Skip to main content
กระปุก หมาเพื่อนรักของลูกต้องกลับไปบ้านบัว เพราะพ่อพามันมาเยี่ยมลูกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น วันที่มันกลับไปกับพ่อ ลูกมองตามอย่างอาลัย แต่คงเข้าใจในความจำเป็น แม้จะรักมันมากแต่ลูกก็รู้ว่ามันต้องกลับไป เพราะที่นี่ไม่ใช่ที่อยู่ของมัน
\\/--break--\>

ใกล้จะครบสองเดือนแล้วที่ลูกมาอยู่ที่วัด ร่างกายผอมบางลงมาก จนกระทั่งเวลานั่ง(ส่วนมากแม่จะประคองให้ลุกนั่ง)ยังต้องระมัดระวัง เนื่องจากกล้ามเนื้อช่วงสะโพกแห้งไปหมดแล้ว มีแต่กระดูกและผิวหนังที่บอบบางห่อหุ้มอยู่เท่านั้น

บันทึกของลูกในช่วงนี้ มีเรื่องราวใหม่ๆ คละเคล้าบรรยากาศสดชื่นของภูเขา ด้วยเรื่องของคนที่แวะเวียนมาเยี่ยม ซึ่งมีมากมาย ทั้งใกล้และไกล แต่ละคนล้วนห่วงใยในครอบครัวเรา

13/7/51

ครูเป้มาเยี่ยม พูดคุยให้กำลังใจกันหลายเรื่อง ครูเป้บอกว่าจะเอายาต้ม ยาพระอาจารย์ฝั้น ยานวดมาให้ ครูเป้ไปเอายา เวลา 14.35 น. กินฟักทอง 1 กลีบ มังคุด 4 ลูก ต้มจืดผัก ข้าวครูด งาคั่ว ครูเป้เอายามาให้ ครูเป้ทาน้ำมันให้

ครูเป้ของลูก คือครูเป้ สีน้ำ ที่เดินทางมาที่วัดเพื่อจะบวชและจำพรรษาที่นี่ ก่อนจะบวชครูเป้มาเยี่ยมให้กำลังใจลูกบ่อยๆ แม้กระทั่งตอนที่บวชแล้ว ก็ยังมา
"หลวงพี่เป้มาเอาขนมมาฝาก คงจะแอบมาเพราะว่าหลวงพ่อไม่ให้มา เพิ่งบวชใหม่ วันนี้หลวงพ่อไม่อยู่"

แม่ไม่รู้ว่าระหว่างลูกกับครูเป้ คุยอะไรกันบ้าง แต่ดูเหมือนว่าลูกมีสีหน้าที่สดใสทีเดียวเวลาคุยกัน อีกกิจกรรมหนึ่งที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ คือ การอ่านหนังสือ เมื่อหลวงพ่อกลับจากกรุงเทพฯ พร้อมกับหนังสือหลายเล่มสำหรับลูก ท่านบอกว่าอ่านจบแล้วช่วยสรุปให้หลวงพ่อฟังด้วยนะ ในบันทึก ลูกเขียนธรรมะสำคัญเอาไว้บ้าง แต่ส่วนใหญ่ลูกจะบอกกับหลวงพ่อโดยตรง แม่ไม่รู้ว่าลูกเล่าอะไรให้ท่านฟังบ้าง

แต่ในบันทึกบอกถึงความถี่ในการอ่านของแต่ละวัน เรียกได้ว่าสลับกับการกินยา กินอาหาร และการบันทึก เลยทีเดียว

ระยะหลังๆมานี้ ลูกจะนิ่งเงียบอยู่กับการอ่านหนังสือมากขึ้น เรื่องอาหารการกินดูจะเป็นปัญหาน้อยลง แต่ความห่วงใยยังส่งไปถึงคนอื่นๆตลอดเวลา เช่น พี่แจน ลูกน้านีที่ไม่สบาย ลูกจะเขียนจดหมายส่งกำลังใจไปให้ เขียนจดหมายถึงลุงยุทธฉบับที่สอง เมื่อรู้ว่าลุงยุทธขึ้นไปรักษาตัวที่วัดถ้ำพระฤาษีแล้ว หรือเวลาที่พ่อ หรือ แม่ ลงไปข้างล่าง ถ้ากลับมาผิดเวลา ลูกจะเขียนว่า รอแม่มา.....ยังไม่มา  หรือ พ่อมาช้า น้ำมันหมดหรือเปล่าไม่รู้ สิ่งเหล่านี้ทำให้แม่รู้ว่า ลูกไม่ได้คิดถึงแค่ความเจ็บป่วยของตัวเองเท่านั้น

