Skip to main content

ภัยใกล้ตัวอีกเรื่องที่ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ไม่อยากเจอคงเป็นเรื่องลึกๆ ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัวซึ่งเป็นความในไม่อยากให้ใครหยิบออกมาไขในที่แจ้ง แม้ความคิดของคนในสังคมเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์และความบริสุทธิ์จะเปลี่ยนไปแล้ว คือ เปิดกว้างยอมรับกับความหลังครั้งเก่าของกันและกันมากขึ้น   แต่หากต้องเจอกับความหลังอันขมขื่นที่ตามหลอกหลอนไม่ยอมปล่อยให้ไปมีชีวิตใหม่ ก็ต้องหาทางแก้ไขเพื่อให้ภัยเหล่านั้นไม่มากล้ำกลาย   เรื่องนี้มีจิ้งจอกสังคมที่นิยมใช้ประสบกามและกลเม็ดเด็ดพรายล่อหลอกสาวน้อยให้พลีกายเป็นของตน แล้วใช้กลวิธีกดขี่สารพัดเพื่อให้หญิงไม่อาจจากไปทั้งที่ใจรับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว   ซึ่งเธอก็ได้เข้ามาปรึกษากับผมที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม เพื่อหาทางออกในการป้องกันน้องคนนี้ให้อยู่รอดปลอดภัยและจัดการกับจิ้งจอกสังคมคนนี้

“ตอนที่ฉันเริ่มใช้อินเตอร์เน็ตมันมีโปรแกรมหนึ่งที่เอาไว้หาเพื่อนคุยกันและสามารถลงรูปต่างๆได้ จนมีคนหนึ่งเข้ามาคุยด้วย ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบทุกวัน เมื่อฉันอยู่บ้านไม่มีใครก็ได้เค้าช่วยเป็นเพื่อนให้หายเหงา   เค้าเป็นคนตลกมากหาอะไรบ้าๆบอๆมาให้สนุกได้ทุกวัน   จนวันนึ่งเขาอ้อนขอเบอร์โทรศัพท์ว่าอยากได้ยินเสียงหวานๆน่ารักๆ ของฉันบ้าง  หลังจากนั้นเขาก็โทรมาหาทุกวัน ปลุกตอนเช้า กินข้าวเที่ยงเลิกเรียนเย็น จนส่งเข้านอน จนฉันเริ่มวางใจเพราะเห็นว่าเค้าไม่ใช่คนโรคจิตอะไรแถมไม่ดูคุกคามหรือหื่นใส่เหมือนพวกเพื่อนผู้ชายในวัยเดียวกัน   หลังจากนั้นเค้าขอมาหาฉันบ้างเพราะอยากเจอตัวจริง โดยอ้างว่าคุยกันแบบนี้มันเหมือนพวกเด็กเนิร์ดคุยกันแต่ไม่รู้จักกันในชีวิตจริง ฉันฟังก็เออจริงมันแปลกๆนะคุยกันมาตั้งนานแล้วเขาจึงโทรมาเพื่อนัดแนะกับฉันหลังจากคุยโทรศัพท์กันได้สักสองเดือน ซึ่งตอนนั้นฉันอายุ 14 ปี โดยก่อนที่จะเจอกันเขาเริ่มได้ใจและชวนคุยเรื่องอะไรที่ทำให้ฉันตกใจมากอยู่เหมือนกัน

เขาเริ่มมีการพูดคุยว่าอยากจะกอดจูบฉัน และได้โทรมาพูดเรื่องทำนองนี้หลายครั้งจนฉันเริ่มหวาดกลัวต้องบอกเค้าไปว่าอย่าทำอะไรอย่างนี้นะ ฉันจะไม่ไปเจอแล้วเพราะกลัวเขาจะทำอะไรไม่ดีไม่งามแต่เขาก็ปลอบกลับมาว่า ไม่ต้องกลัวเขาแค่อยากเสียตัวให้กับผู้หญิงที่เขารัก รู้ไหมเค้าก็ยังไม่เคยมีอะไรกับใคร ไม่เคยมีแฟนเลยนะ ฉันจะได้เป็นแฟนและผู้หญิงคนแรกของเขาเลย ที่พูดมาทั้งหมดเป็นจินตนาการที่เขาใฝ่ฝันว่าจะได้ทำกับคนที่เขารักที่สุดในชีวิต และบอกว่าคุยกันมานานขนาดนี้ยังไม่ไว้ใจ ไม่เห็นใจเขาบ้างเลยเหรอ     ในที่สุดก็ถึงวันที่นัดหมายก็มาถึง เขารีบโทรมาปลุกฉันตั้งแต่เช้าบอกว่าเขาจะไปรอที่นัดหมายตั้งแต่ตอนนี้เลยนะ อีกสองชั่วโมงเมื่อฉันแต่งตัวเสร็จก็มาที่นัดได้เลย “อย่าลืมใส่กระโปรงหวานๆตัวนั้นนะ น่ารักสุดๆ พี่ชอบมาก”  ฉันก็นึกขึ้นได้ว่า อ๋อเขาเคยมาทักตอนแรกไงว่าฉันสวยจังเพราะกระโปรงบานพริ้วสีชมพูอ่อนที่ใส่ไปถ่ายรูปในงานพืชสวนโลก   ก็ดีจะได้ไม่ต้องคิดอะไรมากว่าจะใส่อะไรไปถึงจะสวย แถมกระโปรงตัวเก่งนี้ก็ฉันชอบใส่อยู่แล้ว   พอใกล้เวลานัดฉันก็ออกไปเจอเขาที่ห้างฯซึ่งนัดกันไว้   เราทานข้าว กินขนมและเดินดูของนิดหน่อย  เขาก็ชวนหนูดูหนังต่อแต่ก็กลัวว่าเพิ่งรู้จักกันจะให้เข้าไปอยู่ในที่มืดๆสองต่อสองได้ยังไง แต่เค้าก็รบเร้าว่าหนังเรื่องนี้ไงที่คุยกันไว้ว่าอยากดู จะปล่อยให้เขาไปดูหนังโรแมนติกคนเดียวอีกแล้วเหรอ เค้าเหงานะอยากมีคนไปดูด้วยจะได้มาคุยกันว่าชอบตอนไหนรู้สึกยังไง จะได้แบ่งปันกันไง   ฉันเห็นว่าเวลาก็ยังไม่เย็นมากหากดูหนังจบเลยตกลงเข้าไปดูด้วย

หนังเร้าอารมณ์ด้วยพระเอกที่รักนางเอกจนวันสุดท้ายของชีวิตทำเอาฉันคิดหวั่นไหวอยากจะมีใครมอบหัวใจให้ทั้งชีวิตบ้าง บวกกับอากาศหนาวของต้นเดือนกุมภาพันธ์ของเชียงใหม่ ยิ่งทำให้ฉันไม่อยากกลับไปเหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว เลยนั่งรถเขาเที่ยวดูบรรยากาศรอบเมืองที่ประดับไปด้วยดอกไม้หน้าหนาวก็ยิ่งกระตุ้นให้รู้สึกดีๆ เพราะมีคนที่รู้สึกดีด้วยอยู่ใกล้ๆ เขาพาฉันขึ้นไปดูวิวเมืองเชียงใหม่ที่จุดชมวิวเมืองเชียงใหม่ซึ่งฉันไม่เคยไปมาก่อนด้วย มันสวยมากเหมือนมีใครเอาไฟมาประดับทั้งเมืองที่อยู่เบื้องล่าง   แต่ลมบนนี้พัดหวิวทำให้ฉันหนาวสั่น เขาถอดเสื้อแจ็คเก็ตมาคลุมตัวให้ฉันแล้วเข้ามาโอบกระชับฉันเข้าหาอ้อมกอด บอกตามตามตรงฉันตกใจแต่ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นทั้งจากกายและหัวใจที่สั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต   แต่ไม่ได้แล้วฉันคิดว่ามันมากเกินไปที่เราจะปล่อยให้อะไรเกินเลยทั้งทีเพิ่งจะได้เจอกันครั้งแรก   ฉันจึงรบเร้าให้เขารีบพาไปส่งที่ห้างฯเดิมเพื่อเดินทางกลับบ้าน ดึกแล้วเดี๋ยวคนที่บ้านว่าเอา

เขาออดอ้อนให้อยู่กับเขาก่อนเดี๋ยวจะพากลับไปส่งที่บ้านไม่นานหรอก ระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้านเขาได้จอดแอบข้างทางมืดเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ฉันซึ่งเริ่มตกใจเพราะกลัวเขาจะทำอย่างที่ได้พูดไว้ในโทรศัพท์ ไม่ทันจะตั้งหลักเขาก็ผลักตัวฉันให้เอนลงตามการปรับเบาะ แล้วฉกลิ้นเข้าตะหวัดเข้าที่ซอกคอทำให้ฉันสะดุ้งเฮือกแต่มีความรู้สึกบางอย่างที่สะกดไว้จนไม่อาจขัดขืนเขาได้อีกต่อไป หมดความพยายามจะใช้แรงผลักไสเขาออกไปเพราะน้ำหนักตัวเขากดไว้ไม่ให้ขยับได้เลย มือไม้เขาป่ายไปตามร่างกายจนความรู้สึกมากมายมันถาโถมเข้าเกาะกุมใจ ร่างกายไม่อาจขัดขืนเขาได้อีกต่อไปจนเขาได้ความบริสุทธิ์ของฉันไปด้วยการกระซิบบอกว่า ยอมเป็นของเขาเถอะนะเพราะเขาก็อยากให้ฉันเป็นคนแรกของเขาเหมือนกัน  และมันก็เกิดขึ้น ฉันร้องไห้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะตัวฉันเอง เขาก็กอดฉันไว้

หลังจากนั้นฉันจึงได้คบหากับชายคนนี้มาโดยเพิ่งจะรู้ว่าเขาอายุแก่กว่าฉันอยู่ 9 ปีและเลิกเรียนนานแล้วเพราะที่บ้านฐานะดีและไม่ต้องขวนขวายอะไร แต่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้และมีเวลาดูแลเทคแคร์ฉันได้ตลอดเวลา และเราก็มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งกันมาเรื่อยๆ ครั้งหนึ่งเขาถ่ายรูปฉันในสภาพเปลือยเปล่าเก็บเอาไว้โดยบอกว่าเขากลัวว่าถ้าต้องห่างกันไปจะไม่มีอะไรไว้คิดถึงกัน ขอเก็บภาพฉันไว้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจเวลาเขาต้องไปต่างประเทศตามที่พ่อแม่เขาบังคับ จนเวลาผ่านไป 4 ปี ฉันเรียนจบม.6 และเลิกคบหากันเพราะเขาโดนบังคับให้ไปเรียนต่อ ส่วนฉันคิดว่าต้องตัดใจและเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ได้ ฉันได้ไปพบเขาแล้วขอรูปถ่ายฉันคืน แต่เขากลับไม่ยอมคืนให้และไม่ยอมเลิกกับฉัน ฉันก็ตกใจอยู่เหมือนกันและไม่อยากให้เขามารังควาญอีกต่อไป จึงหนีไปอยู่กรุงเทพซักพักเป็นเวลา 1 เดือน    อยู่มาวันหนึ่งเขาก็โทรมาหาถามสารทุกข์สุขดิบ หลังจากที่ฉันกลับมาจากกรุงเทพแล้ว พอเปิดเทอมฉันก็มาเรียนหนังสือตามปกติ เขาโทรมาหาฉันแล้วนัดพบกันไปกินข้าวที่ร้านแห่งหนึ่ง โดยบอกว่าขอเจอเป็นครั้งสุดท้ายเพราะเขาจะต้องไปต่างประเทศแล้ว ขอเจอหน้าเป็นครั้งสุดท้าย และฉันก็คิดว่าจะไปขอรูปคืนเพื่อความสบายใจ

พอกินข้าวเสร็จเขาบอกว่าจะเอารูปคืนให้แต่ต้องไปเอาคอมพิวเตอร์ที่บ้านและรบให้เห็นว่าไม่เหลืออีกแล้วเขาก็เปิดและลบรูปในคอมพิวเตอร์   หลังจากนั้นเขาก็อาสาขับรถมาส่งฉันที่หอ แต่ระหว่างนั้นเขาพาฉันไปโรงแรม ฉันโวยวายและขัดขืน แต่เขากลับขู่ว่าถ้าไม่ยอมจะนำรูปถ่ายฉันไปอัพโหลดลงเว็บไซต์เพราะยังเหลือรูปในเซิร์ฟเวอร์อื่นอีก ผ่านไป 3 เดือน เขาทำแบบนี้อยู่หลายครั้ง รวมถึงบางทีเขาโกรธที่ฉันมีแฟนใหม่ก็พาฉันไปขังไว้ในบ้านพักตากอากาศไกลๆถึงสองสามวันก็เคยมี  กระทั่งฉันอึดอัดทนไม่ไหวจึงเล่าให้แฟนฉันฟังทุกอย่าง ซึ่งเขาก็เข้าใจฉัน ทุกครั้งที่ชายคนนั้นโทรมาฉันจะปฏิเสธแต่เขาพยายามพูดหว่านล้อมอ้อนวอน หลังจากวางสายชายคนนี้ส่งรูป mms มาเป็นรูปฉันแล้วบอกว่าจะนำรูปนี้ขึ้นเว็บไซต์ ฉันจึงปิดเครื่องและทำเป็นไม่สนใจ ซึ่งฉันเองก็หวาดกลัว และไม่คิดจะไว้ใจใครอีกต่อไป ไม่รู้จะพึ่งใครไปแจ้งความก็กลัวเรื่องใหญ่ บอกพ่อแม่ก็จะโดนดุด่า เลยไม่รู้จะปรึกษากับใครอีก” น้องเขาจึงมาเล่าเรื่องให้ผมฟังเพราะคิดว่าเป็นนักกฎหมายและรู้จักกันมานาน น่าจะช่วยเหลือได้บ้าง

วิเคราะห์ปัญหา

1.              เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งแรกซึ่งหญิงอายุ 14 ปียอมไปไหนมาไหนกับชายด้วยความยินยอมจนทำให้เกิดเพศสัมพันธ์ถือเป็นความสมัครใจ ซึ่งชายไม่มีความผิดใดๆตามกฎหมายใช่หรือไม่

2.              หลังจากหญิงอายุเกิน 18 ปีมาแล้ว การมีเพศสัมพันธ์กันโดยสมัครใจถือเป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่

3.              การใช้วิธีการเอาภาพโป๊เปลือยของหญิงมาข่มขู่ให้มีความสัมพันธ์ทางเพศถือเป็นความผิดทางกฎหมายหรือไม่

4.              การอนุญาตให้ถ่ายรูปโดยความสมัครใจของหญิง ถือเป็นการยินยอมให้มีการเก็บภาพหรือเผยแพร่ภาพต่อไปใช่หรือไม่

5.              การบังคับกักขังถือเป็นความผิดหรือไม่

การนำกฎหมายมาแก้ไข

1.              เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งแรกซึ่งหญิงยอมไปกับชายด้วยความยินยอมจนทำให้เกิดเพศสัมพันธ์ไม่ถือเป็นความสมัครใจที่คุ้มครองชายเนื่องจากหญิงยังเป็นเด็ก ชายมีความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อกระทำการชำเรา คือ ผิดเพราะชักชวนและออกไปไหนมาไหนกันจนมีเพศสัมพันธ์

2.              หลังจากหญิงอายุเกิน 18 ปีมาแล้ว การมีเพศสัมพันธ์กันโดยสมัครใจไม่ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย รวมถึงการไปไหนมาไหนหรืออยู่ด้วยกันโดยไม่เป็นที่รับรู้ของพ่อแม่หรือแต่งงาน   กรณีชายอายุต่ำกว่า 18 ปี หญิงอายุกว่า 13 ปี แม้มีความผิดแต่ถ้าภายหลังตกลงแต่งงานกันโดยพ่อแม่ยินยอมก็สามารถกระทำได้

3.              การใช้วิธีการเอาภาพโป๊เปลือยของหญิงมาข่มขู่ให้มีความสัมพันธ์ทางเพศถือเป็นความผิดทางกฎหมายต่อเกียรติยศชื่อเสียงหญิง และความผิดต่อเสรีภาพฐานข่มขืนใจตามกฎหมายอาญา

4.              การอนุญาตให้ถ่ายรูปโดยความสมัครใจของหญิง ถือเป็นการยินยอมให้มีการเก็บภาพเท่าที่หญิงอนุญาต หากหญิงขอให้ลบหรือคืนต้องทำตามและห้ามทำการเผยแพร่ภาพไม่ว่ากรณีใดก็ตาม เพราะจะเป็นความผิดฐานเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเพิ่มด้วย

5.              การบังคับกักขังถือเป็นความผิดฐานกักขังหน่วงเหนี่ยวตามกฎหมายอาญา

ช่องทางเรียกร้องสิทธิ

1.              หญิงหรือผู้ปกครองสามารถแจ้งความให้ดำเนินคดีอาญาได้ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือสถานีตำรวจ เพื่อดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิด

2.              หากเกรงเรื่องชื่อเสียงเกียรติยศและความอึดอัดใจอาจไปแจ้งดำเนินคดีที่แผนกคดีปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กและสตรีของแต่ละสถานีตำรวจก็ได้ เพื่อดูแลหญิงผู้เสียหายเป็นพิเศษ

3.              คดีนี้จะฟ้องร้องกันในศาลอาญาก่อนเมื่อกำหนดความผิดแล้วอาจเรียกค่าเสียในทางแพ่งฯ ไปในคราวเดียวกันได้ด้วย

สรุปแนวทางแก้ไข

                กรณีนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกนั้นมีการพรากผู้เยาว์แม้จะมีการยินยอมของเยาวชนก็ยังเป็นความผิดเนื่องจากกฎหมายกำหนดไว้อย่างเด็ดขาด   การติดต่อเจ้าพนักงานให้ดำเนินการร่วมกับพ่อแม่จะถือเป็นวิธีการที่รอบคอบทั้งในแง่ป้องกันสิทธิและการนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีก่อนจะเกิดเรื่องในอนาคต   ส่วนเหตุการณ์ในช่วงหลังให้ใช้หลักความผิดต่อเพศ และความผิดต่อเสรีภาพ ชื่อเสียงเกียรติยศ   ซึ่งกรณีนี้สามารถแจ้งความดำเนินคดีฐานข่มขืน และการทำให้เสียหายต่อเกียรติยศชื่อเสียง กักขังหน่วงเหนี่ยว ต่อเจ้าพนักงานตำรวจแผนกคดีปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็กและสตรี โดยจะมีการประกันสิทธิให้กับผู้เสียหายได้ เพื่อป้องกันการข่มขู่และละเมิดสิทธิซ้ำซากต่อไป   


 

 

บล็อกของ ทศพล ทรรศนพรรณ

ทศพล ทรรศนพรรณ
ก่อนหน้านี้สัก 4-5 ปี มีการพูดถึงการพัฒนาประเทศโดยใช้เรื่อง “ความสุขมวลรวมประชาชาติ” (Gross National Happiness - GNH)  มาแทนเป้าหมายด้านการเพิ่ม “ผลผลิตมวลรวมประชาชาติ” (Gross National Product - GNP) โดยมีการหยิบยกกรณี ภูฐาน มาพูดกัน   แต่หลังจากที่มีรายงานข่าวสถานการณ์ความเปลี่ยนแ
ทศพล ทรรศนพรรณ
การท่องเที่ยวถือเป็นกิจกรรมที่ทุกประเทศสนใจและให้ความสำคัญมาก จนมีบรรษัทข้อมูลอย่าง Statista และองค์การท่องเที่ยวระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ ออกรายงานสรุปข้อมูลเป็นประจำทุกปี โดยสามารถถ้าสรุปง่ายๆ คือ 
ทศพล ทรรศนพรรณ
เหตุวินาศกรรมในเมืองหลวงโดยเฉพาะย่านธุรกิจที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของระบบทุนนิยมถือเป็นสิ่งที่รัฐทั้งหลายไม่ปรารถนามากที่สุด เนื่องจากความเสียหายสูงเพราะมีร้านค้าและผู้คนแออัดหนาแน่น แต่ที่ร้ายแรงยิ่งกว่าคือ สภาพจิตใจของผู้คนที่จับจ่ายใช้สอยและมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเคยชินในบริเวณนั้น
ทศพล ทรรศนพรรณ
ตั้งแต่มาประกอบวิชาชีพนี้ สิ่งที่เห็น คือ ความเหนื่อยของคนรุ่นใหม่ต้องขยันตั้งใจเรียน ทำโน่นทำนี่ กระตือรือล้น ทะเยอทะยาน ให้ได้อย่างที่ คนรุ่นก่อนคาดหวังพอทำพังก็อยู่ในสภาพใกล้ตาย เพราะถูกเลี้ยงมาแบบ "พลาดไม่ได้"
ทศพล ทรรศนพรรณ
ประเด็นมาแรงของยุคนี้เห็นจะไม่พ้นสตาร์ทอัพนะครับ (Start-Up Business) เนื่องจากเป็นแนวทางที่ใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมทุนนิยมที่รัฐต้องการจะผลักดันประเทศก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง หรือการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจที่พึ่งพาการผลิตสินค้าที่ใช้แรงงานเข้มข้นเพื่อส่งออก มาเป็นการพัฒนาธุรกิจที่มีนวัตกร
ทศพล ทรรศนพรรณ
คนจบมหาวิทยาลัย ทำงานออฟฟิศ คือ กรรมกร?ไร้ตัวตน กว่า พวกเซเล็ปแถมรายได้ต่ำ กว่า คนหาเช้ากินค่ำ หาบเร่แผงลอย รับจ้างอิสระ วิเคราะห์ความคิด สศจ. บทสนทนากับ นิธิ เกษียร ชัดเจน
ทศพล ทรรศนพรรณ
เรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชนผู้เสียภาษีไม่น้อย คือ ทำไมกองทัพไทยจึงต้องจัดซื้อ “เรือดำน้ำ” ตอนนี้ และซื้อของ “จีน” ด้วยเหตุใด
ทศพล ทรรศนพรรณ
การศึกษาสายสังคมศาสตร์มนุษย์ศาสตร์ ณ ต่างประเทศของนักศึกษาไทยในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่สังคมไทยต้องตั้งคำถามให้มากว่า เรียนไปเพื่ออะไร เรียนแล้วได้อะไร ความรู้หรือทักษะที่ได้จะเป็นประโยชน์อะไรกับสังคม หรือครอบครัว   เนื่องจากนักเรียนแทบทั้งหมดใช้เงินทุนจากภาษีของรัฐ หรือทุนของครอบครัว&nbs
ทศพล ทรรศนพรรณ
กระแสการนึกย้อนคืนวันแห่งความหลังเมื่อครั้งยังเยาว์วัยในช่วงปี ค.ศ.1990-1999 หรือ ปี พ.ศ.2533-2543 ของผู้คนร่วมสมัยในตอนนี้สะท้อนให้เห็นอะไรบ้าง
ทศพล ทรรศนพรรณ
รางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ปีนี้มอบให้แด่ ศาสตราจารย์ชอง ติโรล (Jean Tirole) แห่งมหาวิทยาลัยตูลูส ประเทศฝรั่งเศส    องค์กรให้เหตุผลอย่างชัดเจว่าเป็นผลจาก การวิเคราะห์อำนาจเหนือตลาดของผู้เล่นน้อยรายที่มักจะมีอำนาจเหนือตลาด ประสิทธิภาพของกลไกตลาดจึงเสียหาย และมีข้อเสนอในงานวิจัยของเขา