูกครอบงำนี้ อย่างไม่อยากถอนใจ
เงาศิลป์
ฉันได้ตายลงแล้วจริงๆ เพราะเบื้องหน้าที่มองเห็นคือท่านท้าวพญายมราช "ทำไมเจ้าจึงเลือกประตูบานที่สาม"น้ำเสียงเข้มขรึมไม่ด้อยไปกว่าท่วงท่าอันน่าเกรงขามบนบัลลังค์ ฉันซึ่งนั่งคุกเข่าก้มหน้าหลบสายตา ยิ่งต้องทำตัวห่อลีบ ประหนึ่งหลบหลีกคมหอกดาบที่พุ่งมาพร้อมกับคำถามนั้น
เงาศิลป์
  ลูกรักของแม่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้เรารู้จักคำว่าสูญเสียได้อย่างลึกซึ้ง แม้แต่แม่เองก็ยังต้องครุ่นคิดย้อนหลังไปว่า ถ้าสามารถย้อนเวลาไปแก้ไขหรือป้องกันการจากพรากที่แสนจะรันทดนี้ได้ ในตอนไหนได้บ้าง แม่ก็จะทำ ถ้าแม่รู้ว่าลูกจะอยู่กับเราไม่นาน แม่จะไม่ส่งลูกไปอยู่กับคนอื่น แม้คนนั้นจะเป็นปู่กับย่าก็ตาม ถ้าแม่รู้ว่าลูกป่วยหนักและมีเวลาเหลืออีกไม่นานนัก แม่จะไม่เชื่อหมอที่วินิจฉัยในครั้งแรก ถ้ารักษาลูกได้ด้วยวิธีใดๆ เพื่อให้ลูกหายขาด แม่ก็จะทำ แต่ก็นั่นล่ะ พูดไปเมื่อสายเสียแล้ว จะมีประโยชน์อะไร ที่จะรำพัน ดังนั้น สิ่งที่พอจะทำได้ คือ แม่อยากบอกกับคนที่เป็นพ่อแม่ทุกคนว่า…
เงาศิลป์
รุ่งขึ้นอีกวัน หลังจากเก็บอัฐิของลูกแล้ว ความเศร้าโศกค่อยๆ ถอยห่างไปจากเรา ในตอนสาย พ่อได้ประกาศเจตนารมย์ให้แก่ญาติมิตรทั้งหลายทราบว่า พ่อจะตั้ง “กองบุญแม่ชีป่าน” ขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนกิจกรรมด้านธรรมะ แก่เยาวชนตามเจตจำนงค์ของลูกที่เคยบอกกับใครๆไว้ว่า อยากทำงานสืบต่อพระพุทธศาสนา แม่เชื่อว่า ในขณะที่พ่อกล่าวคำขอบคุณทุกๆคนที่นั่งอยู่ในถ้ำ ตอนนั้น ลูกได้รับรู้ด้วยเป็นแน่แท้
เงาศิลป์
    ลูกสิ้นใจท่ามกลางวงล้อมของเหล่าผู้ที่รักและเมตตาลูก โดยเฉพาะหลวงพ่อซึ่งนั่งสมาธิสงบนิ่งตลอดเวลา ตั้งแต่ลูกมีอาการใกล้จะดับ จนผ่านนาทีแห่งการพลัดพรากนิรันดร์ไปแล้ว ท่านก็ยังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่อย่างนั้น อีกหลายนาที
เงาศิลป์
แม่ไล่สายตามองหาคำว่ามะเร็ง ในหน้ากระดาษบันทึกของลูก ตั้งแต่หน้าแรกจนกระทั่งหน้าสุดท้าย ในจำนวนกว่า 300 หน้า ไม่มีสักคำเดียวที่ลูกจะเขียนถึงมัน  
เงาศิลป์
  อาจเป็นเพราะว่าแม่อยู่กับลูกตลอดเวลา จนกระทั่งคิดว่าความสงบนิ่งคืออาการปกติที่ลูกเป็นอยู่ แน่ล่ะ นิสัยของลูกไม่เหมือนเด็กอื่นๆมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว ลูกเป็นเด็กที่มีสมาธิมาตั้งแต่ตัวน้อยๆ บางครั้งแม่เคยเห็นลูกนั่งเล่นตุ๊กตาบาร์บี้อยู่คนเดียว ทั้งแต่งตัวและหวีผมให้มันครั้งละนานๆ เป็นชั่วโมง สองชั่วโมง โดยไม่เบื่อหน่าย ก็นั่นคือกิจกรรมของเด็ก ภายในใจอาจมีจินตนาการมากมาย แต่ขณะที่เป็นคนป่วย การใช้เวลานิ่งเงียบอยู่กับตัวเองของลูก คือการเขียนบันทึกและอ่านหนังสือ ความนิ่งเงียบที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกดูคล้ายผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่แม้กระทั่งพ่อกับแม่ก็ยังเกรงใจ ไม่กล้ารบกวน  
เงาศิลป์
  วันที่ 1 สิงหาคม 2551 เวลาประมาณ 18 .30 น. ลูกของแม่ได้กลายเป็นลูกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในนามนักบวชหญิง ผู้ถือศีล 8
เงาศิลป์
  ชีวิตในแต่ละวันเป็นไปอย่างสงบเงียบ เพราะกิจกรรมหลักของลูกคือกินยา กินอาหาร อ่านหนังสือ สลับเขียนบันทึก ส่วนพ่อกับแม่ นอกจากจะต้องทำอาหาร ตรวจอาหาร นวด พอกยา อาบน้ำให้ อุ้มลูกไปห้องน้ำ อุ้มมานอกห้อง ระยะหลังยังต้องอุ้มลงมาอาบแดดยามเช้าๆ ที่แคร่ไม้ไผ่หน้ากุฏิ และต้องผลัดเปลี่ยนกันลงไปข้างล่างเพื่อทำธุระส่วนตัว กับซื้อหาอาหาร