ต่อมา ลูกบอกว่าอยากโกนผม อาจเป็นเพราะจิตของลูกแนบแน่นอยู่กับธรรมะของพระพุทธองค์แล้ว ดูจากการอธิษฐานจิตถวายผลไม้แก่พระสงฆ์  ลูกจะใช้เวลานานขึ้น และสงบนิ่งมากขึ้น

17/7/51

วันนี้เป็นวัน อาสาฬหบูชา ซึ่งเป็นวันที่พระพุทธเจ้า ได้แสดงธรรมโอวาทปาติโมกข์ วันนี้เป็นวันที่เริ่มนับ 1 และจะโกนผม ปฏิบัติธรรมต่อไป

05.38 น. ตื่นนอน อากาศสดชื่น แจ่มใส
05.43 น. แม่ พ่อ ตื่น ฉี่ ถ่ายเหลืองเยอะ ไม่ค่อยย่อยเท่าไหร่
06.06 น. กินยาธิเบต น้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น
06.23 น. ออกมาด้านนอก กินกล้วยน้ำว้า 1 ลูก
06.30 น. ลุงชัยเพื่อนพ่อมาเยี่ยม ลุงชัยถ่ายทอดพลังจิตให้ กำหนดลมหายใจเข้า-ออก ท่อง พุท-โธ พ่อชงกาแฟกิน
06.41 น. อ่านรากเหง้าของสังสารวัฏ
06.53 น. ป้าหมี น้าตู่ น้องแยม มาเยี่ยม น้าตู่กอด น้าตู่คงรักเด็กมาก ใจดี น่ารัก ให้กำลังใจหลายอย่าง
07.15 น. ตั้งจิตอธิษฐานภาวนาถวายกล้วยน้ำว้า 4 ลูก พ่อนำไปถวาย
07.54 น.พ่อ ป้าหมี น้าตู่ ไปทำบุญตักบาตร และจะอุทิศบุญให้ ทุกคนตั้งใจอุทิศบุญให้ ลุงพรกำลังวาดรูปให้ เริ่ม   หิวข้าวแล้ว
08.05 น. กินฟักทอง 2 กลีบ มังคุด 4 ลูก ต้มจืดผัก ข้าวครูด งาคั่ว ไข่ขาวใส่ซอส ธัญพืช 2 ชิ้น
08.46 น. พี่น้องชาวบ้านติ้วมาเยี่ยม พ่อไปเอากับข้าวผู้ใหญ่มากิน นอนหลับ
09.45 น. พ่อ แขกทุกคนกินข้าวกัน ตื่นนอน ฉี่ ถ่ายไม่ค่อยเยอะ เหลือง แม่เปิดเพลงธรรมะให้ฟัง พ่ออาบน้ำแล้วลงไปคุยกับแขก แม่ก็อาบน้ำต่อ ล้างถ้วย ชาม
11.02 น. ฉี่ ถ่ายเหลือง
11.18 น. กินยาธิเบต น้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น กินธัญพืช 3 ชิ้น แม่ชงกาแฟกิน
11.33 น. พ่อ แม่ นวดน้ำมันงา น้ำมันว่านให้
12.05 น. พี่น้องทางสกลฯมาเยี่ยม ตาผอง พ่อเสริม ป้ากึ้ม สาวเสริน ฉลอง สาวไก่ สาวเป้า ตาจึ อาติ๋ม อาดา อาวัช น้องเอิน หน่อนิ น้องเกมส์ มาเยี่ยม
12.40 น. กินฟักทอง 1 กลีบ มังคุด 4 ลุก ต้มจืดผัก หมกปลาขาว ข้าวเหนียว ยาเอมไซม์ตับอ่อน น้ำหนอน ล้างมือ ฉี่ แม่กินข้าวครูด งาคั่วที่เราไม่กิน
14.00 น. ทุกคนกินข้าว ปิ้งปลา ส้มตำ ทอดไข่ กับข้าวอย่างอื่นมากมาย แม่ล้างถ้วย ชาม ดูรูปที่พี่แจนวาด ส่งมาให้ 3 รูป สวยมาก จะเอาให้ลุงเปี๊ยกกับลุงชัยดู คงจะชมว่าสวยมากเหมือนกัน ทุกคนช่วยกันทำกับข้าว เตรียมให้แขกทางมุกดาหาร ที่กำลังเดินทางมา
14.15 น. โกนผม ทุกคนตัดผมให้ก่อน แล้วแม่ชีโกนผมให้ โกนเสร็จฝนก็ตก
15.13 น. แช่น้ำต้มสมุนไพร เปลี่ยนเสื้อผ้า เสียหลักล้มลงหัวโดนพื้น มึนหัวนิดหน่อย
15.36 น. กินยาธิเบต กินน้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น
15.42 น. พ่อชงกาแฟกิน
16.10 น. ป่าเฒ่า อาปลา มาเยี่ยม อาปลาบอกว่า จะเอาหนังสือธิเบตมาให้อ่าน กินกล้วยน้ำว้า 1 ลูก
16.23 น. ปุ้ย อาแจ๋ว น้องก้อง อาเกริก ย่า มา อาฝนก็มา อาฝนไม่สบาย อาหนิง เฟิร์นก็มา
17.55 น. อาจารย์บุญสรวลมา สอนหลายเรื่อง
19.55 น. ตั้งจิตอธิษฐานภาวนาถวายจตุปัจจัยเป็นเงินพันกว่าบาท พ่อไปถวาย
19.20 น. กินมังคุด 2 ลุก ฟักทอง 1 กลีบ ต้มจืดผัก ข้าวครูด งาคั่ว ไข่ขาวใส่ซอส กินน้อย
19.43 น. ฉี่ ถ่ายดี เป็นก้อนเหลือง ย่อยดี
20.25 น. กินยาธิเบต น้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น
20.30 น. เข้ามาด้านใน ฝนตก พ่อ แม่ ปุ้ยกันข้าว
21.15 น. พ่อนวดน้ำมันงา น้ำมันว่านให้ แม่ล้างถ้วย ชาม
22.20 น. ฉี่ ถ่ายเยอะ ไม่ค่อยย่อย กินฟักทอง 1 กลีบ มังคุด 3 ลูก ต้มจืดผัก ข้าวครูด งาคั่ว ไข่ขาวกับซอส กินน้อย แม่เปลี่ยนกางเกงให้ กำหนดลมหายใจ เข้า-ออก ท่องพุท-โธ
00.17 น. ฉี่ ถ่ายเหลือง กินฟักทอง 1 กลีบ มังคุด 3 ลูก ปวดบริเวณใกล้ก้นกบด้านขวา พ่อนวดตรงที่ปวดให้ นวดหลัง ตั้งจิตอธิฐานภาวนา กำหนดลมหายใจเข้า-ออก ท่องพุท-โธ
01.55 น. กินกล้วยน้ำว้า 1 ลูก พ่อนวดบริเวณที่ปวดให้ กำหนดลมหายใจเข้า-ออก ท่องพุท-โธ
03.33 น. พ่อแม่นวดให้ พ่อแม่กลุ้มใจมาก ฝนตกทั้งคืน นอนไม่ค่อยหลับ

บันทึกของลูกเริ่มมีความละเอียดละออมากขึ้น ทั้งเรื่องระยะเวลาและกิจกรรม การที่ลูกโกนผมคงหมายถึงความตั้งใจปฏิบัติธรรมจริงๆ

เช้านั้น ลูกบอกแม่ว่า  "ป่านจะกินเฉพาะผลไม้แล้วนะแม่"

บล็อกของ เงาศิลป์

เงาศิลป์
ประมาณตีสาม เราค่อยๆไต่ขึ้นสู่เขตภูเขาสูง ฉันนึกเดาเอาว่าที่นี่น่าจะเป็นเขตรัฐสลังงอร์ เพราะว่าเผอิญสายตาปะทะกับป้ายที่เขียนว่า เกนติ้ง ไฮแลนด์ มีลูกศรชี้ไปทางซ้ายมือ แต่รถยังมุ่งหน้าตรงไป กระทั่งฉันเห็นเมืองเล็กๆมีไฟฟ้าสว่างไสว สาดจับที่รูปปั้นขององค์พระศิวะสีทองอร่ามความสูงร่วมร้อยเมตร ยืนตระหง่านตรงปากทางขึ้นถ้ำซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ไม่น้อยไปกว่ากัน ฉันรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นถ้ำบาตู ฮินดูสถานที่สำคัญของคนมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และถัดมาอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง มีป้ายเขียนไว้ว่า พิพิธภัณฑ์โอรัง อัสลี…
เงาศิลป์
คุณเคยเดินทางไปในทิศทางที่ไม่คุ้นเคยบ่อยไหม ขณะนั้นหัวใจของคุณเต้นเป็นจังหวะอะไร มันระทึกตื่นเต้นโครมครามปานช้างป่าตกมันหรือเปล่า หรือว่าเรียบเรื่อยราวห่านหงส์กระดิกปลายเท้าแผ่วใต้สายน้ำนิ่ง แล้วเคลื่อนร่างไปข้างหน้าอย่างละมุน แม้แต่ผิวน้ำก็แทบจะไม่กระจาย
เงาศิลป์
กำแพงบางๆ ที่กั้นระหว่างความทุกข์กับความสุข คือความกระหายใคร่รู้ในบางสิ่งบางอย่างที่ต้องหาคำตอบด้วยตนเอง จะเรียกสิ่งนั้นว่า ความท้าทาย การผจญภัย หรือความใฝ่รู้ ก็น่าจะได้ แต่บางทีมันกลับเป็นเครื่องจองจำบีบรัดหัวใจให้อึดอัดจนหายใจไม่ออก และฉันไม่ชอบอารมณ์นั้นเลย ฉันจึงต้องพยายามจะเป็นฝ่ายชนะมันด้วยการออกเดินทางเพื่อไปหาคำตอบ แม้จะอยู่สุดหล้าฟ้าเขียวก็ตาม  
เงาศิลป์
ป่าในสำนึก คือวิหารอันโอฬาร ที่เปลี่ยนแปลงรูปทรงทุกขณะที่เคลื่อนเข้าใกล้ มีพลังดึงดูด มีมนต์สะกด มีความยิ่งใหญ่ที่ข่มให้เราตัวเล็กลง ฉันจึงหลงรักการถูกครอบงำนี้ อย่างไม่อยากถอนใจ
เงาศิลป์
ฉันได้ตายลงแล้วจริงๆ เพราะเบื้องหน้าที่มองเห็นคือท่านท้าวพญายมราช "ทำไมเจ้าจึงเลือกประตูบานที่สาม"น้ำเสียงเข้มขรึมไม่ด้อยไปกว่าท่วงท่าอันน่าเกรงขามบนบัลลังค์ ฉันซึ่งนั่งคุกเข่าก้มหน้าหลบสายตา ยิ่งต้องทำตัวห่อลีบ ประหนึ่งหลบหลีกคมหอกดาบที่พุ่งมาพร้อมกับคำถามนั้น
เงาศิลป์
  ลูกรักของแม่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้เรารู้จักคำว่าสูญเสียได้อย่างลึกซึ้ง แม้แต่แม่เองก็ยังต้องครุ่นคิดย้อนหลังไปว่า ถ้าสามารถย้อนเวลาไปแก้ไขหรือป้องกันการจากพรากที่แสนจะรันทดนี้ได้ ในตอนไหนได้บ้าง แม่ก็จะทำ ถ้าแม่รู้ว่าลูกจะอยู่กับเราไม่นาน แม่จะไม่ส่งลูกไปอยู่กับคนอื่น แม้คนนั้นจะเป็นปู่กับย่าก็ตาม ถ้าแม่รู้ว่าลูกป่วยหนักและมีเวลาเหลืออีกไม่นานนัก แม่จะไม่เชื่อหมอที่วินิจฉัยในครั้งแรก ถ้ารักษาลูกได้ด้วยวิธีใดๆ เพื่อให้ลูกหายขาด แม่ก็จะทำ แต่ก็นั่นล่ะ พูดไปเมื่อสายเสียแล้ว จะมีประโยชน์อะไร ที่จะรำพัน ดังนั้น สิ่งที่พอจะทำได้ คือ แม่อยากบอกกับคนที่เป็นพ่อแม่ทุกคนว่า…
