Skip to main content

 

ได้ดูรายการ “ไทยมุง”
นำเสนอเรื่องอาชีพทำกุญแจทางไทยทีวี เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2552 เวลาประมาณ 8.30 . เป็นอีกอาชีพที่น่าสนใจ อาชีพที่กระตุกความสนใจของผม ในเรื่องความปลอดภัยของทรัพย์สินเป็นอันดับแรก อยากรู้วิธีไขกุญแจของคนร้ายที่รวดเร็ว เช่น การขโมยรถยนต์ จักรยายยนต์ ไขกุญแจบ้าน การเปิดตู้เซฟที่แสนง่าย การไขประตูรถที่เด็กถูกขังไว้ในรถ ช่วยไขประตูกรณีเจ้าของบ้านลืมกุญแจไว้ในบ้าน หรือลืมกุญแจไว้ในรถ การเปิดประตูต่างๆดังกล่าว น่าจะเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งทีเดียว

 

พิธีกรชายหญิง

ได้สัมภาษณ์ “ช่างวิทย์” อย่างเป็นลำดับ ตั้งแต่ไม่มีความรู้เรื่องการทำกุญแจเลย กระทั่งทำกุญแจได้ทุกชนิดในเวลารวดเร็ว จนถึงเปิดร้านทำกุญแจและเปิดกุญแจกรณีลูกกุญแจหายได้อย่างชำนาญ ช่างวิทย์เล่าว่า “ได้มองดูอาชีพอะไรที่จะไปได้ดี จากนั้นได้เดินทางจากอีสานมาทำงานกรุงเทพฯ ได้มองทิศทางทำมาหากินอีกครั้ง ได้พบว่าอาชีพช่างทำกุญแจมีลู่ทางที่ดี จึงได้ไปขอเรียนจากช่างกุญแจ เป็นเวลา 3 เดือน ต้องเสียค่าเรียนด้วย จากนั้นไปหาซื้อเครื่องทำกุญแจ ราคาแปดหมื่นกว่าบาท คิดใคร่ครวญดูแล้วเห็นว่า น่าจะทำอาชีพนี้ในเมืองใหญ่ๆมีคนมาก เศรษฐกิจดี ในทำเลที่อยู่ในตัวเมือง มีคนเดินผ่านไปมา เห็นว่า เชียงใหม่น่าอยู่ อากาศก็ดี เป็นเมืองใหญ่รองจากกรุงเทพฯ จึงเปิดกิจการที่นั่น ปรากฏว่ามีรายได้ดี ทำได้พักหนึ่งคิดถึงภรรยาพ่อแม่ จึงได้เดินทางกลับอีสาน เปิดร้านทำกุญแจที่อีสานบ้านเกิด ทำไปแล้วรายได้ไม่ดีจึงหยุด

 

ความคิดในการทำมาหากิน

มันตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา อยากมีรายได้ มีการกินอยู่ที่ดี มีบ้านของตนเอง จึงมองหาแหล่งประกอบอาชีพที่ใหญ่ขึ้น จึงได้เข้ามากรุงเทพฯ หาแหล่งเช่าหน้าร้านย่านธุรกิจ บางแห่งค่าเช่าแพงเกินไป มาได้ที่หนึ่ง เช่าเดือนละ 1,500 บาท มีเนื้อทีเล็กๆ เพียงตั้งเครื่องทำกุญแจ และตู้โชว์ตัวอย่างกุญแจชนิดต่างๆเท่านั้น รายได้เดือนแรกพอกับที่เปิดร้านที่เชียงใหม่ ก็ทำมาเรื่อย มีการทำประชาสัมพันธ์ด้วย ติดป้ายข้อความโฆษณาหน้าร้าน ติดข้อความหน้ากระจกตู้ เปิดเวบของตนเอง ทำไม่เป็นก็จ้างคนอื่นทำให้ และยังเดินทางไปเสนอตัว ขอเป็นช่างกุญแจประจำหอพัก มีปัญหาอะไรโทรหาได้ตลอด 24 ชั่วโมง


ปัญหาลูกค้า

มีหลายแบบ ทั้งที่ง่ายและยาก เช่น กุญแจหาย ลืมกุญแจไว้ในรถในบ้าน ลูกหลานถูกขังไว้ในรถยนต์ เปิดตู้เซฟไม่ได้ ฯลฯ หากมีลูกค้าโทรไปหา ให้บริการนอกสถานที่ ต้องถามก่อนว่า ให้ไปทำอะไร ลักษณะกุญแจ ยี่ห้อกุญแจ ระยะทาง ความยากง่ายของงาน ท่าทางของลูกค้าน่าไว้ใจได้ไหม ไม่ใช่คนร้ายหลอกให้เปิดบ้านคนดีๆ หากไม่น่าไว้ใจก็ไม่ไป จะบอกราคาค่าบริการแก่ลูกค้าก่อนไปทุกครั้ง


กุญแจผีมีไหม

พิธีกรถามคำถามสำคัญ “ช่างวิทย์” ตอบว่า “ ไม่มีกุญแจผี มันเป็นเพียงอุปกรณ์สะกิด (สะเดาะ) ฟันกุญแจของช่าง รูปร่างคล้ายลวดตากผ้ายาวประมาณ 4 นิ้ว ช่างจะแหย่มันเข้าในรูกุญแจ ขยับไปมา สักครู่ก็เปิดประตูได้ ดูเหมือนง่ายแต่ต้องใช้ความชำนาญ เครื่องมือนี้ไม่มีขายทั่วไป มีเฉพาะช่าง ”

พิธีกรถามอีกว่า “ ช่างวิทย์ทำงานเกี่ยวกับกุญแจมาร่วม 15 ปี มีไหม ? ลูกค้ามาทำกุญแจ เมื่อกลับไปใช้แล้วเปิดไม่ออก เปิดไม่ได้ ”

มีบ่อยครับผม ก็ต้องแก้ไข ต้องศึกษาเรียนรู้กันต่อไป ”

ลักษณะของช่างทำกุญแจ ควรมีอะไรบ้างครับ ”

ต้องขยัน อดทน และอดออม ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี คิดเสมอว่าทำงานชิ้นนี้แล้ว จะทำต่อไปอย่างไรให้ดีขึ้น”

มีอะไร ? จะแนะนำผู้ชมเกี่ยวกับการเลือกซื้อกุญแจบ้าง ?”

ครับผม การซื้อกุญแจ ให้ดูยี่ห้อ ประเทศที่ผลิต ให้ใช้ของจริง อย่าใช้ของปลอม...ให้ติดกุญแจหลายๆดอก เพราะกุญแจต่างๆ ป้องกันขโมยไม่ได้ เพียงชะลอหรือซื้อเวลา ให้การโจรกรรมช้าลง เป็นการถ่วงเวลาพวกโจรครับ ”

ถ้ามีคนสนใจ จะขอมาเรียนกับช่างวิทย์ จะว่าอย่างไร ?”

มาเรียนกับผมได้ครับ เรียนขั้นพื้นฐาน 1 สัปดาห์ก็เปิดร้านได้ ทุนที่ลงครั้งแรก เป็นเงินซื้อเครื่องมือทำกุญแจราว 8 หมื่นกว่าบาท ”

ขอขอบคุณช่างวิทย์มากครับ ที่มาร่วมออกรายการครับ ”

ครับผม ไม่เป็นไรครับ ”

 

 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อ่านกวีนิพนธ์ ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า                                                     อันความรัก คืออะไร          ควรใคร่คิด          …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เนาวรัตน์กวาดสายตา เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย   ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ   มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา   นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน   เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง   ข้างหลังนั่งล้อมวง   สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ   มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา   บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา   ที่อยู่  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น  รับกับเสียงผู้ขับซอ   เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล   ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที   ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม   ยามผู้ชายขับซอ   ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี   ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด   ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร   อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส “กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน  เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า  จะเห็นด้วยไหม ?” มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า   ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง   ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด “ ฮัลโหล !   ฮัลโหล !   ครับ !   ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว   เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ   ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน   มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน   อย่าได้ขาดกันเน้อ   บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ได้ยินเสียงหมอเรียก เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ   วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมมองผ่านทางเดิน ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด  ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      พออากาศเริ่มเย็น เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง  นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน