Skip to main content

 


 

ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น
ฉันทำเท่าที่ฉันหวัง
ฉันหวังเท่าที่ฉันเห็น
ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด
ฉันเชื่อหนึ่งมากกว่าร้อย
ฉันเชื่อคนมากกว่าลัทธิ
ฉันเชื่อดินมากกว่าฟ้า
ฉันเชื่อต้นหญ้ามากกว่าขุนเขา
ฉันเชื่อสวนหลังบ้านมากกว่าป่าหิมพานต์
ฉันเชื่อวันนี้มากกว่าวันวาน
ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด
ฉันไม่เชื่ออำนาจรัฐจากกระบอกปืน
 
ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น.
 
นี่คือบทกวี ชื่อ ต้นหญ้าเสรี ของ สุชาติ สวัสดิ์ศรี ที่ลงตีพิมพ์ใน WRITER ยุคปัจจุบัน เล่ม 3 หน้าปกรูปสีน้ำใบหน้า พนมเทียนในวัยหนุ่มสวมหมวกปีกกว้าง หล่อคมเข้มแบบชายชาตรี โดยปล่อยแบ็คกราวด์ให้เป็นพื้นที่ว่างขาวสะอาดขับภาพให้เด่นและแลดูมีอากาศปรอดโปร่ง ฝีมือวาด อุกฤษณ์ ทองระอา เจ้าประจำหน้าปก WRITER ตั้งแต่ยุค ขจรฤทธิ์ รักษา กนกพงศ์ สงสมพันธ์ เป็นบรรณาธิการ ผ่านมาจนถึงยุคบรรณาธิการ บินหลา สันกาลาคีรี ในปัจจุบัน ที่ทำให้ WRITER เปลี่ยนมาเป็นหนังสือที่มีฟีลลิ่งของคนที่มีอารมณ์ขัน ใจดี น่าเข้าใกล้ ตามบุคลิกของบินหลา
 
ผมแน่ใจว่า คนที่ได้อ่านบทกวีบทนี้ ของ สุชาติ สวัสดิ์ศรี นอกจากผมแล้วจะต้องมีใครต่อใครอีกมากมายหลายคน ที่ชอบบทกวีบทนี้ที่เหมือนจะเขียนออกมาแทนอารมณ์และความรู้สึกนึกคิดและสำนึกทางการเมืองร่วมสมัยของผู้คนที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง ทุกถ้อยคำทุกวรรคกวี โดยเฉพาะสามวรรคท้ายๆที่ถูกกลั่นกรองออกมาว่า
 
ฉันเชื่อวันนี้มากกว่าวันวาน
ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด
ฉันไม่เชื่ออำนาจรัฐจากกระบอกปีน
 
ผมถือว่าเป็นสุดยอดของวรรคทองของบทกวี ถ้าหากผมเป็นคนมีเงินเป็นร้อยล้านเหมือนคุณ...อะไรนะ ที่เป็นเศรษฐีใจดีมีรสนิยม ตั้งรางวัล อมตะ ให้แก่คนทำงานวรรณกรรมและอื่นๆเกี่ยวกับงานศิลปะด้วยเงินรางวัลที่มากกว่าเงินรางวัลใดๆในประเทศนี้
 
ผมจะประกาศตั้งรางวัลส่วนตัวสักรางวัลหนึ่ง และมอบรางวัลของผมให้แก่บทกวีบทนี้ ในฐานะบทกวีการเมืองยอดเยี่ยมประจำยุคสมัยที่กฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นกฏหมายที่ใครเผลอเข้าไปแตะเป็นต้องได้รับความเดือดร้อนไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปพึ่งพาเงินจากอำนาจรัฐ นายทุนบริษัท แล้วมาว่าจ้างผู้รู้บ้างไม่รู้บ้างในทางวรรณกรรมมาเป็นคณะกรรมการประกาศจัดงานประกวด มาค้นหา มาคัดเลือก และตัดสินกันให้มากเรื่อง มากปัญหา และอคติ ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกและวุ่นวายกันไม่รู้จบ
 
WRITER ปกสวยเล่มนี้ นอกจากบทกวียอดเยี่ยม ของ สุชาติ สวัสดิ์ศรี แล้ว โดยส่วนตัวผม ผมว่าเพียงแค่บทสัมภาษณ์ชีวิตและงานของ พนมเทียน หรือ คุณฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้เขียน เพชรพระอุมา อันลือลั่นสนั่นเมือง ที่ WRITER นำขึ้นปกในฐานะที่เป็นเรื่องเด่นประจำฉบับ ก็คุ้มค่าเกินราคา 100 บาท ตั้งหลายเท่าแล้ว โดยเฉพาะประเด็น ที่คุณฉัตรชัยที่ผ่านชีวิตในวัยหนุ่มมาอย่างโชกโชนทุกรูปแบบ ได้อธิบายให้บินหลาและคณะสัมภาษณ์ ถึงความแตกต่างระหว่าง นักศีลธรรม และ คนที่มีมนุษยธรรมอยู่ในหัวใจ ทำให้ผมเข้าใจความเป็นมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง.
 
27 กันยายน 2554
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
 
 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    เมื่อยังมีชีวิต จงหายใจเข้าไว้ หายใจแรงๆ และหายใจอย่างสดชื่น เพราะภาระหน้าที่ของชีวิตคือการมีชีวิต ชีวิตที่กระปรี้กระเปร่า และถ้าเป็นไปได้ควรต้องรื่นรมย์กับชีวิต บาปอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ (บางทีสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งปวง) คือการปฏิเสธชีวิต   การมีชีวิต
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น ฉันทำเท่าที่ฉันหวัง ฉันหวังเท่าที่ฉันเห็น ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด ฉันเชื่อหนึ่งมากกว่าร้อย ฉันเชื่อคนมากกว่าลัทธิ ฉันเชื่อดินมากกว่าฟ้า ฉันเชื่อต้นหญ้ามากกว่าขุนเขา ฉันเชื่อสวนหลังบ้านมากกว่าป่าหิมพานต์ ฉันเชื่อวันนี้มากกว่าวันวาน ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด ฉันไม่เชื่ออำนาจรัฐจากกระบอกปืน   ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น.  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  อิสรภาพ   ฉันต้องการอิสรภาพ ที่จะได้เห็น ที่จะได้ยิน ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  เป็นที่ทราบกันดีว่า กฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นกฎหมายที่สร้างความทุกข์สาหัสให้แก่ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า “หมิ่นสถาบัน” มามากมายหลายคน เพราะกฎหมายนี้ถูกตราขึ้นมาอย่างกว้างๆไม่ระบุขอบข่ายความผิดให้ชัดเจน รวมทั้งกระบวนการจับกุม สอบสวน ดำเนินคดี ก็มิได้เป็นไปตามปกติทั่วไป มิหนำซ้ำการตีความบังคับใช้มาตรานี้ ว่ากันว่า เจ้าหน้าที่สามารถตีความใช้ได้อย่างกว้างขวาง และนักการเมืองมักจะใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายฝ่ายตรงกันข้ามอยู่เสมอ และผู้ต้องคดีนี้นอกจากจะติดคุกติดตะรางแล้ว ยังถูกซ้ำเติมจากสังคมที่จงรักภักดีต่อสถาบันอย่างรุนแรง    
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    คือแม่น้ำและขุนเขาอันขรึมขลัง คือพลังคีตกานท์อันหวานไหว คือหนึ่งจิตวิญญาณล้านนาไทย คือดอกไม้สวยสะคราญบานนิรันดร์  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ย้อนกลับไปทบทวนดู คำประกาศหลังจากรับพระราชทานโปรดเกล้าฯของคุณยิ่งลักษณ์ตอนหนึ่งที่กล่าวว่า “อุปสรรคข้างหน้ายังรอเราอยู่มาก ทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ แต่ทั้งหมดมิใช่อุปสรรคขวางกั้นมิให้ทำงาน พร้อมที่จะอุทิศตัวด้วยความทุ่มเท เสียสละอดทน ทำงานแข่งกับเวลา ไม่เกรงต่อความลำบากใดๆ”