เงาศิลป์
รุ่งขึ้นอีกวัน หลังจากเก็บอัฐิของลูกแล้ว ความเศร้าโศกค่อยๆ ถอยห่างไปจากเรา ในตอนสาย พ่อได้ประกาศเจตนารมย์ให้แก่ญาติมิตรทั้งหลายทราบว่า พ่อจะตั้ง “กองบุญแม่ชีป่าน” ขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนกิจกรรมด้านธรรมะ แก่เยาวชนตามเจตจำนงค์ของลูกที่เคยบอกกับใครๆไว้ว่า อยากทำงานสืบต่อพระพุทธศาสนา แม่เชื่อว่า ในขณะที่พ่อกล่าวคำขอบคุณทุกๆคนที่นั่งอยู่ในถ้ำ ตอนนั้น ลูกได้รับรู้ด้วยเป็นแน่แท้
เงาศิลป์
    ลูกสิ้นใจท่ามกลางวงล้อมของเหล่าผู้ที่รักและเมตตาลูก โดยเฉพาะหลวงพ่อซึ่งนั่งสมาธิสงบนิ่งตลอดเวลา ตั้งแต่ลูกมีอาการใกล้จะดับ จนผ่านนาทีแห่งการพลัดพรากนิรันดร์ไปแล้ว ท่านก็ยังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่อย่างนั้น อีกหลายนาที
เงาศิลป์
แม่ไล่สายตามองหาคำว่ามะเร็ง ในหน้ากระดาษบันทึกของลูก ตั้งแต่หน้าแรกจนกระทั่งหน้าสุดท้าย ในจำนวนกว่า 300 หน้า ไม่มีสักคำเดียวที่ลูกจะเขียนถึงมัน  
เงาศิลป์
  อาจเป็นเพราะว่าแม่อยู่กับลูกตลอดเวลา จนกระทั่งคิดว่าความสงบนิ่งคืออาการปกติที่ลูกเป็นอยู่ แน่ล่ะ นิสัยของลูกไม่เหมือนเด็กอื่นๆมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว ลูกเป็นเด็กที่มีสมาธิมาตั้งแต่ตัวน้อยๆ บางครั้งแม่เคยเห็นลูกนั่งเล่นตุ๊กตาบาร์บี้อยู่คนเดียว ทั้งแต่งตัวและหวีผมให้มันครั้งละนานๆ เป็นชั่วโมง สองชั่วโมง โดยไม่เบื่อหน่าย ก็นั่นคือกิจกรรมของเด็ก ภายในใจอาจมีจินตนาการมากมาย แต่ขณะที่เป็นคนป่วย การใช้เวลานิ่งเงียบอยู่กับตัวเองของลูก คือการเขียนบันทึกและอ่านหนังสือ ความนิ่งเงียบที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกดูคล้ายผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่แม้กระทั่งพ่อกับแม่ก็ยังเกรงใจ ไม่กล้ารบกวน  
เงาศิลป์
  วันที่ 1 สิงหาคม 2551 เวลาประมาณ 18 .30 น. ลูกของแม่ได้กลายเป็นลูกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในนามนักบวชหญิง ผู้ถือศีล 8
เงาศิลป์
  ชีวิตในแต่ละวันเป็นไปอย่างสงบเงียบ เพราะกิจกรรมหลักของลูกคือกินยา กินอาหาร อ่านหนังสือ สลับเขียนบันทึก ส่วนพ่อกับแม่ นอกจากจะต้องทำอาหาร ตรวจอาหาร นวด พอกยา อาบน้ำให้ อุ้มลูกไปห้องน้ำ อุ้มมานอกห้อง ระยะหลังยังต้องอุ้มลงมาอาบแดดยามเช้าๆ ที่แคร่ไม้ไผ่หน้ากุฏิ และต้องผลัดเปลี่ยนกันลงไปข้างล่างเพื่อทำธุระส่วนตัว กับซื้อหาอาหาร