Skip to main content

ยุคเยื้องกรายย่ำเท้า หนาวลึก

สารสื่อเร่งรู้สึก ท่ารู้

ความเป็นอยู่ด้านนึก ตกดิ่ง แล้วฤๅ

เรียกว่าต่างกลุ่มกู้ ชาติเชื้อชนผอง ฯลฯ



( ) ทุกข์สาหัสจัดให้                       ร่วมสมัย.. ใครหม่นหมอง

ฤๅ แต่ละครรลอง                             ถือริษยา.. อนิจจา ฯ


( ) เรียกมันว่า “กระจก”                  สะท้อนถอน...อกผวา

รูป, ไล้ลูบ.. ตรึงตรา                         แม้โดยจินตนาการ ฯ


( ) เรียกว่า “ความคลับคล้าย”          เสี่ยงใจทาย.. ไหวอาจหาญ

เอื้อโอย - ส่วนบุญทาน                      เศษวัยนี้ - อยู่ที่ใด ฯ


( ) เรียกด้านชาว่า “เงียบ”               เรียบเรียบดั่งเฉียบลื่นไหล

ลือความงาม - คลั่งไคล้                     จำคลื่นล้อ.. ต่อพระลอ ฯ


( ) เรียกความเข้มแข็งว่า                 วาทะบาดอุรา - รูปหล่อ –

พระเอกพลางเพียงพอ                       นางเอกเก้อ สวรรค์ลอย ฯ


( ) เรียกถามเสพสะดวก                  บวกสมานฉันทะคล้อย

คอยหน่อยน้องเอวลอย                      เสพอิ่มสมคงเปรมปรีดิ์ ฯ


( ) เรียกหามาปรับทุกข์                   ปรารมภ์ลุก - ปราศรัยที่

วจีกับ.. ไมตรี                                   สาหัสย้อมไหน.. ใจเพียง ฯ


( ) เรียกถึงความขยัน                     ยิ่งยื้อยัน - มันรั้นเสียง

เรื่อยเรื่อยมาเรียงเรียง                        บากหน้ามาก - ฉากม่านบัง ฯ


( ) เรียกถึงความเกียจคร้าน              สันดานมันลึก - เกินหยั่ง

นามไหวแผ่ลำพัง                               เรียกล้ำบท.. หมด - แรงใจ ฯ


( ๑๐ ) เรียกร้องความนิยม                  โดยคลื่นหล่ม - ลมหลงใหล

ชั่วข่าวฉายฉับไว -                            โหมเห่รุ่น - ทุนนิยม ฯ


( ๑๑ ) เรียกน้อมไหนยอมรับ              โดยกลอกกลับ.. กล้ำกลืนข่ม

ตอบไว้ในสายลม                             ได้กลั่นหาย.. สลายเลือน ฯ


( ๑๒ ) กล่าวเรื่องทั่วทั่วไป                 ร่วมสมัยนี้ไหวเหมือน

ร้างอกสะทกเอื้อน                            เธอเรียกมันว่า...สาบาน!



                              ณรงค์ยุทธ โคตรคำ

 

 

 

บล็อกของ กวีประชาไท

กวีประชาไท
เสียง อิ่มอดอ่อนล้า             โรยแรง ลือ    เล่าความจำแฝง          เหลื่อมเร้น เสียง ลือเล่าตายแหง           เสร็จส่ง เรื่องฤๅ เล่า   เจื่อนเก้อหน้าเฟ้น        เก่าพร้อมใหม่หยิม ฯลฯ
กวีประชาไท
  แล้วดอกจานบ้านนาก็ร่วงหล่น           จากแล้งฝนผ่านพ้นสู่เหน็บหนาว แสงตะเกียงดวงน้อยก็ดับยาว            สายลมหนาวพาความเศร้ายังบ้านนา
กวีประชาไท
สิ้นเดือนเดินทางมาพร้อมกับว่างเปล่า
กวีประชาไท
ยุคเยื้องกรายย่ำเท้า หนาวลึก สารสื่อเร่งรู้สึก ท่ารู้ ความเป็นอยู่ด้านนึก ตกดิ่ง แล้วฤๅ เรียกว่าต่างกลุ่มกู้ ชาติเชื้อชนผอง ฯลฯ
กวีประชาไท
  โบยตีฉันเถิดความทรงจำ บัดนี้, ฉันยอมจำนนต่อทุกสิ่งแล้ว ต่อวิญญาณอันพ่ายพังกับความฝันในเวิ้งแล้ง ทิ้งไว้เพียงรอยเท้าในดินทราย
กวีประชาไท
มาเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าคนเคยรัก มาไถ่ถามว่าเหนื่อยหนักและท้อไหม กับชีวิตกับเรื่องราวความเป็นไป เหล้าจอกนี้รินให้เพื่อนดื่มกิน
กวีประชาไท
หนึ่งหยดพรสวัสดิ์นี้          สุขสรรค์ หยดเผื่อไว้เอื้อปัน            ตื่นย้ำ โดยลุคลื่นคลี่นครร-         ลองคลื่น ที่นี่ที่อื่นล้ำ                     หยั่งปลื้มปรีดิ์ถึง ฯลฯ 
กวีประชาไท
คนตายก็ตายไป คนอยู่ก็อยู่ไป ชีวิตหนึ่ง..ก่อนสู่เชิงตะกอน  
กวีประชาไท
    อรุณรุ่งแห่งการต่อสู้ฉายฉานแจ่มชัด ดั่งจะบอกว่า “แนวทางของประชาชนก็คือแนวทางประชาชน ดั่งจะบอกว่า “แนวทางของเผด็จการก็คือแนวทางของเผด็จการ
กวีประชาไท
    จึงใฝ่ฝันถึงวันที่สวยงาม               หลังโมงยามทะเลคลั่งฟ้าสดใส ชุบชีวิตฟื้นตื่นจากเดียวดาย          ปลุกดวงดาวพร่างพรายกลับคืนมา
กวีประชาไท
หากไทยไม่รู้จัก              รากฐานชาติย่อมย่อยแหลกราน    ทุกครั้งคนทุกส่วนอาจหาญ         โหมหักปลุกคลั่งไคล้เผลอพลั้ง    พ่ายเพ้อนิรันดร ฯลฯ