Skip to main content

29_7_01

 

 

แดดสาดลงบนพุ่มบุหงาส่าหรีริมหน้าต่าง
เธอแต่งกระโปรงยาวทอลายดอกไม้สีน้ำเงิน

เดินมาจับมือผมออกมาจากเก้าอี้เขียนหนังสือ

แล้วเพลงเต้นรำก็ดังกังวาน


เพลงของมาร์ค นอฟเลอร์ ชื่อ whoop de doo

แหบเครือเสียงร้องเพลง บอกหนทางแคบทอดไปยังป่าสีดำ

ผมโอบเอวเธอ คล้ายว่าเคยพบเธอที่ไหน

แขนเธอลู่ลงข้างตัว


เส้นผมเธอดำขลับยาวสลวยถึงสะเอว

เส้นผมปลิวตามเสียงเพลง

เธอมีกลิ่นดอกบุหงาส่าหรี

เธอผิวขาว แต่ไม่มีใบหน้า


เธอมีแต่ความเงียบ กับขอเท้ามีเสียงกระพรวนเหล็ก

ผมจับเอวเธอเต้นไปรอบโต๊ะเขียนหนังสือ

บนพื้นปูนเซรามิกรูปดอกไม้เก่าๆเย็นเฉียบ

มือเธอนุ่มนวลแตะสีข้างผม


เนื้อตัวเธอเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง

เธอไม่ส่งเสียงใดๆ

เสียงเพลงมีสไลด์กีตาร์บาดลึก แฮมมอลเสียงต่ำ

ผมจับเอวเธอเต้นไปรอบโต๊ะเขียนหนังสือ


เธอไม่ส่งเสียงใดๆ

เธอไม่มีใบหน้า เธอมากับกลิ่นดอกบุหงาส่าหรี

แล้วกลิ่นผ้าเก่าชื้นๆก็โชยมาจากหน้าต่าง

Whoop de doo ย้อนวนรอบกลับมาอีกครั้ง อีกครั้ง..

ชายกระโปรงยาวไหวไปรอบๆโต๊ะเขียนหนังสือ

 

คำ พอวา

เพลงประกอบ : Whoop de doo โดย Mark Knopfler
ภาพ : http://www.oknation.net/blog/charoenkwan

 

บล็อกของ กวีประชาไท

กวีประชาไท
เสียง อิ่มอดอ่อนล้า             โรยแรง ลือ    เล่าความจำแฝง          เหลื่อมเร้น เสียง ลือเล่าตายแหง           เสร็จส่ง เรื่องฤๅ เล่า   เจื่อนเก้อหน้าเฟ้น        เก่าพร้อมใหม่หยิม ฯลฯ
กวีประชาไท
  แล้วดอกจานบ้านนาก็ร่วงหล่น           จากแล้งฝนผ่านพ้นสู่เหน็บหนาว แสงตะเกียงดวงน้อยก็ดับยาว            สายลมหนาวพาความเศร้ายังบ้านนา
กวีประชาไท
สิ้นเดือนเดินทางมาพร้อมกับว่างเปล่า
กวีประชาไท
ยุคเยื้องกรายย่ำเท้า หนาวลึก สารสื่อเร่งรู้สึก ท่ารู้ ความเป็นอยู่ด้านนึก ตกดิ่ง แล้วฤๅ เรียกว่าต่างกลุ่มกู้ ชาติเชื้อชนผอง ฯลฯ
กวีประชาไท
  โบยตีฉันเถิดความทรงจำ บัดนี้, ฉันยอมจำนนต่อทุกสิ่งแล้ว ต่อวิญญาณอันพ่ายพังกับความฝันในเวิ้งแล้ง ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าในดินทราย
กวีประชาไท
มาเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าคนเคยรัก มาไถ่ถามว่าเหนื่อยหนักและท้อไหม กับชีวิตกับเรื่องราวความเป็นไป เหล้าจอกนี้รินให้เพื่อนดื่มกิน
กวีประชาไท
หนึ่งหยดพรสวัสดิ์นี้          สุขสรรค์ หยดเผื่อไว้เอื้อปัน            ตื่นย้ำ โดยลุคลื่นคลี่นครร-         ลองคลื่น ที่นี่ที่อื่นล้ำ                     หยั่งปลื้มปรีดิ์ถึง ฯลฯ 
กวีประชาไท
คนตายก็ตายไป คนอยู่ก็อยู่ไป ชีวิตหนึ่ง..ก่อนสู่เชิงตะกอน  
กวีประชาไท
    อรุณรุ่งแห่งการต่อสู้ฉายฉานแจ่มชัด ดั่งจะบอกว่า “แนวทางของประชาชนก็คือแนวทางประชาชน ดั่งจะบอกว่า “แนวทางของเผด็จการก็คือแนวทางของเผด็จการ
กวีประชาไท
    จึงใฝ่ฝันถึงวันที่สวยงาม               หลังโมงยามทะเลคลั่งฟ้าสดใส ชุบชีวิตฟื้นตื่นจากเดียวดาย          ปลุกดวงดาวพร่างพรายกลับคืนมา
กวีประชาไท
หากไทยไม่รู้จัก              รากฐานชาติย่อมย่อยแหลกราน    ทุกครั้งคนทุกส่วนอาจหาญ         โหมหักปลุกคลั่งไคล้เผลอพลั้ง    พ่ายเพ้อนิรันดร ฯลฯ