“เจ้าสองตัวนี่ เป็นนักล่าที่เก่งกาจ ดูที่อุ้งตีนมันสิ ใหญ่กว่าหมาทั่วไป” ลุงเจนบอก เมื่อเราเดินเล่นไปจนถึงนาของแก เสียงลิ้นตวัดน้ำในสระดังขวับ ๆ ๆ เพราะความหิวกระหาย มันคงเหนื่อยอ่อนทีเดียวเพราะต้องเดินดั้นด้นมุดกอหญ้าที่ท่วมตัว ดีว่ามีกันสองตัวพี่น้องจึงพอสนุกสานหยอกล้อไล่กัดกันไปพลาง ชวนขุดหามดหาแมลงกินกันไปพลาง ระยะทางเกือบกิโลเมตรจึงพอเดินสบายๆ ในยามแดดร่มลมตกเช่นนี้
ฉันมีเจ้าสองตัวเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขมาได้สิบกว่าวัน อายุของมันทั้งสองราวๆ 2 เดือนกว่า กำลังกินกำลังซนและมันทั้งคู่ต่างประกาศนิสัยส่วนตัวออกมาอย่างชัดเจน
เจ้าเสือตัวโตกว่าเพราะกินเก่งกว่า ขี้เล่น ห้าวหาญ ช่างประจบ
เจ้าเก๋า ตัวเล็ก ขี้ขลาด หวาดระแวง ไม่ชอบสุงสิง ไม่ชอบการถูกอุ้ม ไม่ชอบให้ใครมาตอแย ไม่ชอบคำสั่งใดๆทั้งหมด นอกจากคำว่า “มากินข้าว”
เย็นวันหนึ่ง ฉันเตรียมตัวจะกลับบ้านที่ใต้ จึงต้องหาของไปฝากคนที่บ้าน
"ไปเก็บสมุนไพรกันเถอะ" ฉันเรียกเจ้าเพื่อนยาก ที่วิ่งไล่งับหลังกันอยู่ที่ลานบ้าน ส่วนใหญ่เจ้าเก๋าจะถูกเจ้าเสืองับ นานๆทีที่เจ้าเก๋าฮึดสู้กัดตอบ ...ก็มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดแล้วนี่
เราทั้งสามมุ่งหน้าไปทางท้ายไร่ แม้ว่าอากาศหนาวจะกระหน่ำสายมาเป็นระลอก ด้วยแสงอาทิตย์เริ่มโรยรา ฉันหมายตาเครือเถาว์"หนอนตายอยาก" เอาไว้นานแล้ว ฤดูหนาวเครือมันเริ่มเหี่ยวเฉาน่าขุดนัก หัวคงสมบูรณ์เต็มที่
มีใครบางคนเป็นมะเร็งในช่องปาก ได้รับการฉายแสงและกลับมาบ้านรักษาตัวเองด้วยยาสมุนไพร บอกว่าอยากได้พืชชนิดนี้ โชคดีที่ไร่ฉันมีอยู่ทั่วไป และโชคดีกว่านั้นคือเป็นชนิดตัวผู้ ที่หัวใหญ่กว่าตัวเมีย สรรพคุณทางยามีมากกว่า เดิมฉันขุดมาเพื่อทำน้ำสกัดชีวภาพฉีดไล่แมลงที่มากินพืชผัก ตอนนี้มีคนบอกว่ารักษาโรคมะเร็งได้จึงยินดีที่จะหาไปฝาก
อ้อ...วันก่อน เมียตาเก้ เดินเล่นมาที่ไร่ บอกว่าแกเองก็กินยาตัวนี้รักษาโรคเบาหวานด้วย ..ฉันก็จดจำบันทึกไว้ในสมองนั่นแหละ เผื่อโอกาสต่อๆไปจะได้นำมาวิเคราะห์วิจัย เก็บเอาไว้เป็นสมบัติของโลก
ตะวันลับตีนฟ้าไปแล้ว แต่ฉันยังคงขุด ขุด และขุด เพราะเจอเข้ากับหัวสมบูรณ์มากมาย ยิ่งขุดยิ่งเจอ เจ้าสองตัว(ดี)วิ่งไปวิ่งมา ประเดี๋ยวหาย ประเดี๋ยวโผล่ ฉันต้องคอยเรียก เพราะเห็นมันทั้งคู่วิ่งไล่กันไปทางโคกป่าทำเล "หินแม่ช้าง" ป่าใหญ่ที่มีสัตว์ป่าอันตรายบางชนิดอาศัยอยู่
เริ่มมองไม่เห็นหัวสมุนไพร ต้องใช้มือคลำ กวาดเก็บลงถุงพลาสติก เจ้าเสือนอนหอบแหง่กๆ อยู่ข้างหลุม แต่เจ้าเก๋าหายไป ฉันเริ่มกังวลใจเพราะรุ้ว่าพี่น้องร่วมท้องของพวกมันอีก 5 ตัว ถูกลากไปกินตั้งแต่นอนตัวแดงๆ ในดงอ้อยข้างเถียงนาตาลี เพราะแม่มันไปออกลูกไว้ที่นั่น
อะฮ้า ตายแน่ฉัน..."ตาลี" คงเล่นงานเอาแน่ ของรักของหวงของแกเสียด้วย เพราะว่าพ่อของเหล่าลูกหมา ก็เพิ่งเป็นไข้ตาย ที่แกยอมให้เอามาเลี้ยงเพราะสงสารที่ฉันต้องอยู่อย่างวิเวกวังเวงในยามค่ำคืน คนหรือสัตว์ร้ายเข้ามาในไร่ก็คงไม่รู้เรื่องถ้าไม่มีหมาเฝ้ายาม
แต่ตอนนี้เจ้าเก๋าหายไป !!!
"เก๋าเอ๊ยเก๋า เก๋าเอ๊ย" ฉันตะโกนเรียกเสียงดัง เจ้าเสือทำเสียงงี๊ดๆ อยู่ข้างเท้า ค่อยๆเบียดตัวเข้ามาชิด
เอ...หรือว่ามันได้กลิ่นอันตราย ฉันได้ยินเสียงแปลกๆ เป็นเสียงที่แหลมๆเล็กๆ คล้ายเสียงแมวร้อง แว่วมาจากทางในป่า แต่ชาวบ้านบอกว่าถ้าเป็นหมาจิ้งจอก มันต้องร้อง จ๊อก ๆ ๆ ๆ นี่นา และมักจะออกมาหากินตอนดึกๆ เอาล่ะซี เจ้าเก๋า ซวยแล้วไหมล่ะ
ฉันตะโกนเรียกซ้ำๆ อยู่หลายครั้ง
สักพักฉันได้ยินเสียงแกรกๆ ลากเท้าเบาๆเข้ามาใกล้ แต่เป็นคนทิศทางกับป่า...โธ่..เจ้าเก๋านะเจ้าเก๋า หายไปไหนมา ฉันโล่งอก เจ้าเสือดีใจจนกระโดดงับหลังเจ้าเก๋า ส่วนเจ้าเก๋ากระดิกหางกุดๆ ดุ๊กดิ๊ก ๆ ในความสลัว อย่างไม่รู้ประสา น่าตีนัก
"กลับบ้านเหอะมืดแล้ว" มืดค่ำจนแทบไม่เห็นทางเดิน เจ้าสองตัววิ่งสลับนำหน้าบ้าง ตามหลังฉันบ้างจนมาถึงบ้าน รู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องเสียหมาไปเพราะความโลภในยาสมุนไพร
ถ้ามันหายไปในตอนที่โตแล้ว ฉันอาจจะคิดว่า มันกลับเข้าไปสู่สังคมดั้งเดิมในรุ่นทวดของมัน เพราะยังมีญาติเลือดนักล่าอยู่ในป่าหินแม่ช้างนั่นเอง
ความเป็นนักล่าในตัวมันจึงไม่จางหาย แม้ตอนนี้ฉันจะเห็นแค่ว่า มันล่าได้เฉพาะมดตัวเล็กๆก็ตาม
อย่างหนึ่งที่ฉันรู้สึก เหมือนที่คนละแวกนี้เขารู้กัน คือ หมาชนิดนี้มีสัญญาณพิเศษที่ไม่ต้องใช้คำสั่งใดๆในการล่า เพราะมันจะสังเกตสิ่งแวดล้อม และจัดการทุกอย่างตามวิสัยล่าโดยตัวมันเอง
เช้าวันที่ฉันเตรียมตัวจะออกมาจากไร่ โดยไม่ได้บอกกล่าวอะไรมันเลย ทั้งสองตัวต่างนอนซึมนิ่งเงียบที่ลานบ้าน อย่างผิดปกติ และเมื่อลุงลีขับรถมอเตอร์ไซด์มาดูว่าฉันออกจากไร่หรือยัง
เจ้าเสือกระโดดกอดขาของแกแน่น เหมือนขอร้องให้พามันกลับไปด้วย ทันทีที่แกเลี้ยวรถออกไปจากไร่ มันทั้งคู่วิ่งไล่กวดรถลุงลีอย่างไม่ยอมเหลียวหลัง ฉันทั้งขำทั้งใจหายด้วยความสงสาร หมาเอ๊ยหมา
นั่นคือครั้งแรกที่มันตั้งใจทิ้งฉันไปจริงๆ