ฉันสำเหนียกถึงแรงสะเทือนที่ดิ้นสะท้านอยู่ภายในอก ยามที่เผลอใจไปยึดมั่นกับเรื่องราวความขัดแย้งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเราขณะนี้
ทั้งที่ฉันตั้งใจวางตัวเองไว้ตรงชายขอบของสังคม...
ไม่ได้ตั้งใจปิดหูปิดตาตัวเอง แต่เพราะการสื่อสารทั้งหลายที่ไม่สะดวก ฉันจึงหลุดออกมานอกวงสนทนาของความขัดแย้งเกลียดชัง
เพราะ...ถูกและผิด ใช่และไม่ใช่เป็นเรื่องซับซ้อน
วันวาน...สภาพชีวิตของฉันเป็นเสมือนวัชพืชของสังคม
วันนี้...ฉันเป็นผู้แผ้วถางวัชพืชตัวจริงอย่างสำนึกรู้ผิดบาป แม้จะเลือกใช้เครื่องมือที่ปลอดภัยที่สุดแล้วต่อชีวิตเล็กๆ แต่กระนั้นฉันก็ยังทำลายชีวิตบางชีวิตอยู่ดี
วิถีของชาวไร่ มีความสุขเล็กๆที่ไม่ต้องซื้อหาด้วยเงินตรา เพราะฉันสามารถชื่นชมและครอบครองดอกไม้ป่าเหล่านี้ได้ โดยไม่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อความเสียหายแก่ธรรมชาติมากนัก
แต่ในบางครั้ง ฉันกลับทำให้ชีวิตบางชีวิตต้องจบสิ้นลง เพียงเพราะรอยเท้าที่ย่างผ่านเพียงแผ่วเบา เป็นเพราะเราอยู่ใกล้กันเหลือเกิน
วิถีของการทำมาหากิน ที่เชื่อมั่นว่าเป็นผู้สร้างสรรค์มากกว่าการทำลาย บางทีฉันอาจเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง
แม้ไม่มีริ้วรอยความบอบช้ำของธรรมชาติปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างเด่นชัด แต่....ใช่ว่าจะไม่มี
เพราะธรรมชาติมีความเป็นไปที่มนุษย์ยากจะเข้าใจ บางครั้งเผลอไผลบังอาจคิดว่าเข้าใจแล้ว
รวงรังนี้ถูกทิ้งร้างไปแล้ว เพราะว่าเมื่อสามวันก่อน ฉันเฉียดกรายมาแผ้วถางป่า เพียงแค่นิดเดียวที่คมมีดเกือบจะเกี่ยวเอารวงรังและไข่ใบน้อยๆ 5 ใบของมันให้แตกกระจาย
ฉันชะงักงัน นิ่งอึ้ง..ผละจากมาอย่างสะเทือนใจ เพราะฉันกำลังได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำลายแล้วอย่างแท้จริง แม้ทุกอย่างจะดูเหมือนเดิม แต่วันต่อๆมา ไร้เงาร่างของผู้เป็นเจ้าของ นั่นเป็นเพราะฉันได้ทำลายความเป็นปกติสุขของมันไปแล้ว
คิดถึงเรื่องของกลุ่มคนที่กำลังขัดแย้งด่าทอ คิดไปถึงโลกของผู้ที่มีอำนาจมากกว่า..มากทั้งอำนาจเงินตรา มากทั้งอำนาจบารมี
อยากถามท่านทั้งหลายว่า แน่ใจแล้วหรือว่า ท่าน "เป็นผู้สร้างสรรค์" แน่ใจหรือว่า "เป็นผู้ให้"แล้วอย่างแท้จริง
โปรดก้มหนาลงดูจานข้าวของคนยากไร้ พิจรณาดูสิว่าในนั้นมีข้าวสุกกี่เม็ดในแต่ละมื้อของแต่ละวัน
แน่ล่ะ..ฉันไม่ได้ร้องขอให้ท่านก้มลงสำรวจมือของตัวเอง ไม่ต้องดูมันก็ได้ แม้ในมือนั้นจะมีเงินทองกองนอนอยู่เป็นกอบเป็นกำ เพราะนั่นไม่ใช่ความสำคัญ
แต่สำคัญที่ว่า..หลังจากนี้ สิ่งเหล่านั้นมันจะถูกยื่นไปสู่ที่ใด....เพื่อใคร
บางวัน..โลกของการสื่อสาร ทำให้ฉันมองเห็นใบหน้าเพื่อนมนุษย์ที่กำลังร่ำไห้เพราะความทุกข์ ความยากเข็ญ
แต่ขณะเดียวกันหัวใจฉัน ก็รุ่มร้อนเพราะความเกลียดชัง
นั่นเพราะ...ฉันลืมคิดไปว่า เราต่างทำมาหากิน ต่างพยายามเอาตัวรอดในสภาพของที่โลกกำลังร้อนระอุ เพราะแรงกิเลสตัณหาทั้งหลายแหล่ของเราเอง
ฉันเองอาจเป็นแม่มดในสายตาของเหล่าแม่นกทั้งหลาย ที่ต้องสูญเสียลูกไปเพราะน้ำมือฉัน
วันนี้...วันที่ฉันสะเทือนสะท้านลึกๆอยู่ในอก อย่างยากที่จะต้านทาน ฉันจึงปล่อยให้มันหลั่งไหลดำเนินไปจนถึงที่สุดของความเกลียดชัง เฝ้าดูมันดิ้นรนสับสนอย่างเงียบๆแต่จริงจัง
ฉันจึงพบว่า...ทุกลมหายใจเข้าออก ฉันล้วนแต่ทำผิด ผิดเพราะหัวใจหวั่นไหวหวาดหวั่นตามประสามนุษย์สามัญ
ฉันปล่อยให้ความเกลียดชังครอบงำหัวใจ เพราะฉันเชื่อมั่นว่าฉันเป็นฝ่ายถูก...ถูกอยู่เสมอ
ทั้งๆที่ฉันทำผิด ผิดที่ไปเกลียดชังความแตกต่างทั้งหลายแหล่ ที่ดำรงอยู่อย่างแท้จริง..ในโลกนี้