Skip to main content

พันธกุมภา

20080218 ภาพประกอบ (1)

ถึง มีนา....

เมื่อวางแผนการเดินทางเสร็จสิ้น และพยายามที่จะเคลียร์งานทุกอย่างให้แล้วเสร็จก่อนช่วงส่งท้ายปีเก่า ฉันเดินทางออกจากบ้านที่เชียงรายในวันที่ 24 ธันวาคม 2550 เพื่อมาจัดการงานต่างๆ เอกสารที่คั่งค้างจากการทำวิจัย

ช่วงการเดินทางโดยรถทัวร์จากเชียงรายมายังกรุงเทพฯ ฉันนอนไม่ค่อยหลับ เพราะกลัวหลายเรื่อง กลัวรถจะชน กลัวจะมี “มาร” มาขวางไม่ให้ได้ไปปฏิบัติ

คำว่า “มาร” ในที่นี้ ฉันไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เท่าที่เคยสัมผัสคือ น่าจะมาเป็นลักษณะของอุปสรรค กีดกันไม่ให้เราไปปฏิบัติ อย่างเช่นบางคนพอจะไปปฏิบัติธรรม ก็ป่วยไม่สบาย หรือ ประสบอุบัติเหตุ หรือว่าคนรอบข้างเราเช่น ญาติพี่น้อง ป่วยไม่สบาย ทำให้เราเดินทางต่อไปไม่ได้ เมื่อก่อนตอนที่ฉันจะไปปฏิบัติที่ธรรมอาภา จ.พิษณุโลก ก็เจอแบบอาการป่วยไม่สบายตามร่างกาย ซึ่งก็กลัวว่าการจะไปปฏิบัติครั้งนี้ที่วัดป่าสุคะโตจะเป็นแบบนั้นอีก

ทีนี้พออยู่บนรถทัวร์ระหว่างทางไปกรุงเทพฯ ในคืนนั้น รถทัวร์ขับเร็วมากๆ และก็เกือบชนกันสองหน แต่ตอนนั้นก็ตั้งสติตลอดว่า ถ้าจะตายก็ขอให้ตายไปเลย......

สุดท้าย มาถึงกรุงเทพฯ ด้วยความปลอดภัย และใช้เวลาอยู่ในกรุงเทพฯ สอง วัน ก่อนจะเดินทางไปจังหวัดชัยภูมิในวันที่ 27 ธันวาคม 2550 ระหว่างที่อยู่กรุงเทพฯ ได้จัดการเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย ซึ่งเพื่อนที่ทำงานร่วมกันบอกว่าต้องหาเอกสารเพิ่มอีกหลายชุด เกี่ยวกับทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งคงต้องใช้เวลาหานานพอสมควร ดีไม่ดีอาจจะไม่ได้ไปวัดป่าสุคะโต ซึ่งเมื่อฟังข้อเสนอแนะเสร็จ ฉันก็ได้พยายามที่จะหาเอกสารงานต่างๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และจัดการเตรียมตัวก่อนที่จะเดินทางไปยังวัดป่าสุคะโต เพื่อไม่ให้ขัดขวางต่อการไปปฏิบัติธรรมในครั้งนี้

ในที่สุด ฉันก็สามารถจัดการงานได้ทันท่วงที และพร้อมที่จะเดินทางไปยังจังหวัดชัยภูมิ การเดินทางไปวัดป่าสุคะโตที่จังหวัดชัยภูมิ เป็นการเดินทางไปยังที่หมายนี้ครั้งแรก ....ทว่าฉันยังคงระวังตัวและตื่นเต้นอยู่ทุกขณะ

ระหว่างการเดินทาง ฉันคิดถึงหลายๆ เรื่อง ทั้งที่เกิดขึ้นมาในอดีต และคาดการณ์ถึงเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ระยะเวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ – ชัยภูมิ ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ค่าโดยสารรถทัวร์ก็ไม่ถึง 300 บาท (ถูกกว่าค่าเหล้าและกับแกล้มมื้อหนึ่งด้วยซ้ำ)

ฉันนั่งคิดไปคิดมา สลับกับการโทรศัพท์หาเพื่อนๆ พี่น้องหลายๆ คน เพื่อทักทายก่อนสิ้นปี

บางคนที่เคยมีเรื่องราว “บางอย่าง” ต่อกันในอดีต ก็ขอ “อโหสิกรรม” ต่อกัน - การขอหรือให้อโหสิกรรมเพื่อไม่ให้จองเวร จองกรรม ผูกกรรม สร้างวิบากใหม่ต่อไปให้เกิดขึ้นแก่กัน

ฉันเดินทางจากกรุงเทพฯ ตอนบ่าย 2 และถึงจังหวัดชัยภูมิประมาณ 1 ทุ่ม

คุณลุงที่เป็นเพื่อนแม่ มารอรับที่บริษัทรถทัวร์ประจำทางที่จังหวัดชัยภูมิ – ลุงทา คือคำเรียกชื่อลุง

ลุงทา พาฉันไปทักทายกับญาติฝ่ายผู้ใหญ่ที่อยู่ในจังหวัดชัยภูมิ บางท่านเป็นผู้อำนวยการเขตการศึกษา เป็นผู้บริหารขนส่งจังหวัดชัยภูมิ ผู้ใหญ่หลายท่านนั่งสรวลเสเฮฮาเพื่อฉลองการเกษียณอายุราชการของลุงคนหนึ่ง

ป้าคนหนึ่งตักปลาเผาและให้ลุงทาชงเหล้ามาให้ทาน
“อ่อ...เอ่อ...ขอบคุณครับ ผมทานเนื้อสัตว์ไม่ได้ครับและไม่กินเหล้าด้วย” ฉันตอบด้วยความเกรงใจ

ป้าท่านหนึ่งถามว่าทำไม?
ฉันจึงได้โอกาสบอกว่า ฉันกินอาหารมังสวิรัติ และถือศีล 5 จึงไม่สามารถทานเนื้อสัตว์และดื่มเหล้าได้ และได้ขอบคุณในความปรารถนาดีของผู้ใหญ่ทุกๆ ท่าน
 
จริงๆ ฉันอยากจะตอบด้วยเหตุผลที่มากกว่านี้ แต่เวลาไม่เอื้ออำนวยเท่าใดนัก เพราะเธอและหลายคนอาจงง ว่าทำไมฉันต้องทำแบบนั้น ทำไมต้องถือศีล กินมังสวิรัติ เหตุผลมีอยู่ สามประการ

หนึ่ง ในการปฏิบัติวิปัสสนาตามแนวทางมรรคมีองค์ 8 นั้น มีหมวดใหญ่ๆ อยู่ สามอย่างคือ ศีล-สมาธิ-ปัญญา นั่นคือ หากเราจะปฏิบัติสมาธิ-ปัญญัติเราจักดำรงในศีลเพื่อให้ตัวเองเป็นปกติ ไม่ละเมิดศีล แล้วศีลที่บริสุทธิ์ก็จะส่งผลให้เราทำสมาธิได้ดี และการมีสมาธิได้ดีก็จะทำให้เราเจริญสติ เจริญปัญญาได้ดี ทั้งนี้ ปัญญาของเราก็จะเกื้อกูลการรักษาศีลของเราไปไหนตัว

สอง ศีลช่วยกำกับไม่ให้เราทำอะไรที่ไม่ดี เช่น การพูดปด พูดส่อเสียด นินทา ฆ่าสัตว์ ลักขโมยทรัพย์ เพราะการกระทำเหล่านี้จะทำให้เราพบกับผลกระทบต่างๆ ที่จะตามมา ดังนั้นไม่ว่าจะมองทางโลกหรือทางธรรม การรักษาตนในศีลก็ช่วยให้เราไม่พบเจอกับอันตรายใดๆ ที่เข้ามาในชีวิต จากการที่เราทำอะไรผิดๆ

สาม พอปฏิบัติวิปัสสนานานเข้า ก็พบว่าตัวเองโกรธ ที่โกรธเพราะอะไรไม่รู้ ลองดูตัวเองมาหลายวัน ก็พบว่าเพราะทานเนื้อสัตว์ จึงลองตั้งใจไม่กินเนื้อสัตว์ ก็ปรากฏว่าอารมณ์โกรธไม่ค่อยมี เพิ่มเมตตาธรรมในตัวเองเพิ่มมากขึ้น และพอกินไปมากๆ ก็ชินและทำอย่างเป็นปกติติดต่อกันมาหลายเดือน จนพบว่าการทานอาหารมังสวิรัติแม้จะไม่ได้ทานเจ คือ ฉันยังคงกินไข่และนมและผักกลิ่นฉุนต่างๆ อยู่ ก็ช่วยลดการเบียดเบียนสัตว์ ไม่ก่อกรรม สร้างวิบากใหม่ๆ ให้เกิดกับสรรพสัตว์อีกด้วย

เหตุผลต่างๆ เหล่านี้ได้ถูกบอกเล่าให้กับเพื่อนๆ ที่สนิทกันฟังอยู่บ่อยๆ จนหลายคนที่รู้จักและเคยกินเคยเที่ยวด้วยกันเมื่อก่อนถึงกับยอมรับกับฉันว่า “รู้สึกไม่คุ้นเคยกับแกเลยนะ” เพราะเปลี่ยนแปลงไปทีละนิด ทีละน้อย ช่วงหลังๆ เวลาใครเขาจะไปเที่ยวดื่มเหล้าที่ไหน ก็จึงไม่ค่อยจะชวนฉันไป หรืออย่างมากถ้าไป ฉันก็ไปเที่ยว แต่ดื่มเฉพาะน้ำเปล่าหรือน้ำอัดลมเท่านั้น

การตั้งวงกินอาหาร ทานเนื้อสัตว์อย่างเอร็ดอร่อยก็เช่นกัน หากฉันได้พูดแบบว่าไม่อยากเบียดเบียนสัตว์ต่อหน้าพวกเขา มีหวังโดนตำหนิว่าไม่รู้จักกาลเทศะแน่นอน

โชคดีที่การเจอผู้ใหญ่ในวงเหล้าฉลองปลดเกษียณนี้ฉันไม่เผลอปากพูดออกไป

ทีนี้พอลุงทา ดื่มเหล้าจนหมดแก้วก็ได้พาฉันกลับไปพักค้างคืนที่บ้านของลุงซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิ 8 กิโลเมตร และคุยกับฉันเพื่อวางแผนการเดินทางในวันรุ่งขึ้น เพื่อไปยังวัดป่าสุคะโต อย่างที่ฉันได้เล่าให้เธอรับทราบในจดหมายฉบับก่อนนั่นแหละ.....

บล็อกของ พันธกุมภา

พันธกุมภา
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบอยู่กับตัวเอง เพราะมีความรู้สึกไม่มั่นคง อีกทั้งยังคิดว่าเราควรที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ บ้าง ในการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน การเรียน หรือกิจกรรมต่างๆ ที่มีในความสัมพันธ์  แต่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ จำนวนหนึ่งที่ทำงานขับเคลื่อนทางสังคมในเรื่องชีวิตทางเพศได้เข้าร่วมภาวนา หรือ Retreat ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการภาวนาเพื่อติดตามเพื่อนๆ ที่ได้ภาวนาในรุ่นต่างๆ ก่อนหน้านี้ให้ได้พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยน ซึ่งกันและกันว่าใครเป็นอย่างไร มีสุข มีทุกข์อย่างไรบ้าง
พันธกุมภา
เมื่อมีเวลาตรวจดูสภาวะจิตใจของตัวเองในช่วงนี้แล้ว ก็เหมือนกับว่าผมได้พบกันสภาวธรรมต่างๆ ที่แปรเปลี่ยนไปหลายๆ ประการ มีเกิด มีดับ สลับกันไปในจิตแต่ละช่วงขณะ คือค่อยๆ รู้สึกตัวบ้างในบางครั้ง รู้ว่าเผลอ รู้ว่าหลง รู้ว่าประคอง ในอารมณ์ต่างๆ เช่น ความคิด ความโกรธ หรือแม้กระทั่งความอยาก
พันธกุมภา
ผมถามพี่ที่รู้จักกันท่านหนึ่งว่า "ที่คนทั่วไปไม่ค่อยปฏิบัติธรรมเพราะอะไร"และพี่ท่านนี้ก็ได้ตอบจากประสบการณ์ของตัวเอง ว่า เมื่อก่อนเค้าไม่สนใจ  เพราะเป็นเด็กจะไม่ค่อยมีความทุกข์ แต่พอโตขึ้นแล้วไม่สามารถหาคำตอบได้ในบางคำถาม แต่ธรรมะกลับตอบได้
พันธกุมภา
ถามสวัสดีค่ะเหนื่อยจัง  นอนน้อยเลยเบลอมีคำถามมาถามน้องอีกแล้วค่ะ  คือเมื่อคืนและเมื่อหลายคืนก่อน ดูละครสาปภูษา กับสุสานภูเตศวรสองเรื่องนี้มีความเหมือนกันอยู่อย่างคือ  ย้อนยุค  ทะลุมิติ  โดยมีเรื่องวิญญาณมาเกี่ยวข้องจู่ๆ ก็มีคนถามขึ้นมาว่า  เชื่อเรื่อง ชาตินี้ ชาติหน้า ไหมทำให้พี่คิดขึ้นมาว่า เออ แล้วมันจริงเหรอ เรื่องนี้น่ะไม่รู้สิคะ  ตามความคิดส่วนตัวคือ เชี่อค่ะเชื่อ เลยไม่อยากทำอะไรไม่ดีเลย  อยากสั่งสมความดี สร้างบุญเพราะเราเห็นว่ามันสุขตั้งแต่นาทีที่ทำวันก่อนอ่านหนังสือคุณ ดังตฤณ พี่คิดว่าตามแนวคิดคุณดังตฤณ  มันก็มีจริงสิคะ ชาตินี้…
พันธกุมภา
ต่อจากการตอบจดหมายเรื่องทุกข์ใจกับคนที่ไม่ชอบเรา1 ขอบคุณอย่างยิ่งค่ะอ่านแล้วรู้สึกน้ำตาจะไหล
พันธกุมภา
ช่วงที่ผ่านมา มีจดหมายจาก คุณ พรพรรณ เขียนจดหมายมาสอบถามผม 4 เรื่องดังนี้  1. การที่เราต้องอยู่ร่วมกับคนที่เขาไม่ชอบเรา หรือมีทัศนคติที่ขัดแย้งกัน  เราควรทำอย่างไร2. การแผ่เมตตา  ช่วยให้ทุกข์ที่เกิดขึ้นคลายลง ได้หรือไม่  และการแผ่เมตตามีคุณอย่างไร3. การไปปฏิบัติ  จะช่วยให้เกิดผลบุญถึงเจ้ากรรมนายเวรได้จริงหรือเปล่าคะ4. คุณน้องเต้าเชื่อเรื่องกรรม หรือไม่คะ ผมได้รับและตอบกลับดังนี้.................... สวัสดีครับ ขอบคุณที่ไว้วางใจให้ผมได้แบ่งปันนะครับแต่...สภาวะของผมอาจเป็นคนอื่น…
