Skip to main content

 

ใกล้ประตูบ้านอู๊ด

เห็น “อุ๊ยลอย” ยายของอุ๊ด กำลังใช้ปลายนิ้วหมุนกระบอกข้าวหลาม กลับไปมาตามราวเหล็กเหนือกองถ่านแดง ราวเหล็กสำหรับผิงกระบอกข้าวหลามมีสองด้านขนานกัน ถ่านแดงๆกองอยู่ระหว่างราวทั้งสองนี้ กองถ่านแดงๆจะส่งความร้อนให้กระบอกข้าวหลามทั้งสองแถว แม่ของอุ๊ดเป็นลูกสาวของอุ๊ยลอย อุ๊ยลอยอายุ 60 กว่าปีไล่เลี่ยกับอุ๊ยคำของผม แต่ก็ยังขายข้าวหลามเลี้ยงตนเอง ผมวิ่งขึ้นบันไดไปหาอุ๊ยคำ กอดเอวอุ๊ยแล้วเหนี่ยวไหล่ลงมา กระซิบที่หูของตังค์ 1 บาท บอกจะไปซื้อข้าวหลาม


กิ๋นข้าวเจ้าแล้ว ยังบ่ะอิ่มเตี้ยกา ?” อุ๊ยบ่นแต่มือล้วงเข้าไปใต้เสื้อกันหนาว ไปความหาเหรียญบาทในกระเป๋าเสื้อชั้นใน ที่มีกระเป๋าด้านหน้า ผมรับเงินจากมืออุ๊ยหมับ กำไว้แน่นวิ่งลงบันไดไปหาอุ๊ยลอย อุ๊ยลอยกำลังทยอยหยิบกระบอกข้าวหลามที่ผิวดำและเกรียม แสดงว่าข้าวหลามสุกทั้งกระบอกแล้วลงในเปียด (กระบุงไม้ไผ่)

 

อุ๊ยลอยหยิบกระบอกข้าวหลามจากในเปียด

มือซ้ายจับด้านบนกระบอกข้าวหลาม ให้ก้นกระบอกวางบนท่อนไม้ที่เป็นเขียง มือขวาถือมีด วางคมมีดบนขอบบนสุดของกระบอก ลากมีดจากบนล่าง ปอกเปลือกผิวจนทั่วกระบอก เป็นการปอกผิวกระบอกข้าวหลามออกรอบที่ 1 ทำอย่างนี้จนปอกเปลือกข้าวหลามหมดเปียด ตาอุ๊ยลอยต้องคอยดูข้าวหลามส่วนที่เหลือซึ่งยังผิงไฟอยู่ มือซ้ายคอยหมุนข้าวหลามไปมา โดยให้ข้าวหลามถูกเผาจนสุกตรงโคนก่อน แล้วสุกไล่ขึ้นมามากลางและปลาย ถ้าสุกตรงกลางกระบอกก่อน มันจะเกิดแรงดันข้าวด้านบนออกมาก่อน ข้าวหลามกระบอกนั้นจะใช้ไม่ได้ แม้แต่ข้าวหลามก็ยังต้องมีวิธีการต้องมีเคล็ดลับ ใครไม่เคยทำก็นึกว่าง่ายมาก ครู่เดียวข้าวหลามย้ายมาอยู่ในเปียดจนหมด รอบที่ 2 อุ๊ยลอยต้องหยิบกระบอกข้าวหลามมาเหลา ให้ได้ผิวสีขาวเรียบและสวย ต้องระวังอย่าให้มีดแฉลบเข้าผิวไม้ทะลุไปหาเนื้อข้าวข้างใน จะทำให้ข้าวหลามกระบอกนั้นมีตำหนิ ทำให้เสียราคาและคนซื้อจะไม่เอา พอเห็นว่าผิวใช้ได้แล้ว ใช้มีดสับจุกใบกล้วยด้านบนออก ให้จุกโผล่ออกมาเสมอปากประบอกข้าวหลาม และสับมีดตรงก้นกระบอกให้กลมมนอีกครั้งหนึ่ง ที่นี้อุ๊ยลอยกลบไฟ กวาดเศษไม้ที่เหลาให้เป็นกองเรียบร้อย ขึ้นบนบ้านแต่งตัวเตรียมหาบเปียดข้าวหลาม ไปขายยังกาดหลวง (ตลาดวโรรส) ผมซื้อหนึ่งกระบอก อุ๊ยลอยเลือกกระบอกใหญ่ให้ผมเป็นพิเศษ มีผู้ปกครองและเด็กๆบ้านข้างเคียง พากันเดินกอดอกเข้ามาซื้อข้าวหลามหลายคน อากาศหนาวกินของร้อน มันช่วยแก้หนาวได้ ผมยังนั่งก้อม(ตั่งนั่งเตี้ยทำด้วยไม้)

 

วางข้าวหลามกับราวเหล็กเพื่อผิงไฟอีกครั้ง ผมชอบเนื้อข้าวหลามเกรียมๆ มันอร่อยดี อุ๊ยลอยเดินลงบันไดมาแล้ว ผมหวีเรียบมีมวยข้างหลัง นุ่งซิ่นเสื้อขาว บางวันยังหาบไปไม่ถึงตลาดก็หมดแล้ว สามีอุ๊ยลอยเป็นคนจีนเสียชีวิตแล้ว ลูกสาวแกเป็นแม่ของอู๊ดเพื่อนผม มีอาชีพขายเมี่ยงบุหรี่ ลูกอม เม็ดกวยจี๊ อ้อยขวั่นเสียบไม้ โดยหาบไปขายที่โรงหนังศรีนครพิงค์ยามค่ำคืน ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านพูดให้ผมได้ยินเหมือนกัน


ทำไม ? ลูกสาวปล่อยให้แม่มาทุกข์ยาก หาบข้าวหลามขายยามแก่ แม่แกอายุก็มากแล้ว...ยังต้องตะลอนๆหากินเอง แม่คนเดียวเลี้ยงบ่ะได้กา ? เปิงเปิ้นว่า แม่คนเดียวเลี้ยงลูกได้หลายคน ลูกหลายคนกลับเลี้ยงแม่คนเดียวบ่ะได้...บ่ะเข้าใจ๋พี่พาเลย”
พี่พา หมายถึงยุพา เป็นชื่อเต็มของแม่เพื่อนผม ที่ชื่อเต็มว่า “ยุพา” ผมฟังแต่ไม่เข้าใจอะไรลึกซึ้งมากนัก รู้แต่ว่าสงสารอุ๊ยลอย อยากให้ลูกแกดูแลแกบ้า

 

ยามหน้าหนาว

เวลากลางวันสั้นมาก มาถึงยามบ่ายแล้ว อุ๊ยผมยกครุใส่น้ำตากแดดตั้งแต่บ่าย ราว 15.00-16.00 . อุ๊ยจึงลงมืออาบน้ำ บางทีหากมีเวลาหาฟืน จะใช้ปี้บต้มน้ำอาบกันสองคนกับผม ปัญหาอาบน้ำเป็นปัญหาหนักใจสำหรับผมมาก ถ้าอาบเสร็จจึงโล่งใจ สวมชุดกันหนาวสบายใจ วันใดไม่อาบน้ำ จะนอนคันยุกยิกตรงนั้นตรงนี้ นอนไม่สบายเนื้อตัว ตามชนบทนั้น ผู้เฒ่าผู้แก่จะกวาดลานบ้านให้เรียบทุกบ้าน เย็นจะเผาขยะแทบทุกหลังคา มืดค่ำลง อุ๊ยได้ก่อไฟหิงแล้ว โดยใช้เศษไม้เล็กๆ วางข้างท่อนไม้ต้นลำไย ที่มีรอยเผาดำแต่คืนก่อน

 

ฟืนที่ใช้เผาผิงไฟ

ถ้าเป็นลำต้นของต้นไม้ใหญ่ๆสักท่อน จะผิงไฟได้นานหลายคืนทีเดียว โปรยข้างบนด้วยเศษใบไม้แห้ง ควันสีเทาลอยขึ้น พักเดียวเปลวไฟสีส้มจึงปรากฏ ผมยกอาหารมากินข้างกองไฟก่อนอุ๊ย เจ้านากยืนกระดิกหางรอส่วนแบ่งอยู่ข้างกาย หางมันกระดิกเร็วขึ้นทุกครั้งที่ผมให้เศษอาหาร ผิงไฟมีปัญหารบกวนอย่างหนึ่ง ควันไฟมักลอยมาเข้าตาแสบจนหลิวตา บางคืนเราย้ายที่นั่ง มันยังตามมารังควาญอีก นั่งผิงไฟกันหลายคน ใครมาก่อนมีสิทธิ์ได้นั่งก้อมก่อน ก้อมมีรอบกองไฟทั้งหมด 3 ตัว อุ๊ยกินข้าวเย็นแล้วลงมานั่งใกล้ผม อู้ดเพื่อนบ้านข้างเคียงมาเยี่ยมผม สามคนนั่งรอบกองไฟ ไฟกำลังลุกเป็นเปลวสีเหลืองปนส้ม พอเราเติมเศษไม้ลงไป ควันอีกแล้ว ควันนี้ก็จะรบกวนคนนั่งผิงไฟ ผู้ใหญ่สอนวิธีแก้แปลกๆ โดยให้พูดว่า

ควันไปทางโน้นได้กินจิ้นไก่ มาทางนี้ได้กินน้ำพริก...ไปๆ เพี้ยง !”

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อ่านกวีนิพนธ์ ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า                                                     อันความรัก คืออะไร          ควรใคร่คิด          …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เนาวรัตน์กวาดสายตา เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย   ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ   มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา   นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน   เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง   ข้างหลังนั่งล้อมวง   สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ   มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา   บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา   ที่อยู่  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น  รับกับเสียงผู้ขับซอ   เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล   ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที   ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม   ยามผู้ชายขับซอ   ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี   ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด   ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร   อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส “กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน  เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า  จะเห็นด้วยไหม ?” มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า   ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง   ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด “ ฮัลโหล !   ฮัลโหล !   ครับ !   ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว   เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ   ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน   มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน   อย่าได้ขาดกันเน้อ   บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ได้ยินเสียงหมอเรียก เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ   วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมมองผ่านทางเดิน ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด  ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      พออากาศเริ่มเย็น เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง  นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน