Skip to main content


เป็นเวลายามเย็นแล้ว

ผมยืนบนฝั่งริมตลิ่งแม่น้ำปิง ปัจจุบันเป็นทางเท้า มือจับราวเหล็กที่กั้นไว้ ทอดสายตาดูลำน้ำแม่ปิง เข้าสู่กลางเดือนมีนาคม ระดับน้ำลดลง ไหลราบเรียบ สายน้ำนี้มีตำนาน มีเรื่องราวเล่าขานมากมาย ผมเหลียวดูทางซ้าย เจดีย์ขาวอยู่ห่างไปราว 10 เมตร ยังทาองค์เป็นสีขาว รถราวิ่งวนรอบ องค์เจดีย์ขาวนี้ ถ้ามองจากระเบียงชมวิว ด้านตะวันออกของวัดพระธาตุดอยสุเทพ มองไกลออกไปไกลทางทิศตะวันออก ถ้าไม่มีหมอกควัน ไม่มีเมฆบัง จะเห็นเจดีย์ขาวชัดเจนทีเดียว ถัดไปอีกเล็กน้อย จะเป็นหน้าเทศบาลนครเชียงใหม่ ข้างตลิ่งมีทางขึ้นลง พลันภาพในวัยเด็กอายุราว 10-11 ขวบ ปรากฏขึ้น


ผมเรียนชั้น ป.3

วันนี้นัดกับเพื่อนร่วมชั้น จะไปเล่นน้ำปิงด้วยกัน พวกเราหมายถึงผมกับเพื่อนอีก 3-4 คน รู้สึกตื่นเต้น พวกเราเร่งเวลาให้โรงเรียนเลิกเร็วๆ เพื่อนคนหนึ่งย้ำเป็นพิเศษว่า

อย่าลืมเอากางเกงในไปตวยเน้อ”


พอโรงเรียนเลิก พวกเรารีบกลับบ้าน พอถึงบ้าน ผมคว้ากางเกงในผ้าลินินสีดำ มีกระดุมสามเม็ดไว้กลัดตรงด้านข้าง ตำแหน่งตรงกระเป๋าด้านขวา ม้วนกางเกงในใส่กระเป๋ากางเกงนักเรียนข้างขวา

ย่า รักจะไปหัดว่ายน้ำที่แม่ปิงกับเพื่อนเน้อ” พูดจบผมวิ่งออกประตูบ้าน ได้ยินเสียงย่าตามหลังบอกว่า อย่าเล่นน้ำที่ลึก โดยเฉพาะริมตลิ่งตรงเจดีย์ขาว


เรารอที่ท่าน้ำเทศบาลนครเชียงใหม่จนเพื่อนทยอยมาจนครบ เราเปลือยกายกันล่อนจ้อนตามประสาเด็ก หัวเราะกันคิกคัก แหย่กันของหวงของใครเป็นอย่างไร เดิมพวกเราเปลือยกาย กระโดดน้ำเล่นกัน ภายหลังปรากฏว่า โดนปลาปักเป้ามันกัด เล่าให้พ่อแม่ฟัง ท่านว่าต้องนุ่งกางเกงในป้องกันไว้ หากมันกัดตรงนั้นของใคร มันอาจขาดได้ ฟันปลาปักเป้าคมมากด้วย พวกเรากลัวกัน จึงต้องสวมกางเกงในด้วยเหตุฉะนี้ ซึ่งวัยพวกเราไม่ชอบเท่าไร มันเหมือนเกะกะอย่างไรไม่รู้ แต่ก็ลืมเอามาหนึ่งคนคือ “บุญส่ง” เป็นลูกคนจีน พ่อขายของอยู่ตลาดต้นลำไย บุญส่งจะวิ่งกลับไปเอากางเกงในก็จะเสียเวลา เขาใจถึงบอกว่า ว่ายไปด้วยปิดไปด้วย


ทุกคนกระโดดลงน้ำด้วยท่าต่างๆ กัน เล่นน้ำสักพักเราก็เบื่อ พากันเดินขึ้นหาดทรายที่เป็นเกาะกลางน้ำ

บางคนจับปลาเล็กๆริมหาดทรายได้ จึงขุดบ่อน้ำกลางเกาะ โดยใช้มือหรือเศษไม้ขุดลงไป น้ำซึมในบ่อ

ขังปลาไว้ในนั้น บ้างก็นั่งก่อเจดีย์ทรายรูปต่างๆ ผมนั่งริมหาดทราย หันหน้าดูเจดีย์ขาว

ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า

น้ำริม ตลิ่งตรงเจดีย์ขาวลึกมาก ถ้าฤดูน้ำนองหรือน้ำหลาก ตรงนี้เป็นน้ำวนหมุนรุนแรง สามารถดูดซุงหายไปได้หลายๆต้น อย่าไปเล่นบริเวณนั้น และใต้ฐานเจดีย์หมู่สูฮู้ก่อ มีถ้ำเข้าไป ลึกและยาวขนาดทะลุไปถึงถ้ำเชียงดาวเลย”


ผมชักทึ่ง มันเป็นไปได้หรือ ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์ ทิศทางของน้ำปิง จะไหลโค้งเลียบฝั่ง ผ่านหน้าเทศบาลนครเชียงใหม่ เมื่อไหลมาถึงเจดีย์ขาว กระแสน้ำจะกระแทกเจาะตลิ่งแรงกว่าจุดอื่นๆ จากนั้นกระแสน้ำจะโค้งออก ถ้าเป็นฤดูน้ำนองหรือน้ำหลาก ตลิ่งใต้ฐานเจดีย์ขาว จะถูกน้ำกัดเซาะรุนแรง มองอีกฝั่งจะเห็นน้ำไหลผ่านชิดองค์เจดีย์ คนเชียงใหม่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้มาก หวั่นเกรงว่าเจดีย์ขาวอาจทรุดตัวลงแม่น้ำปิงได้ เป็นเรื่องที่หมู่เฮาคนเมืองวิตกกังวลไม่น้อยเลย หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นลงข่าวหน้าหนึ่งติดๆกัน นายกเทศมนตรีและคณะต้องรีบหาทางแก้ไขโดยด่วน เพราะงานนี้หมายถึง การจะอยู่จะไปของคณะเทศมนตรีทีเดียว ไม่รีรอต่อไป เทศบาลฯรีบถมดินข้างเจดีย์ขาว ถมขยายบริเวณริมฝั่ง จัดทำเป็นทางเท้าคอนกรีต ทำราวตลิ่ง ต่อมาทางเท้ามีปัญหาอีก น้ำปิงเซาะตลิ่งทุกวันๆ ทำให้ดินที่ถมทางเท้ายุบตัว เวลาเราใช้ของแข็งเคาะ หรือกระทืบเท้าแรงๆ จะได้ยินเสียงดังโปกๆ บอกให้ทราบว่า ใต้ทางเท้าริมตลิ่งดินไม่แน่น มันเป็นโพรง เทศบาลต้องแก้ไขนานทีเดียว จะเห็นเรียบร้อยดังปัจจุบัน

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อ่านกวีนิพนธ์ ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า                                                     อันความรัก คืออะไร          ควรใคร่คิด          …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เนาวรัตน์กวาดสายตา เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย   ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ   มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา   นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน   เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง   ข้างหลังนั่งล้อมวง   สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ   มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา   บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา   ที่อยู่  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น  รับกับเสียงผู้ขับซอ   เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล   ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที   ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม   ยามผู้ชายขับซอ   ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี   ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด   ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร   อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส “กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน  เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า  จะเห็นด้วยไหม ?” มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า   ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง   ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด “ ฮัลโหล !   ฮัลโหล !   ครับ !   ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว   เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ   ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน   มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน   อย่าได้ขาดกันเน้อ   บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ได้ยินเสียงหมอเรียก เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ   วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมมองผ่านทางเดิน ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด  ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      พออากาศเริ่มเย็น เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง  นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน