Skip to main content

 

วันต่อๆมา การบันทึกเริ่มลงเวลาอย่างละเอียด แม่เห็นลูกกดบันทึกเวลาไว้ในโทรศัพท์มือถือเป็นระยะ จากนั้นเมื่อมาเขียนในสมุดจริงๆ ลูกจึงขยายข้อความให้ชัดเจนขึ้น กลายเป็นบันทึกที่ละเอียดละออเรื่องระยะเวลาที่ทำกิจกรรม และบางอย่าง ที่แม่อ่านพบ เราอยู่ในสายตาของลูกเช่นกัน

 



19/7/51

05.05 . ตื่นนอน ฉี่ ถ่ายดี สีเหลือง เป็นก้อน ย่อยดี พ่อกับแม่หอมแก้มกัน กอดกัน มีความสุข

05.31 . ทำบุญตักบาตร นิมนต์หลวงพ่อมาให้ได้ตักบาตร ที่กุฏิ วันนี้หลวงพ่อต้องไปสกลนคร

05.50 . ฝึกหายใจ แบบออกเสียง 6 แบบ

บริหารแขนขาพร้อมหายใจ

ฝึกบริหารขา (ใส่ถุงเท้า เท้ายุบลงทั้งสองข้าง)

ท้องนุ่มกว่าเดิม ยุบลง

หน้าไม่บวม

06.41 . กินยาธิเบต น้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น

07.09 . ฉี่ ถ่ายเหลือง เยอะ ไม่ค่อยย่อย

07.26 . กินน้ำเขียว ป้าเฒ่า อาปลา ก็กิน

07.31 . กินผักบุ้งสด มะละกอห่าม ฟักทอง 2 กลีบ มังคุด 3 ลูก ต้มจืดผัก ข้าวครูด งาคั่ว ธัญพืช 2 ชิ้น กนน้อย พ่อ ป้าเฒ่า อาปลา ปุ้ย ก็กินด้วยกัน วันนี้นั่งกินข้าวนานเกือบชั่วโมง แต่ก็ไม่เหนื่อย

08.56 . หลวงพี่เป้มา เอาขนมมาฝาก คงจะแอบมาเพราะหลวงพ่อไม่ให้มา เพิ่งบวชใหม่ วันนี้หลวงพ่อไม่อยู่ พ่ออาบน้ำ

09.13 . พยาบาลจากสกลนครมาเยี่ยม พรุ่งนี้จะกลับ ชื่ออามะนาว อาปุย

09.25 . แม่ชีมาเยี่ยม มาดูผมที่โกน

09.40 . แม่กับปุ้ย ช่วยนวดน้ำมันงา น้ำมันว่านให้ ฉี่ อามะนาวก็นวดให้ด้วย นอนหลับ

ป้าเฒ่า น้าพร ป้าหมี อาตู่ มาบอกลากลับ กอดอาตู่ก่อนกลับ คิดถึงทุกคน

12.13 . กินยาธิเบต น้ำอุ่น นยาญี่ปุ่น พ่อไปเอายาที่มุกดาหาร

12.20 . กินมังคุด 3 ลูก ต้มจืดผัก น้ำเขียว ธัญพืช 2 ชิ้น ข้าวครูด งาคั่ว กินน้อยมาก งาคั่ว 2 คำ ปุ้ยกินข้าวเสร็จก็ล้างถ้วยชาม แม่นอน

13 .07 . ปุ้ยเช็ดตัวให้

13.13 . ปุ้ยนวดให้

13.44 . ฉี่เยอะ ใส สีชา ปุ้ยนวดต่อ นอนหลับ

15 .18 . ตื่นนอน แม่ก็ตื่น ปุ้ยนังหลับอยู่ พ่อยังไม่มา คงมาถึงตอนมืด

15.35 . กินยาธิเบต น้ำอุ่น ยาญี่ปุ่น กินกล้วยน้ำว้า 1 ลูก

16.39 . ฉี่ ถ่ายป็นก้อนเยอะ ย่อยดี

16.44 . แช่น้ำต้มสมุนไพร สระผม สดชื่นดี เปลี่ยนเสื้อผ้า

16.52 . พ่อมาถึง ถ่ายรูปกับพ่อ

16.56 . กินน้ำเขียว ปุ้ยก็กิน

17.15 . แช่เท้าด้วยน้ำต้มสมุนไพร แม่กับปุ้ย ช่วยนวดเท้าให้ด้วย

17.31 . กินมังคุด 5 ลูก กล้วยน้ำว้า 1 ลูก ข้าวเหนียว มะละกอห่าม เม็ดบัว 1 ฝัก ธัญพืช 2 ชิ้น พ่อกับปุ้ยกินมะละกอที่เหลือ แม่นึ่งเห็ด พ่ออาบน้ำ