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    แล้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย หมายเลข 1 ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 และ เป็นนายกหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของเมืองไทย และเป็นคนที่ 52 ของโลก อย่างสมบูรณ์ โดยได้รับการโหวตเสียงจากที่ประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554 ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 296 เสียง ไม่เห็นด้วย 3 เสียง และงดออกเสียง 197 เสียง ก่อนจะได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ในวันที่ 8 สิงหาคม 2554 เวลา 18.40 น. ณ บริเวณตึกชั้น 7 ที่ทำงานพรรคเพื่อไทย ท่ามกลางความยินดีของคนจำนวนมากมาย ที่สนับสนุนคุณยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    คราวที่แล้ว ผมนำเรื่อง “คนดีของคนเมือง และ คนดีของชนบท” ที่แตกต่างกัน จากบทสัมภาษณ์ที่ชื่อว่า “ความคาดหวังและความจริงของประชาธิปไตยแบบไทยๆ” ของ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ซึ่งให้สัมภาษณ์ลงนิตยสารสารคดี ฉบับเดือนตุลาคม 2543 ผมคิดว่าจะหยุดเพียงแค่นั้น แต่ก็หยุดไม่ได้ เพราะพบว่ายังมีประเด็นที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านอีกสองประเด็น ที่ยังเป็นเรื่องราวที่ยังดำรงอยู่ในปี 2544 และต่อไปอีกนานเท่าไหร่ ก็คงไม่มีใครรู้ เพราะมันเป็นรื่องของอนาคต  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
      ผมมักจะได้ยิน ผู้คนและสื่อต่างๆเกี่ยวกับการเมือง มักจะพูดกันให้ได้ยินอยู่เสมอว่า “คนชนบทเป็นคนเลือกตั้งรัฐบาล คนเมืองเป็นคนล้ม” ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความจริงมาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีใครให้คำอธิบายที่ฟังดู สมเหตุสมผลและชอบธรรม ให้ฟัง ว่าทำไมคนเมืองที่หมายถึงคนชั้นกลาง จึงไม่ชอบรัฐบาลที่ได้มาจากเสียงส่วนใหญ่ที่เป็นคนชนบทในประเทศ และช่วยกันล้มรัฐบาลที่เขาเลือกตามกติกา 
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
      ถึงแม้ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะได้รับการรับรองจาก กกต. ให้หลุดพ้นจากข้อหาไปช่วยขบวนแห่ที่เชียงราย ให้พ้นจากข่ายความผิดด้วยมติ 5 ต่อ 0 ท่ามกลางความโล่งอกของใครต่อใครมากมายหลายคน ที่ว่ากันว่า เป็นเพราะโพลเสียงจากประชาชน 80 เปอร์เซ็นต์ ต้องการคุณยิ่งลักษณ์นายกฯ (รวมทั้ง นปช.) เป็นกระแสกดดัน กกต. หรือเพราะเหตุใดก็ช่างเถิด แต่เราก็สามารถฟันธงกันได้เลยว่า อีกไม่นาน เราจะต้องได้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศอย่างแน่นอน 
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
      ผมไม่แน่ใจว่า ก่อนที่คุณยิ่งลักษณ์ ว่าที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ คนสวย และกลุ่มมันสมองของพรรคเพื่อไทยจะชูนโยบายประชานิยม เพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำให้กรรมกรผู้ใช้แรงงานจาก 221 บาท เป็น 300 บาท และเพิ่มเงินเดือนให้แก่ผู้จบปริญญาตรีที่เริ่มเข้าบรรจุงานจาก 11,028 บาท เป็น 15,000 บาท
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมกำลังจะชวนใครต่อใคร เข้ามาคุยเรื่องปัญหาที่รัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามาสะสางและแก้ไข จากข้อมูลของนักวิเคราะห์การเมืองท่านหนึ่งที่รวบรวมและชี้แนะเอาไว้ล่วงหน้าแก่รัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์เอาไว้