Skip to main content

ยุทธวิธีการหาเสียง
แบบใช้ความสุภาพอ่อนโยน ไม่ขุดคุ้ยโจมตีคู่ต่อสู้ ของ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้กระทั่งกรณีการประกาศเข้าไปปราศรัยหาเสียงที่สี่แยกราชประสงค์ในวันที่ 23 มิ.ย. ของ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยไม่ยอมฟังเสียงคัดค้านจากผู้ใด โดยคุณอภิสิทธิ์อ้างว่าทุกคนมีสิทธิ ไม่มีใครผูกขาด และคุณสุเทพช่วยเสริมว่า
“ถ้าสิ่งที่พวกผมทำนั้นไม่ถูกต้อง ประชาชนก็ตัดสินเอง...”
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจคุณอภิสิทธิ์ที่ออกไปหาเสียงต่างจังหวัดที่ไหน ก็มักถูกคนเสื้อแดงชูป้ายต่อต้าน หรือเข้าไปประชิดตัวตั้งคำถามที่คุณอภิสิทธิ์ยากที่จะตอบได้...

ซึ่งใครๆต่างก็พูดกันว่า นี่คือไพ่ใบสุดท้ายที่พรรคประชาธิปัตย์ทิ้งลงมา เพื่อเรียกคะแนนเสียงจากคนกรุงเทพมหานคร พื้นที่ที่พรรคประชาธิปัตย์เคยยึดครองมาตลอดกาล และกำลังจะสูญเสียไปให้คุณยิ่งลักษณ์ตามที่โพลต่างๆชี้เอาไว้ โดยจะยกเอากรณี “เผาบ้านเผาเมือง” ที่คนเสื้อแดงถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำมาดิสเครดิตคนเสื้อแดงและคุณยิ่งลักษณ์ แถมยังหวังว่างานนี้...จะเอาคะแนนเสียงจากกลุ่มที่โหวตโนในกรุงเทพฯให้ได้อีกด้วย

เรื่องนี้
แทนที่คุณยิ่งลักษณ์ จะลุกขึ้นมาเอะอะโวยวายคัดค้านเช่นเดียวกับแกนนำคนเสื้อแดงที่ไม่พอใจในแง่ที่ว่าไปซ้ำเติมเยาะเย้ยคนเสื้อแดง แต่เธอกลับไม่คัดค้าน ซึ่งนอกจากไม่คัดค้านแล้ว เธอยังแสดงความหวังดีแก่คุณอภิสิทธ์ และคุณสุเทพ เทือกสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญในการยั่วโมโหมนุษย์ว่า
“...ไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะถือเป็นกลยุทธ์ของแต่ละพรรคการเมือง แต่ขอให้การปราศรัยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ทุกฝ่ายต้องอดทน และช่วยบ้านเมืองเข้าสู่ความปรองดอง สิ่งที่อยากเห็นคืออยากให้มองข้ามความขัดแย้ง ทำให้บ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า เพื่อมุ่งแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน...”

ไม่ว่าคำพูดของคุณยิ่งลักษณ์ จะจริงใจหรือไม่จริงใจ แต่ก็ทำให้คนที่พยายามชักชวนคุณยิ่งลักษณ์เล่นเกมชักคะเย่อ เพื่อจะไล่ต้อนทุบตี ตั้งแต่การชวนคุณยิ่งลักษณ์ดีเบตประชันวิสัยทัศน์ ต้องล้มลงไปเอาก้นกระแทกพื้นกันเป็นระนาว เพราะดึงเชือกจนสุดกำลังแล้ว แต่เธอกลับปล่อยเชือกไม่ยอมเล่นเกมด้วย เรื่องนี้ว่ากันว่า ถ้าคนเสื้อแดงวางเฉยและยอมรับเสรีภาพของเขาอย่างคุณยิ่งลักษณ์...จะเป็นผลดีกว่า แถมยังได้คะแนนจากสังคมทุกฝ่ายที่ต้องการจะเห็นความปรองดอง เช่น องค์กรต่างๆ 7 องค์กรที่สำคัญของสังคมได้รวมตัวกันออกมาขานรับ- การก้าวข้ามความขัดแย้ง...ไปสู่ความปรองดอง แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับมิได้สนใจกระแสสังคมนี้ เพราะมัวหน้ามืดห่วงไยแต่ชัยชนะและความพ่ายแพ้ของตนเอง จึงคิดแต่เรื่องที่จะทำลายคู่แข่งอย่างผิดกาลเทศะ...

ถ้าหากยุทธวิธี
การหาเสียงของคุณยิ่งลักษณ์วิธีการนี้มิได้เป็นไปตามอุปนิสัยเช่นนี้ของเธอจริงๆ แต่เป็นยุทธวิธีที่ได้รับการวางแผนมาจากฝ่ายมันสมองคนใดคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังคุณยิ่งลักษณ์ ก็ต้องยอมรับกันละครับ ว่าฝ่ายมันสมองของคุณยิ่งลักษณ์นี่...มิใช่ธรรมดาเลยนะจะบอกให้...

เพราะยุทธวิธีการต่อสู้แล้วชนะแบบนี้
เขาคงอ่านเกมทะลุมาก่อนแล้ว ว่าจะใช้ยุทธวิธีใดที่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ที่พยายามใช้ยุทธวิธีใช้ไม้แข็งไล่ทุบตีคุณยิ่งลักษณ์ ต้องพ่ายแพ้ และได้ใจคนแม้แต่กลุ่มที่โหวตโนเป็นจำนวนมิใช่น้อย รวมทั้งคนรุ่นใหม่ที่มีการศึกษาดี มีสติปัญญา ที่กำลังตื่นตัวทางการเมือง...

ซึ่งจนป่านนี้
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเลือกตั้งแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังหาวิธีแก้เพลงดาบที่ชื่อว่า ความสุภาพอ่อนโยน หรือ นารีพิฆาต ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่ได้ เพราะคุณยิ่งลักษณ์เธอไม่ยอมหลงกลเข้าไปต่อความยาวสาวความยืดตามช่องทางที่พรรคประชาธิปัตย์เขาเชี่ยวชาญ นั่นคือ ขุดคุ้ยความผิดคู่กรณี โจมตี แล้วเอากฎหมายเข้าไปจับผิดและลงโทษ แถมยังทำให้ยุทธวิธีของพรรคประชาธิปัตย์มีอาการเหมือนคนแก่ที่พร่ำบ่นแต่เรื่องเก่าๆซ้ำๆซากๆเป็นที่น่ารำคาญของคนที่ได้ยิน

การใช้ความอ่อนโยน บวกกับความเป็นผู้หญิงที่สวยของคุณยิ่งลักษณ์ ที่ทำให้คุณอภิสิทธ์ต้องตกเป็นรองถึงขนาดนี้ (ถ้าโพลไม่ใช่โพลเทียม ฮา) ทำให้ผมนึกถึง ปรัชญาเต๋า ที่นำหลักของธรรมชาติมาสังเคราะห์เป็นหลักปรัชญาบทหนึ่งว่า

ถ้าต้องการให้หด ต้องขยายเสียก่อน
ถ้าต้องการให้อ่อนแอ ต้องทำให้เข้มแข็งเสียก่อน
ถ้าต้องการให้ตกต่ำ ต้องทำให้ยิ่งใหญ่เสียก่อน
เหล่านี้คือความกระจ่างแจ้งที่แฝงอยู่

ความอ่อนละมุนมีชัยเหนือความแข็งกร้าว
ปลาไม่อาจละทิ้งน้ำลึก
อาวุธที่ร้ายแรงของประเทศไม่ควรเอามาอวดผู้คน

ปรัชญาเต๋าบทนี้
ที่ผมหยิบยกมาบทนี้ เป็นปรัชญาเต๋าจากสำนวนการแปล ของ คุณเกรียงไกร เจริญโท ในหนังสือ “อยู่อย่างเต๋า” ที่ผมเคยแนะนำให้อ่านกันเมื่อไม่นานมานี้นั่นเอง คุณเกรียงไกรได้อธิบายเต๋าบทนี้เอาไว้ว่า
“เพียงอ่านคร่าวๆในครั้งแรก เราก็สามารถเห็นได้ว่า
ข้อความเหล่านี้มาจากการสังเกตธรรมชาติอย่างเฉียบแหลม
ตัวอย่างเช่น เราสามารถใช้ความร้อนเพื่อขยายชิ้นส่วนที่เป็นโลหะ
แล้วปล่อยให้เย็นและหดตัว เพื่อให้รัดกับสิ่งประกอบอื่นได้อย่างเหมาะสม
ในทางการค้าเราจะเห็นผลิตภัณฑ์มากมายหลายชนิด
ที่ได้รับการส่งเสริมในการขายจนราคาสูงลิ่ว
ต่อจากนั้นไม่นาน ราคาจะตกลงจนแทบหาค่าไม่ได้
(จตุคามรามเทพ คือ ตัวอย่างที่อ่อนแอและตกต่ำ ด้วยการถูกทำให้เข็มแข็งและยิ่งใหญ่เสียก่อน ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจของคนที่โลภและหวังผลประโยชน์จากการสร้างวัตถุมงคลนี้ - ถนอมไชยวงษ์แก้ว เสริม)

ส่วนความคิดที่ว่าอ่อนชนะแข็งนั้น
มีตัวอย่างมากมาย เช่น น้ำหยดลงหิน หรือลิ้นทนทานกว่าฟันเป็นต้น...”

ครับ
ในขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายหนึ่งพัฒนาการต่อสู้ทางการเมืองก้าวหน้าไปถึงระดับปรัชญา แต่อีกพรรคหนึ่งก็ยังคงย่ำเท้าอยู่กับที่ เพราะคงถือว่า มียักษ์ถือกระบองยืนอยู่ข้างหลังคอยเป็นตัวช่วยอยู่แล้ว ไม่ว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้ในระบอบรัฐสภา แต่โอกาสที่ใครอื่นจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีนอกเหนือจากคนของพรรคประชาธิปัตย์ - อย่าพึงหมายว่าจะได้เป็น ทำให้ผู้นำของพรรคประชาธิปัตย์ตกอยู่ในสภาพที่เหมือนกับเด็กที่ยากจะเติบโตเป็นตัวของตัวเอง และตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองได้ เพราะกระดิกตัวจะทำอะไรนิดอะไรหน่อย ก็มีแต่ผู้ใหญ่คอยชี้นำ คอยเข้ามาอุ้มชูดูแลและปกป้อง นั่นเอง

เมื่อเย็นวานนี้ ผมไปนั่งดื่มเหล้าที่ร้านคาราโอเกะริมคลองชลประทานใกล้ๆกับหมู่บ้านของผม เพื่อนของน้องชายผมคนหนึ่ง หมอนี่เป็นนายตำรวจยศนายดาบ เป็นคนที่ประกาศตัวเป็นคนเสื้อแดงที่ชอบคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์อย่างเปิดเผย และไม่แคร์ใคร...แม้แต่เจ้านายของเขาที่เขาบอกว่าเป็นพวกคนเสื้อเหลือง อ้อโดยเฉพาะคุณยิ่งลักษณ์นี่ เขาชอบเป็นพิเศษเลยหละ

นายดาบคนที่ว่านี้ เขาเคยพยายามพูดในเชิงตรวจสอบผมมาหลายครั้ง ว่าผมเป็นฝ่ายใดกันแน่ เวลาไปนั่งดื่มที่ร้านเดียวกัน ซึ่งผมก็ได้ให้คำตอบเขาไปหลายครั้งว่า ถ้าฝ่ายใดทำสิ่งที่ถูกต้องผมก็เลือกฝ่ายนั้น แต่ก็พร้อมที่จะยอมรับนับถือในระบอบรัฐสภา แม้ฝ่ายที่ผมไม่ชอบจะได้เข้าไปเป็นรัฐบาลบริหารประเทศตามกติกาการเลือกตั้ง ผมก็จะยอมรับเขา (เพราะเป็นทางเลือกที่เลวน้อยที่สุดที่มีให้เลือก) มาคราวนี้ เขาคงจะฮึกเหิมที่คุณยิ่งลักษณ์มีท่าทีว่าจะได้คะแนนอย่างท่วมท้นในวันเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม ที่กำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน

ดังนั้น พบกันคราวนี้ นอกจากเขาจะแต่งนอกเครื่องแบบมานั่งกินเหล้าแวดล้อมด้วยลูกน้องที่เป็นนักเลงบ้านทุ่งหน้าตาเหี้ยมๆ 4 - 5 คนแล้ว เขายังเหน็บปืนที่สะเอวตุงชายเสื้อออกมา...พอให้คนเห็นแล้วหวาดเสียวมาด้วย พอเมาได้ที่แล้ว เขาก็พูดถึงคุณยิ่งลักษณ์ว่าจะต้องชนะแบบแบเบอร์ จากนั้นก็หันหน้ามากระแหนะกระแหนเอากับผมที่นั่งดื่มอยู่คนเดียวว่า
“หรือพี่ว่าไง ถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าใครไม่เลือก ยิ่งลักษณ์ หมายเลข 1 ก็ควรเป็นหมากันได้แล้ว !”