18.56 นง กินยาธิเบต น้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น ฝนตก แม่ไปเก็บเตาถ่านที่ชายคากุฏิ

19.02 . เข้ามาด้านในห้อง

19.12 . พ่อนวดให้ นอนหลับ พ่อกับแม่ตรวจร่างกาย ตรวจอาหาร พ่อ แม่ ปุ้ย ช่วยเพิ่มพลังจิตให้

21.21 . ฉี่เยอะ สีชา ฝนตก

01 .53 . ฉี่ ถ่ายไม่ค่อยเยอะ เป็นก้อน กินกล้วยน้ำว้า 1 ลูก

 

นอนหลับสบาย ตื่นแค่ครั้งเดียว แต่พ่อนอนไม่ค่อยหลับ เพราะไม่สบาย ดีที่เราตื่นแค่ครั้งเดียว

 

 

บล็อกของ เงาศิลป์

เงาศิลป์
ประมาณตีสาม เราค่อยๆไต่ขึ้นสู่เขตภูเขาสูง ฉันนึกเดาเอาว่าที่นี่น่าจะเป็นเขตรัฐสลังงอร์ เพราะว่าเผอิญสายตาปะทะกับป้ายที่เขียนว่า เกนติ้ง ไฮแลนด์ มีลูกศรชี้ไปทางซ้ายมือ แต่รถยังมุ่งหน้าตรงไป กระทั่งฉันเห็นเมืองเล็กๆมีไฟฟ้าสว่างไสว สาดจับที่รูปปั้นขององค์พระศิวะสีทองอร่ามความสูงร่วมร้อยเมตร ยืนตระหง่านตรงปากทางขึ้นถ้ำซึ่งมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร ไม่น้อยไปกว่ากัน ฉันรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นถ้ำบาตู ฮินดูสถานที่สำคัญของคนมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และถัดมาอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง มีป้ายเขียนไว้ว่า พิพิธภัณฑ์โอรัง อัสลี…
เงาศิลป์
คุณเคยเดินทางไปในทิศทางที่ไม่คุ้นเคยบ่อยไหม ขณะนั้นหัวใจของคุณเต้นเป็นจังหวะอะไร มันระทึกตื่นเต้นโครมครามปานช้างป่าตกมันหรือเปล่า หรือว่าเรียบเรื่อยราวห่านหงส์กระดิกปลายเท้าแผ่วใต้สายน้ำนิ่ง แล้วเคลื่อนร่างไปข้างหน้าอย่างละมุน แม้แต่ผิวน้ำก็แทบจะไม่กระจาย
เงาศิลป์
กำแพงบางๆ ที่กั้นระหว่างความทุกข์กับความสุข คือความกระหายใคร่รู้ในบางสิ่งบางอย่างที่ต้องหาคำตอบด้วยตนเอง จะเรียกสิ่งนั้นว่า ความท้าทาย การผจญภัย หรือความใฝ่รู้ ก็น่าจะได้ แต่บางทีมันกลับเป็นเครื่องจองจำบีบรัดหัวใจให้อึดอัดจนหายใจไม่ออก และฉันไม่ชอบอารมณ์นั้นเลย ฉันจึงต้องพยายามจะเป็นฝ่ายชนะมันด้วยการออกเดินทางเพื่อไปหาคำตอบ แม้จะอยู่สุดหล้าฟ้าเขียวก็ตาม  
เงาศิลป์
ป่าในสำนึก คือวิหารอันโอฬาร ที่เปลี่ยนแปลงรูปทรงทุกขณะที่เคลื่อนเข้าใกล้ มีพลังดึงดูด มีมนต์สะกด มีความยิ่งใหญ่ที่ข่มให้เราตัวเล็กลง ฉันจึงหลงรักการถูกครอบงำนี้ อย่างไม่อยากถอนใจ
เงาศิลป์
ฉันได้ตายลงแล้วจริงๆ เพราะเบื้องหน้าที่มองเห็นคือท่านท้าวพญายมราช "ทำไมเจ้าจึงเลือกประตูบานที่สาม"น้ำเสียงเข้มขรึมไม่ด้อยไปกว่าท่วงท่าอันน่าเกรงขามบนบัลลังค์ ฉันซึ่งนั่งคุกเข่าก้มหน้าหลบสายตา ยิ่งต้องทำตัวห่อลีบ ประหนึ่งหลบหลีกคมหอกดาบที่พุ่งมาพร้อมกับคำถามนั้น
เงาศิลป์