พันธกุมภา
 คืนนี้ ดึกแล้วครับช่วงเวลาตีสามกว่าๆ ควรเป็นเวลาที่ผมจะได้นอนหลับอย่างสงบแต่ไม่รู้ทำไม? คืนนี้จึงเกิดความรู้สึกว่าอยากจะรวมเล่มบันทึก "ธรรมใจ ไดอารี่" นี้ให้เสร็จ
พันธกุมภา
ผมเขียนเรื่องนี้ตอนเพิ่งตื่น ตอนนี้ยังไม่ได้ล้างหน้า แปรงฟัน ตาก็ดูเบลอ ทำอะไรก็เบลอๆ อยู่นิดหนึ่ง ยังไม่ค่อยมีใจอยากจะทำอะไร ความขี้เกียจเป็นเพื่อนที่ไม่หนีไปไหน ยังคงยืนอยู่ข้างๆ กายผม ไม่อยากทำอะไรเลย แม้ว่าจะมีงานมากน้อยเพียงใด ผมอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงที่การอยู่เฉยๆ เพราะเวลาไม่ได้ทำอะไรก็ดีไปอีกอย่าง...บอกไม่ถูกครับ
พันธกุมภา
  ตอนนี้ผมพบว่าความอ่อนล้าทำให้เหนื่อยกับสิ่งกำลังทำอยู่ ไม่ว่างานจะสนุกเพียงใด แต่ถ้าอะไรหลายๆ อย่างเข้ามาในชีวิตจนไม่สามารถจัดการได้ว่าจะทำอะไรก่อนหลัง วิธีการเรียงลำดับความสำคัญของงานเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับการมีชีวิตที่สมดุลกัน
พันธกุมภา
แม่เพิ่งโทรมาถามผมว่าวันเกิดปีนี้จะทำอะไร? และเตือนว่าอย่าลืมไปทำบุญถวายพระ แถมยังบอกอีกว่าปีนี้ อยากให้ทำทานโดยการซื้อผ้าเช็ดตัวให้กับผู้เฒ่าผู้แก่และเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ในหมู่บ้าน ผมรู้สึกดีใจที่คุณแม่โทรมา เพราะอย่างน้อยแสดงว่าท่านจำวันเกิดของผมได้ แม้ว่าผมจะไม่ค่อยตื่นเต้นอะไรกับวันเกิดเพราะมันก็เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งสำหรับผม แต่ที่ไหนได้วันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณแม่ เพราะท่านได้ให้การเกิดผมมาลืมตาดูโลก
พันธกุมภา
ช่วงอาทิตย์กว่าที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ที่คนรอบข้างผมต้องเสียชีวิตไปมากกว่า 3 คน คนหนึ่งเสียชีวิตด้วยการยิงตัวตาย อีกคนเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และคนสุดท้ายเสียชีวิตดูความชรา การจากไปของคนรู้จักเหล่านี้ แน่นอนว่านำมาซึ่งความเสียใจ ความเศร้าโศก และมันก็ทำให้ผมคิดถึง “ความตาย” อยู่ทุกๆ ขณะ เพราะความตายนี้เป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราจริงๆ ซึ่งมันเป็นการบอกย้ำธรรมชาติของชีวิตว่าชีวิตทั้งหลายเป็นของไม่เที่ยง
พันธกุมภา
หลังจากวันที่เริ่มบันทึกมาจนถึงวันนี้ ก็ผ่านเลยมาหลายวันแล้ว มีเรื่องราวหลายๆ อย่างเกิดขึ้นในชีวิตแต่เท่าที่สำคัญและจำได้ดีคือ ช่วงวันที่ 5 - 15 มกราคม ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ ที่ทำงานสุขภาวะทางเพศประมาณ 20 คนได้เข้าอบรมภาวนาภายในและการเรียนรู้โครงสร้างทางสังคม ที่บ้านสวนธารทิพย์ ซึ่งมีพี่อวยพร เขื่อนแก้ว เป็นกระบวนกรหลัก