Skip to main content


มือซ้ายกอดเธอ
ไว้กับอกตรงหัวใจอย่างทนุถนอมและแสนรัก ไปกับฉันเถอะ เราไปสนุกด้วยกัน ฉันและเพื่อนมีความสุขมากที่ได้เตะเธอ  ฉันอายุ 
17  ปีแล้วนะ กำลังเรียนชั้น ม.5 อดทนสักนิดได้ไหม อย่าโกรธฉันเลย  ฉันอาจดิบ เถื่อน แต่ไม่ถ่อย เงยหน้าขึ้นซิ ตอบฉันได้ไหมว่า ไม่โกรธ  เธอไม่ตอบได้แต่นิ่งสงบ ซบกับอกหนุ่มบริสุทธิ์ใสอย่างฉัน...ใช่ !  เธอเป็นเพียงฟุตบอลลูกเก่าๆ รุ่นเก่า แบบมียางใน  เวลาเล่นต้องสูบลมให้เต็มก่อน แล้วใช้หนังยางรัดตรงหัวจุก หัวจุกนี้เป็นท่อยางเล็กๆ สำหรับสูบลมเข้าไป แล้วมัดให้แน่น พรรคพวกช่วยกันจับมันยัดเข้าตรงปากช่องยางนอก อย่างไรตรงนี้ยังคงเป็นผิวนอกที่ไม่เรียบเท่าไร จังหวะใครไม่ดี เตะตรงจุดนี้จะเจ็บหลังเท้ามาก ต้องนั่งลูบหลังเท้าสูดปากส่ายหน้าครู่หนึ่งทีเดียว มันเป็นลูกฟุตบอลที่ใช้เชือกเย็บตลอด รูปสี่เหลี่ยมเล็กๆหลายรูป ประกอบกันเป็นลูกฟุตบอลทั้งลูก มันถูกเย็บยึดไว้ด้วยเชือก ไม่ใช้วัสดุอื่นเชื่อมดังปัจจุบัน หากเป็นฟุตบอลของโรงเรียนจะไม่มียางใน มันจึงกลมดิกดีแท้ พวกเราไม่มีเงินซื้อมาเล่นเหมือนใครอื่น เราปลอบใจกันว่า มันช่างเหมือนชีวิตวัยเด็กของนักฟุตบอลดังๆของโลกเสียจริง

เราพากันเดิน
จากบ้านในซอย
3 ถนนราชวงค์ มาถึงปากซอยแล้วเลี้ยวซ้ายมาจนถึงสี่แยกโรงเรียน “ซินเซิง” กำลังข้ามทาง หากหันหน้ามองทางขวา ซึ่งจะเป็นทิศตะวันออก จะเห็นเจดีย์กิ่วหรือเจดีย์ขาว ตั้งอยู่สุดปลายถนน ห่างออกไปเกือบ 200  เมตร เราข้ามมาได้แล้ว เริ่มเข้าสู่ถนนเมืองสมุทร

ที่ทอดไปสู่ทิศเหนือ พวกเราเดินไปคุยกันไปอย่างสบายอารมณ์ ทางซ้ายมือมุมถนน ต้นจามจุรีใหญ่ขนาดเกือบสองคนโอบ ที่เคยแผ่กิ่งใบสูงลิ่วขึ้นข้างบน ถูกโค่นไม่เห็นแม้ตอ ถูกฝีมือมนุษย์เสกให้กลายเป็นพื้นถนนราบเรียบ เราเดินมาอีกราว
30 เมตรก็ถึงประตูเข้าสโมสรนวรัฐ มีสนามเล่นเทนนิส มองเข้าไปเห็นตาข่ายโปร่งขึงรอบสนามดิน สีดินสวยเข้มเหมือนลู่วิ่งในสนามกีฬาจังหวัด ถัดออกไป ทางซ้ายมือจะเป็นทุ่งนากว้างใหญ่  แต่ไม่เห็นมีใครทำนา ทางขวามือเป็นบ้านคนหนาแน่น พี่น้องทางสายย่าปลูกบ้านอยู่ด้วยกันที่นี่ ส่วนหนึ่งบ้านจะเรียงรายกันข้างถนน  มีต้นไม้หลายชนิดปลูกแทรกระหว่างบ้าน เรากำลังเดินทางไปเล่นฟุตบอลที่สนามซึ่งเราค้นพบ เราเดินมาได้ครึ่งทาง ฝั่งซ้ายถนน มองเห็นบ้านเช่าใต้ถุนสูงโผล่ขึ้นจากผิวนา บ้านเช่าถูกแบ่งเป็น 5 ห้อง ห้องกลางหญิงชาวจีนอยู่กับลูกสาว 3-4 คน คนโตคงราว 14-15 ปี ไว้ผมหน้าม้า สวยแต่ไม่ค่อยยิ้ม ลูกสาวคนรอง ผมยาวดำ บางวันปล่อยผมยาวสยาย บางวันก็ถักเปียสองข้าง ใบหน้าเพรียวยิ้มง่าย พวกเราทักทายเธอก็พูดด้วย เราเดินอีกสักครู่ ก็ถึงสนามฟุตบอลที่เราค้นพบ เป็นที่นาผิวเรียบ มีหญ้าขึ้นเล็กน้อย บางแห่งเป็นดินเรียบ เป็นที่นาเก่า มีเนื้อที่ราวครึ่งไร่ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เราหยุดตรงนี้ บางคนข้ามถนนไปบ้านตรงข้าม ไปหาลุงคนเฝ้าบ้านที่ปลูกกระท่อมเล็กใกล้ประตู พวกเรายกมือไหว้ทักทาย คุยกับแกครู่หนึ่ง แล้วช่วยกันยกประตูไม้ไผ่ 2 ชุดข้ามถนน นำไปปักเป็นประตูฟุตบอลหัวท้ายสนาม...

จากทางเดินริมสนาม มองตามถนนไปทิศเหนือระยะราว 
30  เมตร จะเห็นวัดป่าแพ่งอยู่ทางซ้ายมือถนน  หลังวัดด้านทิศตะวันตกเป็นป่าช้า ถ้ากวาดสายตาดูทุ่งข้างหน้าไปทางทิศตะวันตก มองอีกทีในแนวใต้เหนือ จะเห็นทุ่งนาผืนใหญ่ปูลาด ตั้งแต่ข้างรั้วสโมสรนวรัฐ ไปจรดป่าช้าวัดป่าแพ่ง  และยังปูแผ่ขึ้นไปอีกเห็นลิบๆ ด้านหน้าทุ่งนาทั้งผืนยาวไปจรดกำแพงสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ มองเห็นกำแพงอิฐไม่ฉาบปูนชัดเจน เหนือกำแพงอิฐเห็นเจดีย์วัดกู่เต้ารูปบาตรคว่ำ  ตั้งซ้อนกันจากใหญ่ขึ้นไปหาเล็ก โผล่เป็นสีน้ำเงินเข้มอวดความสวยงาม เบื้องหลังเจดีย์ มีแนวดอยสุเทพรูปโค้งปรกติ สีน้ำเงินทึบและจางซ้อนๆกันเป็นฉากหลัง กลางทุ่งนาจะมีร่องน้ำ จากเหนือจรดใต้ ร่องน้ำเลื้อยหายไปในดงไม้หลังสโมสรนวรัฐ จุดนี้เป็นต้นน้ำแม่ข่าขณะนั้น น้ำแม่ข่าไหลโค้งผ่านหย่อมบ้านฉัน  ที่อยู่ในซอน 3 ถนนราชวงค์ ฉันเคยพายเรือทวนกระแสน้ำมากับเพื่อนชื่อ “บุญมา”(เสียชีวิตแล้ว) จนพบต้นน้ำแม่ข่าดังกล่าว

ราวปี พ
..2500 ฉันได้เดินผ่านทุ่งนานี้
ไปนอนค้างบ้านป้าหลังสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ทุกวันศุกร์  เพราะป้าเพิ่งแยกครอบครัวจากบ้านย่า มาปลูกบ้านหลังใหม่ในที่ลุงซื้อ ตอนนั้นสภาพเหมือนป้ามาอยู่ในป่า มีบ้านเพียง
2-3 หลัง

กลางคืนเงียบกริบ ป้าเหงาคิดถึงฉัน กำชับฉันให้ไปนอนค้างเสมอ ฉันจะเดินไปตามคันนาซึ่งเป็นดินแห้ง น่าจะปลอดภัยกว่าเดินตัดผ่านพื้นนาที่ยังรก ตามแนวร่องน้ำกลางทุ่งนานี้ มีต้นพุทราขึ้นตามตลิ่ง
2-3 ต้น เว้นระยะห่างกัน ฉันมักแวะสอยกินเสมอ บางที่เขย่าๆลูกหล่นเกลื่อนกลาด  มันมีทั้งลูกสุกและดิบ  ลูกสุกที่เริ่มเหี่ยวหวานดี ลูกที่ห่ามค่อนข้างฝาด ถ้าฤดูน้ำท่วม พื้นนาอันไพศาลนี้จะจมอยู่ใต้น้ำ มีคนเช่าเรือ พายเรือเล่นเต็มไปหมด...ภาพจินตนาการหายวาบไป เพื่อนๆและพี่ๆตามมาอีกหลายคน เราแบ่งเป็น 2 ทีม  เล่นฟุตบอลกันสนุกสนานจนใกล้ค่ำ จึงพากันเดินกลับ  สนามข้างทุ่งนี้ กลายเป็นสนามฟุตบอลของพวกเรา เราจะพากันมาเล่นทุกเย็นศุกร์เสาร์อาทิตย์

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  อ่านกวีนิพนธ์ ของโอมาร์ คัยยัม กวีชาวเปอร์เซียหรืออิหร่าน โดยแคน สังคีต แปลเป็นภาษาไทย ได้เนื้อหาเกี่ยวกับความรักว่า                                                     อันความรัก คืออะไร          ควรใคร่คิด          …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เนาวรัตน์กวาดสายตา เข้าไปในตัวบ้านไม้ชั้นเดียว พื้นบ้านต่ำกว่าระดับถนนคอนกรีตเล็กน้อย   ข้างฝามีปฏิทิน มีรูปคณะซอ   มีรูปแม่จันทร์สม สายธารา   นั่งคู่กับผู้ชายวัยใกล้เคียงกัน   เนาวรัตน์คาดคะเนว่า คงเป็นครูคำผาย นุปิง ทั้งคู่อยู่ในชุดคนเมือง   ข้างหลังนั่งล้อมวง   สวมเสื้อหม้อฮ่อม ปี่ 3 คน ซึง 1 คน เนาวรัตน์มองดูที่หน้าบ้านริมถนน มีสิ่งก่อสร้าง คล้ายโรงครัวเล็กๆ   มีป้ายสี่เหลี่ยมผืนผ้าติดข้างฝา   บอกชื่อแม่จันทร์สม สายธารา   ที่อยู่  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เสียงปี่ผสมเสียงซึงดังขึ้น  รับกับเสียงผู้ขับซอ   เสียงปีและซึงผสมกลมกลืนมีทั้งหวานแหลมและนุ่มนวล   ก่อเกิดบรรยากาศความเป็นชาวเหนือขึ้นมาทันที   ผู้ขับซอชายนั่งขัดสมาธิ มือถือไมโครโฟนไร้สาย ผู้หญิงนั่งพับเพียบเคียงกัน หันหน้าอวดผู้ชม   ยามผู้ชายขับซอ   ผู้หญิงเอียงตัวไปมา มือไม้ขยับรับเสียงดนตรี   ทำนองดนตรีนั้นเนาวรัตน์ฟังไม่ออก เป็นเพลงอะไร สมัยเด็กๆเขาเข้าใจว่า คนเป่าปี่และคนดีดซึง คงเล่นเพลงเดียวตลอดงาน เพราะฟังทีไรก็เหมือนเดิมทุกที …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เนารัตน์ข้าราชการบำนาญ นั่งเก้าอี้พลาสติกของวัด   ดูซอที่ตั้งเวทีข้างประตูวัด สถานที่ซอเป็นยกพื้นขึ้นสูงราวคอผู้ใหญ่ ปูพื้นด้วยไม้กระดาน ล้อมสามด้านด้วยไม้ไผ่ลำโตขนาดข้อมือเด็ก ด้านละ 2 ต้น คล้ายเชือกกั้นเวทีมวย อีกด้านมีบันไดพาด สำหรับให้คณะซอปีนขึ้นไป สถานที่ขับซอเรียกว่า “ผามซอ” พื้นจะปูด้วยเสื่อ ความจริงเนาวรัตน์ไม่อยากมาชมเท่าไร   อยากได้เรื่องราวเกี่ยวกับด้านบันเทิงของชาวเหนือ นำไปเขียนลงเวบเพื่อเผยแพร่ หรือส่งไปยังหนังสือที่เขาต้องการ...ในวัยเด็กย่าบอกว่า ซอสนุกมาก …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผู้ใหญ่บ้านได้พูดเสริมต่อจากเจ้าอาวาส “กรรมการวัด ได้มีการประชุมหารือกันก่อนแล้วแล้วรอบหนึ่ง มีเจ้าอาวาสเป็นประธาน คณะกรรมการวัด มีข้อคิดความเห็นว่า จะขอความร่วมมือร่วมใจจากศรัทธาญาติโยมทุกคน ช่วยกันบริจาคเงินเพื่อจัดงานบวช ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 โดยจะขอเก็บหลังคาละ 140 บาท เงิน 40 บาทจะเป็นค่าจัดทำอาหารกลางวัน  เลี้ยงศรัทธาทั้งหมู่บ้าน ส่วนอีก 100 บาท จะเป็นค่าทำบุญและค่าจ้างซอมาเล่นเฉลิมฉลอง จึงอยากถามหมู่เฮาชาวบ้านว่า  จะเห็นด้วยไหม ?” มีเสียงพึมพำอึงในวิหาร …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เสียงเคาะลำโพงปลายเสาไฟฟ้า   ในหมู่บ้านทุ่งแป้ง   ดังขึ้น 3 ครั้ง แล้วมีเสียงพูด “ ฮัลโหล !   ฮัลโหล !   ครับ !   ขอประชาสัมพันธ์ วันนี้กินข้าวแลงแล้ว   เวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ   ขอเชิญทุกบ้านทุกหลังคาเรือน   มาประชุมพร้อมกันที่วัดทุ่งแป้งนะครับ มีหลายเรื่องที่จะประชุมหารือกัน   อย่าได้ขาดกันเน้อ   บอกต่อๆกันไปด้วยเน้อครับ...ขอขอบคุณครับ”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ได้ยินเสียงหมอเรียก เราทั้งคู่รีบเข้าไป เห็นเจ้าเหมียวนอนตะแคงนิ่งเหมือนท่อนไม้ ลิ้นแดงเล็กห้อยคาปาก หมอบอกว่า เอาลิ้นมันคาปากไว้ หากลิ้นค้างในปากขณะมันสลบ ลิ้นอาจจุกปากหายใจไม่ออกอาจตายได้ มันจะสลบสัก 1 ชั่วโมง ลุงกับป้าช่วยกันอุ้มมันขึ้นรถ   วางมันบนเบาะหลังที่มีผ้าขนหนูรอง พอถึงบ้านอุ้มมันไปวางราบบนม้ายาวที่มีหมอนรอง ลิ้นยังคาปากเหมือนเดิม อดนึกไม่ได้ว่าตอนแมว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมมองผ่านทางเดิน ไปห้องครัว เห็นแมวต่างบ้าน เดินย่องเงียบกริบออกมา เจ้าตัวนี้มาขโมยอะไรกินบ่อยๆ ผมหมายตาจะเล่นงานมันหลายครั้ง แต่มันรอดปลอดภัยทุกที ไม่ทำร้ายอะไรมากมายหรอก จะหาไม้เล็กๆไม่ทันแล้ว เราก็นักฟุตบอล ใช้เท้าเคลื่อนไหวประจำ เตะได้ทั้งซ้ายขวา ไม่รู้จักศูนย์หน้าทีมโรงเรียนดังซะแล้ว จะหลบซ้ายขวาเจอหมด  ฮะฮ่า !..เสร็จแน่เจ้าเหมียว แมวขาวดอกลายเดินกลับออกมาใกล้ถึงมุมห้องแล้ว ผมโผล่พรวดออกไป มันตกใจยืนตลึง ผมส่งเสียงข่มขวัญ มันตั้งหลักได้ขยับวิ่งไปทางขวาแล้วแวบมาทางซ้าย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      พออากาศเริ่มเย็น เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว นกเอี้ยงที่เคยหายไป เริ่มกลับมาส่งเสียงแก๋ๆ ตามยอดต้นโพธิ์ข้างวัด ส่วนนกเขาอยู่ประจำถิ่นในหมู่บ้าน ฤดูไหนผมก็ยังเห็นนกเขาเสมอ เดินไปมาตามถนนบ้าง เกาะสายไฟบ้าง บ้านนี้นกเขามากจริงๆ คนแปลกหน้าเข้ามา จะได้ยินเสียงนกเขาคูระงมหมู่บ้าน คงนึกว่าหมู่บ้านนี้เลี้ยงนกเขา ความจริงไม่เห็นใครเลี้ยงนกเขาเลย มันเป็นนกที่หากินเอง ว่างจากหาอาหาร มันจะคูเสียงขับกล่อมผู้คนชาวทุ่งแป้ง ขณะผมพิมพ์หนังสือ ยังได้ยินเสียงคูทุ้มๆ มาจากทิศเหนือ ละแวกบ้านน้าบุญแว่วมา …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  แปรงฟันล้างหน้าเสร็จเรียบร้อย ผมกลับมายืนดูที่หน้าต่างดังเดิม ฝูงนกยางยังคงบินตามกันเต็มท้องฟ้า ไม่รู้จักหมดสิ้น อากาศเริ่มเย็น ลมเย็นพัดมาจากทุ่งหน้าบ้านเอื่อยๆ บอกสัญญาณย่างเข้าสู่ฤดูหนาว นกมากมายไม่รู้มันมาจากไหน มาไกลแค่ไหน บ้างว่ามันมาจากไซบีเรีย จีน มองโกล หิมาลัย มันเป็นนกปากห่าง  นกยาง ฯลฯ จำนวนเป็นแสนตัวทีเดียว สิ่งที่ตามมาคือโรคติดต่อ ต้องระวังไข้หวัดนก ที่มันนำมาฝากเจ้าของบ้าน