  ลูกรักของแม่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้เรารู้จักคำว่าสูญเสียได้อย่างลึกซึ้ง แม้แต่แม่เองก็ยังต้องครุ่นคิดย้อนหลังไปว่า ถ้าสามารถย้อนเวลาไปแก้ไขหรือป้องกันการจากพรากที่แสนจะรันทดนี้ได้ ในตอนไหนได้บ้าง แม่ก็จะทำ ถ้าแม่รู้ว่าลูกจะอยู่กับเราไม่นาน แม่จะไม่ส่งลูกไปอยู่กับคนอื่น แม้คนนั้นจะเป็นปู่กับย่าก็ตาม ถ้าแม่รู้ว่าลูกป่วยหนักและมีเวลาเหลืออีกไม่นานนัก แม่จะไม่เชื่อหมอที่วินิจฉัยในครั้งแรก ถ้ารักษาลูกได้ด้วยวิธีใดๆ เพื่อให้ลูกหายขาด แม่ก็จะทำ แต่ก็นั่นล่ะ พูดไปเมื่อสายเสียแล้ว จะมีประโยชน์อะไร ที่จะรำพัน ดังนั้น สิ่งที่พอจะทำได้ คือ แม่อยากบอกกับคนที่เป็นพ่อแม่ทุกคนว่า…
เงาศิลป์
รุ่งขึ้นอีกวัน หลังจากเก็บอัฐิของลูกแล้ว ความเศร้าโศกค่อยๆ ถอยห่างไปจากเรา ในตอนสาย พ่อได้ประกาศเจตนารมย์ให้แก่ญาติมิตรทั้งหลายทราบว่า พ่อจะตั้ง “กองบุญแม่ชีป่าน” ขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนกิจกรรมด้านธรรมะ แก่เยาวชนตามเจตจำนงค์ของลูกที่เคยบอกกับใครๆไว้ว่า อยากทำงานสืบต่อพระพุทธศาสนา แม่เชื่อว่า ในขณะที่พ่อกล่าวคำขอบคุณทุกๆคนที่นั่งอยู่ในถ้ำ ตอนนั้น ลูกได้รับรู้ด้วยเป็นแน่แท้
เงาศิลป์
    ลูกสิ้นใจท่ามกลางวงล้อมของเหล่าผู้ที่รักและเมตตาลูก โดยเฉพาะหลวงพ่อซึ่งนั่งสมาธิสงบนิ่งตลอดเวลา ตั้งแต่ลูกมีอาการใกล้จะดับ จนผ่านนาทีแห่งการพลัดพรากนิรันดร์ไปแล้ว ท่านก็ยังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่อย่างนั้น อีกหลายนาที
เงาศิลป์
แม่ไล่สายตามองหาคำว่ามะเร็ง ในหน้ากระดาษบันทึกของลูก ตั้งแต่หน้าแรกจนกระทั่งหน้าสุดท้าย ในจำนวนกว่า 300 หน้า ไม่มีสักคำเดียวที่ลูกจะเขียนถึงมัน  
เงาศิลป์
  อาจเป็นเพราะว่าแม่อยู่กับลูกตลอดเวลา จนกระทั่งคิดว่าความสงบนิ่งคืออาการปกติที่ลูกเป็นอยู่ แน่ล่ะ นิสัยของลูกไม่เหมือนเด็กอื่นๆมาตั้งแต่เล็กๆแล้ว ลูกเป็นเด็กที่มีสมาธิมาตั้งแต่ตัวน้อยๆ บางครั้งแม่เคยเห็นลูกนั่งเล่นตุ๊กตาบาร์บี้อยู่คนเดียว ทั้งแต่งตัวและหวีผมให้มันครั้งละนานๆ เป็นชั่วโมง สองชั่วโมง โดยไม่เบื่อหน่าย ก็นั่นคือกิจกรรมของเด็ก ภายในใจอาจมีจินตนาการมากมาย แต่ขณะที่เป็นคนป่วย การใช้เวลานิ่งเงียบอยู่กับตัวเองของลูก คือการเขียนบันทึกและอ่านหนังสือ ความนิ่งเงียบที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกดูคล้ายผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่แม้กระทั่งพ่อกับแม่ก็ยังเกรงใจ ไม่กล้ารบกวน  
เงาศิลป์
  วันที่ 1 สิงหาคม 2551 เวลาประมาณ 18 .30 น. ลูกของแม่ได้กลายเป็นลูกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในนามนักบวชหญิง ผู้ถือศีล 8
เงาศิลป์
  ชีวิตในแต่ละวันเป็นไปอย่างสงบเงียบ เพราะกิจกรรมหลักของลูกคือกินยา กินอาหาร อ่านหนังสือ สลับเขียนบันทึก ส่วนพ่อกับแม่ นอกจากจะต้องทำอาหาร ตรวจอาหาร นวด พอกยา อาบน้ำให้ อุ้มลูกไปห้องน้ำ อุ้มมานอกห้อง ระยะหลังยังต้องอุ้มลงมาอาบแดดยามเช้าๆ ที่แคร่ไม้ไผ่หน้ากุฏิ และต้องผลัดเปลี่ยนกันลงไปข้างล่างเพื่อทำธุระส่วนตัว กับซื้อหาอาหาร