พอเขาพูดจบ เหล่าบรรดาเบ๊ของเขาก็ส่งเสียงเฮฮารับลูก ส่วนตัวผมได้แต่นั่งหัวเราะด้วยความขบขัน เพราะไม่นึกว่าจะมาเจอบรรยากาศแบบผู้ร้ายในหนังไทยเชยๆยุคเก่า ที่มายียวนชวนให้วิวาท ณ ที่นี้ด้วยเรื่องการเมือง เพียงเพราะว่าเขาชอบหมายเลข 1 เหลือเกิน แต่ผมกลับไม่ได้แสดงจุดยืนทางการเมืองแบบ เลือกข้าง ให้เขารู้แน่ชัด...เขาก็เลยไม่พอใจ เท่านั้นเอง

ครับ
จากประสบการณ์โดยตรงที่เกิดขึ้นกับผมเรื่องนี้ ผมอยากจะเรียนฝากคุณยิ่งลักษณ์ ช่วยบอกผ่านแกนนำระดับท้องถิ่นของพรรคเพื่อไทยด้วยว่า ช่วยเตือนๆคนที่ เขาชอบคุณยิ่งลักษณ์ ประมาณนายดาบนี่... ให้ลดการแสดงความฮึกเหิมและความชอบที่มีต่อคุณยิ่งลักษณ์ในที่สาธารณะให้พอเหมาะพองามด้วยนะครับ...

เพราะถ้าขืนมีใคร ที่เขาชอบคุณยิ่งลักษณ์มาแสดงออกถึงขั้นคุกคามผู้อื่นกันแบบนี้สัก 500 คน ทั่วประเทศ ผมว่าคุณยิ่งลักษณ์แย่เลยนะครับ เพราะแม้แต่ผมที่แอบตัดสินใจคนเดียวว่าจะกาบัตรให้คุณยิ่งลักษณ์ เพราะคิดว่า หากโชคดีคุณยิ่งลักษณ์ชนะการเลือกตั้ง แล้วยักษ์ที่ถือกระบอง เกิดใจดีอนุญาตให้มีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ที่มีทั้งความสวยและความหมดจดจากพิษของความชั่วร้ายการเมือง...

นั่นคือ ยังไม่มีร่องรอยของความเป็นคนเจ้าเล่ห์ปรากฏอยู่บนใบหน้า น่าจะทำให้การเมืองที่น่าเบื่อนี้...มีชีวิตชีวาน่าติดตาม ก็ชักจะลังเลใจเสียแล้ว... ก้อ แหม คนของคุณคิดและพูดออกมาได้ยังไงนะ
“ถ้าใครไม่เลือก ยิ่งลักษณ์ หมายเลข 1 ก็ควรเป็นหมากันได้แล้ว !” (ฮา)
ผมฟังแล้ว...เกือบจะลุกขึ้นไปท้าดวลปืนกันหลังร้านให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไปข้างหนึ่ง ถ้าไม่นึกเกรงใจ...ว่าเป็นคนของคุณยิ่งลักษณ์ที่น่ารัก งานนี้สวยแน่...
นายดาบก็นายดาบเหอะว่ะ
คนเหมือนกัน
มิได้กินเหล็กกินไหลมาจากไหนนิหว่า...

22 มิถุนายน 2554
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
"นางแบบภาพประกอบ สุธาทิพย์ โมราลาย คอลัมนิสต์วรรณกรรมกุลสตรี ถ่ายโดยผู้เขียน" สมัยหนึ่ง ขงจื๊อกับศิษยานุศิษย์เดินทางไปรัฐชี้ เส้นทางผ่านป่าใหญ่เชิงภูเขาไท้ซัว ได้ยินเสียงร่ำไห้ของสตรีนางหนึ่งแว่วมาแต่ไกล ขงจื๊อหยุดม้า นิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เสียงร้องไห้ฟังโหยหวนน่าเวทนานัก หญิงผู้นั้นคงได้รับทุกข์แสนสาหัสเป็นแน่” จื๊อกุงศิษย์ผู้ใกล้ชิดรับอาสาไปถามเหตุ หญิงนั้นกล่าวแก่จื๊อกุงว่า “น้าชายของฉันถูกเสือขบตายไม่นานมานี้ ต่อมาสามีของฉันก็ถูกเสือกินอีก บัดนี้เจ้าวายร้ายก็คาบเอาลูกชายตัวเล็กๆของฉันไปอีก” จื๊อกุงถามว่า “ทำไมท่านไม่ย้ายไปอยู่เสียที่อื่นเล่า” เธอตอบสะอื้น “ฉันย้ายไม่ได้ดอก” “…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเกาะติดสถานการณ์ ความขัดแย้งทางการเมืองครั้งนี้มาแบบวันต่อวัน ตั้งแต่นปช.คนเสื้อแดงเคลื่อนขบวนเข้ากรุงเทพมาเผชิญหน้ากับรัฐบาลเมื่อกลางเดือนมีนา และเป็นเสียงเล็กๆเสียงหนึ่งในหน้าบล็อกกาซีนของเว็บประชาไท ที่คอยประสานเสียงกับผู้คนอีกมากมายหลายฝ่ายในสังคม ที่พยายามตะโกนบอกทั้งฝ่ายคนเสื้อแดงและรัฐบาลให้หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ที่จะทำให้ผู้คนล้มลงตายและบาดเจ็บ เพราะเชื่อกันว่า ยังมีทางเลือกที่สามารถตกลงกันได้ โดยไม่ทำให้ผู้คนต้องเสียชีวิตและเลือดเนื้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของคนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน... จนกระทั่งเว็บถูกฝ่ายควบคุมสื่อมวลชนของรัฐเข้ามาบล็อกเว็บ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
หลังจากการเจรจากัน เรื่องการยุบสภาระหว่างรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ กลุ่ม นปช. - คนเสื้อแดง ที่ขัดแย้งกันเพราะตกลงกันไม่ได้ในเรื่องเงื่อนไขของเวลา ที่ฝ่ายคนเสื้อแดงยืนยันว่าจะต้องยุบสภาภายในเวลา 15 วัน และฝ่ายรัฐบาลบอกว่ายุบสภาก็ได้แต่ต้องรออีก 9 เดือน ผ่านไปสองครั้ง และยังไม่สามารถตกลงกันได้
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเกาะติดสถานการณ์ การชุมนุมเรียกร้องของมวลชนคนเสื้อแดง ที่พยายามกดดันเรียกร้องให้รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภา ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม 53 เรื่อยมาจนถึงวันนี้ (24 มีนา 53) ซึ่งทีแรก หลังจากที่รัฐบาลถูกราดเลือดตอบโต้คำปฏิเสธแล้ว ต่างฝ่ายต่างมีทีท่าว่า จะหันหน้ามาเจรจาตกลงกันด้วยสันติ แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ล้มเหลว เพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่สามารถจะยอมรับกันได้ ด้วยเหตุผลที่เป็นหลักใหญ่ที่ขัดแย้งอย่างสุดๆ  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ใช่หรือมิใช่ นอกจากอำนาจนิติรัฐ และอำนาจจากกองทัพทหารตำรวจ ที่คอยแวดล้อมปกป้องครองรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังมีอำนาจที่น่ากลัวอีกอำนาจหนึ่ง ที่สามารถกำหนดชัยชนะและความพ่ายแพ้ของมวลชนคนเสื้อแดง นั่นคือ อำนาจ ของสื่อมวลชนกระแสหลัก ที่ได้รับความเชื่อถือจากผู้คนส่วนใหญ่ในสังคม  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เราไม่รู้ว่า รัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คิดผิดหรือคิดถูก ที่ใช้อำนาจนิติรัฐสั่งยึดทรัพย์ ทักษิณ ชินวัตร แล้วยังหมายมาดจะใช้อำนาจนี้ ขย้ำขยี้ด้วยคดีอาญาอีกมายหลายคดี เพื่อทำลาย ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวแบบไม่ให้ได้ผุดได้เกิด ราวกับว่ารัฐบาลนี้จะยึดกุมอำนาจการบริหารประเทศแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่มีใครกล้าเข้าไปแตะต้อง ไปจนตราบชั่วฟ้าดินสลาย
