Skip to main content

 

ผู้มีหน้าที่สอนเด็ก

ที่เรียกว่า “ครู” มักได้รับการเปรียบเทียบว่าเป็นเสมือนเรือจ้าง คนโดยสารก็คือนักเรียน พานักเรียนจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่ง เสร็จแล้วก็รับเด็กรุ่นต่อไปสู่ฝั่งอีก เด็กจะรู้ถึงคุณค่าของเรือหรือไม่ เรือจ้างมิได้เรียกร้องโอดครวญ ยังพาเด็กสู่เป้าหมาย สู่ความสำเร็จ วันสู่วัน เดือนสู่ปี

\\/--break--\>

 

ยุคต่อมา ครูบางส่วนไม่ยอมรับที่เรียกว่าเรือจ้าง แต่บอกว่าครูยุคสมัยใหม่นี้ต้องเป็น “ เรือรบ” หรือ “ เรือดำน้ำพลังนิวเคลียร์ ” หรือ “ เรือประจัญบาน” จะอย่างไรยังมีคำว่า “เรือ” อยู่เสมอ ครูเป็นบุคคลที่สังคมเชื่อว่ามีจริยธรรมสูง สอนทั้งความรู้ควบคู่คุณธรรม ต้องเป็นแบบอย่างแก่เด็กแก่สังคม ในอดีตเป็นคนสำคัญในหมู่บ้าน ติดขัดอะไรมาถามครู ครูพูดอะไรน่าเชื่อถือ ผู้คนรับฟัง ครูกลายเป็นผู้นำสังคม จึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ พ่อพิมพ์ ” หรือ “แม่พิมพ์ ” ในความหมายที่ถูกจริงๆ ควรเรียกว่า “ แม่พิมพ์ ” ทั้งครูชายและครูหญิง เพราะหมายถึง เบ้าหล่อหลอมให้เด็กเป็นเหมือนครู ภาพของครูในยุคก่อนๆ นั้น ต้องแต่งตัวเรียบร้อย สีไม่ฉูดฉาด มักเป็นสีเทาทึบ บางทีสีดำกับขาว มือต้องถือไม้เรียว ดำรงตนอย่างสมถะ บ้างกล่าวแบบหยิกแกมหยอกว่า ครูสร้างคนสร้างชาติ ไม้เรียวของครูสร้างคน ไม้เบสบอลสร้างรัฐมนตรี ไม้ใหญ่เบ้อเริ่มสร้างนายกฯ...นั่นเป็นภาพของครูในอดีต ปัจจุบันก็คงมี มีการพูดให้ได้ยินอีก บางทีก็อ่านพบว่า เป็น “ครูอาชีพ ” หรือ “อาชีพครู”

 

ผมได้ไปสอบบรรจุ

เป็นครูประถมศึกษา สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับคำสั่งให้ไปสอนที่ โรงเรียนบ้านปง (อินทขิลวิทยาคาร) อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี พ.2513

จำได้แม่นเพราะมีเหตุการณ์สำคัญด้านวงการภาพยนตร์เกิดขึ้น หลังจากผมได้สอนที่โรงเรียนบ้านปงได้ราว 5 เดือน พระเอกหนังดังที่สุดแห่งยุค คุณมิตร ชัยบัญชา เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุตกเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ขณะถ่ายทำภาพยนตร์ ในวันที่ 8 ตุลาคม พ.. 2513 ผมตกใจมาก คนไทยทั้งประเทศก็ตกใจ เสียใจ “ มิตร” เป็นพระเอกหนังไทยที่มีคนนิยมรักมากที่สุดคนหนึ่ง

 

วันแรกของการสอน

ในโรงเรียนบ้านปง  ตอนมาถึงเป็นเดือนพฤษภาคม เปิดหนังสือคำสั่งในแฟ้มเก่าจนกระดาษเป็นสีเหลืองระบุว่า 24 พฤษภาคม พ.. 2513 เป็นวันแรกของการสอน ผมตื่นเต้นมากครับ มองดูอาคารเรียน สนาม ต้นไม้รอบๆ เด็กนักเรียนที่กำลังเดินเข้าโรงเรียน เด็กชายเสื้อขาวกางเกงสีกากี เด็กหญิงเสื้อขาวกระโปรงสีน้ำเงิน เห็นเด็กเล็กมีผู้ปกครองจูงมือมาส่ง นี่หรือแหล่งทำงานแห่งแรกที่เราจะยึดเป็นอาชีพ เป็นหน่วยงานที่มั่นคง ต่อไปนี้การจะอยู่หรือออกจากงาน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าของโรงเรียนต่อไป จะให้ออกหรือลงโทษ ต้องตั้งกรรมการสอบสวน ตัดสินในรูปคณะบุคคลตามหลักฐาน ผมเดินไปถึงห้องพักครู ยกมือไหว้ครูใหญ่ ครูใหญ่รูปร่างโปร่งๆ จมูกโด่งสีแดงเรื่อๆ ยื่นหนังสือส่งตัวจากจังหวัดให้ครูใหญ่ ครูใหญ่บอกให้นั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะครูใหญ่ ท่านเริ่มปฐมนิเทศแบบไม่เป็นพิธีการ ท่านแนะการทำงาน ให้ทำการสอนตามวิชาที่ถนัด และให้ผมเป็นครูประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โดยโรงเรียนนี้เปิดสอนถึงประถมศึกษาปีที่ 7 ท่านกล่าวถึงการทำตัวในระยะทดลองงาน 6 เดือนว่า ด้านความประพฤติ ให้ละเว้นปัญหาชู้สาว สุรายาเมา การพนัน การทำงานระยะ 6 เดือนแรก ต้องทำตัวให้เรียบร้อย เป็นระยะสำคัญของข้าราชการทุกคน เมื่อครบ 6 เดือนครูใหญ่จะประเมินผลงานว่า สมควรได้รับการบรรจุหรือเลิกล้มการบรรจุ อย่าวิตก เราทำตัวเรียบร้อยคงไม่มีปัญหาอะไร และได้รับการบรรจุในที่สุด

 

ครูใหญ่แนะนำครูชั้นต่างๆ

ที่นั่งในห้องพักครู การเป็นครูคนใหม่ จึงพยายามไหว้อย่างสุภาพที่สุดในชีวิต นั่งสำรวมไม่ไขว้ขา คำว่า “ครับ” ติดที่ปากตลอดเวลาเลยล่ะ สอนได้สัก 2 สัปดาห์ ทางโรงเรียนและกรรมการโรงเรียน ซึ่งปัจจุบันเรียกว่ากรรมการศึกษา ได้จัดต้อนรับครูใหม่ เลี้ยงส่งครูย้ายในงานเดียวกัน ตอนนั้น “ พ่อถา” เป็นประธานกรรมการโรงเรียน จัดเลี้ยงที่อาคาร ป.4 ซึ่งเป็นอาคารใหญ่ยาว หลังเดียวของโรงเรียน อาหารที่เลี้ยงดีตามสภาพชุมชน ครูใหญ่ได้รับคำสั่งย้ายจากโรงเรียนบ้านปง ซึ่งห่างจากปากทางเขื่อนแม่งัดราว 3 กิโลเมตรเศษ ไปอยู่โรงเรียนบ้านร่ำเปิง ติดถนนเชียงใหม่-ฝาง เป็นโรงเรียนในหมู่บ้านของครูใหญ่ ครูใหญ่กล่าวในงานเลี้ยงส่งว่า

...อยู่โรงเรียนนี้สบายใจ๋ ชาวบ้านก็ดี กรรมการโรงเรียนให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือโรงเรียนเป็นอย่างดี ทำงานร่วมกั๋นแบบ ปี้ฮู้สองน้องฮู้หนึ่ง ผมบ่อยากย้ายเลย...”

พอมาถึงเวลา “พ่อถา” ประธานกรรมการโรงเรียนกล่าวบ้าง

...ครูใหญ่ปากว่า บ่อยากย้ายๆ แต่เป็นใดทำหนังสือขอย้าย...ปากก็ว่าอยู่โฮงเฮียนนี้สบายใจ๋ อู้บ่ตรงกับใจ๋...”


นี่คือคำคมของพ่อถา ประธานกรรมการโรงเรียน ที่เรียนมาแค่ ป. 4 ขวานผ่าซากและพุ่งตรงออกมาจากกลางใจ… ผมสอนผ่านไปได้ 1 เดือน ผมถ่ายบ่อย ไปห้องน้ำวันละหลายๆ ครั้ง กินอะไรเปรี้ยวๆ แม้จะเปรี้ยวเพียงเล็กน้อยก็ปวดท้องเข้าห้องน้ำ เห็นแม่ค้าที่ขายของในโรงเรียน บีบมะนาวฝานลงในจานขนมจีนน้ำเงี้ยว ท้องไส้มันปั่นป่วน จนต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ.

 

 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อ่านกวีนิพนธ์ ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า                                                     อันความรัก คืออะไร          ควรใคร่คิด          …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เนาวรัตน์กวาดสายตา เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย   ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ   มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา   นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน   เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง   ข้างหลังนั่งล้อมวง   สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ   มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา   บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา   ที่อยู่  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น  รับกับเสียงผู้ขับซอ   เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล   ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที   ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม   ยามผู้ชายขับซอ   ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี   ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด   ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร   อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส “กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน  เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า  จะเห็นด้วยไหม ?” มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า   ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง   ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด “ ฮัลโหล !   ฮัลโหล !   ครับ !   ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว   เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ   ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน   มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน   อย่าได้ขาดกันเน้อ   บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ได้ยินเสียงหมอเรียก เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ   วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมมองผ่านทางเดิน ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด  ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      พออากาศเริ่มเย็น เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง  นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน