คนในโลกปัจจุบันเริ่มไม่รู้หน้า รู้หลัง ไม่รู้ว่าปัจจุบันกำลังทำอะไร เพื่ออะไร หรือควรจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต
เพราะคุณค่า ความหมาย ในหัวที่ถูกกดดัน บีบคั้น เพราะสิ่งที่ถูกสั่งสอนมา มันขัดแย้ง ยอกย้อนกันเอง มาตลอด
บูชา การเป็นเจ้าคนนายคน ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องเป็นคนดีของสังคม
ตั้งหน้าตั้งตาเรียนแข่งขันกันในระบบ เน้นระบบเหยียบหัวข้ามเพื่อเกรดที่เหนือกว่า
จบมาทำงานก็แย่งกันสร้างผลงาน ทำยอด แทงข้างหลังเพื่อนร่วมงาน ประจบสอพลอเจ้านาย ขูดรีดลูกจ้าง
การโกหก หลอกลวง ฉ้อฉล ลูกค้า ผู้ผู้บริโภค ทั้งหลอกขาย ลดคุณภาพสินค้า บริการ เพื่อเพิ่มกำไร
เป็นส่วนหนึ่งของระบบการผลิตที่ทำลายทรัพยากรสิ่งแวดล้อม และขุดรีดผู้ใช้แรงงาน
ยอมจำนนต่อความชั่ว เพราะโดนบีบ ด้วยผลตอบแทน และเวลาในการทำงานที่เข้มงวด
ต้องใช้ชีวิตแข่งขันเร่งรีบ และทำอะไรซ้ำๆวนไปวนมาให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ ทุกเช้าค่ำ ซ้ำๆเดิม ไม่เห็นฝั่ง
เพราะตลอดมา ชีวิตการเรียน และทำงานที่ผ่านมา ได้ปิดล้อมอยู่กับตัวเอง แข่งขันกันผู้อื่นทำให้ตัดขาดกับสังคม
ไร้คุณค่าความหมายกับผู้อื่น ไม่มีตัวตนโดดเด่นออะไร จึงลุกขึ้นมาสร้างความหมายให้ตัวเองปรากฏขึ้นในสังคม
เขาว่า ดูคนที่เนื้อในไม่ใช่เปลือกนอก แต่ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง
ไม่มีเวลาศึกษาค้นคว้าว่าคุณภาพของคนหรือการกระทำใดที่ควรยกย่อง จึงยึดติดภาพลักษณ์ และความดังโดดเด่น
เลยต้องการสร้างตัวเองให้เป็นที่รู้สนใจในสังคม เป็นที่รู้จักของผู้อื่นรอบข้าง และเด่นดังในวงกว้าง
เริ่มด้วยการบริโภคสินค้าและบริการที่ใครก็ว่าเจ๋ง ว่าดี บริโภคแล้วดูดี เท่ห์ เป็นที่ชาบูของเพื่อนฝูงและสาวก
บริโภคเฉยๆ ไม่ได้ ต้องเผยแพร่อกไปให้มีคนอิจฉา อยากติดตามผลงานทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค แต่ยิ่งทำยิ่งรู้สึกโหวง ไม่ฟิน!
ทบทวนใหม่ ก็ยังอยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จทางเศรษฐกิจ แต่ก็อยากมีความหมายต่อคนอื่น มีหน้ามีตาในสังคม
อยากจะเป็นคนดี แต่เป็นฟันเฟืองในการบดขยี้คนอื่นเพราะซื้อหุ้นบริษัทที่เขาว่าโหดแต่กำไรดีซื้อสินค้าบริษัทที่ขูดรีดแต่ถูก
อยู่ในภาวะ “พร่องความดี” จึงอยากเติมเต็มชีวิตด้วย “ความดี”
รู้สึกว่าไม่พอ ไม่มั่นใจ เหมือนขาดอะไรสักอย่าง อยากมีครบทุกอย่าง จึงอยากเชื่อมต่อตัวเองเข้ากับนิยามความดี
อยู่เฉยๆ ไม่ได้ ต้องลุกขึ้นมาพยายามแสดงออกว่าตัวเองเป็นคนดี ทำความดีเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เชื่อมกับขบวนการใหญ่ขึ้น
แค่รักเพื่อนมนุษย์ สิ่งแวดล้อมก็ดูดีมีความรู้สึกอิ่มอกใจ แต่ยังไม่เท่ารักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และต้องจัดเต็มเพื่อยืนยัน
แสดงออกว่ารักเพื่อนร่วมชาติฝ่ายหนึ่ง แต่ส่งกลับส่งสัญญาณให้บดขยี้เพื่อนร่วมชาติอีกกลุ่มหนึ่งที่ “แตกต่าง” จากตน
ปากบอกรักชาวนาอย่างสุดซึ้ง แต่ขัดขวางการบรรเทาทุกข์ชาวนา เสมือนว่า มีแต่พวกตนเท่านั้นที่มีสิทธิทำความดี
แสดงออกว่ารักษ์โลกแต่ถือหุ้นบรรษัททำลายสิ่งแวดล้อม อยากเห็นคนดีกรรมการบริหารบรรษัทมาขจัดทุนสามานย์
ปากพร่ำบอกว่า ฉันรักประชาชน แต่อาจรักวัตถุมากกว่า เช่น ห้างฯ เมื่อใครมาขัดขวางทางบริโภค ต้องตาย
การให้ความหมายกับสรรพสิ่งรอบตัวที่เชื่อมโยงกับตัวเอง สิ่งของที่เกี่ยวกับกลุ่มตัวเองมีความหมาย และมีมูลค่าราคาแพง
รวมกลุ่มทำกิจกรรมกับเครือข่ายที่มีความคิด ความต้องการ แล้วแสดงออกคล้ายกันด้วยเสียงดังๆ เหมือนสวดมนต์ภาวนา
แต่กลับละเลยมองไม่เห็นความหมายและคุณค่าของสิ่งอื่นอีกมากมายที่ไม่เชื่อมโยงกับตัวเอง
ตัดขาดตัวเองออกจากโลกที่ไม่อยากเชื่อมสัมพันธ์ด้วย เพราะเบื่อหน่ายรำคาญ พวกโง่ ควาย ไม่รักชาติ ไม่รู้ทันคน ถูกซื้อ
เกิดความขัดแย้งในความคิด ไม่สม่ำเสมอ ไม่แน่นอนในเชิงศีลธรรม จริยธรรม เพราะบางทีเราก็ทำเหมือนเขา แต่เราไม่ผิด
มีความเชื่อและศรัทธาต่อตัวบุคคลหรือองค์กรหนึ่ง จนมีข้อยกเว้นในเชิงศีลธรรมจริยธรรม ผู้นำเราโกงได้ฆ่าได้ แต่เขาห้าม
ลงมือปฏิบัติการความดีแบบที่ตัวเองเชื่อ เพื่อสร้างฝันของตนและกลุ่มให้เป็นความจริง เสมือนหนึ่งนักล่าฝันบ้านเรียลลิตี้
ปิดตา ปิดหู ปิดใจ ไม่ฟังเสียงทักท้วงคัดค้านจากผู้อื่นที่รายล้อม แม้เขาจะเดือดร้อนมากเพียงใด เพราะทำในสิ่งที่เชื่อ
ใช่แล้ว! เพราะโลกมันใหญ่เกินไปตัวเองกลับเล็กลงไปจนภารกิจในการเปลี่ยนสังคมด้วยตนเองยากเกินไป
คนในสังคมทุนนิยม จึงกลายเป็นเพียงฟันเฟืองเล็กๆ ที่พร้อมขับเคลื่อนไปตามเครื่องยนต์ใหญ่ที่ชักใยโดยไม่รู้ตัว
เครื่องยนต์แห่งความปรารถนา ต่อเป้าหมายทางเศรษฐกิจและความมั่นคงในชีวิตประจำวันเป็นเศรษฐีใหญ่ ไร้ความกังวล
เครื่องยนต์แห่งความปรารถนา ต่ออุดมการณ์ คุณค่าอันยิ่งใหญ่ ในโลกแห่งความฝัน เป็นนักบุญคนดังมีผู้นับถือบูชา
รู้ว่าเป้าหมายจะสำเร็จไม่ได้ถ้าไม่เปลี่ยนความคิด ความเชื่อ ความฝัน เป็นการกระทำและลงมือสร้างให้มันเป็นจริง
ก็มีความฝันที่พร้อมจะลุกขึ้นมาทำเมื่อมีโอกาส มีความพร้อม มีความมั่นคงในชีวิต ไม่ต้องกังวลอะไร
แต่งานที่ทำอยู่ทุกวันก็ต้องทำ เพราะไม่งั้นก็ไม่มีกิน ไม่มีใช้ ไม่มีเก็บไว้ในยามจำเป็น แต่ลืมคิดไตร่ตรองให้ตกผลึกว่า
ความฝันกับสิ่งที่ทำอยู่นั้น มันขัดกันเองไหม จะทำอย่างไรต่อไป และอาจไม่สามารถหาคำตอบและวิถีได้ตลอดชีวิต
ต้องถมความ “กลวง” ไปจนถึงวันตาย คนใจแก่จำนวนมากมายจึงเข้าร่วมกิจกรรมการเมืองแบบ “สงครามครั้งสุดท้าย”
สงครามครั้งสุดท้ายที่ต้องเข้าร่วมขบวนเพราะมันคือการทำดีเพื่อชาติ ประกาศแตกหักกับคนชั่ว เพื่อให้ตัวตายตาหลับ
แต่อาจะลืมนึกถึง อนาคตของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องมารับสังคมผุพังจากภัยสงครามต่อไป......
เคยศึกษาสังคมอื่นไหม ว่าเขาแก้ปัญหาวิกฤตสังคมทุนนิยมได้อย่างไร
เขาผลักดันด้วยการร่วมกันสละผลงานที่ทำได้ในแต่ละวันแบ่งปันให้กับผู้ยากไร้ ลำบาก ทุกข์ยากในสังคม
เปลี่ยนสังคมด้วยกระบวนการทางกฎหมายภาษี เพื่อสร้างสวัสดิการในสังคม ซึ่งนั่นคือ การเป็น “คนดีต่อเพื่อนร่วมสังคม”
แล้วสวัสดิการสังคมนั้นก็จะสร้าง “ความมั่นคง” ให้กับตัวเองในยามฉุกเฉินจำเป็นต้องพึ่งพิงคนอื่น ด้วย
มันคือ การสร้างสวรรค์บนดินที่ทุกคนจะอยู่กินกันโดยความหมายต่อกันและมีความมั่นใจไร้ความกลัวต่อ “ความเสี่ยง” ใด
*คนใจแก่ไม่จำกัดเพียงอายุหากรวมคนจิตใจเหนื่อยล้ายึดติดกับความเพ้อฝันในอดีตไม่พร้อมเปลี่ยนสังคมหากกระทบตน