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  อ่าน ดู และฟัง เรื่องราว ของ ทักษิณ ชินวัตร จากมุมมอง คนรัก ทักษิณ ชินวัตร สื่อสาร อ่าน ดู และฟังแล้ว ก็น่าเชื่อถือว่าเป็นความจริง ตามที่เขาว่า ทักษิณ ชินวัตร มิได้เป็นคนโกง แต่ถูกเขากลั่นแกล้งทำลาย
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  26 ก.พ. 53 พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ ของ ทักษิณ ชินวัตร คน คน คน คน คนทั้งประเทศต่างเฝ้ารอดู ชะตากรรม ชะตากรรม ชะตากรรม ชะตากรรม ชะตากรรม ของ ทักษิณ ชินวัตร ภายใต้อำนาจศาลสถิตยุติธรรมของสังคมไทย ว่าเขาจะถูกศาลพิพากษาตัดสินอย่างไร ถูกยึดเอาทรัพย์ทั้งหมด ถูกยึดเอามากเหลือไว้แต่น้อย ถูกยึดเอาไปเพียงบางส่วน หรือไม่ถูกยึดเลยแม้แต่สลึงเดียว... คน คน คน คน คนทั้งประเทศต่างเฝ้ารอดู
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  “ความเจ็บปวดเป็นเรื่องเฉพาะตัว” ใครคนหนึ่งนิยามในเชิงสรุปเรื่องนี้ขึ้นมาลอยๆ หลังจากนั่งพูดคุยกันมามากมายหลายเรื่อง แล้วมาลงเอยที่เรื่องราวความเจ็บปวดในชีวิต ที่เราซึ่งต่างโตเป็นผู้ใหญ่ ต่างก็ได้ประสบกันมาคนละมิใช่น้อย จากประสบการณ์ต่างๆที่ผ่านมาในชีวิต เช่น ความรัก ความหวัง ความฝัน ความทะเยอทะยาน หน้าที่การงาน อุบัติเหตุ การถูกทำร้าย ความเจ็บไข้ได้ป่วย หนี้สิน หรือแม้กระทั่งเรื่องราวบางเรื่อง ที่ทำให้เราขัดแย้งกับตัวเอง ฯลฯ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมจำได้ว่า ผมเคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับการ “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ซึ่งเป็นเรื่อง “กฎแห่งกรรม” ตามหลักของพุทธศาสนาในระดับศีลธรรม ด้วยความเชื่อว่ามันเป็นสัจธรรมของชีวิต แล้วมีผู้แย้งมาในทำนองที่ว่า ไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นกฎอันเฉียบขาดของโลกและชีวิตมนุษย์ เพราะบ่อยครั้งที่เขาทำดี...แล้วไม่เห็นได้ดี จนเขานึกท้อที่จะทำความดี
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  คุณค่าผลงานวรรณกรรม 'รงค์ วงษ์สวรรค์ เป็นนักเขียนที่มีผลงานหลากหลายประเภท นับตั้งแต่ข้อเขียนบรรยายภาพ คอลัมน์ในนิตยสาร เรื่องสั้น นวนิยาย และงานเขียนปกิณกะอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้นยังมีงานร้อยแก้วที่มีลักษณะลีลาของร้อยกรองปลอดฉันทลักษณ์ หรือร้อยกรองรูปแบบอิสระปรากฏอยู่ เป็นช่วงสั้นๆในนวนิยายบางเรื่องด้วย ผลงานหลากประเภทดังกล่าวมีจำนวนมากมาย เฉพาะงานเขียนที่รวมเล่มแล้วมีจำนวนประมาณ 100 เล่ม ส่วนใหญ่เป็นเรื่องสั้น บทความ และข้อเขียนจากคอลัมน์ต่างๆ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมนึกแปลกใจ ที่งานเขียนนวนิยายหลายเล่มของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นนักอ่าน นักเขียน นักวิเคราะห์วรรณกรรม หรือแม้กระทั่งคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ที่ประกาศยกย่องเชิดชูให้เขาเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณกรรม ปี 2538 ต่างมีความเห็นตรงกันว่า นวนิยายที่เป็นงานโดดเด่น หรือที่ภาษาทางศิลปะเรียกกันว่าเป็นงานมาสเตอร์พีซของ ’รงค์ วงษ์สวรรค์ คือ นวนิยายเรื่องสนิมสร้อย ใต้ถุนป่าคอนกรีท เสเพลบอยชาวไร่ ผู้มียี่เกในหัวใจ ฯลฯ โดยเฉพาะสนิมสร้อยนั้น ดูเหมือนจะถูกยกย่องไว้สูง จนไม่มีเรื่องใดมาเทียบได้ และหลงลืมหรืออาจจะจงใจหลงลืม นวนิยายเรื่องหนึ่งของเขาที่ชื่อว่า “คืนรัก”