Skip to main content

 

ร่างกายเริ่มร่วงโรย

มีโรคความดันเข้ามาเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ตามด้วยต่อมลูกหมากอักเสบ นอกนั้นปรกติ มีอีกอย่าง เป็นอาการเล็กน้อยแต่น่ารำคาญ คือโรคเล็บขบ เนื้อเล็บเป็นขุย ตรงนิ้วโป้งทั้งเท้าซ้ายขวา มันเป็นร่องเล็กๆจากปลายเล็บรุกเข้าไปใกล้โคนเล็บ ใช้มีดปลายแหลมแหย่เข้าไปแล้วเขี่ยออก มันเป็นขุยๆคล้ายมอดกินไม้ไผ่ ไม่เจ็บแต่ทำให้เล็บไม่สวย
\\/--break--\>

 

หลานสาวแนะให้ไปคลินิกโรคผิวหนัง ร้านข้างโรงเรียนยุพราชฯ ใกล้ๆประตูช้างเผือก เป็นคลินิกมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ ผมบึ่งรถยนต์จากสันป่าตองเข้าเชียงใหม่ทันที ในคลินิกมี 2 คูหา คนมารักษานั่งเก้าอี้เกือบเต็ม คงราว 60-70 คนทั้งคนส่งและคนป่วย รถยนต์จอดเต็มหน้าร้าน คนไข้เป็นผู้หญิงเสียส่วนใหญ่ ทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่ วัยรุ่นผู้ชายรองลงมา ที่เป็นผู้ชายมีอายุน้อยมาก เข้าไปต้องรับบัตรคิวรอก่อน ถึงคิวผมราว 11 นาฬิกาเศษ หมอเจ้าของคลินิกตัดผมสั้นแบบทหาร ผูกเนคไทเรียบร้อย ยกมือไหว้ผมก่อนแล้วใช้สปอร์ตไลท์ส่องดูเล็บเท้าครู่หนึ่ง เงยหน้าบอกสุภาพมากว่า เล็บเป็นเชื้อรา ให้ยามากิน ยาทา แชมพูอาบน้ำ 1 ขวด จ่ายเงินไป 300 กว่าบาท อีก 7 วันนัดมาตรวจอีก และครั้งที่ 2, 3 อีกหลายครั้ง ค่ายาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาการดีขึ้นเล็กน้อย รวมสุทธิหมดเงินไปราว 3,000 กว่าบาท

 

อาการเล็บเป็นขุยยังไม่หายขาด

อาการโรคเพิ่มขึ้น มีการเจ็บตรงมุมซ้ายนิ้วโป้งเท้าซ้าย เนื้อมุมเท้าบวมมีสีม่วง เดินเจ็บมาก เล็บหนาขึ้นผิวเล็บไม่เรียบ รักษาไปหมดเงินไป อาการเล็บขบมุมเท้าบวมเป็นๆ หายๆ ผมเปลี่ยนใจเข้ารักษาที่โรงพยาบาลมหาราช (สวนดอก) เพราะเบิกตรงได้โดยใช้สิทธิข้าราชการ คนไข้แผนกนี้มีจำนวนมาก นางพยาบาลแนะนำให้มารักษาโรงพยาบาลในอำเภอที่คนไข้อยู่ในพื้นที่ โรงพยาบาลในอำเภอสามารถทำได้ เพราะไม่ใช่โรคที่ต้องใช้เครื่องมืออะไรมากมาย

ผมกลับมารักษาที่โรงพยาบาลสันป่าตอง ซึ่งห่างจากบ้านผมราว 10 กว่ากิโลเมตร หมอผู้หญิงให้ยามาทานมาทา หลังการรักษา มุมนิ้วเท้าหายบวมแต่ยังเจ็บ สวมรองเท้าชนิดหุ้มส้นปิดนิ้วเท้าไม่ได้ ต้องสวมรองเท้าที่เปิดหัวให้นิ้วเท้าโผล่ ยังไม่พอผมเริ่มเจ็บตรงมุมนิ้วโป้งของเท้าขวา แต่ไม่เจ็บมากนานๆไปก็หาย ทิ้งช่วงการรักษาไปสักพัก ผมก็กลับไปหาหมอตามใบนัด คราวนี้ได้พบหมอผู้ชาย พูดคำเมือง ผมบอกคุณหมอว่า อยากรักษาให้หายขาดเสียที หมอฟังคนไข้พูดพร้อมกับเขียนอะไรในเอกสารข้อมูลคนไข้ วาดรูปนิ้วโป้งซ้าย ลากเส้นแทนรูปเล็บ ลากปากกาหนักๆตรงมุมเล็บ หมอบอกว่า นำเอกสารที่หมอเขียนไปให้พยาบาลอีกห้อง บอกด้วยว่า

หมอให้มาแซะเล็บตรงด้านข้างของเล็บนิ้วโป้งซ้ายออก อย่าให้เขาถอนเล็บออกนะ...มันจะเจ็บมากเลย ”

ผมยกมือไหว้ด้วยความซาบซึ้ง

เดินเข้าห้องพยาบาล นางพยาบาลมีหลายคน ขมีขมันต้อนรับ บางคนลงข้อมูลในคอมพิวเตอร์ อีกคนพาผมไปที่เตียงคนไข้ บอกให้ถอดรองเท้าแล้วนอนลง ปักเข็มฉีดยาชาที่ปลายนิ้วโป้งซ้าย เธอกดเข็มลงไปเหมือนจะควานหาอะไรสักอย่าง ผมสูดปากบิดตัวเล็กน้อย มือประสานกันที่หน้าอกบีบเข้าหากัน

เธอถอนเข็ม

เจ็บไหม พ่อ ?”

เจ็บนิดๆ ครับ ”

ครู่หนึ่งเธอใช้นิ้วดีดนิ้วโป้งซ้ายที่ฉีดยา

เจ็บไหม ?”

ไม่เจ็บแล้วครับ มันด้านๆชาๆ ยังไงไม่รู้ ?”

 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อ่านกวีนิพนธ์ ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า                                                     อันความรัก คืออะไร          ควรใคร่คิด          …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เนาวรัตน์กวาดสายตา เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย   ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ   มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา   นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน   เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง   ข้างหลังนั่งล้อมวง   สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ   มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา   บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา   ที่อยู่  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น  รับกับเสียงผู้ขับซอ   เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล   ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที   ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม   ยามผู้ชายขับซอ   ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี   ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด   ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร   อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส “กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน  เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า  จะเห็นด้วยไหม ?” มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า   ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง   ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด “ ฮัลโหล !   ฮัลโหล !   ครับ !   ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว   เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ   ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน   มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน   อย่าได้ขาดกันเน้อ   บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ได้ยินเสียงหมอเรียก เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ   วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมมองผ่านทางเดิน ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด  ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      พออากาศเริ่มเย็น เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง  นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน